LOGINเยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา
“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง
“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”
“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหาร
แต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว
“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้
ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่างไรก็ไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้ ก่อนนางจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“ตะ ติดแล้ว” ตะบันไฟในมือเพียงถูกลมก็เกิดประกายไฟเล็กๆ ขึ้น
เยี่ยนอิงจึงเบาลมในตะบันไฟในมือ ก่อนจะรีบใช้หญ้าแห้งที่วางรวมอยู่กับกองฟืนติดไฟแล้วยัดเข้าไปภายในเตา นางใส่ฟืนเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งจ้องอย่างรอคอยว่าเมื่อใด มันจะติดเสียที
กว่าไฟจะติดก็เล่นเอาเยี่ยนอิงนางหงุดหงิดไม่น้อย พาลให้นึกถึงเครื่องครัวในโลกของนาง หากมีใช้จะดีสักเพียงใด
“พี่อิง เปิดประตูเรือนให้ข้าหน่อยเจ้าคะ” เสียงใสตะโกนเรียกเยี่ยนอิงอยู่ที่หน้าเรือน
เยี่ยนอิงที่กำลังผัดอาหารอยู่ในกระทะ นางจึงได้รีบผัดแล้วเทใส่จานไว้ก่อน ที่จะเดินออกไปดู
“อาเหมยรึ” นางร้องถาม ก่อนจะเปิดประตูออกไปดู
“ฮ่า ฮ่า เหตุใดใบหน้าของท่านจึงเป็นเช่นนั้นเล่า” อาเหมยหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นใบหน้าของเยี่ยนอิงเปื้อนไปด้วยเขม่าดำหลายแห่งบนใบหน้า
“เอ่อ...มันเป็นอันใดรึ” เยี่ยนอิงลูบใบหน้าของนาง ยิ่งทำให้เปื้อนมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮ่า ฮ่า พอแล้ว ท่านไม่ต้องจับแล้ว หน้าท่านมีแต่ขี้เถ้าอย่างไรเล่า มา...ข้าจะยกอาหารเข้าไปด้านใน ส่วนท่านไปล้างก่อนเถิดเจ้าค่ะ” อาเหมยเดินถือชาวอาหารเข้าไปด้านใน เสียงหัวเราะขบขันของนางก็ยังดังไม่หยุด
จมูกน้อยๆ ของอาเหมยเชิดขึ้นสูดกลิ่นอาหารอย่างสนใจ
“พี่อิงท่านทำสิ่งใดรึ เหตุใดถึงได้มีกลิ่นหอมมากเพียงนี้” นางวางชามลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วหันมาถามเยี่ยนอิงอย่างสนใจ
“หากเจ้าอยากกิน แบ่งไปดีหรือไม่ ข้ากับเซินเออร์คงกินกันไม่หมด” อาหารที่อาเหมยนำมาให้ก็ไม่น้อยเลย
“ท่านช่างดีกับข้านัก” นางกระโดดเข้ามากอดแขนของเยี่ยนอิงอย่างออดอ้อน
ทั้งสองเดินไปที่ครัว เยี่ยนอิงจึงตักอาหารให้อาเหมยลองกินก่อนว่าถูกปากนางหรือไม่
“อร่อย อร่อยกว่าที่ท่านย่ากับท่านแม่ของข้าทำอีกเจ้าค่ะ”
“หากเจ้าชอบก็เอาชามนี้ไปก่อน ประเดี๋ยวข้าทำใหม่” ของนางเยอะแยะ จะมาหวงกินเพื่ออันใด
“แต่ว่า...หากข้านำเนื้อในชามไปจนหมดท่านจะมีกินรึ” อาหารที่เยี่ยนอิงทำ ใส่เนื้อไว้ไม่น้อยเลย อาเหมยจึงลังเลด้วยรู้ว่าสองพี่น้องตระกูลฟู่ลำบาก จึงไม่คิดจะแย่งของกินของพวกเขา
“เอาไปเถิด ข้ายังมีอีก ไม่เชื่อเจ้าก็หันไปดู” เยี่ยนอิงชี้นิ้วไปที่โต๊ะในครัว
ด้านบนนอกจากผักแล้ว ยังมีเนื้อที่นางหมักไว้อีกสองชิ้น เพื่อจะทำเนื้อย่างให้เสี่ยวไป๋
