Share

34: น้องหญิง [1]

Author: Tuk Kung
last update Last Updated: 2025-08-27 15:26:07

“ส่งมาให้ข้า” เมื่อเห็นว่าไป๋เหลียนเก็บสมุนไพรเสร็จเตรียมจะกลับบ้าน หลี่มู่กวาก็ได้รีบแบมือขอสัมภาระจากนางทันที ขามาไม่ได้ช่วยนั่นเพราะมันเป็นแค่กระบุงเปล่า แต่ขากลับน้ำหนักคงมิใช่น้อย ๆ ตัวหรือก็ผอมบางเกินกว่าจะแบกของหนักได้

“แต่แผลของท่านยังไม่หายดีเลยนะเจ้าคะ ให้ข้าถือเองดีกว่า” ด้วยความเป็นห่วงแผลที่หลังของเขาจะปริแตกอีกรอบ ไป๋เหลียนจึงเอนตัวหลบไม่ให้เขาแย่งกระบุงไปได้ ทว่าสุดท้ายก็ก้าวพลาดเกือบทำให้ล้มหงายหลัง ยังดีที่ท่านแม่ทัพดึงรั้งนางไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นก็คงได้ล้มก้นจ้ำเบ้าเป็นแน่

“พูดไม่รู้ฟัง”

ไป๋เหลียนมองคนตรงหน้าตาปริบ ๆ น้ำเสียงดุดันทว่ากลับแฝงไปด้วยความห่วงใย จะมีใครแสนดีไปมากกว่าพระรองของนางอีกเล่า แต่น่าเสียดายการมาครั้งนี้ก็เพื่อมาฆ่าล้างแค้น

มันคงจะดีไม่น้อยถ้าไอ้กลไกชีวิตเส็งเคร็งนั่นไม่พังแล้วพังอีก ป่านนี้ตนก็คงได้เป็นตัวละครอื่นได้อยู่กับพระรองอย่างแฮปปี้เอนดิ้งไปนานแล้ว มิใช่อยู่ในความสัมพันธ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเช่นนี้

หลังจากแย่งกระบุงมาได้ ชายหนุ่มก็เดินจ้ำอ้าวตามทางกลับบ้าน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันยุ่งอดแปลกใจไม่ได้เหตุใดถึงได้เบานัก เก็บสมุนไพรอยู่ครึ่งค่อนวันอย่างน้อยก็ต้องมีน้ำหนักมากกว่านี้ ด้วยความสงสัยหลี่มู่กวาจึงมองลงไปในกระบุงที่เขาถืออยู่ แต่สิ่งที่พบมีเพียงแค่สมุนไพรเพียงแค่สามกำมือ

“นี่มันอะไรกัน เสียเวลาตั้งครึ่งค่อนวันได้แค่นี้เองหรือ ที่ผ่านมาเจ้ามัวทำอะไรอยู่กันแน่” ชายหนุ่มถึงกับหยุดเดินแล้วหันขวับ จะไม่ให้โมโหได้อย่างไรในเมื่อสมุนไพรพวกนี้ไม่ได้เป็นของหายาก พบเห็นได้ดาษดื่นทั้งผืนป่า เรียกได้ว่าแค่นั่งอยู่ที่เดียวก็ได้เต็มคันรถ แล้วนี่อะไรคิดว่ามีเวลามานั่งเล่นขายของหรืออย่างไร

“ท่านพูดถึงอะไรเจ้าคะ ข้าไม่เห็นเข้าใจ” หญิงสาวตาลีตาเหลือกรีบเข้าไปคว้าเอากระบุงมาถือไว้เสียเอง ก่อนจะทำทีล้วงมือเข้าไปในกระบุงแล้วดึงเอาสมุนไพรจากมิติวิเศษออกมา ยกให้อีกฝ่ายดูให้ชัดเพื่อเป็นการยืนยันว่านางหาได้มากแค่ไหน “สงสัยท่านตาฝาดแล้วกระมัง เห็นหรือไม่มีตั้งครึ่งกระบุงแน่ะ ท่านดูสิเจ้าคะ”

