Share

ตอนที่1.2 ความตายมาเยือน

last update Last Updated: 2025-02-18 21:47:37

เมื่อเติ้งจื่ออวี๋ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นนายเขานั้นก็ไม่รอช้า เขาหมุนตัวออกไปจัดการตามรับสั่งทันที ส่วนเว่ยหลิงเฮ่อลุกขึ้นไปยืนที่ริมหน้าต่างมองถนนเส้นเดิมที่ยาวไปสุดความมืด ถึงเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ เผยตั้นเยี่ยนถึงหนีไป แต่เขาก็ไม่ใคร่อยากรู้จนต้องเก็บชีวิตของนางเอาไว้เพื่อหาคำตอบ เพราะจุดประสงค์เดียวที่เขายอมพูดจาราวกับมีใจให้นางมาตลอดนั้น เป็นเพราะตราพยัคฆ์ที่อยู่กับเว่ยเหวินเซียนเท่านั้น

รถม้าที่วิ่งด้วยความเร็ว บวกกับถนนเส้นนี้ไม่ใช่ถนนที่มีผู้คนสัญจรผ่านไปผ่านมาทางจึงทั้งแคบทั้งขรุขระ ทำให้รถม้าโคลงเคลงไปมาจึงไม่แปลกที่คนนั่งข้างในรถม้านั้นจะวิงเวียนศีรษะ

แต่ในยามที่ความตายกำลังมาเยือน ต่อให้เวียนหัวจนต้องอ้วกออกมาเผยตั้นเยี่ยนก็ไม่คิดที่จะให้สารถีลดความเร็วเป็นแน่ เผยตั้นเยี่ยนทั้งเวียนหัวทั้งปวดหัว เพราะนางพยายามจะหาทางออกแต่ทว่าคิดเท่าใดก็คิดไม่ออกเสียที

ฉุยฉุยสาวใช้คนสนิทที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของคุณหนูก็นึกสงสาร เพราะอีกก้าวเดียวเท่านั้นสิ่งที่คุณหนูของนางปรารถนาก็จะสำเร็จแล้ว แต่สุดท้ายไม่เพียงไม่เป็นไปดังหวังแม้แต่ชีวิตก็ไม่แน่ว่าจะรักษาไว้ได้

‘เฟี้ยว!ฉึก!ฉึก!ฉึก!’

ยังไม่ทันที่เผยตั้นเยี่ยนจะคิดหาหนทางออก เสียงอาวุธแหวกอากาศก็ดังขึ้น ลูกธนูเสียดแทงเข้ามาภายในรถม้า แต่ทว่าโชคดีที่มิได้โดนใคร แต่เพียงไม่นานรถม้าก็เสียหลักเมื่อมีธนูดอกหนึ่งปักเข้าที่ขาของม้า

จิ่งหลินสารถีที่บังคับม้า รู้ดีว่าหากเขามัวแต่เสียเวลาไปกับการปราบพยศม้าในยามนี้พวกที่ตามมาคงมาถึงตัวในไม่ช้า และยามนี้ม้าก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว หากจะวิ่งต่อก็คงไปได้ไม่ไกลนัก

“เสวี่ยเฟิงเจ้ากับฉุยฉุยพาคุณหนูไปแอบในป่าไผ่ก่อน เดี๋ยวข้าจะหลอกล่อพวกมันไปเอง” จิ่งหลินบอกกับบุรุษที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ถึงม้าตัวนี้จะตื่นกลัวเพราะบาดเจ็บจนไม่ฟังคำสั่งของเขาแล้ว แต่ด้วยกำลังของม้าก็ยังสามารถวิ่งได้อีกระยะหนึ่ง ซึ่งอย่างน้อยเขาก็ยังพอซื้อเวลาให้คุณหนูของเขาหนีได้

เสวี่ยเฟิงเมื่อได้ยินก็มิคิดออกความคิดเห็นใด ๆ เพราะเขาเชื่อว่าบุรุษที่นั่งอยู่ข้างเขานั้นต้องคิดดีแล้วว่าวิธีนี้คือวิธีที่ดีที่สุดในยามนี้ เสวี่ยเฟิงจึงเข้าไปในรถม้า เพื่อจะนำคุณหนูสกุลเผยออกมา แต่ทว่าเมื่อเขาเปิดผ้าที่กั้นอยู่นั้น เขาก็เห็นคุณหนูสกุลเผยสลบไปเสียแล้ว

