เยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา
“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง
“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”
“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหาร
แต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว
“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้
ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่างไรก็ไม่เข้าใจถึงวิธีการใช้ ก่อนนางจะถอนหายใจออกมาอย่างแรง
“ตะ ติดแล้ว” ตะบันไฟในมือเพียงถูกลมก็เกิดประกายไฟเล็กๆ ขึ้น
เยี่ยนอิงจึงเบาลมในตะบันไฟในมือ ก่อนจะรีบใช้หญ้าแห้งที่วางรวมอยู่กับกองฟืนติดไฟแล้วยัดเข้าไปภายในเตา นางใส่ฟืนเข้าไปด้านใน ก่อนจะนั่งจ้องอย่างรอคอยว่าเมื่อใด มันจะติดเสียที
กว่าไฟจะติดก็เล่นเอาเยี่ยนอิงนางหงุดหงิดไม่น้อย พาลให้นึกถึงเครื่องครัวในโลกของนาง หากมีใช้จะดีสักเพียงใด
“พี่อิง เปิดประตูเรือนให้ข้าหน่อยเจ้าคะ” เสียงใสตะโกนเรียกเยี่ยนอิงอยู่ที่หน้าเรือน
เยี่ยนอิงที่กำลังผัดอาหารอยู่ในกระทะ นางจึงได้รีบผัดแล้วเทใส่จานไว้ก่อน ที่จะเดินออกไปดู
“อาเหมยรึ” นางร้องถาม ก่อนจะเปิดประตูออกไปดู
“ฮ่า ฮ่า เหตุใดใบหน้าของท่านจึงเป็นเช่นนั้นเล่า” อาเหมยหัวเราะเสียงดัง เมื่อเห็นใบหน้าของเยี่ยนอิงเปื้อนไปด้วยเขม่าดำหลายแห่งบนใบหน้า
“เอ่อ...มันเป็นอันใดรึ” เยี่ยนอิงลูบใบหน้าของนาง ยิ่งทำให้เปื้อนมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮ่า ฮ่า พอแล้ว ท่านไม่ต้องจับแล้ว หน้าท่านมีแต่ขี้เถ้าอย่างไรเล่า มา...ข้าจะยกอาหารเข้าไปด้านใน ส่วนท่านไปล้างก่อนเถิดเจ้าค่ะ” อาเหมยเดินถือชาวอาหารเข้าไปด้านใน เสียงหัวเราะขบขันของนางก็ยังดังไม่หยุด
จมูกน้อยๆ ของอาเหมยเชิดขึ้นสูดกลิ่นอาหารอย่างสนใจ
“พี่อิงท่านทำสิ่งใดรึ เหตุใดถึงได้มีกลิ่นหอมมากเพียงนี้” นางวางชามลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วหันมาถามเยี่ยนอิงอย่างสนใจ
“หากเจ้าอยากกิน แบ่งไปดีหรือไม่ ข้ากับเซินเออร์คงกินกันไม่หมด” อาหารที่อาเหมยนำมาให้ก็ไม่น้อยเลย
“ท่านช่างดีกับข้านัก” นางกระโดดเข้ามากอดแขนของเยี่ยนอิงอย่างออดอ้อน
ทั้งสองเดินไปที่ครัว เยี่ยนอิงจึงตักอาหารให้อาเหมยลองกินก่อนว่าถูกปากนางหรือไม่
“อร่อย อร่อยกว่าที่ท่านย่ากับท่านแม่ของข้าทำอีกเจ้าค่ะ”
“หากเจ้าชอบก็เอาชามนี้ไปก่อน ประเดี๋ยวข้าทำใหม่” ของนางเยอะแยะ จะมาหวงกินเพื่ออันใด
“แต่ว่า...หากข้านำเนื้อในชามไปจนหมดท่านจะมีกินรึ” อาหารที่เยี่ยนอิงทำ ใส่เนื้อไว้ไม่น้อยเลย อาเหมยจึงลังเลด้วยรู้ว่าสองพี่น้องตระกูลฟู่ลำบาก จึงไม่คิดจะแย่งของกินของพวกเขา
“เอาไปเถิด ข้ายังมีอีก ไม่เชื่อเจ้าก็หันไปดู” เยี่ยนอิงชี้นิ้วไปที่โต๊ะในครัว