“ไม่ใช่ เมื่อครู่มัน... ข้าเห็นกับตาว่ามันมีแค่สามกำมือไม่ผิดแน่” หลี่มู่กวาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะเถียงไม่ออก เขามั่นใจว่าเมื่อครู่ตนไม่ได้ตาฝาด ตนปกติดีทุกอย่างไม่มีทางมองผิด จะต้องมีอะไรสักอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ ชายหนุ่มหรี่ตามองสตรีตรงหน้าอย่างจับผิด ในเมื่อหาหลักฐานมาโต้แย้งไม่ได้จึงได้แต่ยอมรามือไปก่อน “อืม.. ช่างเถอะข้าคงตาฝาดจริงเหมือนที่เจ้าว่า เรารีบกลับกันเถอะข้าหิวแล้ว”

“เย็นนี้ท่านอยากกินอะไรเจ้าคะ บอกมาได้เลยข้าทำได้ทุกอย่าง” คนมีชนักติดหลังรีบเปลี่ยนเรื่อง นางทำอาหารที่นี่ไม่เก่ง กระนั้นก็มิใช่ปัญหาเอาออกมาจากมิติวิเศษก็สิ้นเรื่อง

“เป็ดตุ๋นน้ำแดงกับสุรารสเลิศ อย่างไร หาให้ข้าได้หรือไม่” เขาก็แค่พูดไปอย่างนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ดั่งเช่นที่กล่าวไป มิใช่ไม่เชื่อว่านางทำได้ ทว่าสุราเลิศรสใช่จะมีถูกปากเขาได้ง่าย ๆ เสียเมื่อไร

“แน่นอนเจ้าค่ะ ล้างท้องรอไว้ได้เลย”

หลี่มู่กวาส่งยิ้มที่ไม่ต่างอะไรกับการแยกเขี้ยวใส่ให้เสียหนึ่งที ก่อนจะแย่งกระบุงไปถือไว้เองอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ตั้งหน้าตั้งตาเดินกลับบ้าน ไป๋เหลียนเห็นว่านางสมควรเงียบปากไว้เป็นดีที่สุด ครั้งนี้รอดตัวไปได้ ทว่าครั้งต่อไปท่านแม่ทัพอาจจะจับทางถูก เกรงว่าอีกไม่นานคงไม่พ้นถูกจับได้เป็นแน่

ร่างบางเดินตามหลังคนตัวโตไม่ห่าง ทว่าเมื่อข้ามสะพานเข้าเขตหมู่บ้านก็ต้องมีเรื่องให้รำคาญใจจนได้ เมื่อซูหนี่กำลังเดินนวยนาดมาแต่ไกล เดาได้ในทันทีว่าคงตั้งใจมาหาเรื่อง จัดการติงเฉิงไปได้แล้วกระนั้นก็ยังเหลือนางจิ้งจอกขี้เรื้อนก่อกวนใจอีกหรือนี่

เมื่อไรข้าจะหลุดพ้นจากคนพวกนี้เสียที...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   59: ทูตมากเล่ห์ [2]

    “ในที่สุดก็ถึงเวลานี้เสียที ซิงเยี่ยนมาหาข้า” หัวหน้าคณะทูตกวาดสายตามองทุกคนพร้อมกับกระตุกยิ้ม ทว่าผู้ที่เขาหมายตาอยากจะแก้แค้นมากที่สุด บังอาจมาหยามหน้าตนต่อธารกำนัลจะไม่เอาคืนได้อย่างไรข้างกายเตี่ยซำฮวงก็ยังมีโส่วฮุ่ยผู้ร่วมขบวนการ อำมาตย์งูพิษยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ภูมิใจที่ตนมีส่วนช่วยให้งานครั้งนี้สำเร็จไปได้ด้วยดีเมื่อกายหนาของอ๋องผู้สูงศักดิ์ก้าวออกมาตามคำสั่งด้วยสายตาเหม่อลอย บัดนี้เขาไม่เหมือนคนปกติ ดวงตาเลื่อนลอย เพียงแค่ได้ยินคำสั่งจากเตี่ยซำฮวงก็ไม่อาจขัดขืน ยอมทำตามคำสั่งได้อย่างไม่มีข้อแม้“ข้าหรือก็นึกว่าจะแน่ เจ้าหนูคนอ่อนประสบการณ์เช่นเจ้าจะไปสู้จิ้งจอกอย่างข้าได้หรือ ช่างไม่รู้จักเจียมตัว แล้วข้าจะให้เจ้าเห็นว่าคนจริงเขาทำกันอย่างไร ฮ่า ๆ” ทูตเฒ่าตบเบา ๆ ข้างแก้มอ๋องหนุ่ม ก่อนจะออกคำสั่งอีกครั้ง แล้วชี้ไปที่ปลายเท้าของตน “คุกเข่า”ปึก!เพียงแค่ประโยคเดียวกายหนากลับคุกเข่าลงอย่างว่าง่าย ไม่เหลือคราบอ๋องผู้เกรียงไกรกรำศึกมาทุกสนามรบ การกระทำของซิงเยี่ยนพานทำให้คนทั้งสองหัวเราะพร้อมกัน ไม่คิดว่าจะจัดการได้ง่ายดายเช่นนี้“ไม่นึกว่าจะง่ายดายเช่นนี้นะขอรับ” โส่วฮุ่ยกล

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   58: ทูตมากเล่ห์ [1]

    แม้จะเกิดเรื่องราววุ่นวายหลายอย่าง กระนั้นทุกอย่างกลับผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมดแต่ก็สามารถทำขึ้นมาใหม่ได้ทันเวลา แม้จะไม่หวือหวาเหมือนดั่งตอนแรกแต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียว“คณะทูตแคว้นฉู่มาถึงแล้ว”เสียงประกาศจากคนเฝ้าประตูด้านนอก ทำให้คนที่คอยท่าอยู่ในห้องรับรองต่างลุกขึ้นยืนรอต้อนรับเหล่าคณะทูตแคว้นฉู่ต่างพากันเดินเรียงรายเข้ามาถึงโถงด้านใน สองฝ่ายประจันหน้าต่างฝ่ายต่างก็หยั่งเชิงซึ่งกันและกัน ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากทักทายกัน ยกเว้นก็แต่อำมาตย์โส่วฮุ่ยทั้งนอบน้อมและคอยเอาอกเอาใจฝ่ายตรงข้ามอย่างออกหน้าออกตา“ท่านทูตพวกท่านเดินทางกันมาเหนื่อย ๆ เชิญพักชมการแสดงดื่มกินให้สุขสำราญเถิดขอรับ” อำมาตย์โส่ววิ่งรอกจากตรงนั้นไปตรงนี้ให้วุ่น ไม่แม้แต่จะสนใจบุคคลสำคัญของแคว้นตนเองเลยสักนิด“อืม ดี จัดการได้ดี ไม่นึกว่าแคว้นที่เอาแต่ทำศึกติดต่อกันมานานจะคงมั่งคั่งถึงเพียงนี้ แต่ก็เทียบกับแคว้นฉู่เราไม่ได้ละนะ ของพวกนี้ก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น” หัวหน้าคณะทูตแคว้นฉู่ เตี่ยซำฮวง วางท่าโอ้อวดเปรียบเทียบทั้งสองแคว้น มิหนำซ้ำเขายังกล่าวกระทบกระทั่ง คล้ายจะชื่นชมแต่กลับดูแคลนอยู่ในที“งานนี้

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   57: ยากล่อมประสาท [2]

    “เจ้าเข้ามาวุ่นวายอะไรที่นี่ ท่านแม่ทัพมิได้บอกหรือว่านี่คือเขตหวงห้ามคนนอกห้ามเข้าน่ะ” โส่วฮุ่ยไม่คิดจะให้เกียรติสตรีตรงหน้า เขามองว่าก็แค่สตรีชาวบ้านไร้ชาติตระกูล ยกตนขึ้นมาเป็นฮูหยินแม่ทัพได้คงไม่พ้นใช้เรือนร่าง ไม่มีค่าอะไรให้เขาต้องใส่ใจ“ข้าก็แค่เห็นว่าพวกนางแต่งกายงามนัก จึงอยากจะเข้ามาชื่นชมสักหน่อยเจ้าค่ะ”“เฮอะ! สตรีบ้านนอกไร้ชาติตระกูลก็เช่นนี้ ออกไปได้แล้ว อย่าได้มาก่อความวุ่นวายให้คนอื่น”“อย่างไรเสียท่านผู้นี้คือฮูหยินท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ อย่างไรก็ควรให้ความเคารพกันบ้าง” หลิวซือซือทนไม่ได้กับความไร้มารยาทของอีกฝ่าย อย่างไรแม่นางไป๋เหลียนก็เป็นถึงฮูหยินท่านแม่ทัพก็ควรจะให้เกียรติกันบ้าง“พอเถอะซือซือ” หญิงสาวรีบปรามไม่ให้หลิวซือซือ ยามนี้ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ “ต้องขออภัยที่ข้าถือวิสาสะเข้ามาเอง เช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว”“แต่ว่าฮูหยิน เราจะยอมง่าย ๆ เช่นนี้หรือเจ้าคะ”“ช่างเถอะข้าไม่ได้สนใจ” ที่นางมิได้ใส่ใจคำตำหนิ ก็เพราะตัวนางเองก็มิได้มีชาติตระกูลจริง ทั้งตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาต่อปากต่อคำไร้สาระ เรื่องถุงหอมมีพิษสำคัญกว่า“ก็แค่สตรีที่เอาเรือนร่างเข้าแลก มีค่าอะไร

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   56: ยากล่อมประสาท [1]

    พักอยู่เมืองหน้าด่านมาก็หลายวัน ในที่สุดก็ถึงวันที่คณะราชทูตแคว้นฉู่เดินทางมาถึงเมืองหน้าด่าน ขบวนของพวกเขานั้นยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา สมกับเป็นแคว้นที่กำลังรุ่งเรืองในเรื่องการค้า แม้จะขึ้นชื่อเรื่องการค้าทว่ากลับอ่อนด้านฝีมือทหาร ที่ยืนหยัดมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะความมากเล่ห์ จึงไม่แปลกที่แคว้นฉู่มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าตนเองจะต้องเป็นต่อแคว้นเป่ยแคว้นฉู่จึงใช้การแลกเปลี่ยนเพื่อหวังจะได้เปรียบไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง พวกเขาเสนอของมีค่ามากมายเพื่อทำข้อตกลงในการใช้เส้นทางสายไหมของแคว้นเป่ยส่งสินค้า แคว้นเป่ยที่ขาดทรัพย์เพื่อมาฟื้นฟูแว่นแคว้นจึงได้ตกปากรับคำ โดยลดค่าผ่านทางให้แคว้นฉู่หนึ่งในสามส่วนที่ต้องจ่ายในแต่ละปีดังนั้นของที่อยู่บนเกวียนม้ากว่าสามสิบคันรถ พร้อมกับคนคุ้มกันห้าร้อยนายกำลังเคลื่อนขบวนสู่ประตูเมือง ล้วนแล้วแต่เป็นของมีค่ามหาศาล ชาวบ้านชาวเมืองต่างพากันตื่นเต้น ดีอกดีใจที่พวกเขาจะไม่ต้องอดตายในยามศึกสงครามเช่นนี้บัดนี้จวนแม่ทัพกำลังยุ่งวุ่นวายกับการเตรียมต้อนรับเป็นการใหญ่ คนในเรือนคึกคักตื่นเต้นที่ได้รับโอกาสจัดงานใหญ่ครั้งแรก มีเพียงไป๋เหลียนที่ไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย นา

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   55: หน้าด่านฉู่เจียง [2]

