LOGINนางเริ่มมองสำรวจภายในมิติ นอกจากแปลงสมุนไพรขนาดใหญ่แล้ว ยังมีเรือนหลังเล็กอยู่ด้วย ด้านข้างเรือนมีลำธารที่ไหลผ่านไปทางด้านหลังแปลงสมุนไพร
เยี่ยนอิงนางจึงได้รู้ว่า สมุนไพรที่เสี่ยวไป๋เก็บมาจากภายในถ้ำทั้งหมด ยังคงปลูกลงดินภายในมิติได้เช่นเดิม มิได้เก็บเข้าไปอยู่ภายในช่องเก็บของอย่าที่นางเข้าใจ
หากนางต้องการนำไปใช้เมื่อใด นางก็สามารถเข้ามาเก็บไปได้ทุกเมื่อ ด้วยของทุกสิ่งในตอนนี้ก็ล้วนแต่เป็นของนางแล้วเช่นกัน
สัตว์น้อยใหญ่ภายในมิติ เริ่มจะโผล่หน้าออกมามองเยี่ยนอิงอย่างสนใจ ทั้งหมดรับรู้ได้ถึงการมาถึงของผู้เป็นนายคนใหม่
“นี่คือนายหญิงแห่งมิติ” เสี่ยวไป๋เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์อื่น มันก็แผ่รังสีอันน่าเกรงขามออกมา
“คารวะนายหญิงขอรับ/เจ้าค่ะ” เสียงของสัตว์ทั้งหมดดังไปทั่วมิติ พร้อมทั้งก้มหัวลงให้เยี่ยนอิงที่ยืนมองพวกมันด้วยความตกตะลึง
แม้จะมีลูกน้องในความดูแลเมื่อชาติก่อนหลายร้อยคน นางยังไม่ตกตะลึงเท่ากับสัตว์มากมายก้มหัวให้นางในตอนนี้เลย
“ฝะ ฝากตัวด้วย” เยี่ยนอิงยกมือขึ้นมา พร้อมทั้งยิ้มแห้งๆ
เสี่ยวไป๋ใช้อุ้งเท้าของมันตบลงที่บ่าของเยี่ยนอิงเบาๆ “ท่านพูดให้มันดูน่าเกรงขามหน่อย”
“อย่างไรเล่า” นางถลึงตามองเสี่ยวไป๋
“ช่างเถิด...ข้าจะพานายหญิงออกไปแล้ว หากพวกเจ้ามีปัญหาสิ่งใดในมิติก็ส่งกระแสจิตแจ้งข้าก็แล้วกัน” เสี่ยวไป๋พาเยี่ยนอิงออกไปทันทีหลังจากที่มันพูดจบ
เยี่ยนอิงเสียดายไม่น้อย นางยังไม่ได้สำรวจมิติเลยก็ถูกเสี่ยวไป๋พาออกมาด้านนอกแล้ว
“ฟ้าจะสว่างแล้ว ท่านก็ควรจะเตรียมตัวลงเขาได้แล้วขอรับ”
“แล้วเจ้าจะเดินไปพร้อมข้าด้วยร่างนี้รึ” นางมองร่างที่ใหญ่โตของเสี่ยวไป๋ หากไปแบบนี้ชาวบ้านได้ตกใจจนตายแน่
“ท่านมิต้องห่วง ร่างกายของข้าทำให้เล็กหรือใหญ่ได้ตามแต่ใจต้องการ ท่านห่วงตนเองเถิด”
“เรื่องใด” เยี่ยนอิงหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ
“ท่านลองไปดูรูปร่างของท่านในบ่อน้ำก่อน แล้วท่านจะรู้ได้เอง”
เยี่ยนอิงรีบเดินไปชะโงกหน้าดูที่บ่อน้ำตามคำเตือนของเสี่ยวไป๋ นางเกือบจะกรีดร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อได้เห็นใบหน้าของตนเอง
มันเหมือนใบหน้าของนางในชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน แต่ดูเหมือนจะงามมากกว่าเดิมเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนเลย
รูปร่างสัดส่วนก็ดูเหมือนจะขยายขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ที่นางเพิ่งจะเข้ามาสวมร่าง ร่างเดิมของฟู่เยี่ยนอิงแทบจะเหลือแต่กระดูก ใบหน้าก็ซูบผอมจนน่าสงสาร ทั้งรูปร่างยังเหมือนเด็กสิบสองหนาว ไม่ใช่เป็นสาวสะพรั่งเช่นในตอนนี้