“ฉุยฉุย! คุณหนูเป็นอะไร” น้ำเสียงของเสวี่ยเฟิงวิตกกังวลเป็นอย่างมาก

“เมื่อครู่ตอนรถม้าเสียหลักหัวของคุณหนูกระแทกอย่างแรง แต่ข้าจับชีพจรแล้วคุณหนูแค่สลบไปเท่านั้น” ฉุยฉุยหันมาตอบ

“เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ ชักช้าเดี๋ยวจะไม่ทันการ”

เสวี่ยเฟิงพูดจบก็เข้าไปอุ้มเผยตั้นเยี่ยนออกมา จิ่งหลินดับไฟในโคมรถม้าทันที ยามนี้มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้นที่ส่องแสง แต่ทว่าก็มิอาจส่องสว่างได้มากมายนัก จึงทำให้เห็นเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น เช่นนั้นแล้วมิต้องถามถึงคนที่ขี่ม้าตามหลังมาเลยว่าจะเห็นเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้าหรือไม่

“ฝากคุณหนูด้วย” จิ่งหลินเอ่ย

เสวี่ยเฟิงที่อุ้มเผยตั้นเยี่ยนอยู่หันมาพยักหน้าให้จิ่งหลินก่อนที่จะใช้วิชาตัวเบากระโดดออกจากรถม้า โดยมีฉุยฉุยกระโดดตามมาทีหลัง

เมื่อออกมาจากรถม้าแล้วพวกเขาก็ซ่อนตัวอยู่ในป่าไผ่ รอจนคนของเว่ยหลิงเฮ่อที่ตามมานั้นผ่านไปแล้วฉุยฉุยจึงหยิบแผงเข็มออกมาจากอกเสื้อ ก่อนที่จะใช้เข็มปักไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อทำให้คุณหนูของนางฟื้น

เผยตั้นเยี่ยนเหมือนจะรู้สึกตัวแต่ทว่ากลับไม่ยอมลืมตาตื่น ฉุยฉุยกับเสวี่ยเฟิงทั้งเขย่าทั้งเรียกชื่อ แต่เผยตั้นเยี่ยนก็ยังไม่ยอมลืมตา จนฉุยฉุยนั้นไม่รู้จะทำเยี่ยงไรดี จึงตบหน้าเผยตั้นเยี่ยนไปหนึ่งทีอย่างเต็มแรง

‘เพียะ’

“โอ๊ย!! เจ็บ” สตรีที่ถูกตบร้องครางออกมาเสียงดัง

“คุณหนูฟื้นแล้ว คุณหนูฟื้นแล้ว” ฉุยฉุยเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจ

เมื่อสตรีที่สลบฟื้นขึ้นมาก็ลูบแก้มที่ขึ้นรอยมือแดงไปมาด้วยความรู้สึกเจ็บ ก่อนจะจับไปตามแขนและลำตัวของตนเอง แล้วก็สำรวจเสื้อผ้าที่ตนเองใส่อยู่ และมองไปรอบ ๆ

‘นี่เราใส่เสื้อผ้าอะไรอยู่ แล้วที่นี่ที่ไหนกัน มืด ๆ แบบนี้นรกอย่างงั้นเหรอ’

ขณะที่สตรีที่เพิ่งฟื้นสับสนมึนงงอยู่นั้น สายตาของฉุยฉุยกับเสวี่ยเฟิงที่นั่งมองท่าทีที่แปลกไปของสตรีที่เพิ่งได้สติ ก็หันหน้ามามองกันด้วยความฉงนและหวังว่าอีกคนจะอธิบายได้ แต่ทว่าเมื่อต่างคนต่างเห็นหัวคิ้วของอีกฝ่ายก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกคนก็คงจะคลายข้อสงสัยนี้ไม่ได้เหมือนกัน เพราะคิ้วของทั้งสองตอนนี้แทบจะขมวดกันเป็นปม

ในที่สุดฉุยฉุยก็ทนไม่ไหวจึงได้เอ่ยถาม “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ”

สตรีที่เพิ่งได้สติเงยหน้ามองบุรุษและสตรีที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางมึนงง เพราะไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ผู้หญิงคนนี้พูดกับนางหรือไม่

“คุณพูดกับฉันอย่างนั้นเหรอ”

ฉุยฉุยดวงตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำถามจากคุณหนูของนาง “คุณหนูจำข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ”

‘คุณหนูอย่างงั้นเหรอ หรือว่าข้าตายแล้วทะลุมิติมาเหมือนในนิยาย ขอบคุณสวรรค์ที่ให้ข้าทะลุมายังร่างนี้’

