Share

33: ห้ามห่างแม้เพียงครึ่งศอก [2]

Author: Tuk Kung
last update Last Updated: 2025-08-27 15:26:00

“เจ้าทำแผลเองก็แล้วกัน จัดการตนเองให้เรียบร้อย ถึงจะถอดทั้งหมดข้าก็ไม่มีอารมณ์หรอกนะ อย่าได้หวังจะยั่วยวนข้าได้อีก”

แม้คำพูดจาจิกกัดปากหนักเกินทนทว่าใบหูกลับแดงเรื่อ ทันทีที่โยนอาภรณ์ให้สตรีตรงหน้า เจ้าตัวก็เดินออกจากตัวบ้านไปโดยที่ไม่พูดอะไร ไป๋เหลียนยังไม่ได้โต้ตอบแม้เพียงครึ่งคำ พระรองของนางก็เดินลิ่วไปเสียแล้ว

ช่างเป็นคนที่ปากคอเราะรายนัก อยากรู้เหลือเกินในตอนที่นางเอกโผล่มาเขาจะมีท่าทีเช่นนี้หรือไม่ ต้นฉบับนิยายนางเอกคือองค์หญิงแห่งแคว้นฉิน มีเหตุให้ตัวละครหลักทั้งสามคนต้องพบกันด้วยเหตุการณ์แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้น หลี่มู่กวานั้นหลงรักฉู่หรงตั้งแต่แรกเห็น ถึงขั้นยอมแตกหักกับซิงเยี่ยนคิดพานางเอกหนีการแต่งงาน นำพาให้เขาต้องจบชีวิตลงด้วยมือสหายรักในที่สุด

ซึ่งอีกไม่นานก็จะได้เวลาที่ฉู่หรงปรากฏตัวแล้ว... รักสามเส้า ที่ไม่ว่าใครก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น จะทำอย่างไรถึงจะดึงหลี่มู่กวาออกจากวังวนนั้นได้กันนะ

หลังจากหลุดจากภวังค์ความคิด ไป๋เหลียนนึกขึ้นได้ว่าตนเองมีสภาพดูไม่ดีนัก ไม่แปลกที่ท่านแม่ทัพจะเดินหนีไม่แม้แต่จะเหลียวหลัง ดีที่ขาดเพียงชุดตัวนอกจึงไม่ได้ถึงขั้นโป๊เปลือย กระนั้นก็อดรู้สึกขอบคุณหลี่มู่กวาเสียมิได้ ทั้งที่แค้นเคืองกันออกปานนี้ แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ลากสังขารมาช่วย ไม่เสียแรงที่ยอมสละชีวิตโลกเก่าแล้วตามเขามาถึงที่นี่

พระรองของข้าแสนดีที่หนึ่ง...

(ไรต์: แต่เขาจะมาฆ่าเธอนะไป๋เหลียน / ไป๋เหลียน: ไม่เป็นไรค่ะไรต์ รักเค้า)

นับตั้งแต่วันที่ถูกติงเฉิงลอบทำร้าย คำพูดของหลี่มู่กวาไม่ผิดไปจากที่เขาได้ลั่นวาจาไว้แม้แต่น้อย ห้ามห่างแม้เพียงครึ่งศอก ครึ่งศอกอะไรกันเล่า เรียกได้ว่าตัวติดกันไปไหนไปกันทุกที่ก็ว่าได้ ไม่เว้นแม้แต่เข้าครัวทำอาหาร ไป๋เหลียนได้แต่บ่นอุบให้รู้สึกอึดอัดใจยิ่งนัก จะใช้มิติวิเศษก็ยากเย็นแสนเข็ญ

แม้แต่ยามนอนก็ต้องให้อยู่ใกล้ ๆ ทว่าคำว่าใกล้นั้นมิใช่นอนบนเตียงเดียวกัน หลี่มู่กวาเพียงแค่ให้นางลากฟูกมาติดกับเตียง ห้ามไปไกลเกินกว่าระยะดาบแต่ก็ห้ามให้ตัวนางชิดขอบเตียง