“แล้วจะทำเช่นใดดี” หากนางออกไปด้วยสภาพเช่นนี้ ชาวบ้านจะต้องสงสัยเป็นแน่
“ข้าจัดการเอง” เสี่ยวไป๋ยกอุ้งเท้าขึ้นมาขีดเขียนผ่านอากาศแสงสีทองที่ออกมาจากปลายนิ้วเล็กป้อมของมัน หมุนวนอยู่รอบตัวของเยี่ยนอิงก่อนจะจางหายไป
พอนางชะโงกหน้าดูในบ่อน้ำอีกครั้ง ร่างกายก็กลับมามอมเมา ผอมแห้งเช่นเดิมแล้ว
“เจ้าร้ายกาจนัก” นางยิ้มกว้างมองเสี่ยวไป๋อย่างชื่นชม
“อะแฮ่ม เรื่องง่ายเพียงนี้ ไม่นับว่าเก่งอันใด” มันเชิดหน้าขึ้นอย่างโอ้อวด ก่อนจะให้เยี่ยนอิงกระโดดขึ้นมานั่งบนหลังของมัน
เสี่ยวไป๋ทะยานออกไปจากปากถ้ำอย่างรวดเร็ว เมื่อเยี่ยนอิงหันไปมอง นางก็เห็นว่าปากถ้ำที่เคยมีก่อนหน้า ถูกหมอกปกคลุมจนมองไม่รู้ถึงการมีอยู่ของมันเสียแล้ว
เสี่ยวไป๋มิได้วิ่งออกไปพ้นเขตของป่า มันพาเยี่ยนอิงมาหยุดอยู่ที่ชายป่าด้านนอก ก่อนจะหดขนาดตัวให้เล็กลง เป็นเพียงแค่ลูกเสือขาวเท่านั้น หากผู้อื่นมองดูก็คงได้คิดว่ามันเป็นลูกแมว
เพียงแค่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนร่างให้เล็กลง เสียงของชาวบ้านที่กำลังออกตามหาเยี่ยนอิงก็ตะโกนร้องเรียกชื่อของนางดังลั่นไปทั่วป่า
เยี่ยนอิงอุ้มเสี่ยวไป๋ขึ้นแนบอก ก่อนจะวิ่งไปตามเสียงที่กำลังเรียกหานาง พอเริ่มเห็นกลุ่มคน เยี่ยนอิงก็ลดฝีเท้าลง เปลี่ยนเป็นเดินกะเผลกแทน
“อิงเออร์ สวรรค์!!! นางอยู่ทางนั้น” ชาวบ้านชี้มือมาทางที่เยี่ยนอิงกำลังเดินออกไปอยู่
“ข้าอยู่นี้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยตอบรับเสียงเบา ราวกับว่ากำลังป่วยหนัก
“เจ้าหายไปที่ใดมา แล้วขึ้นเขาผู้เดียวได้อย่างไร แล้วเจ้าไปอยู่ที่ไหนมาตลอดทั้งคืน” ป้าตู้เอ่ยตำหนินาง ทั้งยังรีบเดินมาดูสำรวจว่าเยี่ยนอิงนางได้รับบาดเจ็บที่ใดอีกด้วย
ป้าตู้ เรือนของนางอยู่ติดกับเรือนพักของสองพี่น้องตระกูลฟู่ นางมักจะพาเยี่ยนอิงและซานเซินขึ้นเขาพร้อมนางอยู่เสมอ
เมื่อวานตอนเย็น ซานเซินที่เห็นว่าพี่สาวยังไม่กลับมาที่เรือน จึงได้แบกร่างที่ป่วยหนักของเขาไปขอให้ป้าตู้ช่วยเหลือ
แม้ป้าตู้จะอยากออกตามหาเยี่ยนอิงตั้งแต่เมื่อวานแล้วก็ไม่อาจทำได้ ด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หลังจากที่นางรู้เรื่อง จึงทำให้ต้องรอตามหาในวันรุ่งขึ้น
พอฟ้าใกล้สว่างป้าตู้จึงไปขอร้องผู้นำหมู่บ้านให้ช่วยกันจัดคนออกตามหาเยี่ยนอิงทันที เพียงเดินเข้าเขตป่าชั้นนอกมาได้เพียงเล็กน้อย ก็พบร่างของเยี่ยนอิงที่กำลังเดินออกมาแล้ว
“ข้าพลัดตกเขาเจ้าค่ะ แต่มิได้บาดเจ็บมากนัก ข้าเห็นว่าฝนทำท่าจะตกจึงได้หาที่หลบพอฟ้าสว่าง ข้าจึงได้รีบออกมาเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงรีบบอกเล่าทุกสิ่ง แต่นางไม่ได้บอกเรื่องถ้ำ ด้วยกลัวชาวบ้านจะคิดว่านางโกหก
