LOGINพอเยี่ยนอิงยื่นมือที่เรียวยาวของนางมาตรงหน้า เสี่ยวไป๋ก็กัดฝั่งรอยเขี้ยวไปที่นิ้วมือของ เยี่ยนอิงอย่างรวดเร็ว
“โอ๊ยย เจ้าเสี่ยวไป๋ เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึ เอ๊ะ...” เยี่ยนอิงรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย
สายตาของนางที่จ้องมองรอยเขี้ยวของเสี่ยวไป๋ที่นิ้วมือ ก็แปรเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เมื่อรอยแผลที่เห็นในตอนแรก ยามนี้มันไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว
จะมีเพียงแค่รอยแดงที่เป็นรูปเขี้ยวของเสี่ยวไป๋ที่ทิ้งไว้เท่านั้น
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ของเสี่ยวไป๋ตั้งแต่ที่มันถือกำเนิด จนได้ลงมาทำหน้าที่อยู่ในโลกมนุษย์ฉายชัดอยู่ภายในหัวของนาง
“เจ้าเป็นสัตว์เทพจริงรึเนี่ย” เยี่ยนอิงมอง เสี่ยวไป๋อย่างนิ่งอึ้ง
“โถ่ ข้าบอกท่านหลายหนแล้วเหตุใดถึงไม่เชื่อ” เสี่ยวไป๋มองค้อนเยี่ยนอิง
หากมันไม่ได้ทำพันธสัญญากับเยี่ยนอิง นางคงไม่มีทางเชื่อในคำพูดของเสี่ยวไป๋เป็นแน่
“เชื่อแล้ว เชื่อแล้ว เช่นนั้น เจ้าช่วยหาสมุนไพรมีราคาให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะต้องนำไปขายเพื่อรักษาเซินเออร์” นางนึกถึงน้องชายที่ล้มป่วยอยู่ที่เรือน
ไม่รู้ว่าตอนนี้ซานเซินจะกังวลเรื่องพี่สาวหายตัวไปมากเพียงใด
“ข้าน้อยจะไปนำมาให้ท่าน ท่านรออยู่ในถ้ำเถิดขอรับ ฟ้าสว่างจะได้ออกจากป่า” มันเข้าใจความรู้สึกของเยี่ยนอิงได้เช่นกัน ย่อมรับรู้ถึงความกังวลใจของนาง
“ขอบใจเจ้ามาก” เยี่ยนอิงเดินไปนั่งลงที่แท่นหิน
ความรู้สึกอ่อนเพลีย ท้องส่งเสียงร้องเพราะหิวก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น เหลือเพียงแค่ความกังวล ว่าต่อไปนางจะต้องใช้ชีวิตเช่นใดในยุคโบราณ
จากความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง ทำให้นางรู้ว่าความเป็นอยู่ของสองพี่น้องไม่ค่อยจะดีนัก หรือจะเรียกได้ว่ายากจนสุดๆ ไปเลย
ตอนนี้เยี่ยนอิงได้แต่หวังว่าเสี่ยวไป๋ที่หายไปหาสมุนไพรให้นางนำไปขาย หากหาได้มากหน่อยนางจะได้มีทุนไว้ทำการค้าต่อไป
เยี่ยนอิงนั่งรอเพียงไม่นาน เสี่ยวไป๋ก็กลับมาพร้อมก้อนทองขนาดเท่ากับลูกบอล นางได้แต่อ้าปากค้างมองมันอย่างไม่อยากเชื่อ
“เสี่ยวไป๋ ข้าต้องการสมุนไพร มิใช่ก้อนทองเช่นนี้ หากเอาออกไป ผู้อื่นจะได้เข้ามาขโมยในเรือนข้าเป็นแน่”