เพราะจากที่นางสำรวจดูชุดที่นางใส่ก่อนหน้านี้ ก็รู้ว่าเป็นชุดที่มีราคาเช่นนั้นนางก็คงมีกินมีใช้ไม่ต้องอดยาก

ขณะที่นางพูดกับตนเองอยู่ในใจ ปากของนางก็ฉีกยิ้มกว้าง ทำเอาสองคนที่นั่งมองอยู่ถึงกับรู้สึกกลัว เพราะยามนี้พวกเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย แต่คุณหนูของพวกเขากลับยิ้มกว้างออกมาได้แบบหน้าตาเฉย

“คุณหนูท่านคิดแผนการรับมือองค์รัชทายาทกับชินอ๋องได้แล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ฉุยฉุยคิดว่าเรื่องที่ทำให้คุณหนูของนางฉีกยิ้มกว้างได้เช่นนี้คงมีเรื่องนี้เรื่องเดียว คือคุณหนูสามารถหาทางออกได้แล้ว

“ทำไมฉัน!ไม่ใช่ ทำไมข้าต้องรับมือองค์รัชทายาทกับชินอ๋องด้วย” นางเผลอลืมตัวพูดผิดไป แต่โชคดีที่นางนั้นดูซีรีส์จีนบ่อยจึงพอจะจำวิธีการพูดได้บ้าง

“ฉุยฉุยหรือว่าคุณหนูจะความจำเสื่อม” เสวี่ยเฟิงเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคุณหนูจำเรื่องที่ผ่านมาเพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อไม่ได้

“ท่านพี่เฟิง แล้วเราจะทำอย่างไรดี หรือว่าเราจะกลับไปจวนตระกูลเผยก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที” ฉุยฉุยเอ่ยอย่างร้อนใจ

‘ฉุยฉุย ท่านพี่เฟิง ตระกูลเผยอย่างนั้นหรือ หวังว่าข้าจะไม่ได้เข้ามาในนิยายเรื่องนั้นหรอกนะ’

เมื่อนางนึกขึ้นได้ถึงชื่อตัวละครในนิยายเรื่องหนึ่งที่นางติดตามอ่าน ก็ถึงกับเบิกตาโตและภาวนาว่าอย่าให้นางทะลุมาเป็นตัวร้ายในนิยายเรื่องนั้นเลย

“ฉุยฉุย เจ้าบอกข้าหน่อยว่าข้าชื่ออะไร แล้วองค์รัชทายาทกับชินอ๋องที่เจ้าพูดถึงพระนามว่าอะไรอย่างนั้นหรือ”

ฉุยฉุยถึงกับอ้าปากพะงาบ ๆ ไม่มีเสียงใด ๆ หลุดออกมา สมองของนางนั้นว่างเปล่า ส่วนเสวี่ยเฟิงนั้นอ้าปากหวอใบหน้าแปลกประหลาด

นางร้อนใจอยากรู้ว่าใช่ชื่อที่นางนั้นคิดไว้หรือไม่จึงกระตุกแขนเสื้อของฉุยฉุยพร้อมเอ่ยเพื่อเรียกสติ

“ฉุยฉุยเจ้าตอบข้าหน่อย”

เมื่อถูกคุณหนูดึงแขนเสื้อ ฉุยฉุยก็เอ่ยปากตอบไปตามสัญชาตญาณทั้งที่ความจริงนางนั้นยังตั้งสติไม่ได้

“คุณหนูชื่อเผยตั้นเยี่ยน ส่วนพระนามขององค์รัชทายาทคือเว่ยหลิงเฮ่อ พระนามของชินอ๋องคือเว่ยเหวินเซียนเจ้าค่ะ”

เพียงได้คำตอบจ้าวฉือลี่ที่อยู่ในร่างของเผยตั้นเยี่ยนก็แทบเป็นลม นางมองไปเห็นดวงจันทร์กลมใหญ่ทำให้คิดถึงช่วงก่อนที่จะตายขึ้นมาทันที เพราะตอนที่นางตกลงมาจากหน้าผาก็เห็นดวงจันทร์เต็มดวงเช่นนี้เช่นกัน

“สวรรค์ฉันทำผิดอะไรมากนักอย่างนั้นเหรอ ฉันเพิ่งตกหน้าผาตายมาแท้ ๆ ทำไมส่งฉันมาตายอีกแล้ว หรือว่าครั้งก่อนฉันตายทรมานไม่พอ ครั้งนี้จึงส่งฉันมาให้ตาอ๋องผู้โหดเหี้ยมนั้นทรมานจนตายอีกรอบ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่11 ช่วงเวลาแห่งความสุข