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้ากลับก่อนเล่า ที่เรือนคงรอข้ากินข้าวแล้ว” นางโบกมือน้อยๆ อย่างยินดี ก่อนจะเร่งฝีเท้ากลับออกจากเรือนของเยี่ยนอิงไป
เยี่ยนอิงนางจึงต้องมาเริ่มทำอาหารใหม่อีกครั้ง เนื้อที่นางชี้ให้อาเหมยดูเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เตรียมไว้ให้เสี่ยวไป๋ ก่อนที่นางจะเดินไปเปิดประตูเรือน นางได้เก็บของเข้าไปในช่องเก็บของก่อนแล้ว
พอเสี่ยวไป๋พาซานเซินออกมา อาหารทั้งหมดก็วางไว้พร้อมอยู่ที่โต๊ะแล้ว
ส่วนเยี่ยนอิงตอนนี้นางกำลังมองห้องน้ำด้วยความรู้สึกหลากหลาย ด้านในมีหลุดที่ถูกขุดไว้เพื่อขับถ่าย ด้านข้างมีโอ่งที่มีน้ำอยู่เพียงแค่ก้นโอ่งว่างอยู่
“พี่หญิง ข้ากลับมาแล้วขอรับ” ซานเซินวิ่งมาหาเยี่ยนอิงที่อยู่ด้านหลังของเรือน
ก็เห็นแผ่นหลังของพี่สาวที่ห่อเหี่ยวมองห้องน้ำอยู่ด้านนอก แต่ไม่ยอมเดินเข้าไปด้านใน
“เกิดอันใดขึ้นขอรับ” เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ
“ขะ ข้า...ว่าจะอาบน้ำ” ตามความทรงจำเดิม นางต้องไปหาบน้ำจากลำธารมาเติมใส่โอ่งไว้ใช้งาน บางครั้งก็จะเป็นซานเซินที่ไปหาบมา
“ฮ่า ฮ่า หน้าของท่าน เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ขอรับ” เขาหัวเราะออกมาเสียท้องแข็ง เมื่อเยี่ยนอิงหันใบหน้ากลับมาหาซานเซิน
“ฮ่า ฮ่า นายหญิง ท่านจุดไฟเช่นใดถึงได้มอมแมมเช่นนี้ขอรับ” เสี่ยวไป๋ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“พวกเจ้าหยุดเลย ข้าจะไปหาบน้ำก่อน พวกเจ้าไปรอในเรือน ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“ท่านไปอาบน้ำในมิติดีหรือไม่ จะได้ไม่ต้องออกไปหาบน้ำให้เหนื่อย ข้าอยากกินเนื้อแล้วขอรับ” เสี่ยวไป๋เลียปากของมัน
เมื่อครู่ที่ออกมาจากมิติ มันได้กลิ่นเนื้อย่างที่เยี่ยนอิงทำ ก็แทบจะอดใจไว้ไม่ไหวแล้ว
“อืม ดีเหมือนกัน” เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
นางเดินกลับไปในห้องเพื่อนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยน ก่อนจะรีบเข้าไปในมิติ นางหวังว่า ห้องน้ำภายในมิติคงไม่เป็นเช่นที่เรือนของนาง
“อืม...ดีกว่าด้านนอกไม่น้อยเลย” ห้องน้ำภายในเรือนพักอยู่ในห้องนอนของใครของมันเลย
ทั้งยังแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ระหว่างห้องอาบน้ำกับห้องขับถ่าย เช่นนี้แล้วเยี่ยนอิงนางค่อยทำใจได้หน่อย
อีกอย่างที่สร้างความประหลาดใจให้นางเห็นจะเป็นห้องขับถ่าย เมื่อนางลองถ่ายเบาปรากฏว่า ของเสียเมื่อลงไปอยู่ด้านล่างแล้วก็หายไปทันที
“ว้าวววว มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วย” นางร้องออกมาอย่างยินดี
ก่อนจะรีบล้างตัวแล้วออกไปด้านนอก ด้วยซานเซินและเสี่ยวไป๋คงกำลังรอให้นางไปกินมื้อเย็นอยู่
“ท่านช้านัก” เสี่ยวไป๋บ่นออกมา พอเยี่ยนอิงนั่งลงในตำแหน่งของนาง
เนื้อย่างชิ้นโตก็ลงไปอยู่ในคอของมันทันที “อร่อย เหตุใดข้าไปเคยรู้มาก่อนว่าเนื้อย่างอร่อยเพียงนี้” มันเลียปากอย่างพอใจ
