เยี่ยนอิงยังคิดหาเหตุผลมาหักล้างไม่ทันเลย
“นะ นี่ นี่ใน เจ้าไปได้มาจากที่ใด” ป้าตู้รีบลากเยี่ยนอิงเข้าไปในเรือนของนาง ก่อนจะปิดประตูอย่างแน่นหนาทันที
“ข้าได้มาจากภูเขาเจ้าค่ะ ได้มาสองหัว ท่านแบ่งไปสักหัวเถิด” นางส่งไปให้ป้าตู้
“ได้อย่างไรกัน ของล้ำค่าเพียงนี้ข้าจะรับไว้ได้อย่างไร” นางดันมือของเยี่ยนอิงกลับไป
สายตาของป้าตู้ไม่มีความโลภให้ได้เห็น แม้ว่าชาวบ้านจะไม่ได้พบเห็นโสมบ่อยนัก แต่นางก็ไม่คิดจะแย่งชิงเด็กกำพร้าสองคนที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบาก
“สตรีผู้นี้นับว่าเป็นคนดีไม่น้อย ไม่เสียแรงที่ท่านคิดอยากจะช่วยนาง”เสี่ยวไป๋อดที่จะชื่นชมป้าตู้ไม่ได้
“รับไปเถิดเจ้าค่ะ ข้ากับเซินเออร์รบกวนท่านมาตลอด หากท่านไม่รับไป ข้าคงเสียใจไม่น้อย” เยี่ยนอิงวางเสี่ยวไป๋ลง ก่อนจะยัดโสมใส่มือของป้าตู้
“แต่ว่า...” นางลังเลด้วยยังไม่เห็นโสมของเยี่ยนอิงอีกหัว
เหมือนเสี่ยวไป๋จะรู้ใจมันส่งโสมใส่มือของเยี่ยนอิงให้นำไปให้ป้าตู้ดูทันที
“นี่อย่างไรเล่า ข้าบอกแล้วว่าได้มา สะ สองหัว” เยี่ยนอิงได้แต่กัดฟันแน่น เจ้าเสี่ยวไป๋ตัวดี ส่งโสมห้าร้อยปีใส่มือของนาง
“สวรรค์!!! อิงเออร์ ในที่สุดสวรรค์ก็เห็นใจเจ้าสองพี่น้องแล้ว” ป้าตู้คุกเข่าลงคำนับฟ้าดินทันที
“นางต้องขอบคุณข้ามากกว่า” เสี่ยวไป๋ส่ายหัวกับการแสดงออกของป้าตู้
“ใช่เจ้าค่ะ แล้วข้าจะสบายผู้เดียวได้อย่างไร ท่านเองก็เหนื่อยกับพวกข้าสองพี่น้องมาตลอด” เยี่ยนอิงยัดโสมใส่มือของป้าตู้ได้สำเร็จ
“เจ้าอย่าได้พูดเรื่องนี้ออกไปเป็นอันขาด ป้าจะจัดการให้เจ้าเอง หากมีผู้ใดถาม เข้าใจหรือไม่” ป้าตู้กลัวว่าตระกูลอู๋จะมาแย่งเงินไปจากสองพี่น้อง
ไหนจะชาวบ้านที่โลภมาก นางก็กลัวว่าจะเข้ามาขโมยของจากเรือนเยี่ยนอิง
“เจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านกลับเรือนไปเถิด ข้าจะไปดูเซินเออร์เสียหน่อย ข้าคิดจะเข้าเมืองวันนี้ด้วยเลยเจ้าค่ะ”
“ได้ๆ เช่นนั้นเจ้าไปดูเซินเออร์ก่อน ข้าจะกลับไปบอกตาเฒ่าให้เตรียมเกวียนเข้าเมือง เข้าจะได้ไม่ต้องเดินเท้าพาน้องชายไป” ป้าตู้ยัดโสมใส่อกเสื้อ ก่อนจะเดินออกไปอย่างรีบร้อน เพื่อไปบอกสามีของนาง
เยี่ยนอิงเดินนำเสี่ยวไป๋เข้าไปภายในเรือน นางเดินเข้าไปหาซานเซินที่อยู่ภายในห้องของเขา ร่างเล็กของเด็กน้อย กำลังนอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนบาง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านจากพิษไข้
นางนั่งลงมองด้วยความสงสาร ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อคลำตัวของซานเซินว่าร้อนมากเพียงใด
