LOGINหลังจากผู้รับบริการคนสุดท้ายเดินออกจากแผนกตรวจสุขภาพศศิภัทรหรือซีซีก็จัดของใช้ต่างๆ ให้เข้าที่เพื่อพร้อมสำหรับต้อนรับผู้มารับบริการในวันรุ่งขึ้น
หญิงสาวเป็นพยาบาลที่ทำงานในแผนกตรวจสุขภาพมาได้หนึ่งปีแล้ว ก่อนหน้านั้นเธอก็เป็นพยาบาลที่ทำงานอยู่แผนกผู้ป่วยใน แต่พอแผนกตรวจสุขภาพขาดคน หัวหน้าพยาบาลเห็นว่าเธอเป็นคนมีอัธยาศัยดีรักในการบริการก็เลยให้เธอมาทำงานที่แผนกนี้
แต่ในช่วงวันหยุดหญิงสาวก็ไปรับเวรในแผนกผู้ป่วยในอยู่บ้างเพราะในแผนกที่เธอทำงานอยู่นั้นจะทำงานแค่เวลา 8 โมงเช้าถึงแค่ 4 โมงเย็นเท่านั้น
“พี่แคทคะพรุ่งนี้ซีหยุดนะคะ” หญิงสาวบอกกับรุ่นพี่ในแผนก
“อ้าวนี่ถึงวันหยุดอีกแล้วเหรอไวจัง แล้วจะไปเที่ยวไหนหรือเปล่าล่ะ”
“คงไม่ไปเที่ยวที่ไหนหรอกค่ะ พรุ่งนี้ซีมีนัดทานข้าวกับคนรู้จักตอนเย็นค่ะ”
“ทำมาเป็นเรียกว่าคนรู้จักพี่รู้นะว่าซีซีกับคุณอนันต์น่ะสนิทกันมากว่าคนรู้จัก มีอะไรที่พี่ไม่รู้หรือเปล่า”
“ไม่มีหรอกค่ะพี่แคท คุณอนันต์เขาก็แค่เอ็นดูและอยากปรึกษาเรื่องปัญหาสุขภาพ”
“แค่ปรึกษาก็ดีแต่อย่าไปสนิทกับเขามากนะ พี่รู้มาว่าเขาเจ้าชู้มาก ซื่อๆ อย่างซีซีตามเขาไม่ทันหรอก”
“พี่แคทคะซีกับเขาอายุห่างกันตั้งเยอะ เขาคงไม่คิดอะไรกับซีหรอกค่ะ
“ก็เพราะอายุห่างกันละพี่ก็เลยห่วง พวกผู้ชายวัยนี้ชอบเด็กสาวๆ แต่พวกเขาไม่คิดจะจริงจังกับใครหรอก ที่พี่เตือนไม่ใช่เพราะอิจฉาหรือกลัวว่าซีซีจะได้ดีกว่าพี่หรอกนะ พี่ก็แค่เป็นห่วงถ้าจะออกไปไหนกับเขาก็ระวังตัวด้วย” ดวงกมลเตือนรุ่นน้องด้วยความหวังดี
“ซีจะระวังตัวค่ะพี่แคท”
“พี่ไปก่อนนะเจอกันอีกทีวันมะรืน”
“บ๊ายบายค่ะพี่แคท” หญิงสาวโบกมือให้รุ่นพี่ก่อนที่ตนเองจะปิดไฟในแผนกแล้วเดินเอากุญแจไปฝากไว้ที่แผนกประชาสัมพันธ์เพราะพรุ่งนี้เช้าแม่บ้านจะเข้ามาทำความสะอาดก่อนจะเปิดให้บริการกับผู้มารับบริการ
หญิงสาวเดินมายังจุดสแกนหน้าเพื่อเลิกงานก็เห็นว่าตอนนี้เพื่อนสนิทของตัวเองที่ทำงานอยู่แผนกผู้ป่วยในกำลังเดินตรงมาทางนี้พอดี
เธอยิ้มและยืนรอให้เพื่อนสแกนหน้าเสร็จ
“ไม่ได้ลงเวรพร้อมกันนานแล้วนะดาว ทำงานที่เดียวกันแท้ๆ แต่เราไม่ค่อยได้เจอกันเลย”
“นั่นสิ ไปหาอะไรกินกันไหมจะได้คุยกัน แกหิวหรือยังซีซี”
“ยังไม่หิวเท่าไหร่แกละดาว”
“ฉันหิวมากเลย บ่ายนี้กินข้าวได้นิดเดียวคนไข้กดออดเรียกตลอด” พิมพ์ดาวพูดแล้วก็ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยเพราะตลอดทั้งวันหญิงสาวแทบไม่ได้นั่งพักเลย
“แล้วแกอยากกินอะไรล่ะ ต้องขึ้นเวรดึกต่อหรือเปล่า”
“ไม่หรอก วันนี้ขึ้นแค่เวรเช้า”
“ถ้างั้นไปกินส้มตำร้านประจำของเรากันไหมล่ะ แต่ต้องไปเปลี่ยนชุดก่อนนะไม่อยากจะไปชุดนี้”
“ได้สิ ฉันเองก็อยากจะเปลี่ยนเหมือนกันใส่ชุดนี้ไปกินมันรู้สึกไม่ค่อยแซ่บเท่าไหร่” พูดแล้วก็พากันหัวเราะ
สองสาวเพื่อนสนิทเดินคุยกันมาจากนั้นก็เดินขึ้นหอพักที่อยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาลห้องของทั้งสองคนก็อยู่ติดกัน
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วศศิภัทรก็ขับรถยนต์คันเล็กที่ผ่อนยังไม่หมดของตนเองพาพิมพ์ดาวไปยังร้านอาหารอีสานที่อยู่ถัดออกไปไม่ไกลเท่าไหร่ เมื่อสั่งอาหารโปรดของแต่ละคนแล้วพิมพ์ดาวก็มองหน้าศศิภัทรแล้วยิ้ม
“เป็นอะไร ทำไมแกเอาแต่จ้องหน้าฉัน อย่างนั้นล่ะดาว”
“นี่ฉันถามแกจริงๆ นะซีซี” พิมพ์ดาวมีท่าทางหนักใจกับเรื่องที่จะถามเพื่อน
“นี่แกเป็นอะไร ทำไมทำหน้าจริงจังกับฉันแบบนั้นล่ะ”
“แกเป็นผู้หญิงที่สวยมากนะซีซี หน้าที่การงานก็ถือว่าพอใช้ได้หุ่นก็ดีแล้วทำไมแกจะต้องตกลงแต่งงานกับผู้ชายแก่คราวพ่ออย่างคุณอนันต์ด้วยนะ” พิมพ์ดาวถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เธอนึกไม่ออกเลยว่าเพราะอะไรศศิภัทรถึงยอมตกลงแต่งงานกับผู้ชายอายุมากขนาดนั้น
“ก็คุณอนันต์เขาเป็นผู้ใหญ่ใจดีนี่” หญิงสาวตอบแล้วหันหน้าไปมองทางอื่นเพราะไม่อยากจะสบตากับพิมพ์ดาว
“แต่ฉันว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เรื่องนี้ฉันพยายามคิดอยู่นานเลยนะ แกไม่น่าจะชอบเขาได้เลยอายุแกกับเขาต่างกันสามสิบว่าปีเลยนะ แต่งงานไปไม่กี่ปีแกก็คงได้เป็นพยาบาลส่วนตัวของเขาแน่ๆ หรือที่เขาแต่งงานเพราะอยากได้พยาบาลส่วนตัวกันล่ะ”
“ไม่หรอกน่าดาวแกคิดมากเกินไปแล้วนะ”
“ทำไมแกถึงมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
“เพราะมันจะไม่มีงานแต่งงานเกิดขึ้นไงล่ะ” ศศิภัทรพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะหญิงสาววางแผนสำหรับเรื่องนี้ไว้แล้ว
“แกพูดอะไรซีซีฉันงงไปหมดแล้ว แกมีแผนอะไรหรือเปล่าเล่าให้ฉันฟังเลยนะ ไม่ใช่คิดจะทำอะไรแผลงๆ อีกล่ะ”
“ที่ฉันบอกว่าจะแต่งงานกับเขา มันก็แค่หลอกให้เขาจัดงานแต่งงานน่ะ”
“แกจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไรฉันไม่เข้าใจ” คำตอบของเพื่อนยิ่งทำให้พิมพ์ดาวสงสัย
“ฉันมีเหตุผลของฉัน”
“เล่าให้ฉันฟังได้ไหมว่าเหตุผลของแกมันคืออะไร”
“แกจำน้าสาวฉันได้ไหมดาว”
“จำได้สิ”
“แล้วเรื่องที่แกจะแต่งงานมันเกี่ยวกับน้าของแกยังไงล่ะ”
“ก็คุณอนันต์คือผู้ชายที่ทำให้น้าฉันเป็นแบบนั้นยังไงล่ะ ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าน้าถูกผู้ชายหลอกให้จัดงานแต่งงานแล้วพอถึงวันแต่งก็ไม่ไป น้าฉันอับอายผู้คนและเครียดจนฆ่าตัวตายไปครั้งหนึ่ง และตอนนี้พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช”
“แกก็เลยคิดจะเอาตัวเข้าแลกเพื่อแก้แค้นแทนน้าสาวเหรอ”