ด้านบนนอกจากผักแล้ว ยังมีเนื้อที่นางหมักไว้อีกสองชิ้น เพื่อจะทำเนื้อย่างให้เสี่ยวไป๋
“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ เช่นนั้นข้ากลับก่อนเล่า ที่เรือนคงรอข้ากินข้าวแล้ว” นางโบกมือน้อยๆ อย่างยินดี ก่อนจะเร่งฝีเท้ากลับออกจากเรือนของเยี่ยนอิงไป
เยี่ยนอิงนางจึงต้องมาเริ่มทำอาหารใหม่อีกครั้ง เนื้อที่นางชี้ให้อาเหมยดูเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เตรียมไว้ให้เสี่ยวไป๋ ก่อนที่นางจะเดินไปเปิดประตูเรือน นางได้เก็บของเข้าไปในช่องเก็บของก่อนแล้ว
พอเสี่ยวไป๋พาซานเซินออกมา อาหารทั้งหมดก็วางไว้พร้อมอยู่ที่โต๊ะแล้ว
ส่วนเยี่ยนอิงตอนนี้นางกำลังมองห้องน้ำด้วยความรู้สึกหลากหลาย ด้านในมีหลุดที่ถูกขุดไว้เพื่อขับถ่าย ด้านข้างมีโอ่งที่มีน้ำอยู่เพียงแค่ก้นโอ่งว่างอยู่
“พี่หญิง ข้ากลับมาแล้วขอรับ” ซานเซินวิ่งมาหาเยี่ยนอิงที่อยู่ด้านหลังของเรือน
ก็เห็นแผ่นหลังของพี่สาวที่ห่อเหี่ยวมองห้องน้ำอยู่ด้านนอก แต่ไม่ยอมเดินเข้าไปด้านใน
“เกิดอันใดขึ้นขอรับ” เขาเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ
“ขะ ข้า...ว่าจะอาบน้ำ” ตามความทรงจำเดิม นางต้องไปหาบน้ำจากลำธารมาเติมใส่โอ่งไว้ใช้งาน บางครั้งก็จะเป็นซานเซินที่ไปหาบมา
“ฮ่า ฮ่า หน้าของท่าน เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ขอรับ” เขาหัวเราะออกมาเสียท้องแข็ง เมื่อเยี่ยนอิงหันใบหน้ากลับมาหาซานเซิน
“ฮ่า ฮ่า นายหญิง ท่านจุดไฟเช่นใดถึงได้มอมแมมเช่นนี้ขอรับ” เสี่ยวไป๋ก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
“พวกเจ้าหยุดเลย ข้าจะไปหาบน้ำก่อน พวกเจ้าไปรอในเรือน ข้าจะรีบไปรีบกลับ”
“ท่านไปอาบน้ำในมิติดีหรือไม่ จะได้ไม่ต้องออกไปหาบน้ำให้เหนื่อย ข้าอยากกินเนื้อแล้วขอรับ” เสี่ยวไป๋เลียปากของมัน
เมื่อครู่ที่ออกมาจากมิติ มันได้กลิ่นเนื้อย่างที่เยี่ยนอิงทำ ก็แทบจะอดใจไว้ไม่ไหวแล้ว
“อืม ดีเหมือนกัน” เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
นางเดินกลับไปในห้องเพื่อนำเสื้อผ้าไปเปลี่ยน ก่อนจะรีบเข้าไปในมิติ นางหวังว่า ห้องน้ำภายในมิติคงไม่เป็นเช่นที่เรือนของนาง
“อืม...ดีกว่าด้านนอกไม่น้อยเลย” ห้องน้ำภายในเรือนพักอยู่ในห้องนอนของใครของมันเลย
ทั้งยังแบ่งสัดส่วนอย่างชัดเจน ระหว่างห้องอาบน้ำกับห้องขับถ่าย เช่นนี้แล้วเยี่ยนอิงนางค่อยทำใจได้หน่อย
อีกอย่างที่สร้างความประหลาดใจให้นางเห็นจะเป็นห้องขับถ่าย เมื่อนางลองถ่ายเบาปรากฏว่า ของเสียเมื่อลงไปอยู่ด้านล่างแล้วก็หายไปทันที
“ว้าวววว มีเรื่องดีเช่นนี้ด้วย” นางร้องออกมาอย่างยินดี
ก่อนจะรีบล้างตัวแล้วออกไปด้านนอก ด้วยซานเซินและเสี่ยวไป๋คงกำลังรอให้นางไปกินมื้อเย็นอยู่