    ในสายตาของแม่ทัพหนุ่มตอนนี้ ไม่มีสตรีใดเข้ามาแทนที่ไป๋เหลียนในใจเขาได้อีกแล้ว และยิ่งได้รู้ว่าคนที่มีสัมพันธ์กับตนในคืนนั้นก็คือนาง เพียงเท่านี้เขาก็พอใจแล้ว ไม่มีอะไรติดค้างต่อกันทั้งนั้นการกระทำของไป๋เหลียนคนก่อนเขาจะให้อภัย แม้ความผิดนางมากนักทว่าความดีที่ทำให้เขาได้พบรักแท้ ถือว่าทุกอย่างลบล้างกันได้ก๊อก ๆ ระหว่างที่คนทั้งคู่กำลังหวานชื่นกันนั้น กลับมีคนเคาะประตูขัดจังหวะเข้าพอดี สองร่างดีดตัวออกห่างกันอย่างรวดเร็ว ได้แต่นึกเสียดายที่มีคนมาขัดช่วงเวลาสำคัญ“ฮูหยิน ท่านแม่ทัพ ข้านำของว่างมาให้เจ้าค่ะ”“เข้ามาได้” เสียงคนด้านนอกช่างคุ้นหูนัก ทว่าเมื่อประตูถูกเปิดออกไป๋เหลียนจึงกระจ่างแล้วว่าน้ำเสียงอันคุ้นหูคือผู้ใดหลิวซือซือพร้อมหญิงรับใช้อีกสองคนยกของเข้ามาในห้อง นางเผยยิ้มกว้างเมื่อเห็นผู้มีพระคุณ การได้มาอยู่ที่นี่คือวาสนาของนางแล้ว ทั้งสะดวกสบายและมีคนให้เกียรติ ราวกับเป็นโลกใบใหม่ที่เพิ่งได้เคยสัมผัส“ซือซือเป็นเช่นไรบ้าง เจ้าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่”“สบายดีเจ้าค่ะฮูหยิน ข้าได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเหมือนได้รับชีวิตใหม่เลยเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทนบุญคุณท่านทั้งสอง ได้โปรดให้ข้า

  • ข้ากลายเป็นตัวประกอบที่ตื่นมาในอ้อมกอดของพระรอง   54: หน้าด่านฉู่เจียง [1]

    หลังจากพักอยู่เมืองเจียงเป่ยหนึ่งคืน รุ่งสางคนทั้งสี่ก็ได้ออกเดินทางกลับเมืองหน้าด่านฉู่เจียงทันที เมื่อรู้แล้วว่าผู้ใดคือหนอนบ่อนไส้ คอยแฝงตัวได้อย่างแนบเนียน เรื่องนี้สำคัญมากซิงเยี่ยนจึงสั่งให้จิ้งกังเป็นผู้ส่งสารให้ถึงมือฝ่าบาทด้วยตนเองอนึ่งเพื่อให้ฝ่าบาทได้วางแผนตั้งรับได้ทันท่วงที พร้อมกับเสนอให้แสร้งทำเป็นเห็นดีเห็นงาม เมื่อได้โอกาสจึงค่อยตลบหลังพวกแคว้นฉู่ในตอนที่พวกมันชะล่าใจหลังจากจิ้งกังตะบึงม้าแยกตัวมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง คนที่เหลือจึงกลับไปรอที่เมืองหน้าด่าน ทว่ากว่าจะไปถึงไป๋เหลียนก็ถึงกับโอดครวญ เป็นครั้งแรกที่นางอยู่บนหลังม้ากว่าครึ่งค่อนวัน ร้าวระบมไปหมดโดยเฉพาะก้นของนาง ที่ต้องกระแทกกับอานม้าเป็นเวลานานดีที่การเดินทางครั้งนี้นางอ้อนขอให้หลี่มู่กวาสอนขี่ม้า เพื่อว่าในภายภาคหน้าจะได้ไม่ต้องคอยเป็นภาระผู้อื่น ซิงเยี่ยนเห็นว่ายังพอมีเวลาไม่ต้องเร่งรีบ จึงอนุญาตให้สหายสอนภรรยาขี่ม้าตามต้องการ ด้วยทั้งสองเมืองห่างกันไม่ไกลนัก หากปล่อยม้าเดินเอื่อย ๆ อย่างมากก็ใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม หรือถ้าวิ่งเหยาะ ๆ ก็คงถึงเมืองหน้าด่านค่ำพอดีเมื่อมาถึงเมืองหน้าด่านฉู่เจียง ทุกคนต่างแยกย้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status