ไม่ใช่เพียงแค่เสี่ยวไป๋เท่านั้นที่พอใจกับรสชาติอาหารที่เยี่ยนอิงนางทำ แม้แต่ซานเซินเขาก็เอาแต่ก้มหน้าอยู่ที่ชามอาหาร มิได้เงยหน้าขึ้นมาสนทนาเลย มีเพียงแค่ตอนที่ขอข้าวเพิ่มจากเยี่ยนอิงเท่านั้น ที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองนาง
“ค่อยๆ กิน หากไม่อิ่มพี่จะทำเพิ่มให้เจ้าอีก”
“พี่หญิง เมื่อก่อนไม่เห็นว่าฝีมือท่านจะทำอาหารได้อร่อยเพียงนี้เลยขอรับ” เขามองนางอย่างแปลกใจ
“หึ แล้วจะต้องทำของอร่อยให้คนพวกนั้นกินได้อย่างไรเล่า เจ้ากินเข้าไปเถิด” นางเลื่อนชามเนื้อย่างในส่วนของนางไปให้ซานเซิน
“ท่านไม่กินรึ”
“ข้าอิ่มแล้ว เจ้ากินเถิด” เพียงแค่เห็นเขากินอย่างมีความสุขนางก็อิ่มเสียแล้ว
หลิวเลี่ยงเฟิ่งเชยคางของฟู่จูอิ๋งขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตไว้แน่น จุมพิตครั้งนี้ของเขา ราวกับอยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ให้นางได้รู้ ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง ความคิดถึงทั้งหมดของภพที่แล้วที่มี อยู่ในจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นาง“แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าท่านพ่อเพิ่มองครักษ์แล้วรึ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย“ข้าย่อมมีหนทาง นอนพักเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“หากมีคนมาเห็นเล่า”“ข้าจะออกไปก่อนฟ้าสว่าง อาม่านให้ข้าได้นอนพักหน่อยเถิด ข้ามิได้นอนดีๆ มาหลายวันแล้ว” เขาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะดึงตัวนางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นพอเห็นคนในอ้อมแขนหลับไปแล้ว หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้แต่นอนมองนางอย่างเป็นสุข เมื่อชาติก่อน แม้แต่หลับฝันยังไม่กล้าจะคิด เขาต้องขอบคุณสวรรค์เพียงใด ที่ยอมให้เขาได้กลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นผ่านเรื่องร้ายมาได้สองเดือน จวนตระกูลฟู่และตระกูลหลิวก็มีงานมงคลเกิดขึ้นผู้ตรวจการหลิวอยู่ในชุดมงคลนั่งบนหลังม้าสง่ามารับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ภาพความทรงจำตอนที่ไปรับสวีอวี้หรันเข้าจวน ตัวเขาเองก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว และไม่คิดจะจำอีกด้วยตอนกราบลาบิด
หลิวเลี่ยงเฟิ่ง มิกล้าพูดออกมา ว่าเป็นเพราะตัวเขา ตระกูลสวีคงต้องการให้สวีอวี้หรันแต่งเข้าตระกูลหมาน ผู้ใดเล่าจะไม่ต้องการบุตรเขยที่เป็นถึงผู้ตรวจการนครหลวงไปเสริมบารมีให้จวนตนเอง“อีกหนึ่งชั่วยาม ท่านไปรอที่ว่าการได้เลยขอรับ ข้าน้อยคงต้องออกไปช่วยตามหาคุณหนูสวีอีกแรง อาชวี่เจ้าไปกับข้า”“เหตุใดข้าต้องไปด้วยเล่า” ฟู่ชวี่ไม่เข้าใจ เขามีเหตุผลอะไรถึงต้องไปช่วยตามคนที่คิดร้ายกับน้องสาวของเขาด้วย“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง”นายท่านฟู่ยังไม่ทันถามเลยว่า แล้วเหตุใดสวีอวี้หรันนางถึงได้ถูกลักพาตัวไปแทนบุตรสาวของตนได้ หลิวเลี่ยงเฟิ่งก็พาฟู่ชวี่เดินออกจากห้องโถงไปเสียแล้ว“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ฟู่ชวี่เอ่ยถามออกมาเมื่อทางที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งพาเดินมา