“ร้อนนัก!!!” เยี่ยนอิงตกใจไม่น้อยที่ตัวเขาร้อนดั่งไฟเช่นนี้
“พี่หญิง ท่านกลับมาแล้วรึขอรับ” ซานเซินปรือตาขึ้นมามองเยี่ยนอิงอย่างเป็นห่วง เสียงพูดของเขาเบาราวกับว่ามันไม่อาจจะหลุดออกมาจากลำคอได้
แต่ทุกคำเยี่ยนอิงก็ล้วนแต่ได้ยินอย่างชัดเจน นางถอนหายใจออกมา หากวิญญาณของนางไม่หลุดเข้ามาอยู่ในร่างของ ฟู่เยี่ยนอิง อีกไม่นานซานเซินคงได้ตายตามพี่สาวของนางไปแน่
“พี่จะพาเจ้าไปหาหมอ ลุกไหวหรือไม่” นางช่วยประคองร่างเล็กขึ้นมาอย่างเบามือ
“ท่านหายไปมา แล้วท่านได้เงินมาได้อย่างไรพี่หญิง” ซานเซินมองพี่สาวอย่างมึนงง
เมื่อวานหลังจากที่เขากลับมาจากเรือนของป้าตู้ ก็นอนหลับไม่ได้สติอีกเลย แม้ใจอยากจะออกไปตามหาพี่สาวเพียงใด แต่ร่างกายที่เป็นอุปสรรคทำให้เขาไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้
“ข้าได้สมุนไพรมา เจ้าไม่ต้องห่วงแล้ว ประเดี๋ยวป้าตู้จะมารับ นางกำลังให้ลุงตู้เอาเกวียนออก” เยี่ยนอิงลูบใบหน้าของซานเซินที่เป็นน้องชายของนางนับตั้งแต่วันนี้
“จริงรึขอรับ” ดวงตาของซานเซินเปล่งประกายออกมาอย่างเจิดจ้า รอยยิ้มของเขาทำให้เรื่องที่กังวลของเยี่ยนอิงจางหายไปได้ไม่น้อยเลย
“อืม มาข้าจะช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า”
“ดะ ได้อย่างไรกัน พี่หญิง ขะ ข้าโตแล้วนะขอรับ” เขาก้มหน้าลงอย่างเขินอาย
นับตั้งแต่เจ็ดหนาวก็ถูกสอนมาจากผู้เป็นบิดามารดาแล้วว่า ชายหญิงมิควรจะถูกเนื้อต้องตัวกัน แม้จะเป็นพี่น้องก็ตาม
“หึหึ เจ้าเป็นน้องชายของข้า จะต้องกลัวอันใด” เยี่ยนอิงอดจะเอ็นดูซานเซินที่กำลังเขินอายอยู่ไม่ได้
“ขะ ข้าไหวขอรับ ท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีหรือไม่” ซานเซินมองเสื้อผ้าที่เปื้อนดินโคลนของเยี่ยนอิงอย่างปวดใจ ไม่รู้ว่าพี่สาวจะต้องไปพบเจอเรื่องใดมาบ้าง ถึงได้กลับมาด้วยสภาพเช่นนี้
“ได้ ๆ หากเจ้าลุกไม่ไหวก็รอข้าสักประเดี๋ยว ข้าจะรีบกลับมาช่วยเจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้า เสี่ยวไป๋ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนเซินเออร์ก็แล้วกัน”
“ขอรับนายหญิง” เสี่ยวไป๋กระโดดขึ้นมาอยู่บนเตียงข้างซานเซิน
“เฮ้ยยยย มะ มันพูดได้” ซานเซินร้องมาออกมาเสียงดัง จนลืมไปเลยว่าเสียงของเขาแทบจะไม่มีพูดออกมาแล้ว
“เซินเออร์ ต่อไปเสี่ยวไป๋จะมาอยู่กับพวกเราด้วย เจ้าอย่าได้นำเรื่องที่มันพูดได้ไปบอกผู้ใดเล่า แล้วพี่จะเล่าทุกสิ่งให้เจ้าฟัง ตอนนี้รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ประเดี๋ยวท่านป้าตู้มา นางจะได้ไม่ต้องรอนาน”