“ท่านช้านัก” เสี่ยวไป๋บ่นออกมา พอเยี่ยนอิงนั่งลงในตำแหน่งของนาง
เนื้อย่างชิ้นโตก็ลงไปอยู่ในคอของมันทันที “อร่อย เหตุใดข้าไปเคยรู้มาก่อนว่าเนื้อย่างอร่อยเพียงนี้” มันเลียปากอย่างพอใจ
ไม่ใช่เพียงแค่เสี่ยวไป๋เท่านั้นที่พอใจกับรสชาติอาหารที่เยี่ยนอิงนางทำ แม้แต่ซานเซินเขาก็เอาแต่ก้มหน้าอยู่ที่ชามอาหาร มิได้เงยหน้าขึ้นมาสนทนาเลย มีเพียงแค่ตอนที่ขอข้าวเพิ่มจากเยี่ยนอิงเท่านั้น ที่เขาเงยหน้าขึ้นมามองนาง
“ค่อยๆ กิน หากไม่อิ่มพี่จะทำเพิ่มให้เจ้าอีก”
“พี่หญิง เมื่อก่อนไม่เห็นว่าฝีมือท่านจะทำอาหารได้อร่อยเพียงนี้เลยขอรับ” เขามองนางอย่างแปลกใจ
“หึ แล้วจะต้องทำของอร่อยให้คนพวกนั้นกินได้อย่างไรเล่า เจ้ากินเข้าไปเถิด” นางเลื่อนชามเนื้อย่างในส่วนของนางไปให้ซานเซิน
“ท่านไม่กินรึ”
“ข้าอิ่มแล้ว เจ้ากินเถิด” เพียงแค่เห็นเขากินอย่างมีความสุขนางก็อิ่มเสียแล้ว
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ นางหูซื่อก็เดินมาถึงเรือนตระกูลกวน ด้วยก่อนหน้านี้ปู่กวนให้หลานชายไปตามนางมาพบ"อิงเออร์ เซินเออร์” นางเห็นหลานทั้งสองนั่งอยู่ภายในห้องโถงตระกูลกวน ก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งสวมกอดทั้งสองด้วยความคิดถึง“ท่านย่า/ท่านย่า” เยี่ยนอิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรักที่นางหูซื่อมีต่อเจ้าของร่างเดิมและน้องชายของนาง“พวกเจ้าได้กินอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้” นางมองหลานทั้งสองอย่างปวดใจหากผู้เป็นสามียังมีชีวิตอยู่ บุตรชายคนโตคงไม่กล้ารังแกหลานทั้งสอง เป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้“ท่านย่า ท่านไม่ต้องห่วงข้ากับเซินเออร์เจ้าค่ะ เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปกับป้าตู้แล้วพบของดีเข้า ได้เงินมาไม่น้อย จึงคิดจะนำเงินมาตอบแทนท่านเจ้าค่ะ”“ตอบแทนอันใดกัน ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย” พอนึกถึงเรื่องในหนเก่า นางหูซื่อก็ร้องออกมาอย่างปวดใจ บุตรชายคนรองของนางและลูกสะใภ้ ต่างตกตายกันไปสิ้น เหลือเพียงหลานทั้งสองให้ดูต่างหน้า แต่นางก็ไม่อาจดูแลพวกเขาได้คนที่อยู่ในห้องโถง ต่างมองย่าหลานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ“เอาเถิด ที่เรียกเจ้ามาก็ด้วยเรื่องนี
เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอกด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ซานเซินจะเคยได้ลิ้มลองเนื้อบ้างหรือไม่ รูปร่างของซานเซินมีเพียงเยี่ยนอิงและเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่จะมองออกนางจึงได้รู้ว่า น้องชายของนางยามนี้ ความสูงของเขาเพิ่มจากเดิมไม่น้อยแล้ว ไหนจะแก้มที่แดงระเรื่อเช่นคนสุขภาพดี