“ดีแล้ว ดีแล้วที่เจ้าไม่เป็นอันใด” ป้าตู้ลูบคลำเนื้อตัวของเยี่ยนอิงอยู่นานกว่าจะยอมปล่อยตัวของนาง
“ขอบคุณทุกท่านมากเจ้าค่ะ ขออภัยที่ทำให้เป็นห่วง” นางก้มหัวให้ชาวบ้านที่มาตามหานาง
“คราวหลังเจ้าอย่าได้ออกมาเพียงลำพังเช่นนี้อีก แล้วเจ้าขึ้นเขามาทำอันใด” ผู้นำหมู่บ้านกวน เอ่ยถามเยี่ยนอิง ทั้งมองนางอย่างเห็นใจ
“เซินเออร์ล้มป่วยเจ้าค่ะ ข้าต้องการหาสมุนไพรไปขายเพื่อพาน้องชายไปหาหมอ”
“หากมีเรื่องใดอีกให้ไปหาปู่ที่เรือน อย่าได้ทำให้ตนเองอยู่ในอันตรายอีกเด็ดขาด” ปู่กวนถอนหายใจออกมา สองพี่น้องล้วนปากหนักทั้งคู่ พวกเขาไม่เคยร้องขอหรือทำให้ผู้ใดต้องลำบากใจเลยสักครั้ง แม้เขาจะสั่งไว้แล้วว่าหากมีเรื่องเดือดร้อนให้มาบอกก็ตาม
“ขอบคุณท่านปู่กวนมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงก้มหัวให้
ชาวบ้านเมื่อเห็นว่าเยี่ยนอิงไม่ได้รับอันตรายต่างก็แยกย้ายไปทำงานของตนต่อ ป้าตู้เดินพาเยี่ยนอิงมาส่งถึงเรือน นางจึงได้สังเกตเห็นว่าในอ้อมแขนของเยี่ยนอิงมีสัตว์อยู่ด้วย
“นั่นเจ้าไปเอาแมวมาจากที่ใด”
“มันเดินตามข้ามาเจ้าค่ะ ข้าจึงได้อุ้มมันกลับมาด้วย”
“อิงเออร์เอ๋ย อิงเออร์ เจ้ากับน้องก็แทบจะกินหินกินดินอยู่แล้ว ยังจะเอามาเลี้ยงให้ลำบาก” ป้าตู้ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ท่านป้า ต่อไปข้าไม่ลำบากแล้วเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงแบมือให้ป้าตู้ดูสิ่งที่อยู่ในมือของนาง
ระหว่างทางที่เดินกลับกันมา เยี่ยนอิงเอ่ยถามเสี่ยวไป๋ว่าภายในมิติมีสมุนไพรใดที่พอจะแบ่งให้ป้าตู้ได้บ้างหรือไม่
จากความทรงจำเดิมของฟู่เยี่ยนอิง นางจึงได้รู้ว่าป้าตู้ดูแลสองพี่น้องดีไม่น้อย ทั้งยังเป็นห่วงมาดูว่าอยู่กันเช่นใดแทบจะทุกวัน นางจึงคิดที่จะตอบแทนความดีของป้าตู้สักเล็กน้อย
ไม่ใช่เพียงป้าตู้ที่นิ่งอึ้งเมื่อเห็น โสมมือของเยี่ยนอิง แม้แต่นางก็ตกใจเช่นกัน ที่เสี่ยวไป๋นำโสมอายุนับร้อยปีออกมาให้ป้าตู้
“เจ้าไม่มีหัวเล็กกว่านี้หรือไง” เยี่ยนอิงใช้สื่อสารกับเสี่ยวไป๋ผ่านทางจิต
“มันเล็กที่สุดแล้วนายหญิง ท่านให้นางไปเถิด ข้ามีอีกมากท่านก็เห็น”
“แล้วข้าจะบอกนางเช่นใดเล่า”
หลิวเลี่ยงเฟิ่งเชยคางของฟู่จูอิ๋งขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตไว้แน่น จุมพิตครั้งนี้ของเขา ราวกับอยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ให้นางได้รู้ ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง ความคิดถึงทั้งหมดของภพที่แล้วที่มี อยู่ในจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นาง“แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าท่านพ่อเพิ่มองครักษ์แล้วรึ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย“ข้าย่อมมีหนทาง นอนพักเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“หากมีคนมาเห็นเล่า”“ข้าจะออกไปก่อนฟ้าสว่าง อาม่านให้ข้าได้นอนพักหน่อยเถิด ข้ามิได้นอนดีๆ มาหลายวันแล้ว” เขาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะดึงตัวนางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นพอเห็นคนในอ้อมแขนหลับไปแล้ว หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้แต่นอนมองนางอย่างเป็นสุข เมื่อชาติก่อน แม้แต่หลับฝันยังไม่กล้าจะคิด เขาต้องขอบคุณสวรรค์เพียงใด ที่ยอมให้เขาได้กลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นผ่านเรื่องร้ายมาได้สองเดือน จวนตระกูลฟู่และตระกูลหลิวก็มีงานมงคลเกิดขึ้นผู้ตรวจการหลิวอยู่ในชุดมงคลนั่งบนหลังม้าสง่ามารับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ภาพความทรงจำตอนที่ไปรับสวีอวี้หรันเข้าจวน ตัวเขาเองก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว และไม่คิดจะจำอีกด้วยตอนกราบลาบิด
หลิวเลี่ยงเฟิ่ง มิกล้าพูดออกมา ว่าเป็นเพราะตัวเขา ตระกูลสวีคงต้องการให้สวีอวี้หรันแต่งเข้าตระกูลหมาน ผู้ใดเล่าจะไม่ต้องการบุตรเขยที่เป็นถึงผู้ตรวจการนครหลวงไปเสริมบารมีให้จวนตนเอง“อีกหนึ่งชั่วยาม ท่านไปรอที่ว่าการได้เลยขอรับ ข้าน้อยคงต้องออกไปช่วยตามหาคุณหนูสวีอีกแรง อาชวี่เจ้าไปกับข้า”“เหตุใดข้าต้องไปด้วยเล่า” ฟู่ชวี่ไม่เข้าใจ เขามีเหตุผลอะไรถึงต้องไปช่วยตามคนที่คิดร้ายกับน้องสาวของเขาด้วย“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง”นายท่านฟู่ยังไม่ทันถามเลยว่า แล้วเหตุใดสวีอวี้หรันนางถึงได้ถูกลักพาตัวไปแทนบุตรสาวของตนได้ หลิวเลี่ยงเฟิ่งก็พาฟู่ชวี่เดินออกจากห้องโถงไปเสียแล้ว“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ฟู่ชวี่เอ่ยถามออกมาเมื่อทางที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งพาเดินมา เป็นป่าที่อยู่ด้านหลังทิศตะวันตก มิใช่เส้นทางที่จะออกนอกเมือง เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าออกมาตามหาคนได้อย่างไร ด้วยคนร้ายก็คงไม่โง่จับตัวคนมาซ่อนเอาไว้ใกล้หูใกล้ตาเช่นนี้แน่“ข้าสั่งให้คนจับตัวคุณหนูสวีนางมาซ่อนเอาไว้ ข้าอยากให้นางได้รับรู้ว่าหากอาม่านนางถูกจับตัวไป นางจะต้องหวาดกลัวมากเพียงใด” ฟู่ชวี่เข้าใจสหายของตนได้ทันทีเพียงเดินเข้าไปในป่าไม่ได้ไกลมากน
