ลมเย็นที่พัดโชยมาเป็นระยะไม่ทำให้หัวใจของลักษณ์นันท์สงบลงได้ รวิชนัดเธอมาพบที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดหลังเลิกงาน เมื่อได้ฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดจบ สีหน้าของหญิงสาวก็หมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ขอโทษ ถ้าทำให้น้องลักษณ์ไม่สบายใจ” รวิชถอนหายใจออกมาดังๆ ด้วยความกลัดกลุ้ม
เขาเองก็ไม่ได้อยากมามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยหรอก แต่เพราะคำว่าบุญคุณที่ค้ำคออยู่ต่างหากที่ทำให้รวิชต้องขันอาสามาเป็นผู้เจรจาในเรื่องนี้เสียเอง ทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าสิ่งที่คุณหญิงมุกดาต้องการไม่มีวันเป็นไปได้แน่
รวิชรู้ใจเพื่อนรักอย่างพชรดีว่าไม่มีวันปล่อยลักษณ์นันท์ไปไหนแน่ เขาไม่รู้หรอกว่าที่มาที่ไปของความสัมพันธ์นี้เกิดจากอะไร แต่ที่มองเห็นและรู้แน่ชัดก็คือ ลักษณ์นันท์เป็นผู้หญิงคนเดียวและคนแรกที่พชรให้อยู่ข้างกาย
แม้ว่าจะไม่ต้องการให้ใครรู้ก็ตาม และเชื่อว่าลักษณ์นันท์เองก็ทำใจยากที่จะตัดใจจากเพื่อนรักเช่นกัน
“อย่าพูดแบบนั้นซิคะ ลักษณ์ต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่รวิชที่เอาเรื่องนี้มาบอก” ลักษณ์นันท์ฝืนยิ้มเล็กน้อย
“แล้วจะทำอย่างไรต่อไป พี่ว่าคุณหญิงมุกดาไม่ปล่อยเรื่องนี้แน่ แล้วนายเพชรก็คงไม่ยอมง่ายๆ”
“ลักษณ์ไม่รู้จะทำอย่างไรค่ะ ใจหนึ่งลักษณ์ก็อยากทำตามที่คุณหญิงต้องการ เพราะรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ถูกต้องและดีสำหรับคุณเพชร แต่ใจหนึ่งลักษณ์ก็...” หญิงสาวก้มหน้ารู้สึกหวานอมขมกลืนจนไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา
คุณหญิงมุกดารู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับพชร และต้องการให้ทุกอย่างจบโดยเร็วที่สุด เพื่อให้พชรแต่งงานกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทั้งฐานะและชาติตระกูล เรื่องนี้ลักษณ์นันท์เข้าใจและรู้ว่าเป็นความรักความหวังดีของแม่ ที่อยากเห็นลูกชายสุดที่รักมีคนที่เหมาะสมเคียงข้าง
แต่อีกใจลักษณ์นันท์ก็ไม่อาจทำใจเดินออกจากพชรได้เช่นกัน ไม่ใช่เพราะติดตามสบายที่เขามอบให้ หากแต่เพราะหัวใจที่ผูกพันจนยากที่จะถอนใจนั่นต่างหาก ที่ลักษณ์นันท์รู้ว่ามันไม่มีทางลืมผู้ชายคนนี้จากหัวใจได้
“พี่รู้ว่าทำใจยาก พี่เข้าใจ แต่พี่ก็อยากให้ลักษณ์ระวังตัว” รวิชเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
เขาเอ็นดูลักษณ์นันท์ในฐานะน้องสาวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว จะว่าไปรวิชคงเป็นคนนอกคนเดียวที่รู้เรื่องของทั้งคู่ เพราะพชรไม่ได้ปิดบังซ้ำยังเชื่อใจว่าเพื่อนจะเก็บความลับนี้ไว้ได้ แน่นอนว่ารวิชไม่เคยปริปากบอกใคร จนกระทั่งคุณหญิงมุกดาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
“คุณหญิงคงไม่ยอมอยู่เฉยแน่ พี่กลัวว่าคุณหญิงจะเล่นไม้แข็ง”
“ลักษณ์จะลองคุยกับคุณเพชรค่ะ” ลักษณ์นันท์เองก็ไม่รู้จะหาทางออกเรื่องนี้อย่างไรดี
“พี่ว่าไอ้เพชรไม่ยอมแน่ ดีไม่ดีจะมีเรื่องกับคุณหญิง” รวิชรู้นิสัยเพื่อนดี
“ลักษณ์คงต้องไปเพื่อให้เรื่องนี้จบ” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วเอ่ยต่อว่า
“ลักษณ์รู้ว่าเรื่องของลักษณ์กับคุณเพชรไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คุณหญิงทำถูกแล้วค่ะที่หาผู้หญิงดีๆ ที่เหมาะสมมาแต่งงานกับคุณเพชร คนเป็นแม่ย่อมอยากเห็นลูกตัวเองได้ดีมีความสุขอยู่แล้ว ถ้าเรื่องนี้จะจบให้ไวลักษณ์คงต้องรีบตัดสินใจ”
“แน่ใจแล้วเหรอ น้องลักษณ์” รวิชสงสารหญิงสาวไม่น้อย เรื่องของความรู้สึกมันยากที่จะทำใจ
“แน่ใจค่ะ ขอเวลาลักษณ์หน่อย เมื่อลักษณ์พร้อม ลักษณ์จะไปทันที”
สีหน้าที่หม่นหมองของคนพูดทำให้รวิชไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขาได้แต่หวังว่าเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลายโดยเร็ว และถ้าฟ้ามีตาจริงๆ ก็ขอให้คุณหญิงมุกดาได้เห็นความดีงามในตัวของสะใภ้นอกสายตาคนนี้ด้วยทีเถอะ
เชื่อว่า
ถ้าได้รู้จักลักษณ์นันท์จริงๆ คุณหญิงน่าจะเลิกคิดหาเมียใหม่ให้ลูกชายแน่
รวิชส่งข่าวว่าได้บอกลักษณ์นันท์เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งขอเวลาให้หญิงสาวจัดการเรื่องนี้เอง แต่คุณหญิงมุกดาใจร้อนต้องการให้เรื่องนี้จบเร็วที่สุด นางจึงให้คนนัดลักษณ์นันท์มาพบที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเวลาเลิกงาน พร้อมกำชับว่าห้ามให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด
“เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” คุณหญิงมุกดาย้ำด้วยน้ำเสียงเย็นชา แล้ววางกระดาษใบหนึ่งตรงหน้าลักษณ์นันท์
“ไปกรอกตัวเลขได้ตามใจชอบ ต้องการเท่าไรก็เอาไป ถือเสียว่าเป็นค่าแรงค่าเสียเวลาที่เธออยู่กับลูกชายฉัน”
ลักษณ์นันท์นิ่งไม่ตอบโต้หรือเคลื่อนไหวสิ่งใดแม้แต่น้อย เช็คที่วางอยู่ก็ไม่มีการหยิบขึ้นมาดู ยิ่งทำให้คุณหญิงมุกดาโมโหจนต้องตวาดถามซ้ำอีกครั้งว่า
“เข้าใจที่ฉันพูดไหม”
“เข้าใจค่ะ” น้ำเสียงที่ตอบแผ่วเบาเหลือเกิน
ลักษณ์นันท์พยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลออกมา แม้ว่าในใจจะรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม
เพียงแต่...“ลักษณ์ เอ่อ” ลักษณ์นันท์ก้มหน้าไม่รู้จะพูดอย่างไรดี“ทำไมถึงไม่ตกลง ไม่มั่นใจฉันหรือไม่อยากอยู่กับฉันกันแน่” พชรเองก็เริ่มน้อยใจแล้วเหมือนกันลักษณ์นันท์ที่เขาเคยรู้จักไม่เป็นแบบนี้ หรือว่าช่วงเวลาห้าปีที่หายไป หากไม่มีกานพูลเป็นโซ่ทองคล้องใจ พชรอาจจะเสียเธอไปตลอดกาลก็ได้ เพียงแค่คิดถึงตรงนี้เขาก็อึดอัดหายใจไม่ออกแล้ว“คิดว่าฉันอยากแต่งงานเพราะลูกงั้นเหรอ” พชรถามตรงไปตรงมา ลักษณ์นันท์ไม่ตอบ การไม่ตอบของเธอทำให้เขาเอ่ยต่อไปว่า“กานพูลคือของขวัญที่ดีที่สุดในความสัมพันธ์ของเรา ฉันดีใจ เต็มใจ มีความสุขและอยากจะเฝ้ามองดูกานพูลเติบโตไปพร้อมๆ กับเธอนะ ลักษณ์นันท์” ชายหนุ่มเอื้อมมือมากุมมือไว้“ลักษณ์รู้ค่ะ รู้ว่าคุณรักกานพูลมากแค่ไหน และลักษณ์ก็ขอบคุณที่คุณเพชรไม่เคยปล่อยมือเราสองคนแม่ลูกเลย เพียงแต่”“เพียงแต่อะไร” เขารีบถามซ้ำ“ลักษณ์อยากพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ลักษณ์แข็งแรงและดูแลตัวเองได้ วันข้างหน้าไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ลักษณ์จะดูแลลูกของเราได้เป็นอย่างดี”พชรพูดไม่ออกเพราะเข้าใจความคิดและความรู้สึกของหญิงสาว ในขณะที่ลักษณ์นันท์ก็ไม่รู้จะพูดคำไหนจากใจได้อีก เธออยากเป็นทั้งแม่ที
นี่เป็นครั้งแรกที่พชรรู้สึกประหม่าที่สุดในชีวิต เพราะเขาได้ตัดสินใจทำเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือการขอลักษณ์นันท์แต่งงาน ฟังดูมันเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดหลังกลับมาจากต่างประเทศเขาก็ตัดสินใจคุยกับคุณหญิงมุกดาตรงไปตรงมา เรื่องจัดการสองแม่ลูกให้ถูกต้องตามกฎหมายและประเพณี แต่ความมั่นใจที่คิดว่าทุกอย่างง่ายทลายลงเหลือศูนย์เมื่อมารดาเอ่ยว่า‘ฉันไม่ขัดเรื่องที่แกคิดจะทำเลย แต่แกเคยถามเจ้าตัวเขาไหมว่าอยากแต่งงานกับแกหรือเปล่า’‘ทำไมคุณแม่พูดแบบนั้นล่ะครับ ผมกับลักษณ์เป็นผัวเมียกัน มีลูกด้วยกัน แน่นอนว่าเราย่อมอยากแต่งงานกันอยู่แล้ว’‘เป็นแม่ของลูกก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเป็นเมียแกไปตลอดชีวิตนี่’ หญิงวัยกลางคนย้อน‘คุณแม่ บังคับหรือมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกหรือเปล่าครับ’ คนฟังชักใจคอไม่ดี‘คนอย่างฉันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหลบซ่อน ไม่ต้องมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรทั้งนั้น ถ้าแกอยากแต่งก็ทำให้ถูกต้อง ส่วนคนถูกขอจะแต่งหรือไม่แต่ง เรื่องนี้ฉันไม่รับรู้กับแกด้วยนะ’พชรคิดวนไปมาหลายวัน ยิ่งคิดความมั่นใจก็ยิ่งน้อยลงไปเรื่อยๆ จริงอย่างที่มารดาพูด เขาไม่เคยถามลักษณ์นันท์
“ลักษณ์ทราบค่ะ แต่ลักษณ์ไม่อยากรบกวนให้ใครต้องดูแลเราแม่ลูก” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วเอ่ยต่อว่า“พอคุณหญิงหายดีแล้ว ลักษณ์กับลูกก็จะไปค่ะ ส่วนคุณเพชรอาจจะอยากเจอลูกบ้าง ลักษณ์ขอความกรุณาให้พ่อลูกได้พบกันบ้างจะได้ไหมคะ เรื่องลักษณ์กับคุณเพชรจะไม่มีอะไรต่อไปแน่นอนค่ะ”ลักษณ์นันท์รู้ดีว่าคุณหญิงมุกดาคงไม่ยอมรับตนแน่ และเธอก็ไม่อยากเป็นสาเหตุให้ใครต้องผิดใจกัน แค่กานพูลเป็นที่ยอมรับ ได้รู้จัก ได้รับความรักจากพ่อและย่า แค่นี้ก็เกินสิ่งที่คาดฝันไว้แล้วสำหรับเธอและพชร เรื่องราวระหว่างซินเดอร์เรลล่ากับเจ้าชายไม่มีอยู่ในชีวิตจริง เธอกับเขาจะยังคงสถานะคำว่าพ่อและแม่ของกานพูลตลอดไป“นี่เธอคงมองว่าฉันเป็นย่าใจร้าย แม่ผัวจุ้นจ้านซินะ” น้ำเสียงหญิงวัยกลางคนประชดในที“ฉันก็ไม่ได้หัวโบราณที่จะรับสิ่งที่ลูกตัวเองต้องการไม่ได้ และฉันก็ไม่ได้อยากให้เธอทิ้งความฝันเพื่อมาเป็นแม่เป็นเมียอย่างเดียว เธอควรคิดทำอะไรเพื่อเป็นความสุขของตัวเองบ้าง”“คุณหญิง” ลักษณ์นันท์ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้“เรื่องมันก็มาถึงขั้นนี้แล้ว เธอก็ไม่ได้เป็นคนผิดฝ่ายเดียว ไอ้ลูกไม่มีหัวคิดของฉันมันก็มีส่วนผิดด้วย ในเมื่อเลือกเส้นทา
คุณหญิงมุกดาไม่หลับแต่นอนมองหลานสาวที่กำลังเล่นกับมารดาอย่างสนุกสนาน รอยยิ้มและเสียงหัวเราในวันนี้ ช่างต่างจากหลายวันที่ผ่านมาเหลือเกิน แม้นางจะดูแลมอบความรักเอาใจใส่แต่กานพูลก็มักจะถามถึงทั้งพ่อและแม่ตลอดเวลา โดยเฉพาะกับลักษณ์นันท์ด้วยแล้ว นางได้รู้ความเป็นไปจากปากของเด็กหญิงไม่น้อย“เงียบทำไม เล่นต่อซิ” คุณหญิงเอ่ยเมื่อเห็นลักษณ์นันท์ทำท่าให้บุตรสาวเบาเสียงหัวเราะลง“คุณหญิงต้องพักผ่อนมากๆ ลักษณ์พากานพูลไปข้างนอกดีไหมคะ” ลักษณ์นันท์อุ้มบุตรสาวเดินเข้ามาหาข้างเตียง“ฉันบอกเหรอว่าจะง่วง ถ้าเธอไม่เล่นกับกานพูล มาลูก มาเล่นกับย่าแทน” ว่าแล้วนางก็ทำท่าจะลุกขึ้น“อย่าค่ะ เดี๋ยวลักษณ์ดูกานพูลเอง คุณหญิงนอนเถอะค่ะ กานพูล เบาๆ เสียงหน่อยนะคะ ให้คุณย่าได้พักผ่อน” หญิงสาวหันมากำชับบุตรสาวอีกครั้ง จังหวะนั้นอาหารเย็นจากโรงพยาบาลก็มาพอดี“กินข้าวเลยไหมคะ” ลักษณ์นันท์ปล่อยบุตรสาวให้นั่งเล่นลำพัง แล้วเข้ามาดูแลคุณหญิงที่กำลังจะต้องกินข้าวกินยาตามเวลา“นี่ฉันป่วยจนกินอะไรไม่ได้เหรอเนี่ย” หญิงวัยกลางคนเห็นอาหารโรงพยาบาลแล้วถึงกับส่ายหน้า“คุณหญิงอยากกินอะไรคะ เดี๋ยวลักษณ์จัดการให้” หญิงสาวเห็นกับข้
โชคดีที่คุณหญิงมุกดาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก มีเพียงแค่อาการบอบช้ำตามเนื้อตัวที่เกิดจากการล้ม และโรคความดันโลหิตสูงที่กำเริบขึ้นมาทำให้เกิดอาการวูบกระทันหันดีที่รวิชมารับกรรณิการ์กลับบ้าน จึงอุ้มคุณหญิงมุกดาส่งโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว พชรและลักษณ์นันท์ที่รู้ข่าวรีบตามมาทันที“กานพูล” ลักษณ์นันท์เห็นหน้าลูกก็โผเข้ากอดพชรห่วงมารดาก็ห่วง คิดถึงลูกก็คิดถึงจึงได้แต่กอดกันสามคนพ่อแม่ลูกให้หายโหยหา แล้วรีบเข้าไปดูคุณหญิงมุกดาที่นอนอยู่บนเตียงทันที“คุณแม่” พชรจับมือมารดามากุมไว้ เขาเห็นสีหน้าอิดโรยก็รู้ว่าท่าทางของนางเหนื่อยมาก“คุณแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมความดันถึงขึ้นได้ล่ะครับ”โรคประจำตัวของคุณหญิงมุกดาได้รับการดูแลจากแพทย์ประจำตัวเป็นอย่างดี อีกทั้งนางเองก็ดูแลสุขภาพตัวเองเช่นกัน แต่จู่ๆ อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ทำให้พชรอดคิดไม่ได้ว่าตนเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้หรือเปล่า“ผมขอโทษครับ ถ้าทำอะไรให้คุณแม่ไม่สบายใจ” ชายหนุ่มก้มลงกราบที่กลางอกของมารดาลักษณ์นันท์ที่กอดเด็กหญิงกานพูลแนบอกเดินเข้ามายืนเคียงข้าง ทั้งสองสบตากันจากนั้นพชรก็อุ้มหนูน้อยไว้แทน หญิงสาวพนมมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก้มลงกรา
หนึ่งสัปดาห์ต่อมากรรณิการ์มาพบคุณหญิงมุกดาเพื่อนำของหมั้นมาคืน พร้อมกับรับอาสาพชรและลักษณ์นันท์มาช่วยดูด้วยว่ากานพูลเป็นอย่างไรบ้าง“ป้าต้องขอโทษด้วยที่เจ้าเพชรทำตัวแบบนี้” คุณหญิงมุกดาเอ่ยคำแรก“แต่ป้าก็ยังอยากให้เราสองครอบครัวได้เกี่ยวดองกันจริงๆ นะ”“คุณป้าอย่าโทษตัวเองหรือใครเลยค่ะ เรื่องแบบนี้บังคับใจกันไม่ได้ ที่สำคัญรักใครแล้วได้อยู่กับคนที่รัก ถือเป็นความสุขที่แท้จริงของคนเรานะคะ ณิการ์กับพี่เพชรเหมาะเป็นพี่น้องกันมากกว่า” กรรณิการ์เอ่ยจากใจจริง“ความรักงั้นเหรอ” หญิงวัยกลางคนส่ายหน้าแล้วเอ่ยต่อว่า“ความรักอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ ผัวเมียคู่ชีวิตต้องสนับสนุนค้ำคูนให้ต่างฝ่ายต่างเจริญเติบโตซึ่งกันและกัน หากวันหนึ่งวันใดเกิดอะไรขึ้นอีกคนก็ต้องพร้อมจะก้าวมาพยุงครอบครัวให้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปได้ แต่ดูนี่ซิ ตาเพชรทำอะไรตามใจตัวเอง คิดแต่สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่คิดถึงอนาคตเลยแม้แต่น้อย”“บางที เรื่องของอนาคตก็ต้องรอดูในเวลานั้นไหมคะ แต่เรื่องของปัจจุบันคือสิ่งที่เราจะพาตัวเองไปสู่อนาคตไม่ใช่เหรอคะ คุณป้า” กรรณิการ์สบตาคนตรงหน้าแล้วพูดจากใจว่า“คุณป้าห่วงและรักพี่เพชร อยากให้