    ในเมื่อพระชายาของเขาจัดการเรื่องหลินเยว่ฉีแล้ว เขาก็ไม่อยากรบเร้าเข้าไปยุ่งเกี่ยว ดังนั้นเรื่องที่จะทำให้พระชายาของเขาไม่สบายใจในยามนี้ก็คงไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ดังนั้นเว่ยเหวินเซียนจึงหันหน้าไปยังหลานชายของตนเพราะแน่นอนว่าเรื่องมงคลนี้เขามีหรือจะเก็บงำเอาไว้เพียงคนเดียว ถ้าหากเป็นไปได้เขาอยากจะประกาศให้รู้กันทั่วใต้หล้าเสียด้วยซ้ำ บุรุษเจ้าของจวนมิรอช้าตะโกนบอกหลานชายของตนเสียงดังจนคนทั่วทั้งงานเลี้ยงได้ยิน ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนก่อนโค้งตัวลงพร้อมกับเอ่ยแสดงความยินดีที่เว่ยชินอ๋องกำลังจะมีซื่อจื่อน้อยหลังจากเอ่ยแสดงความยินดีจบเผิงเจียวเจี๋ยกับเว่ยหลิงเฮ่อต่างจ้องมองหน้ากัน เหมือนทั้งคู่กำลังคิดบางอย่างขึ้นมาได้พร้อมกัน ก่อนที่เจ้าของตำหนักบูรพาจะหันไปยังเหล่าคุณชายพร้อมกับตรัสขึ้นเสียงดัง“ในเมื่อมีเรื่องมงคล เช่นนั้นพวกเราก็มาดื่มสุราฉลองกันดีหรือไม่” เว่ยหลิงเฮ่อรีบเปลี่ยนงานเลี้ยงดูตัวให้เป็นงานเลี้ยงฉลองที่พระชายาชินอ๋องตั้งครรภ์“ดีพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นด้วย” คุณชายรองตระกูลเผิงรีบเอ่ยเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างรวดเร็ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาคิดไว้เช่นกัน“พ่อบ้านนำสุราออกมา” เว่ย

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่10 คนที่ท่านต้องใส่ใจ

    ความจริงเผยตั้นเหม่ยเห็นเผิงเจียวเจี๋ยเดินเข้ามาในงานเลี้ยงแล้ว เพียงแต่นางอยากทำให้เขาเห็นว่านางเองก็หาใช่สตรีไร้ค่าที่ต้องรอคอยเพียงบุรุษคนเดียว เพราะยังมีบุรุษอีกมากมายที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อนาง และต่อให้ไม่มีเขานางก็สามารถแต่งไปเป็นฮูหยินเอกในตระกูลที่ดีได้ เผยตั้นเหม่ยจึงทำทีเป็นไม่สนใจบุรุษตระกูลเผิง และแสร้งทำเป็นชื่นชอบการแสดงของบุรุษอื่นให้เขาเห็นทว่าถึงเผยตั้นเหม่ยจะคิดเช่นนั้น แต่ครั้นได้ยินเสียงของเว่ยเหวินเซียนตวาดใส่เผิงเจียวเจี๋ย หญิงสาวก็ตกใจเป็นอันมากในใจรู้สึกหวั่นกลัวขึ้นมาว่าเผิงเจียวเจี๋ยจะถอดใจและกลับจวนตระกูลเผิงไป แต่ทว่านางก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ เพราะนางเชื่อว่าไม่ว่าพี่เขยและพี่สาวของนางจะทำอันใดลงไป ย่อมคิดถึงนางเป็นสำคัญ และหากเขาจะไปจริง ๆ นางจะได้รู้เอาไว้ว่าความรักที่เขามีให้นางนั้นช่างน้อยนิดนัก หญิงสาวจะได้ตัดใจจากเขาได้อย่างไม่ต้องนึกเสียใจในภายหลังขณะที่ในใจของเผยตั้นเหม่ยกำลังรู้สึกเศร้าเมื่อคิดว่าตนเองต้องตัดใจจากบุรุษที่รัก ในช่วงพริบตาเดียวที่หางตาของนางเหลือบไปเห็นบุรุษตระกูลเผิงจูงมือขององค์รัชทายาทหลิงเฮ่อเดินมา ในใจของนางก็กลับมาเบิกบานอีกคร

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่9 ไม่ผ่านการคัดเลือก

    เผิงเจียวเจี๋ยเพียงเห็นสายตาของเว่ยเหวินเซียน อีกทั้งบวกกับคำพูดก่อนหน้าก็พอจะเข้าใจสิ่งที่บุรุษตรงหน้าต้องการจะสื่อ เขาจึงคิดจะเอ่ยแก้ต่างให้ตนเองทว่ากลับไม่ทันเสียแล้ว เมื่อเสียงของอีกฝ่ายดังขึ้น“แต่ดูจากการแต่งตัวของเจ้าแล้ว ตระกูลของเจ้าคงมิอยากให้ตั้นเหม่ยเลือกเจ้ากระมัง หรือไม่ก็เป็นเจ้าที่มั่นใจในตัวเองเกินไปว่าตั้นเหม่ยจะยอมทิ้งต้นไม้งามทั้งผืนป่า เพื่อรอเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าจึงได้แต่งตัวมาลวก ๆ ถึงเพียงนี้” ถึงเว่ยเหวินเซียนจะไม่ได้เอ่ยเสียงดังมากนัก ทว่าน้ำเสียงของเขาบวกกับพลังงานดำมืดในตัวเขากลับแผ่ออกมาอย่างชัดเจนถึงโทสะที่มีอยู่ภายใน“ขอท่านอ๋องอย่าทรงกริ้ว กระหม่อมมิได้คิดเช่นนั้นจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ หากกระหม่อมคิดเช่นนั้นไหนเลยวันนี้จะรีบตามเสด็จองค์รัชทายาทมาเช่นนี้” เผิงเจียวเจี๋ยรีบแก้ตัวทันที“ถึงเรื่องอื่นที่เจียวเจี๋ยกล่าวมา หลานไม่อาจยืนยันได้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน หลานยืนยันแทนเขาได้พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหลิงเฮ่อที่ยืนฟังบุรุษทั้งสองคนอยู่พักใหญ่เอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินเข้ามาหาบุรุษทั้งสองเผิงเจียวเจี๋ยสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันตาเมื่อ

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่8 เจ้าของจวน

    แต่ถึงบุรุษหนุ่มแซ่เผิงจะรู้สึกไม่พอใจป้าสะใภ้มากเพียงไรก็ต้องระงับอารมณ์เอาไว้ เพราะอย่างไรนางก็อาวุโสกว่าอีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าคนนอก เขาจึงทำได้เพียงกลืนความโกรธนั้นลงท้องไป“ขอบคุณท่านป้าสะใภ้ที่เป็นห่วง แต่ร่างกายของข้ามิได้อ่อนแอถึงเพียงนั้น หากเพียงลมหนาวแค่นี้ทำให้ข้ามิอาจออกจากจวนไปที่ใดได้เลย วันหน้าไหนเลยจะเป็นขุนนางรับใช้แว่นแคว้นได้ ท่านปู่ท่านย่าว่าจริงหรือไม่ขอรับ?” เผิงเจียวเจี๋ยกล่าวกับฮูหยินใหญ่เผิงจบก็หันไปถามท่านผู้เฒ่าเผิงและฮูหยินผู้เฒ่าเผิงทันทีชายหญิงชราเมื่อจู่ ๆ ก็ถูกถามอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ไม่อาจหาข้ออ้างมาปฏิเสธได้ จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับไปอย่างไม่อาจบ่ายเบี่ยงบุรุษแซ่เว่ยที่ยืนมองบุรุษหนุ่มแซ่เผิงจัดการผู้อาวุโสในเรือน ถึงกับไม่อาจซ่อนสีหน้าพึงพอใจที่มีเอาไว้ได้ จนองครักษ์ข้างกายถึงขั้นต้องสะกิดเตือนให้เจ้าของตำหนักบูรพาเก็บอาการ“ในเมื่อท่านผู้เฒ่าเผิงกับฮูหยินผู้เฒ่ามิว่ากล่าวอันใด หากเจ้าอยากตามเราไป เช่นนั้นก็ไปกันเถอะ” เว่ยหลิงเฮ่อกล่าวกับเผิงเจียวเจี๋ยจบก็หมุนตัวย่างก้าวเดินไปทางประตูจวนทันทีถึงเจ้าของตำหนักบูรพาจะอยากเล่นงานคนตระกูลเผิงมากกว่าน