ครั้งนี้เขารุนแรงกับนางไปหน่อย ด้วยโมโหที่คิดว่านางจะต้องไปเป็นสตรีของผู้อื่นเช่นชาติที่แล้ว หน้าของอู๋หยวนก็ไม่เคยได้พบเห็น แต่รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกรถม้าของฟู่จูอิ๋งเคลื่อนตัวได้ช้า ทำให้หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้ลงโทษนางจนพอใจ“บวมหมดแล้ว” หลิวเลี่ยงเฟิ่งมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่ออย่างสงสาร“ก็ท่านมิใช่รึ ที่ทำข้า” ฟู่จูอิ๋งต้องใช้ผ้าปิดหน้าที่นางเตรียมมาแต่ไม่คิดว่าจะใช้ ปิดบังสิ่งที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งทำไว้หลิวเลี่ยงเฟิ่งลงจากรถม้าก่อนที่รถม้าจะมาหยุดลงที่หน้าโรงน้ำชา สถานที่ ที่ฟู่จูอิ๋งนัดพบกับสวีอวี้หรันพอหลิวเลี่ยงเฟิ่งเห็นสวีอวี้หรันมองมาทางตนอย่างหลงใหล เขาก็มองตอบนางอย่างรังเกียจโดยไม่ปิดบังเมื่อชาติที่แล้ว เขามิได้สังเกตการณ์กระทำของนาง พอมาตอนนี้จึงได้เข้าใจว่าทุกครั้งที่นางต้องการพบเจอเขา จะใช้ฟู่จูอิ๋งมาเป็นข้ออ้าง“คารวะพี่เฟิ่งเจ้าค่ะ”“เรียกข้าผู้ตรวจการหลิวเถิด หากผู้อื่นมาได้ยินจะเข้าใจผิดได้ คำเรียกขานนี้ ข้าให้อาม่านนางเรียกข้าได้เพียงผู้เดียว” ใบหน้าของสวีอวี้หรันซีดเผือดทันที ยิ่งสายตาของเขาที่มองนางอย่างโกรธแค้น หรือว่าจะรู้แผนการที่นางวางเอาไว้แล้ว“พี่เฟิ่ง ท่านพ
“คุณชาย คุณชายขอรับ หากตื่นสายกว่านี้ จะไม่ทันไปรับคุณหนูฟู่นะขอรับ”เสียงบ่าวร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมทั้งเสียงเคาะประตูระรัว ปลุกให้หลิวเลี่ยงเฟิ่ง ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเขามองไปรอบห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรือนพักเก่า ที่เขาใช้อยู่ก่อนที่จะแต่งสวีอวี้หรันเข้ามาในจวนเขานั่งพิงหัวเตียงนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังนอนรอความตายอยู่บนเตียงอยู่เลยหลิวเพ่ยหมินผู้เป็นบุตรชาย ยังจับมือเขาไม่ห่าง และสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะฝังร่างของเขาใกล้สุสานตระกูลฟู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความปรารถนาสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ฟู่จูอิ๋งในภพชาติหน้าเป็นจริงหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ยังจำคำพูดสุดท้ายที่เยี่ยนอิงนางมาพบเขาก่อนตายได้ดี“ผู้ตรวจการหลิว ภพหน้าที่ท่านปรารถนามีจริง ข้าหวังว่าท่านจะตามหาท่านแม่ข้าเจอ แต่ท่านคงไม่เชื่อ ว่าข้า...คือคนที่ข้ามภพมาจากภพอื่น”เยี่ยนอิงเพียงต้องการให้เขาเชื่อว่าชาติภพมีจริง หากแรงปรารถนาของเขาแข็งแกร่งมากพอ นางเชื่อว่าเขาจะต้องได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ใช้สายตาที่พร่ามัว จ้องมองภาพของเยี่ยนอ