“ใครบอกฉันจะเอาตัวเข้าแลกล่ะ ฉันก็แค่จะหลอกให้เขาจัดงานแต่งงาน ให้เชิญแขกมาเยอะๆ แล้วพอถึงวันแต่งงาน ฉันก็จะเอาประวัติและอาการเจ็บป่วยของน้าฉันเปิดให้แขกในงานดูให้แขกทุกคนรู้ว่าเขาทำอะไรกับน้าของฉันบ้าง” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“แต่ฉันว่ามันเสี่ยงเกินไปนะแก เกิดก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาจับแกปล้ำขึ้นมาล่ะแกจะทำยังไง ฉันว่าอย่าทำเลยนะ เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วอย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเลยนะซีซี”
“โอ้ย....แก้กลัวเกินไปเขาอายุห้าสิบกว่าแล้วนะ จะเอาแรงที่ไหนมาปล้ำฉันล่ะ” ศศิภัทรหัวเราะกับคำพูดของเพื่อน
“มันก็ไม่แน่นะแก”
“ฉันคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอกน่า” หญิงสาวยังคงมองโลกในแง่ดีและคิดว่าคุณอนันต์ไม่มีทางทำแบบนั้น
“ถ้าฉันเป็นแม่แกนะฉันจะจับแกฉีดยาคุม เพราะถ้าพลาดท้องขึ้นมามันไม่คุ้มเอานะ”
“แกก็อย่ามองโลกในแง่ร้ายแบบนั้นสิดาว”
“ฉันไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายนะแก เรื่องแบบนี้มันห้ามกันได้ที่ไหน ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่เขาก็เป็นผู้ชายแกจะสู้แรงเขาได้เหรอ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะดาว ฉันจะไม่อยู่กับเขาตามลำพัง”
“แต่ฉันก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดี ฉันว่าเลิกคิดเรื่องนี้เหอะนะ แก้แค้นไปมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”
“แต่ฉันรับปากน้าของฉันไว้แล้ว ว่าฉันจะทำให้เขาตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับน้า”
“แกจะทำหรือไม่ทำน้าแกก็ไม่รู้หรอกนะ”
“แต่ฉันคิดว่าถ้าฉันทำสำเร็จอาการของน้าฉันอาจจะดีขึ้น”
“แกก็รู้ว่ามันเป็นไปได้ยากมาก”
“แต่ฉันก็อยากทำนะเพื่อน้าสักครั้ง น้ากับฉันสนิทกันมาก แม่ฉันทำงานหนักตลอดก็มีน้านี่แหละที่คอยอยู่เป็นเพื่อนและคอยเลี้ยงฉันตอนฉันเด็กๆ อะไรที่ตอบแทนน้าได้ฉันก็อยากจะทำ” ศศิภัทรตอบอย่างมุ่งมั่น
“แกกำลังจะตอบแทนผิดวิธีนะ ทำไมไม่เลือกที่จะดูแลสุขภาพของน้าให้แข็งแรงและให้กำลังใจนะล่ะแบบนี้ฉันว่าไม่ดีเลย เชื่อฉันเถอะถอนตัวดีกว่า”
“ฉันก็ไม่ใช่คนดีที่ไหน เขาทำอะไรไว้ก็ต้องรับกรรมในสิ่งที่เขาทำสิ ภาพที่น้าฉันกรีดข้อมือจนเลือดไหลมันยังติดตาฉันอยู่เลยนะ”
“ฉันรู้ว่าฉันคงห้ามแกไม่ได้หรอกนะซีซีแต่ก็แค่อยากจะเตือนให้แก่คอยระวังตัว” พิมพ์ดาวรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนมาก
“ขอบใจนะดาวฉันจะระวังตัว” ศศิภัทรเชื่อว่าแผนของตนเองจะสำเร็จและจะไม่เปลืองตัวอย่างแน่นอน