ความจริงเสี่ยวไป๋ อยากให้ซานเซินเข้าไปในมิติ เพื่อรักษาอาการป่วยในบ่อน้ำ แต่เยี่ยนอิงมาคิดดูแล้ว ค่อยพาเขาเข้าไปหลังจากที่กลับมาจากในเมืองก็ยังไม่สาย
ด้วยป้าตู้และชาวบ้านต่างรู้ดีเรื่องอาการป่วยของเขา หากหายเร็วเกินไปจะทำให้ผู้อื่นสงสัยได้ อีกอย่างนางอยากจะนำโสมเข้าไปขายในเมืองด้วย
“ขะ ขอรับ” ซานเซินพยักหน้ารับ ก่อนจะมองไปที่เสี่ยวไป๋ด้วยความหวาดกลัว
“นายน้อย ท่านไม่ต้องกลัวข้าหรอกขอรับ ข้าไม่กินท่านหรอก ข้าไม่ชอบเนื้อมนุษย์ อีกอย่างท่านเป็นน้องชายของนายหญิง หากข้ากินท่าน นางได้สังหารข้าแน่ ท่านเลิกตกใจแล้วเตรียมตัวได้แล้วหรือให้ข้าช่วยดีขอรับ” เสี่ยวไป๋นอนมองซานเซินอยู่บนที่นอน
“มะ ไม่ต้อง” ซานเซินรีบลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที เรี่ยวแรงที่หายไปก่อนหน้านี้ ดูเหมือนจะกลับมาแล้วสองส่วน
สองพี่น้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็มานั่งรอป้าตู้อยู่ที่แคร่ไม้ข้างเรือน
“เสี่ยวไป๋ เจ้ามีของกินหรือไม่ เอาออกมาให้เซินเออร์กินรองท้องเสียก่อน” ตัวนางไม่กินไม่เป็นอะไร แต่น้องชายคงไม่ได้กินตั้งแต่เมื่อวาน
“ขอรับ” เสี่ยวไป๋เรียกเนื้อสดออกมาวางลงบนแคร่ไม้ทันที
“เหวอออออ” ซานเซินตกใจจนเกือบจะหงายหลังตกจากแคร่ไม้ ยังดีที่เยี่ยนอิงดึงสาบเสื้อของเขาเอาไว้ได้ทัน
“มันกินได้ไหมเล่า” เยี่ยนอิงหันไปถลึงตามองเสี่ยวไป๋
“ข้าก็เห็นชาวบ้านชอบเนื้อกัน ก็คิดว่าท่านคงอยากให้นายน้อยกินเนื้อ”
“ก็ใช่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ข้าจะลุกไปทำได้อย่างไร อีกประเดี๋ยวป้าตู้นางก็คงจะมาแล้ว”
“เช่นนั้น ผลไม้ ได้หรือไม่ขอรับ” เมื่อเห็นเยี่ยนอิงพยักหน้าอนุญาต เสี่ยวไป๋นำผลไม้ออกมาให้ซานเซินกินรองท้องไปก่อน
ซานเซินอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กน้อย เมื่อเห็นผลไม้ที่ตนไม่เคยกิน เขาก็จ้องมองจนน้ำลายจะไหล
“กินเถิด รีบกินก่อนที่ป้าตู้จะมา”
ผิงกัว (แอปเปิล) ผูเถา (องุ่น) ที่เสี่ยวไป๋นำออกมาล้วนแต่ลูกใหญ่ เยี่ยนอิงคิดว่าคงหาไม่ได้ในยุคนี้เป็นแน่ นางจึงเร่งให้ซานเซินรีบกินเข้าไป
“หวาน หวานมากขอรับ” ซานเซินเคี้ยวจนแก้มพองออกมา
“หากนายน้อยชอบ ข้าจะนำออกมาให้ท่านกินทุกวันขอรับ”
“เสี่ยวไป๋ เจ้าช่างแสนดีนัก” ซานเซินลองลูบที่ขนของมันเบาๆ เมื่อเห็นว่ามันไม่คิดจะกัดมือเขา เขาก็ลูบเล่นอย่างชอบใจ
เยี่ยนอิงได้แต่ส่ายหัวทั้งอมยิ้มมองอย่างขบขัน เพียงแค่ของกินก็ซื้อตัวน้องชายของนางไปได้แล้ว