“เช่นนั้นก็ให้ข้าลากที่นอนไว้ที่เดิมไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ” สุดจะทนกับความเอาแต่ใจ ไป๋เหลียนจึงลุกขึ้นมาต่อต้าน แต่ละคืนนอนไม่เต็มอิ่มเอาเสียเลย ต้องถูกปลุกขึ้นมาให้ขยับออกห่าง ห้องก็มีพื้นที่อยู่แค่นี้จะให้นางทำเช่นไร

“ไม่ได้ ข้าไม่ไว้ใจ”

“ถ้าเช่นนั้นท่านควรผ่อนปรนให้ข้าบ้าง จะให้นอนพลิกซ้ายอย่างเดียวใครจะทำได้”

“ไม่ได้ ข้าไม่ไว้ใจเจ้า ประเดี๋ยวละเมอขืนใจข้าขึ้นมาจะทำเช่นไร” หลี่มู่กวายังคงยืนยันคำเดิมใบหน้าจริงจังเกินกว่าจะเป็นการพูดเล่น ทว่าความจริงแล้วเรื่องที่ว่ากลัวนางจะละเมอลุกมาย่ำยี นั่นเป็นเพียงแค่แกล้งเล่น ดูหน้านางปะไรตลกเกินไปแล้ว

“ข้าไม่คุยกับท่านแล้วเจ้าค่ะ จะแทงกันให้ตายก็เชิญ” หญิงสาวล้มเลิกการเจรจานางยังต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บสมุนไพร ไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง

ร่างบางล้มตัวลงนอนพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง ด้วยความหมั่นไส้นางจึงพลิกกายหันหน้าเข้าเตียง ก่อนจะยกขาขึ้นพาดไปบนที่นอนเมื่อรู้สึกถึงการสะดุ้งของอีกฝ่าย นางก็อดขำคิกคักที่ได้เอาคืนเสียมิได้

ศึกแย่งพื้นที่ในคืนนี้จบลงที่เสมอหนึ่งต่อหนึ่ง แม่ทัพหนุ่มเห็นว่าตนเองก็ทำเกินไปจึงไม่ได้ก่อกวนอะไรกันอีก เขาเองก็ง่วงเกินทนไม่มีอารมณ์จะแกล้งเล่นจึงปล่อยไป ถือเสียว่ายกให้นางได้หลับเต็มอิ่มสักวัน กระนั้นก็ใช่ว่าวันอื่นเขาจะยอม

กระทั่งรุ่งเช้าที่ต้องเข้าป่าไปเก็บสมุนไพร หลี่มู่กวาที่อาการบาดเจ็บยังคงน่าเป็นห่วง แม้ไป๋เหลียนจะยืนยันว่านางดูแลตนเองได้ แต่เจ้าตัวก็ยังดึงดันจะตามไปด้วยให้ได้ ทั้งที่ตนเองก็บาดเจ็บยังไม่หายดีแท้ ๆ มิหนำซ้ำยังมีไข้อ่อน ๆ ให้อยู่บ้านนอนพักก็เอาแต่ชักสีหน้าใส่ จนแล้วจนรอดไป๋เหลียนต้องยอมให้

“ท่านแม่ทัพนั่งรออยู่ตรงนี้นะเจ้าคะ” เมื่อเข้าป่ามาถึงจุดที่นางจะต้องเก็บสมุนไพร ไป๋เหลียนได้มองหาที่เหมาะ ๆ สำหรับให้เขานั่งพัก ด้วยแผลที่ปริแตกเมื่อคราวนั้นทำให้รู้ว่ามีบางส่วนที่เริ่มติดเชื้อ จำต้องขูดเนื้อตายออกแล้วทำแผลใหม่ จากที่ควรจะหายกลับต้องทำแผลเก่าให้เป็นแผลสด ไม่ต่างอะไรกับการเริ่มต้นรักษาใหม่

“มู่กวา”

“เจ้าคะ”

“เรียกข้ามู่กวา ข้ามาที่นี่อย่างลับ ๆ จะให้ผู้ใดรู้ฐานะที่แท้จริงได้อย่างไร” ชายหนุ่มตอบกลับทันที มิได้ติดใจเรื่องที่ว่าเหตุใดนางถึงรู้ว่าเขาคือแม่ทัพ ด้วยวันแรกที่พบกันตนสวมชุดเกาะเต็มยศถึงเพียงนั้น หากบอกไม่รู้น่ะสิแปลก