หลังจากทานอาหารกลางวันร่วมกันเสร็จแล้วเจโรมก็เป็นคนเริ่มต้นเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้กับมารดาของหญิงสาวฟัง แต่เขาไม่ได้บอกว่านอนกับศศิภัทรไปแล้วเพราะรู้ว่าเรื่องนี้เธอไม่ต้องการให้ทางบ้านรู้คุณยุภาพรนั่งฟังอย่างตั้งใจเธอไม่ค่อยเชื่อสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นหลักฐานที่ได้มาจากร้านจัดงานแต่งงานรวมถึงบัญชีเงินสดของน้องสาวที่เธอเองก็ไม่เคยเห็นมาก่อนคุณยุภาพรก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดทั้งหมด“พ่อผมฝากผมมาขอโทษคุณน้าและน้องสาวที่ทำให้ต้องอยู่กับความทุกข์ใจมานานหลายปี อันที่จริงพ่อผมก็อยากมาเจอคุณน้าดีนะ ครับแต่ผมห้ามไว้เพราะกลัวว่าท่านอาจจะทำให้อาการของคุณน้าทรุดลง” เจโรมพุดอย่างจริงใจ เขารู้สึกเห็นใจครอบครัวของศศิภัทรมากที่ต้องดูแลน้ายุวดีหลังจากท่านผิดหวังจากบิดาของเขาจนต้องเข้ารีบการรักษาในโรงพยาบาล“คุณทำถูกแล้วล่ะคุณเจโรมตอนนี้น้องสาวของน้าก็ทำใจได้แล้วน้าคิดว่าไม่ให้เธอเจอกับคุณอนันต์น่าจะดีกว่า แล้วคุณก็ไม่ต้องไปพูดนะคะว่าเป็นลูกชายของคุณอนันต์น้าอยากให้วดีเธอลืมเรื่องราวทุกอย่าง ตอนนี้แค่อาการทางกายของเธอก็แย่มากแล้ว”“ผมเข้าใจครับคุณน้าถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ผมจะช่วยส่วนเ
เช้าวันเสาร์ศศิภัทรกับมารดาช่วยกันดูแลยุวดีให้ทานอาหารจากนั้นหญิงสาวก็ขอตัวมารดามายังร้านกาแฟ เธอเดินเข้ามาในร้านตอนนี้มีลูกค้าอยู่ไม่กี่โต๊ะ หญิงสาวเลือกโต๊ะที่ติดริมหน้าต่างเพราะคิดว่าถ้าพิมพ์ดาวเดินเข้ามาจะเห็นเธอได้ทันทีขณะที่กำลังก้มหน้าดูโทรศัพท์มือถือก็มีคนเดินเข้ามาในร้านแล้วมาหยุดตรงหน้าเมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่ตอนนี้ไม่ใช่พิมพ์ดาวหากแต่เขาคือคนที่เธอคิดถึงมาตลอดหนึ่งเดือน“คุณเจโรม”“สวัสดีซีซีขอนั่งด้วยคนนะ”“ค่ะ” หญิงสาวตอบพลางพยักหน้า“สบายดีไหมซีซี”“สบายดีค่ะ คุณล่ะ”“ร่างกายผมสบายใจดีแต่ไม่สบายใจเท่าไหร่ คิดถึงคุณอยากเจอคุณมากรู้ไหม คุณล่ะ”“ก็เรื่อยๆ ค่ะ” ศศิภัทรตอบพลางก้มหน้า เธอไม่กล้าจะสบตาของเจโรมเพราะกลัวเขาจะเห็นความดีใจในแววตานั้น“ผมถามว่าคิดถึงผมหรือเปล่า”“ถ้าบอกว่าไม่คิดถึงก็คงจะเป็นการโกหก ซีซีก็คิดถึงคุณค่ะ”“คิดถึงแล้วจะบล็อกเบอร์โทรผมล่ะ”“ซีซีคิดว่าเราไม่จำเป็นจะต้องติดต่อกันอีก”“แต่เราคุยกันแล้วนะซีซี ตอนนี้ก็ครบหนึ่งเดือนผมจะมาฟังคำตอบว่าระหว่างเราจะเป็นยังไงต่อและผมก็ตัดสินใจได้แล้วว่า ผมเจ้าขอคบกับคุณเป็นแฟน”“อะไรนะ”