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่ นางหูซื่อก็เดินมาถึงเรือนตระกูลกวน ด้วยก่อนหน้านี้ปู่กวนให้หลานชายไปตามนางมาพบ"อิงเออร์ เซินเออร์” นางเห็นหลานทั้งสองนั่งอยู่ภายในห้องโถงตระกูลกวน ก็รีบเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งสวมกอดทั้งสองด้วยความคิดถึง“ท่านย่า/ท่านย่า” เยี่ยนอิงเพิ่งจะสัมผัสได้ถึงความรักที่นางหูซื่อมีต่อเจ้าของร่างเดิมและน้องชายของนาง“พวกเจ้าได้กินอันใดหรือไม่ เหตุใดถึงได้ผอมเช่นนี้” นางมองหลานทั้งสองอย่างปวดใจหากผู้เป็นสามียังมีชีวิตอยู่ บุตรชายคนโตคงไม่กล้ารังแกหลานทั้งสอง เป็นเพราะนางอ่อนแอเกินไป จึงไม่อาจช่วยเหลือสิ่งใดพวกเขาได้“ท่านย่า ท่านไม่ต้องห่วงข้ากับเซินเออร์เจ้าค่ะ เมื่อสองวันก่อนข้าขึ้นเขาไปกับป้าตู้แล้วพบของดีเข้า ได้เงินมาไม่น้อย จึงคิดจะนำเงินมาตอบแทนท่านเจ้าค่ะ”“ตอบแทนอันใดกัน ข้าไม่เคยช่วยเหลือพวกเจ้าได้เลย” พอนึกถึงเรื่องในหนเก่า นางหูซื่อก็ร้องออกมาอย่างปวดใจ บุตรชายคนรองของนางและลูกสะใภ้ ต่างตกตายกันไปสิ้น เหลือเพียงหลานทั้งสองให้ดูต่างหน้า แต่นางก็ไม่อาจดูแลพวกเขาได้คนที่อยู่ในห้องโถง ต่างมองย่าหลานพูดคุยกันด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ“เอาเถิด ที่เรียกเจ้ามาก็ด้วยเรื่องนี
เยี่ยนอิงที่ยังไม่เคยเดินลมปราณสักครั้ง นางต้องปรับพลังชี่ให้ไหลเวียนได้คล่องเสียก่อน ถึงจะทะลวงเส้นลมปราณ“แล้วต้องนั่งที่ใด” นางมองหาที่นั่งภายในห้องตำราก็เห็นว่าไม่มีมุมใดที่นางจะนั่งเดินลมปราณได้“ด้านนอกขอรับ ท่านตามข้ามา” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงออกไปด้านนอกด้านหลังเรือนพักมีต้นไม้ใหญ่ ตรงโค่นต้นมีแท่นหินเกลี้ยงเกลากว้างขนาดเท่าเตียงนอนอยู่ด้วย“ท่านขึ้นไปนั่งเดินลมปราณบนแท่นหินได้เลยขอรับ”เยี่ยนอิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปนั่ง“อืม...เย็นสบายนัก” แท่นหินที่นางนั่งอยู่ไม่ได้เย็นจนไม่อาจจะทนนั่งได้ มันเป็นความเย็นที่นางรู้สึกว่าสบาย หากเป็นเช่นนี้นางคิดว่านางคงนั่งได้นาน“หินที่ท่านนั่งอยู่มิใช่หินธรรมดา เป็นหินที่ดูดซับพลังฟ้าดินมานับหมื่นปี นายแห่งมิติคนเก่านำมาจากสวรรค์...” มันเกือบจะหลุดพูดถึงแหล่งที่มาต่อ แต่ก็เงียบปากลง เมื่อนึกถึงคำสั่งที่ถูกห้ามพูดไว้เยี่ยนอิงนางก็ดูเหมือนไม่ได้สนใจ ในสิ่งที่เสี่ยวไป๋พูด นางสนใจไอเย็นที่แผ่ออกมาจากแท่นหิน พามือของนางไปสัมผัสเข้า ก็ราวกับว่าไอเย็นที่เห็นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนางอย่างช้าๆ“ท่านหลับตาเข้าสมาธิได้เลยขอรับ