“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าไปเก็บสมุนไพรก่อนนะเจ้าคะ”

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าให้ ก่อนจะทำทีนั่งพิงต้นไม้แล้วหลับไป ทว่าเมื่อร่างเล็กของไป๋เหลียนจากไป เจ้าตัวกลับลืมตาขึ้นพร้อมกับจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา

เหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันมานี้ จากความแค้นมันกลายเป็นว่าเริ่มรู้สึกสงสาร พื้นฐานของไป๋เหลียนก็มิใช่คนเลวร้ายอะไร ออกจะเป็นคนน่าสงสารคนหนึ่งเสียด้วยซ้ำ แล้วอะไรกันที่ทำให้นางถึงขั้นคิดวางยาเขาแล้วกระทำเรื่องอันหยาบช้าในวันนั้น

1 ศอก = 50 เมตร

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   59: ทูตมากเล่ห์ [2]

    “ในที่สุดก็ถึงเวลานี้เสียที ซิงเยี่ยนมาหาข้า” หัวหน้าคณะทูตกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกับกระตุกยิ้ม ทว่าผู้ที่เขาหมายตาอยากจะแก้แค้นมากที่สุด บังอาจมาหยามหน้าตนต่อธารกำนัลจะไม่เอาคืนได้อย่างไรข้างกายเตี่ยซำฮวงก็ยังมีโส่วฮุ่ยผู้ร่วมขบวนการ อำมาตย์งูพิษยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ภูมิใจที่ตนมีส่วนช่วยให้งานครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีเมื่อกายหนาของอ๋องผู้สูงศักดิ์ก้าวออกมาตามคำสั่งด้วยสายตาเหม่อลอย บัดนี้เขาไม่เหมือนคนปกติ ดวงตาเลื่อนลอย เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากเตี่ยซำฮวงก็ไม่อาจขัดขืน ยอมทำตามคำสั่งได้อย่างไม่มีข้อแม้“ข้าหรือก็นึกว่าจะแน่ เจ้าหนูคนอ่อนประสบการณ์เช่นเจ้าจะไปสู้จิ้งจอกอย่างข้าได้หรือ ช่างไม่รู้จักเจียมตัว แล้วข้าจะให้เจ้าเห็นว่าคนจริงเขาทำกันอย่างไร ฮ่า ๆ” ทูตเฒ่าตบเบา ๆ ข้างแก้มอ๋องหนุ่ม ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ปลายเท้าของตน “คุกเข่า”ปึก!เพียงแค่ประโยคเดียวกายหนากลับคุกเข่าลงอย่างว่าง่าย ไม่เหลือคราบอ๋องผู้เกรียงไกรกรำศึกมาทุกสนามรบ การกระทำของซิงเยี่ยนพานทำให้คนทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน ไม่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้“ไม่นึกว่าจะง่ายดายเช่นนี้นะขอรับ” โส่วฮุ่ยกล

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   58: ทูตมากเล่ห์ [1]

    แม้จะเกิดเรื่องราววุ่นวายหลายอย่าง กระนั้นทุกอย่างกลับผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมดแต่ก็สามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ทันเวลา แม้จะไม่หวือหวาเหมือนดั่งตอนแรกแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว“คณะทูตแคว้นฉู่มาถึงแล้ว”เสียงประกาศจากคนเฝ้าประตูด้านนอก ทำให้คนที่คอยท่าอยู่ในห้องรับรองต่างลุกขึ้นยืนรอต้อนรับเหล่าคณะทูตแคว้นฉู่ต่างพากันเดินเรียงรายเข้ามาถึงโถงด้านใน สองฝ่ายประจันหน้าต่างฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากทักทายกัน ยกเว้นก็แต่อำมาตย์โส่วฮุ่ยทั้งนอบน้อมและคอยเอาอกเอาใจฝ่ายตรงข้ามอย่างออกหน้าออกตา“ท่านทูตพวกท่านเดินทางกันมาเหนื่อย ๆ เชิญพักชมการแสดงดื่มกินให้สุขสำราญเถิดขอรับ” อำมาตย์โส่ววิ่งรอกจากตรงนั้นไปตรงนี้ให้วุ่น ไม่แม้แต่จะสนใจบุคคลสำคัญของแคว้นตนเองเลยสักนิด“อืม ดี จัดการได้ดี ไม่นึกว่าแคว้นที่เอาแต่ทำศึกติดต่อกันมานานจะคงมั่งคั่งถึงเพียงนี้ แต่ก็เทียบกับแคว้นฉู่เราไม่ได้ละนะ ของพวกนี้ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น” หัวหน้าคณะทูตแคว้นฉู่ เตี่ยซำฮวง วางท่าโอ้อวดเปรียบเทียบทั้งสองแคว้น มิหนำซ้ำเขายังกล่าวกระทบกระทั่ง คล้ายจะชื่นชมแต่กลับดูแคลนอยู่ในที“งานนี้