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่7 ป้าสะใภ้

    “ท่านคิดว่าข้าโง่ใช่หรือไม่ พระชายาชินอ๋องมีเหตุผลอันใดจะต้องรีบให้ตั้นเหม่ยแต่งงานด้วย?” เผิงเจียวเจี๋ยโต้กลับทันควันองครักษ์คนสนิทขององค์รัชทายาทหัวเราะอย่างขบขันเมื่อได้ยินคำพูดของเผิงเจียวเจี๋ยเมื่อคุณชายรองเผิงได้ยินเสียงขำขันของบุรุษตรงหน้าความคับแค้นในใจก็ยิ่งมากขึ้น ครั้นจะเอ่ยถามให้หายข้องใจก็มิทันแล้ว เมื่ออีกฝ่ายได้เปิดปากเอ่ยขึ้นก่อน“คุณชายรองเผิงมัวแต่ซ่อนตัวอยู่แต่ในเรือนคงไม่รู้ข่าวคราวด้านนอก เช่นนั้นข้าจะบอกคุณชายรองเผิงเพื่อเอาบุญสักครั้ง นั่นเป็นเพราะอีกไม่นานท่านอ๋องกับพระชายาจะเสด็จไปครองแคว้นแล้ว มีหรือพระชายาจะเสด็จไปโดยไม่จัดการเรื่องทางบ้านทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องคู่ครองที่จะมาดูแลน้องสาวอันเป็นที่รัก ดังนั้นหากท่านจะไม่ไปร่วมงานเลี้ยงเพียงเพราะคิดว่าคุณหนูรองเผยจะไม่เลือกบุรุษอื่นแล้วละก็ ข้าว่าท่านต้องพิจารณาให้ดีแล้วล่ะ เนื่องจากก่อนหน้านี้เพราะคุณหนูรองเผยไม่เคยได้พูดคุยกับบุรุษอื่นมาก่อน แต่วันนี้นางจะได้มีโอกาสพูดคุยกับบุรุษมากหน้าหลายตา อีกทั้งทางบ้านของบุรุษเหล่านั้นก็ล้วนยินดีรับนางเป็นลูกสะใภ้เข้าตระกูล แล้วนางจะยังรอบุรุษที่เอาแน่เอานอ

  • ข้ากลายมาเป็นนางร้ายที่ถูกฆ่า   ตอนพิเศษที่6 เผิงเจียวเจี๋ยรู้ความจริง

    พ่อบ้านจวนตระกูลเผิงพาหมอหลวงและเติ้งจื่ออวี๋เดินมายังเรือนของเผิงเจียวเจี๋ย ใบหน้าของเขาซีดมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุดทั้งที่ยามนี้อากาศเริ่มหนาวเย็นมากแล้วแท้ ๆ แต่ทว่าคนทั้งสองที่เดินตามมาก็หาได้คิดจะเอ่ยถามให้ชายชราที่นำทางลำบากใจไม่ เพราะทั้งสองคนที่ตามมาล้วนรู้ดีว่าเป็นคำสั่งของคนเป็นนาย คนที่เป็นบ่าวหรือคนใต้บัญชาอย่างพวกเขาก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น ในเมื่อหัวอกเดียวกันทั้งสองย่อมไม่อยากให้ชายชราที่นำทางมาลำบากใจเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องนอนของเผิงเจียวเจี๋ย พ่อบ้านจวนตระกูลเผิงก็ยิ่งมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมากกว่าเก่า เขาเคาะประตูห้องนอนสองสามทีก่อนเอ่ยด้วยเสียงตะกุกตะกัก“คุณชายรองขอรับ องค์รัชทายาทเป็นห่วงอาการป่วยของคุณชายจึงได้ให้หมอหลวงมาตรวจขอรับ” ชายชราเอ่ยจบหัวใจก็เต้นรัวระส่ำ เพราะความจริงที่ว่าผู้นำตระกูลเผิงหลอกลวงองค์รัชทายาทหลิงเฮ่อคงต้องถูกคุณชายรองเผิงเปิดเผยความจริงออกมาเป็นแน่“เราใกล้หายดีแล้วไม่รบกวนท่านหมอหลวงจะดีกว่า เจ้าพาท่านหมอกลับไปเถิด แล้วขอบพระทัยองค์รัชทายาทแทนเราด้วย อีกอย่างหากไม่มีเรื่องอันใดก็อย่าให้ใครมารบกวนเราอีก เราอยากพักผ่อน” เผิงเจียวเจี๋ยตะโก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status