ไม่รู้ว่าเมื่อก่อน ซานเซินจะเคยได้ลิ้มลองเนื้อบ้างหรือไม่ รูปร่างของซานเซินมีเพียงเยี่ยนอิงและเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่จะมองออกนางจึงได้รู้ว่า น้องชายของนางยามนี้ ความสูงของเขาเพิ่มจากเดิมไม่น้อยแล้ว ไหนจะแก้มที่แดงระเรื่อเช่นคนสุขภาพดี ต่อจากนี้เพียงขุนเขาให้มีเนื้อเพิ่มขึ้นก็ไม่รู้จะน่าเอ็นดูเพียงใดเยี่ยนอิงและซานเซินกำลังกินอาหารเย็น เรือนตระกูลตู้ก็กินเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้ลองชิมอาหารฝีมือของเยี่ยนอิง อาหารที่ป้าตู้และลูกสะใภ้นางทำไว้ก็แทบจะไม่พร่องลงเลย“ข้าเพิ่งรู้ว่าอิงเออร์นางมีฝีมือมากเพียงนี้” ลุงตู้เลียริมฝีปาก เขาอยากจะกินอาหารของเยี่ยนอิงอีก“จริงขอรับท่านพ่อ เช่นนี้อิงเออร์ นางเปิดเหลาอาหารได้เลย” บุตรชายของลุงตู้เอ่ยออกมาอีกคน“พวกท่านแย่งข้ากินหมดเลย ข้าอุตส่าห์หน้าหนาไปขอพี่อิงมา” อาเหมยนั่งหน้าบูดเมื่อนางคีบอาหารไม่ทันคนอื่น“หากเจ้าชอบฝีมือของพี่อิงของเจ้า อาเหมยเจ้าไปขอให้นางมาเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าดีหรือไม่” กวนซื่อ ลูกสะใภ้ของป้าตู้เอ่ยบอกบุตรสาว“จริงด้วย พี่เฉียว ท่านไปสู่ขอนางมาเป็นภรรยาเลยเจ้าค่ะ” อาเหมยหันไปหาพี่ชายของนาง“เจ้าพูดอันใดของเจ้า อย่าได้พูดเช่นนี้ให้ผ
เยี่ยนอิงยืนมองทั้งคู่เข้าไปในป่าเรียบร้อยแล้ว นางจึงได้ออกไปด้านนอกมิติ เพื่อเตรียมอาหารไว้ให้พวกเขา“อิงเออร์ เจ้ายังมิได้ทำอาหารใช้หรือไม่ เช่นนั้นไปกินที่บ้านป้าเถิด” ป้าตู้ที่เพิ่งจะไล่ชาวบ้านไปได้แล้ว อีกทั้งนางเพิ่งจะนำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือน ก็เดินมาหาเยี่ยนอิงที่เรือนของนาง“ท่านป้า วันนี้ข้ารบกวนท่านมาตลอดทั้งวันแล้ว อีกอย่างเซินเออร์ยังมิหายดี ข้าไม่อยากทิ้งเขาไว้ที่เรือนเพียงลำพังเจ้าค่ะ”“จริงด้วย ข้าก็ลืมไปว่าเจ้าต้องดูแลเซินเออร์ ประเดี๋ยวข้าจะให้เหมยเออร์ นำอาหารมาให้เจ้าก็แล้วกัน” อาเหมยเป็นหลานสาวของป้าตู้ อายุรุ่นเดียวกับซานเซิน“ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงเดินไปส่งป้าตู้ที่หน้าเรือน ก่อนนางจะกลับมาเตรียมข้างของเพื่อทำอาหารแต่ว่า...นางจุดไฟไม่เป็น เยี่ยนอิงมองเตาไฟที่ต้องใช้ฟืนอย่างครุ่นคิด ผัก เนื้อสัตว์นางล้วนแต่หั่นเตรียมไว้หมดแล้ว ซานเซินก็ไม่อยู่ในเรือนด้วย นางหมดหนทางที่จะหาวิธีจุดไฟแล้ว“จะทำเช่นใด” นางเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะหยิบตะบันไฟขึ้นมามองหาวิธีใช้ด้ามไม้ไผ่ขนาดสามชุ่น (1ชุ่น=1นิ้ว) ในมือถูกเปิดขึ้นเพื่อสำรวจดูสิ่งที่อยู่ด้านใน เยี่ยนอิงมองอย่า
ตลอดทางที่เดินทางกลับหมู่บ้าน ป้าตู้พูดคุยเรื่องซื้อที่ดินเพิ่มกับเยี่ยนอิง ทั้งถามว่านางจะซ่อมแซมบ้านหรือไม่“อิงเออร์ เจ้าคิดจะทำหรือไม่ หากเจ้าต้องการซื้อที่ดินหรือซ่อมแซมเรือน ข้าจะให้ลุงตู้ของเจ้าออกหน้าให้”“ไม่เจ้าค่ะ ข้าคิดจะพาเซินเออร์ย้ายมาอยู่ในเมือง ต่อไปข้าจะให้เขาเข้าสำนักศึกษา หากยังอยู่ในหมู่บ้านคงเดินทางไปกลับไม่สะดวกนัก” นางสอบถามคนในเมืองแล้ว หากต้องการซื้อเรือนต้องไปติดต่อที่ใด“สวรรค์ เจ้าออกไปอยู่สองคนกับน้องชายของเจ้าเช่นนั้นรึ” ป้าตู้ร้องออกมาด้วยความตกใจทั้งสองที่เป็นเพียงเด็กน้อย จะออกมาอยู่ด้วยกันตามลำพังได้อย่างไร หากรั้งอยู่ภายในหมู่บ้านก็ยังมีนางและสามีคอยเป็นหูเป็นตาให้อยู่“เจ้าค่ะ ข้าคิดจะทำการค้าด้วย เมื่อก่อนท่านพ่อสอนข้าเอาไว้ไม่น้อย ในเมื่อมีเงินแล้วก็อยากจะหาทางเพิ่มให้มีมากขึ้น มิใช่อยู่ใช้เงินที่ได้มาจนหมด ต่อไปไม่รู้ว่าจะยังโชคดีเช่นนี้อีกหรือไม่”“เงินตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้าใช้จนตายก็ยังไม่หมด” ป้าตู้ถลึงตามองเยี่ยนอิง เมื่อนางพูดว่าสักวันเงินที่มีอยู่จะหมดไป“...” เยี่ยนอิงมิได้พูดสิ่งใด นางเพียงอมยิ้มมองป้าตู้หากป้าตู้ได้รู้ว่าวันนี้เยี่ยนอ
“แล้วเจ้าอยากรู้เรื่องตระกูลฟู่ในเมืองหลวงหรือไม่”“ไม่เจ้าค่ะ แคว้นต้าหลี่กว้างใหญ่นัก ตระกูลฟู่ก็คงไม่ได้มีเพียงแค่ในเมืองหลวง หากญาติของท่านแม่ข้า อยากจะออกตามหานางจริง คงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงมานานนับสิบกว่าปี”ด้วยไม่รู้ว่าเหตุใดมารดาของเจ้าของร่างเดิมถึงได้หมดสติอยู่ที่ข้างทาง ทั้งยังไร้ซึ่งความทรงจำ หากนางถูกขับออกจากตระกูลหรือถูกตามสังหาร ถ้าเยี่ยนอิงยังอยากจะรู้เรื่องของตระกูลฟู่ จะไม่มีจุดจบเช่นบิดามารดารึ“เช่นนั้นรึ” เขาเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของนาง ก็อดที่จะชื่นชมในความเข้มแข็งไม่ได้ทั้งสองต่างมองพิจารณากันโดยไม่มีสิ่งใดเอ่ยออกมา เยี่ยนอิงที่กลัวจะหาซื้อของได้ไม่ครบก่อนที่ซานเซินจะตื่น นางจึงขอตัวเพื่อออกไปด้านนอก“หากท่านมีเรื่องจะพูดกับข้าเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” เยี่ยนอิงลุกขึ้น เพื่อจะออกไปซื้อของก่อนที่น้องชายจะตื่น แต่ก็ถูกหมอหลิวเอ่ยรั้งไว้อีกครั้ง“หากเจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยเหลือ มาพบข้าได้ที่โรงหมอ หรือจะไปที่จวนของข้าอยู่ที่ทิศตะวันออกของเมือง หน้าจวนมีป้ายตระกูลหลิว เจ้าหาได้ไม่ยาก”“หึหึ ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่หากจะรบกวนท่านก็คงเป็นเรื่องนำสมุนไพรมาขาย”