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   57: ยากล่อมประสาท [2]

    “เจ้าเข้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่ ท่านแม่ทัพมิได้บอกหรือว่านี่คือเขตหวงห้ามคนนอกห้ามเข้าน่ะ” โส่วฮุ่ยไม่คิดจะให้เกียรติสตรีตรงหน้า เขามองว่าก็แค่สตรีชาวบ้านไร้ชาติตระกูล ยกตนขึ้นมาเป็นฮูหยินแม่ทัพได้คงไม่พ้นใช้เรือนร่าง ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องใส่ใจ“ข้าก็แค่เห็นว่าพวกนางแต่งกายงามนัก จึงอยากจะเข้ามาชื่นชมสักหน่อยเจ้าค่ะ”“เฮอะ! สตรีบ้านนอกไร้ชาติตระกูลก็เช่นนี้ ออกไปได้แล้ว อย่าได้มาก่อความวุ่นวายให้คนอื่น”“อย่างไรเสียท่านผู้นี้คือฮูหยินท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ อย่างไรก็ควรให้ความเคารพกันบ้าง” หลิวซือซือทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของอีกฝ่าย อย่างไรแม่นางไป๋เหลียนก็เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง“พอเถอะซือซือ” หญิงสาวรีบปรามไม่ให้หลิวซือซือ ยามนี้ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ “ต้องขออภัยที่ข้าถือวิสาสะเข้ามาเอง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”“แต่ว่าฮูหยิน เราจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้หรือเจ้าคะ”“ช่างเถอะข้าไม่ได้สนใจ” ที่นางมิได้ใส่ใจคำตำหนิ ก็เพราะตัวนางเองก็มิได้มีชาติตระกูลจริง ทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาต่อปากต่อคำไร้สาระ เรื่องถุงหอมมีพิษสำคัญกว่า“ก็แค่สตรีที่เอาเรือนร่างเข้าแลก มีค่าอะไร

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   56: ยากล่อมประสาท [1]

    พักอยู่เมืองหน้าด่านมาก็หลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่คณะราชทูตแคว้นฉู่เดินทางมาถึงเมืองหน้าด่าน ขบวนของพวกเขานั้นยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา สมกับเป็นแคว้นที่กำลังรุ่งเรืองในเรื่องการค้า แม้จะขึ้นชื่อเรื่องการค้าทว่ากลับอ่อนด้านฝีมือทหาร ที่ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะความมากเล่ห์ จึงไม่แปลกที่แคว้นฉู่มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นต่อแคว้นเป่ยแคว้นฉู่จึงใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อหวังจะได้เปรียบไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาเสนอของมีค่ามากมายเพื่อทำข้อตกลงในการใช้เส้นทางสายไหมของแคว้นเป่ยส่งสินค้า แคว้นเป่ยที่ขาดทรัพย์เพื่อมาฟื้นฟูแว่นแคว้นจึงได้ตกปากรับคำ โดยลดค่าผ่านทางให้แคว้นฉู่หนึ่งในสามส่วนที่ต้องจ่ายในแต่ละปีดังนั้นของที่อยู่บนเกวียนม้ากว่าสามสิบคันรถ พร้อมกับคนคุ้มกันห้าร้อยนายกำลังเคลื่อนขบวนสู่ประตูเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่ามหาศาล ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น ดีอกดีใจที่พวกเขาจะไม่ต้องอดตายในยามศึกสงครามเช่นนี้บัดนี้จวนแม่ทัพกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมต้อนรับเป็นการใหญ่ คนในเรือนคึกคักตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสจัดงานใหญ่ครั้งแรก มีเพียงไป๋เหลียนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย นา