เป็นป่าที่อยู่ด้านหลังทิศตะวันตก มิใช่เส้นทางที่จะออกนอกเมือง เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าออกมาตามหาคนได้อย่างไร ด้วยคนร้ายก็คงไม่โง่จับตัวคนมาซ่อนเอาไว้ใกล้หูใกล้ตาเช่นนี้แน่“ข้าสั่งให้คนจับตัวคุณหนูสวีนางมาซ่อนเอาไว้ ข้าอยากให้นางได้รับรู้ว่าหากอาม่านนางถูกจับตัวไป นางจะต้องหวาดกลัวมากเพียงใด” ฟู่ชวี่เข้าใจสหายของตนได้ทันทีเพียงเดินเข้าไปในป่าไม่ได้ไกลมากน
ครั้งนี้เขารุนแรงกับนางไปหน่อย ด้วยโมโหที่คิดว่านางจะต้องไปเป็นสตรีของผู้อื่นเช่นชาติที่แล้ว หน้าของอู๋หยวนก็ไม่เคยได้พบเห็น แต่รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกรถม้าของฟู่จูอิ๋งเคลื่อนตัวได้ช้า ทำให้หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้ลงโทษนางจนพอใจ“บวมหมดแล้ว” หลิวเลี่ยงเฟิ่งมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่ออย่างสงสาร“ก็ท่านมิใช่รึ ที่ทำข้า” ฟู่จูอิ๋งต้องใช้ผ้าปิดหน้าที่นางเตรียมมาแต่ไม่คิดว่าจะใช้ ปิดบังสิ่งที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งทำไว้หลิวเลี่ยงเฟิ่งลงจากรถม้าก่อนที่รถม้าจะมาหยุดลงที่หน้าโรงน้ำชา สถานที่ ที่ฟู่จูอิ๋งนัดพบกับสวีอวี้หรันพอหลิวเลี่ยงเฟิ่งเห็นสวีอวี้หรันมองมาทางตนอย่างหลงใหล เขาก็มองตอบนางอย่างรังเกียจโดยไม่ปิดบังเมื่อชาติที่แล้ว เขามิได้สังเกตการณ์กระทำของนาง พอมาตอนนี้จึงได้เข้าใจว่าทุกครั้งที่นางต้องการพบเจอเขา จะใช้ฟู่จูอิ๋งมาเป็นข้ออ้าง“คารวะพี่เฟิ่งเจ้าค่ะ”“เรียกข้าผู้ตรวจการหลิวเถิด หากผู้อื่นมาได้ยินจะเข้าใจผิดได้ คำเรียกขานนี้ ข้าให้อาม่านนางเรียกข้าได้เพียงผู้เดียว” ใบหน้าของสวีอวี้หรันซีดเผือดทันที ยิ่งสายตาของเขาที่มองนางอย่างโกรธแค้น หรือว่าจะรู้แผนการที่นางวางเอาไว้แล้ว“พี่เฟิ่ง ท่านพ
“คุณชาย คุณชายขอรับ หากตื่นสายกว่านี้ จะไม่ทันไปรับคุณหนูฟู่นะขอรับ”เสียงบ่าวร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมทั้งเสียงเคาะประตูระรัว ปลุกให้หลิวเลี่ยงเฟิ่ง ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเขามองไปรอบห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรือนพักเก่า ที่เขาใช้อยู่ก่อนที่จะแต่งสวีอวี้หรันเข้ามาในจวนเขานั่งพิงหัวเตียงนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังนอนรอความตายอยู่บนเตียงอยู่เลยหลิวเพ่ยหมินผู้เป็นบุตรชาย ยังจับมือเขาไม่ห่าง และสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะฝังร่างของเขาใกล้สุสานตระกูลฟู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความปรารถนาสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ฟู่จูอิ๋งในภพชาติหน้าเป็นจริงหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ยังจำคำพูดสุดท้ายที่เยี่ยนอิงนางมาพบเขาก่อนตายได้ดี“ผู้ตรวจการหลิว ภพหน้าที่ท่านปรารถนามีจริง ข้าหวังว่าท่านจะตามหาท่านแม่ข้าเจอ แต่ท่านคงไม่เชื่อ ว่าข้า...คือคนที่ข้ามภพมาจากภพอื่น”เยี่ยนอิงเพียงต้องการให้เขาเชื่อว่าชาติภพมีจริง หากแรงปรารถนาของเขาแข็งแกร่งมากพอ นางเชื่อว่าเขาจะต้องได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ใช้สายตาที่พร่ามัว จ้องมองภาพของเยี่ยนอ