ต่อจากนี้เพียงขุนเขาให้มีเนื้อเพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะน่าเอ็นดูเพียงใดเยี่ยนอิงและซานเซินกำลังกินอาหารเย็น เรือนตระกูลตู้ก็กินเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ลองชิมอาหารฝีมือของเยี่ยนอิง อาหารที่ป้าตู้และลูกสะใภ้นางทำไว้ก็แทบจะไม่พร่องลงเลย“ข้าเพิ่งรู้ว่าอิงเออร์นางมีฝีมือมากเพียงนี้” ลุงตู้เลียริมฝีปาก เขาอยากจะกินอาหารของเยี่ยนอิงอีก“จริงขอรับท่านพ่อ เช่นนี้อิงเออร์ นางเปิดเหลาอาหารได้เลย” บุตรชายของลุงตู้เอ่ยออกมาอีกคน“พวกท่านแย่งข้ากินหมดเลย ข้าอุตส่าห์หน้าหนาไปขอพี่อิงมา” อาเหมยนั่งหน้าบูดเมื่อนางคีบอาหารไม่ทันคนอื่น“หากเจ้าชอบฝีมือของพี่อิงของเจ้า อาเหมยเจ้าไปขอให้นางมาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าดีหรือไม่” กวนซื่อ ลูกสะใภ้ของป้าตู้เอ่ยบอกบุตรสาว“จริงด้วย พี่เฉียว ท่านไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยาเลยเจ้าค่ะ” อาเหมยหันไปหาพี่ชายของนาง“เจ้าพูดอันใดของเจ้า อย่าได้พูดเช่นนี้ให้ผ
เยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหารแต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่า
ตลอดทางที่เดินทางกลับหมู่บ้าน ป้าตู้พูดคุยเรื่องซื้อที่ดินเพิ่มกับเยี่ยนอิง ทั้งถามว่านางจะซ่อมแซมบ้านหรือไม่“อิงเออร์ เจ้าคิดจะทำหรือไม่ หากเจ้าต้องการซื้อที่ดินหรือซ่อมแซมเรือน ข้าจะให้ลุงตู้ของเจ้าออกหน้าให้”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดจะพาเซินเออร์ย้ายมาอยู่ในเมือง ต่อไปข้าจะให้เขาเข้าสำนักศึกษา หากยังอยู่ในหมู่บ้านคงเดินทางไปกลับไม่สะดวกนัก” นางสอบถามคนในเมืองแล้ว หากต้องการซื้อเรือนต้องไปติดต่อที่ใด“สวรรค์ เจ้าออกไปอยู่สองคนกับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นรึ” ป้าตู้ร้องออกมาด้วยความตกใจทั้งสองที่เป็นเพียงเด็กน้อย จะออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังได้อย่างไร หากรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านก็ยังมีนางและสามีคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่“เจ้าค่ะ ข้าคิดจะทำการค้าด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อสอนข้าเอาไว้ไม่น้อย ในเมื่อมีเงินแล้วก็อยากจะหาทางเพิ่มให้มีมากขึ้น มิใช่อยู่ใช้เงินที่ได้มาจนหมด ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่”“เงินตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้าใช้จนตายก็ยังไม่หมด” ป้าตู้ถลึงตามองเยี่ยนอิง เมื่อนางพูดว่าสักวันเงินที่มีอยู่จะหมดไป“...” เยี่ยนอิงมิได้พูดสิ่งใด นางเพียงอมยิ้มมองป้าตู้หากป้าตู้ได้รู้ว่าวันนี้เยี่ยนอ
“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย”