ลักษณ์นันท์โล่งอกแต่กระนั้นก็พยายามเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อไม่ให้เขาต้องเสียเวลางานสำคัญ
“ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ไปหาข้าวกินกันก่อน” พชรยิ้มเมื่อเห็นท่าทางสาวน้อยเร่งรีบเหลือเกิน
“คุณเพชรจะเสียเวลานะคะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยความเกรงใจ
“ฉันเลื่อนเวลานัดแล้ว รู้ว่าเธออยากอยู่กับพ่อนานๆ”
“คุณเพชร” คนฟังรู้สึกซึ้งใจเหลือเกิน
นับจากวันที่บิดาจากไปด้วยโรคร้าย ชีวิตที่ดูเหมือนจะอ้างว้างของลักษณ์นันท์ก็มีเขาก้าวเข้ามา บิดาของเธอเป็นพนักงานขับรถของบริษัทมาตั้งแต่รุ่นมารดาของพชร และทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้พชรเมื่อเข้ามาบริหารกิจการ พชรคุ้นเคยกับคนขับคนนี้
หลายครั้งที่เขาได้รับน้ำใจจากพนักงานเก่าแก่ที่คงความซื่อสัตย์ในการทำงาน น่าเสียดายที่บิดาของลักษณ์นันท์เป็นโรคร้ายที่ไม่อาจรักษาได้ แม้ในยามที่เจ็บป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พชรก็ให้ความช่วยเหลือเกินกว่าที่กฎเกณฑ์ของบริษัทตั้งไว้
หรือกระทั่งรับปากเรื่องสำคัญก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ ว่าจะช่วยดูแลบุตรสาวคนเดียวให้อยู่รอดปลอดภัยในสังคมที่อ้างว้าง พชรจัดการเรื่องของลักษณ์นันท์หลังจากที่งานศพเรียบร้อยแล้ว
เขาเป็นธุระเรื่องการเรียนในเทอมสุดท้ายจนลักษณ์นันท์เรียนจบ และใช้ความเป็นท่านประธานดึงเธอมาทำงานเป็นเลขาหน้าห้อง ทุกอย่างดำเนินไปตามฐานะเจ้านายและลูกน้อง จนกระทั่ง...
พชรเริ่มเบื่อหน่ายผู้หญิงที่เข้ามาวุ่นวายในชีวิต และลักษณ์นันท์ทำหน้าที่เลขาไม้กันหมาด้วยความจำเป็น ความใกล้ชิดที่ทั้งคู่เริ่มมีต่อกัน กลายเป็นสายใยให้ลักษณ์นันท์ตอบแทนด้วยการมอบกายถวายชีวิตให้ด้วยความเต็มใจ
เธอยินดีเป็นผู้หญิงของพชร ไม่มีปากมีเสียง ไม่ร้องขอสิ่งตอบแทนใดๆ ไม่แสดงตนหรือประกาศความสัมพันธ์ให้คนอื่นรับรู้ ยอมอยู่ในที่ของตัวเองอย่างเจียมตัว และทำทุกอย่างให้เจ้าชีวิตคนนี้มีความสุข
สำหรับพชรนั้น ความจริงแล้ว …
เขาไม่ได้ปรารถนาให้ลักษณ์นันท์มาเป็นแค่ผู้หญิงของตนแต่อย่างใด แต่เพราะความอ่อนหวานน่ารักและความเข้าอกเข้าใจคนอื่น เป็นเสน่ห์ดึงให้สนใจอย่างห้ามไม่ได้
ยิ่งเมื่อลักษณ์นันท์มาเป็นผู้หญิงของเขาอย่างเต็มตัวแล้ว สิ่งที่เธอเป็นทั้งเรื่องบนเตียงและนอกเตียง ช่างถูกใจไปเสียทุกอย่างจนลืมเลือนผู้หญิงอื่นที่เคยข้องแวะ
ลักษณ์นันท์เป็นผู้หญิงคนแรก ที่พชรให้ความสำคัญในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับตัวเธอ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะแสดงออกต่อหน้าได้หรือลับหลังก็ตามที
สายตาของหญิงวัยกลางคนที่จับจ้องมองตลอดเวลา ไม่ทำให้พชรรู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเขาใช้รอยยิ้มอันเป็นเสน่ห์ประจำตัว พร้อมทั้งส่งสายตาออดอ้อนกลับไปให้อีกฝ่ายอารมณ์เย็นลงได้อย่างไม่ยาก
“นี่เราสองคนแม่ลูก จะต้องนัดกินข้าวนอกบ้านแล้วใช่ไหม เพชรถึงจะยอมคุยกับแม่” คุณหญิงมุกดาเอ่ยเสียงเรียบ
“แหม คุณแม่ครับ ช่วงนี้งานผมยุ่ง คุณแม่ก็รู้ว่าผม...”
“นั่นมันข้ออ้างของเราทั้งนั้น แม่สงสัยจริงๆ ว่างานอะไรมันหามรุ่งหามค่ำนัก บ้านช่องแทบไม่กลับ จะเจอกันแต่ละทีก็แสนยากลำบาก” หญิงวัยกลางคนดักคอบุตรชาย
ตั้งแต่ที่วางมือให้พชรบริหารงานทั้งหมดแทน คุณหญิงมุกดาก็ใช้เวลาพักผ่อนและหากิจกรรมที่สนใจทำเป็นการแก้เหงา ซึ่งเมื่อก่อนถึงลูกชายจะกลับดึกแค่ไหน แต่สองแม่ลูกก็ยังไม่พบหน้ากันบ่อย ไม่เหมือนตอนนี้
พชรอ้างว่างานกำลังขยายและไม่อยากเสียเวลาเดินทาง ลูกชายสุดที่รักจึงซื้อคอนโดไว้ใกล้บริษัท และบางครั้งเมื่อเลิกงานดึกก็ไม่อยากเสียเวลากลับบ้าน
แต่สิ่งที่คุณหญิงมุกดาสงสัยก็คือ ห้องสี่เหลี่ยมที่เรียกว่าคอนโดมีอะไรดีหนักหนา ถึงทำให้พชรอยากจะกลับไปนอนที่นั่น มากกว่าบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดและมีแม่คนนี้รออยู่
“โธ่ ผมเพิ่งกลับบ้านไปกินข้าวกับคุณแม่เมื่อวันก่อนเองนะครับ”
“นั่นเพราะแม่สั่งเลขาลูกไว้ กำชับแล้วกำชับอีก ไม่งั้นคงไม่ได้เจอหน้าแน่”
“ผมจะจัดเวลาใหม่ให้คุณแม่ อย่างอนผมเลยนะครับ” บุตรชายยิ้มประจบ
“ย่ะ แม่จะรอ แล้วเรื่องที่คุยกันเมื่อวันก่อน เพชรคิดว่าไงลูก”
“เรื่องไหนครับคุณแม่ อ๋อ เรื่องที่เราจะขยายการลงทุนไปที่จีนน่ะเหรอครับ ผมก็เห็นด้วยกับคุณแม่” พชรเฉไฉไปเรื่องงาน เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการมาของมารดาวันนี้เพื่อจุดประสงค์อะไร
“แม่ไม่ได้หมายถึงเรื่องงาน และแม่ก็รู้ว่าลูกรู้ว่า แม่หมายถึงเรื่องอะไร” คุณหญิงมุกดาดักคอลูกชายอย่างรู้ทันเช่นกัน
นางอุตส่าห์ใจเย็นรอฟังคำตอบอยู่ที่บ้าน เพื่อหวังให้ลูกชายตัวดีตอบตกลงเรื่องที่คุยกันไว้เมื่อหลายวันก่อน แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เห็นว่าพชรจะมีท่าทีใดๆ ตอบสนองกลับมา และแน่นอนว่าคนอย่างคุณหญิงมุกดาก็จะไม่เสียเวลาอดทนรอคอยเช่นกัน
“ว่าไง” หญิงวัยกลางคนถามย้ำอีกครา
“คุณแม่ ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม” ชายหนุ่มแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างอึดอัด
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้