วันที่สามของการแต่งงาน เยี่ยนอิงกลับบ้านเดิม พร้อมข้าวของที่ตระกูลหมานจัดเตรียมเอาไว้ให้นางหลายคันรถม้า แม้จะบอกแล้วว่าที่จวนตระกูลฟู่มิได้ขาดแคลนสิ่งใด แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของพ่อแม่สามี นางจึงมิอยากจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ“พวกเจ้า กลับมาค้างที่จวนหมานบ่อยๆ เล่า” ฮูหยินหมานเอ่ยออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองจะย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง จนกว่าจวนท่านแม่ทัพจะปรับปรุงเรียบร้อย“ได้เจ้าค่ะ ข้าอยู่ห่างไปเพียงสองตรอกเท่านั้น หากท่านแม่คิดถึงท่านพี่ ข้าจะให้คนมารับท่านไปพักด้วยกันสักหลายวันหน่อย”ฮูหยินหมานรู้ในความหมายของเยี่ยนอิง นางมิได้ชวนไปพักที่จวนตระกูลฟู่ แต่ชวนเข้าไปพักในมิติต่างหาก“ท่านพี่ ไปวันนี้เลยดีหรือไม่” ฮูหยินหมานหันไปเอ่ยถามสามี“อีกสองวันเถิด ข้าจะพาเจ้าไป” นายท่านหมานถอนหายใจออกมา กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นภรรยาเยี่ยนอิงได้แต่อมยิ้มมองแม่สามีของนางงอนพ่อสามี ก่อนจะเอ่ยลากลับจวนตระกูลฟู่คนตระกูลฟู่ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดไปทำงาน แม้แต่ซานเซินที่ไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนยังขอหยุดเพื่อรอรับพี่สาวอยู่ที่จวน“พี่หญิง!!!” เขาร้องเรียกอย่างยินดี พร
สายตาของหมานจื้อจ้าน จ้องมองร่างงามที่เปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย“จะมองอีกนานหรือไม่” เยี่ยนอิงกระดิกนิ้วอย่างเชื้อเชิญ“ไม่มองแล้ว” หมานจื้อจ้านรีบถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนเตียงเสียงใสของเยี่ยนอิงที่หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่เกิดจากความเสียวซ่านที่ได้รับเรียวลิ้นร้ายของหมานจื้อจ้านกวาดเลียไปทุกส่วนของร่างกายเยี่ยนอิง ราวกับมาจะประทับร่องรอยของเขาไว้บนเรือนร่างงามของนางนิ้วมือของเขาลูบไล้เรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหาย เมื่อเล้าโลมนางจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว นิ้วร้ายของก็หยอกล้ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามอย่างเชี่ยวชาญ“อ๊า....” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้น ยามที่หมานจื้อจ้านส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของนางลิ้นของเขาก็ตวัดดูดกลืนเนินเนื้องามอย่างที่เคยหมายเอาไว้อย่างอดยาก มือด้านล่างก็เร่งจังหวะให้นางได้เสร็จสมเร็วขึ้น ด้วยตัวเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว“ชะ ช้า หน่อย” เยี่ยนอิงกัดฟันแน่น เมื่อหมานจื้อจ้านกดลำทวนของเขาเข้ามาในช่องทางรักจนเกือบจะมิดลำทวนในคราเดียว“เจ็บหรือไม่” เขาจูบที่ขมับของนาง“มะ ไม่” เยี่ยนอิงไม่ได้มีความรู้สึกเจ