“พ่อรู้มั้ยการแต่งงานไม่ได้ถูกยกเลิก เธอยังคงเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อแล้วก็เสียใจมากที่วันงานไม่มีเจ้าบ่าว เธอเสียใจและอายมากถึงขั้นฆ่าตัวตาย”“อะไรนะนี่วดีฆ่าตัวตายอย่างงั้นเหรอ”“ครับ แต่เธอฆ่าตัวตายไม่สำเร็จจากนั้นก็เกิดอาการซึมเศร้าสุดท้ายก็ไปจบลงที่โรงพยาบาลจิตเวช”“มันจะเป็นไปได้ยังไง พ่อว่าเขาคุยกับเธอแล้วนะเราตกลงกันด้วยดี เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอยังจะเดินหน้าจัดงานแต่งงานต่อ แกลองไปถามหนูซีซีอีกทีนะว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าได้เจอกับเธอพ่อฝากขอโทษเธอด้วย พ่อไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นแต่พ่อคิดว่าพ่อกับเธอคุยกันจบแล้วจึงไม่ได้ติดตามข่าวสารของเธออีกเลยเธอ คงเสียใจมาก ตอนนั้นพ่อเองก็เสียใจเหมือนกันที่เลิกกับเธอ เป็นเพราะเหตุผลนี้หรือเปล่าที่หนูซีซีถึงอยากจะแต่งงานกับพ่อ”“พอเดาถูกแล้วครับ ซีซีอยากจัดงานแต่งงานใหญ่โตกับพ่อให้พ่อเชิญแขกอีกมาเยอะๆ แล้วเธอจะทำให้พ่ออับอายเหมือนอย่างน้าสาวของเธอครับ แต่แผนของเธอก็ไม่สำเร็จเพราะผมเข้ามาแทรก”“เพราะแบบนี้เองหนูซีซีถึงยอมแต่งงานกับพ่อทั้งที่อายุห่างกันมากขนาดนี้ เธอมีแผนนี่เอง ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าหน้าตาใสซื่ออย่างนั้นจะคิดทำเรื่องใ
เมื่อครบหนึ่งเดือนเจโรมก็รีบบินมาเมืองไทย เขาลงจากเครื่องก็รีบให้คนขับรถพามาส่งที่หอพักของศศิภัทรทันที แต่เมื่อมาถึงก็ต้องผิดหวังคนดูแลหอพักแจ้งว่าหญิงสาวย้ายออกไปจากที่นี่นานแล้วชายหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์กดโทรหาแต่โทรเท่าไหร่ก็โทรไม่ติดเขาไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวเพราะไม่ได้ตามสืบเรื่องราวของเธอต่อ เขาจึงโทรศัพท์ไปหาคุณสาธิตเพื่อขอที่อยู่ที่บ้านของหญิงสาวขณะที่เจโรมผมกำลังจะกลับขึ้นรถก็บังเอิญว่าเพื่อนของศศิภัทรเดินมาพอดี เขาจำเธอได้เพราะเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง“สวัสดีครับคุณพิมพ์ดาว”“สวัสดีค่ะ”“ผมชื่อเจโรม ผมเคยเจอตอนที่คุณมากับซีซี”“สวัสดีค่ะมีธุระอะไรเหรอคะ”“ผมมาหาซีซีแต่คนดูแลหอพักบอกว่าซีซีย้ายออกไปแล้ว คุณพอจะรู้มั้ยว่าซีซีย้ายไปอยู่ที่ไหน”“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ซีซีไม่ได้บอกที่อยู่ใหม่”“แต่คุณกับเธอเป็นเพื่อนสนิทกันนะครับ แปลกจังที่เธอไม่บอกคุณ”“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าทำไมซีซีถึงไม่บอก”“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปตามเธอที่บ้านก็ได้แม่ของเธอน่าจะรู้ว่าเธอย้ายไปอยู่ที่ไหน”“ไม่ได้นะคะคุณจะไปบ้านซีซีไม่ได้เด็ดขาด” พิมพ์ดาวรีบร้องห้าม“ทำไมล่ะ
ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้วที่ศศิภัทรกลับมาอยู่ที่บ้านเธอเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านและโรงพยาบาลเพื่อคอยดูแลน้าสาวซึ่งตอนนี้เข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่แผนกอายุรกรรมของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งแม้จะได้รับยานอกบัญชีที่มีราคาแสนแพงแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลยตอนนี้สภาพจิตใจของน้าสาวเธอดีขึ้นมากและไม่พูดถึงคุณอนันต์อีกนั่นก็ทำให้ศศิภัทรและมารดาของเธอสบายใจมาก แต่สิ่งที่เป็นกังวลตอนนี้ก็เป็นสภาพร่างกายที่ทรุดโทรมไปเรื่อยๆ คุณหมอบอกให้ทั้งสองคนทำใจว่าอีกไม่นานคนไข้ก็คงจะต้องจากไป“ซีซีพรุ่งนี้วันหยุดของแม่ แม่จะมาดูแลน้าวดีเองนะ หนูพักผ่อนอยู่บ้านเถอะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ หนูไม่ได้เหนื่อยอะไรมากเรามาอยู่กับน้าสองคนก็ได้นะคะ น้าวดีจะได้ไม่เหงา ดีมั้ยคะน้า” หญิงสาวหันไปถามยุวดีที่นอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง“ขอบใจนะซีซี” ยุวดีพยายามฝืนยิ้ม“ซีซีแล้วเมื่อไหร่หนูจะกลับไปทำงานน่ะลูก ลางานมานานเป็นเดือนแบบนี้ทางโรงพยาบาลเขาจะไม่ว่าเอาเหรอ”“แม่คะอันที่จริงหนูลาออกแล้ว”“อะไรนะลูก ทำไมถึงลาออกล่ะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกค่ะแม่ที่หนูลาออกเพราะหนูจะไปสมัครทำงานที่โรงพยาบาลแห่งใหม่ แต่พอดีแม่บอกว่าน้าป่วยหนูก็เลยยังไม่เป
“คุณไปไหนมาเหรอซีซี” เจโรมเริ่มถามเมื่อศศิภัทรขึ้นมานั่งบนรถ“ออกไปกินข้าวกับเพื่อนค่ะ แล้วคุณล่ะ”“ผมตั้งใจมาหาคุณ อันที่จริงอยากจะมาหาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่เคลียร์งานอยู่”“แล้ววันนี้งานเสร็จเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยคะ”“เสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมคิดถึงคุณมากนะซีซี” ชายหนุ่มจับมือถือไว้อยากจะกอดเธอมาก่อนแต่ก็รู้สึกเกรงใจเพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็น“คุณมาที่นี่เพื่อที่จะบอกว่าคิดถึงแค่นั้นเหรอคะ”“เปล่าผมอยากมาเห็นหน้าคุณด้วย ผมนอนไม่หลับเลยนะซีซีตั้งแต่ไม่มีคุณอยู่ด้วยมันทรมานมากๆ”“คุณเจโรมคะเราคุยกันแล้ว ซีซีเชื่อว่าเวลาจะทำให้เราสองคนลืมเรื่องทุกอย่างได้”“คุณคิดว่าจะลืมมันได้จริงๆ เหรอ”“ซีซีก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่ก็จะพยายามให้มาก เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ ค่ะ คุณเข้าใจใช่ไหม”“ผมเข้าใจแต่ผมอยากให้เวลาซีซีลองทบทวนความรู้สึกของตัวเองนะ ว่าที่ผ่านมาเราสองคนรู้สึกยังไงแล้วผมจะมาฟังคำตอบหลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน”“เอางั้นก็ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบไปอย่างมั่นใจเพราะคิดว่าระยะเวลาหนึ่งเดือนเธอน่าจะลืมเขาได้“ขอบคุณครับที่ให้โอกาส”“แต่ระหว่างนี้คุณอย่าติดต่อซีซีมาได้ไหม ถ้าครบหนึ่งเดือนซีซีจะให้คำตอบกับ