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   55: หน้าด่านฉู่เจียง [2]

    ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้ ไม่มีสตรีใดเข้ามาแทนที่ไป๋เหลียนในใจเขาได้อีกแล้ว และยิ่งได้รู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กับตนในคืนนั้นก็คือนาง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันทั้งนั้นการกระทำของไป๋เหลียนคนก่อนเขาจะให้อภัย แม้ความผิดนางมากนักทว่าความดีที่ทำให้เขาได้พบรักแท้ ถือว่าทุกอย่างลบล้างกันได้ก๊อก ๆ ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังหวานชื่นกันนั้น กลับมีคนเคาะประตูขัดจังหวะเข้าพอดี สองร่างดีดตัวออกห่างกันอย่างรวดเร็ว ได้แต่นึกเสียดายที่มีคนมาขัดช่วงเวลาสำคัญ“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ ข้านำของว่างมาให้เจ้าค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงคนด้านนอกช่างคุ้นหูนัก ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกไป๋เหลียนจึงกระจ่างแล้วว่าน้ำเสียงอันคุ้นหูคือผู้ใดหลิวซือซือพร้อมหญิงรับใช้อีกสองคนยกของเข้ามาในห้อง นางเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มีพระคุณ การได้มาอยู่ที่นี่คือวาสนาของนางแล้ว ทั้งสะดวกสบายและมีคนให้เกียรติ ราวกับเป็นโลกใบใหม่ที่เพิ่งได้เคยสัมผัส“ซือซือเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”“สบายดีเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนได้รับชีวิตใหม่เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสอง ได้โปรดให้ข้า

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   54: หน้าด่านฉู่เจียง [1]

    หลังจากพักอยู่เมืองเจียงเป่ยหนึ่งคืน รุ่งสางคนทั้งสี่ก็ได้ออกเดินทางกลับเมืองหน้าด่านฉู่เจียงทันที เมื่อรู้แล้วว่าผู้ใดคือหนอนบ่อนไส้ คอยแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน เรื่องนี้สำคัญมากซิงเยี่ยนจึงสั่งให้จิ้งกังเป็นผู้ส่งสารให้ถึงมือฝ่าบาทด้วยตนเองอนึ่งเพื่อให้ฝ่าบาทได้วางแผนตั้งรับได้ทันท่วงที พร้อมกับเสนอให้แสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงาม เมื่อได้โอกาสจึงค่อยตลบหลังพวกแคว้นฉู่ในตอนที่พวกมันชะล่าใจหลังจากจิ้งกังตะบึงม้าแยกตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง คนที่เหลือจึงกลับไปรอที่เมืองหน้าด่าน ทว่ากว่าจะไปถึงไป๋เหลียนก็ถึงกับโอดครวญ เป็นครั้งแรกที่นางอยู่บนหลังม้ากว่าครึ่งค่อนวัน ร้าวระบมไปหมดโดยเฉพาะก้นของนาง ที่ต้องกระแทกกับอานม้าเป็นเวลานานดีที่การเดินทางครั้งนี้นางอ้อนขอให้หลี่มู่กวาสอนขี่ม้า เพื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องคอยเป็นภาระผู้อื่น ซิงเยี่ยนเห็นว่ายังพอมีเวลาไม่ต้องเร่งรีบ จึงอนุญาตให้สหายสอนภรรยาขี่ม้าตามต้องการ ด้วยทั้งสองเมืองห่างกันไม่ไกลนัก หากปล่อยม้าเดินเอื่อย ๆ อย่างมากก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม หรือถ้าวิ่งเหยาะ ๆ ก็คงถึงเมืองหน้าด่านค่ำพอดีเมื่อมาถึงเมืองหน้าด่านฉู่เจียง ทุกคนต่างแยกย้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status