วันที่สามของการแต่งงาน เยี่ยนอิงกลับบ้านเดิม พร้อมข้าวของที่ตระกูลหมานจัดเตรียมเอาไว้ให้นางหลายคันรถม้า แม้จะบอกแล้วว่าที่จวนตระกูลฟู่มิได้ขาดแคลนสิ่งใด แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของพ่อแม่สามี นางจึงมิอยากจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ“พวกเจ้า กลับมาค้างที่จวนหมานบ่อยๆ เล่า” ฮูหยินหมานเอ่ยออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองจะย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง จนกว่าจวนท่านแม่ทัพจะปรับปรุงเรียบร้อย“ได้เจ้าค่ะ ข้าอยู่ห่างไปเพียงสองตรอกเท่านั้น หากท่านแม่คิดถึงท่านพี่ ข้าจะให้คนมารับท่านไปพักด้วยกันสักหลายวันหน่อย”ฮูหยินหมานรู้ในความหมายของเยี่ยนอิง นางมิได้ชวนไปพักที่จวนตระกูลฟู่ แต่ชวนเข้าไปพักในมิติต่างหาก“ท่านพี่ ไปวันนี้เลยดีหรือไม่” ฮูหยินหมานหันไปเอ่ยถามสามี“อีกสองวันเถิด ข้าจะพาเจ้าไป” นายท่านหมานถอนหายใจออกมา กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นภรรยาเยี่ยนอิงได้แต่อมยิ้มมองแม่สามีของนางงอนพ่อสามี ก่อนจะเอ่ยลากลับจวนตระกูลฟู่คนตระกูลฟู่ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดไปทำงาน แม้แต่ซานเซินที่ไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนยังขอหยุดเพื่อรอรับพี่สาวอยู่ที่จวน“พี่หญิง!!!” เขาร้องเรียกอย่างยินดี พร
สายตาของหมานจื้อจ้าน จ้องมองร่างงามที่เปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย“จะมองอีกนานหรือไม่” เยี่ยนอิงกระดิกนิ้วอย่างเชื้อเชิญ“ไม่มองแล้ว” หมานจื้อจ้านรีบถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนเตียงเสียงใสของเยี่ยนอิงที่หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่เกิดจากความเสียวซ่านที่ได้รับเรียวลิ้นร้ายของหมานจื้อจ้านกวาดเลียไปทุกส่วนของร่างกายเยี่ยนอิง ราวกับมาจะประทับร่องรอยของเขาไว้บนเรือนร่างงามของนางนิ้วมือของเขาลูบไล้เรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหาย เมื่อเล้าโลมนางจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว นิ้วร้ายของก็หยอกล้ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามอย่างเชี่ยวชาญ“อ๊า....” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้น ยามที่หมานจื้อจ้านส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของนางลิ้นของเขาก็ตวัดดูดกลืนเนินเนื้องามอย่างที่เคยหมายเอาไว้อย่างอดยาก มือด้านล่างก็เร่งจังหวะให้นางได้เสร็จสมเร็วขึ้น ด้วยตัวเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว“ชะ ช้า หน่อย” เยี่ยนอิงกัดฟันแน่น เมื่อหมานจื้อจ้านกดลำทวนของเขาเข้ามาในช่องทางรักจนเกือบจะมิดลำทวนในคราเดียว“เจ็บหรือไม่” เขาจูบที่ขมับของนาง“มะ ไม่” เยี่ยนอิงไม่ได้มีความรู้สึกเจ