“ข้าเห็นผู้ใดก็ชอบก้อนหินสีเหลืองเช่นนี้ คงมีเพียงท่านกระมัง ที่ไม่ต้องการ เช่นนั้นก็...เก็บไว้ก่อน” เสี่ยวไป๋ทำให้ก้อนทองหายไปได้อย่างไรก็ไม่รู้
แต่ที่รู้เยี่ยนอิง นางกระโดดถอยหนีไปหลายก้าวด้วยความตกใจแล้ว แต่ยังมีอีกสิ่งที่นางต้องตกใจไม่แพ้กัน เมื่อนางเพียงกระโดดถอยหลัง เท้าของนางก็ไม่ติดพื้นราวกับว่านางมีวิชาตัวเบาเสียเช่นนั้น
“เฮ้ยยยย” เยี่ยนอิงร้องออกมาด้วยความตกใจ นางลองกระโดดอีกหลายครั้งก็พบว่าฝีเท้าของนางเบาราวกับขนนก ทั้งยังกำหนดได้ดั่งใจว่าต้องการจะกระโดดไปใกล้หรือไกลแค่ไหน
เยี่ยนอิงเล่นสนุกอยู่ครู่ ก่อนจะกลับมาสนใจก้อนทองที่หายไปต่อหน้าเมื่อครู่นี้
“หายไปได้อย่างไร เจ้าทำได้อย่างไรเสี่ยวไป๋”
“นายหญิงข้าเป็นสัตว์เทพ” มันกลอกตาอย่างเบื่อหน่าย “ข้ามีช่องเก็บของที่ติดตัวมาด้วย ตอนนี้ท่านเป็นนายของข้า ท่านก็มีด้วยเช่นกัน”
“อย่างนั้นรึ ไหนเจ้าเอาออกมาก่อน ข้าจะลองเก็บเข้าไปในช่องเก็บของ ของข้า” ความจริงแล้วนางอยากจะเก็บไว้เองเสียมากกว่า หากจะนำไปใช้ค่อยทุบแบ่งเป็นก้อนเล็กๆ ไม่ให้คนสงสัยก็ยังได้
เสี่ยวไป๋นำก้อนทองออกมาให้เยี่ยนอิง แล้วสอนให้นางเรียกสิ่งของที่อยู่ในช่องเก็บของออกมา ก่อนจะเก็บกลับเข้าไปอีกครั้ง
“เอ๊ะ...ข้าว่าก้อนนี้มันไม่ใช่ก้อนที่แล้ว” นางมองก้อนทองตรงหน้าอย่างสงสัย ด้วยขนาดที่ดูเหมือนจะเล็กลงกว่าก้อนที่แล้ว
“ข้ามีนับร้อยก้อน ท่านอยากจะได้สักกี่ก้อนกันเล่า” เสี่ยวไป๋ยืดตัวขึ้นอย่างโอ้อวด
“สวรรค์ เสี่ยวไป๋เจ้าช่างแสนดีเหลือเกิน ข้าขอหมดเลยได้หรือไม่” เยี่ยนอิงเอาใบหน้าถูกับขนข้างลำตัวของเสี่ยวไป๋อย่างออดอ้อน
“อยู่ที่ข้าหรืออยู่ที่ท่านก็เหมือนกัน ท่านเอาไว้เก็บสิ่งอื่นเถิดนายหญิง แล้วท่านยังต้องการสมุนไพรอยู่หรือไม่ขอรับ”
“ต้องการสิ ก้อนทองตอนนี้ยังนำออกไปใช้ไม่ได้ เอาแค่สมุนไพรก่อน หากนำไปขายจะได้ดูไม่น่าสงสัยมากนัก”
“เช่นนั้น ท่านตามข้ามา มาเลือกเองเลย ประเดี๋ยวข้าไปนำมาให้ท่าน ท่านก็ไม่พอใจอีก” เสี่ยวไป๋เดินนำหน้าเยี่ยนอิงไปด้านในส่วนลึกของถ้ำ
ถ้ำที่เยี่ยนอิงเห็นมิได้มีเพียงแค่ส่วนหน้าที่นางอยู่เท่านั้น ภายในยังมีซอกซอยคดเคี้ยวแยกไปได้อีกหลายทางนัก นางเดินตามเสี่ยวไป๋ไปไม่นานก็พบโถงด้านในที่กว้างใหญ่อีกแห่งหนึ่ง
“สวรรค์ เงินทั้งนั้นเลย” เยี่ยนอิงปิดปากด้วยความตกตะลึง
ด้านหน้าของนางมีสมุนไพรหลายชนิด โสมพันปี เห็ดหลินจือ หญ้าหนอน และอีกหลายอย่างที่นางไม่รู้จักชื่อ
“จะไม่เยอะได้อย่างไรเล่า ก็ข้าปลูกเอาไว้เอง” มันบ่นอุบอิบอยู่ในลำคอ
เสี่ยวไป๋หวงแหนสมุนไพรล้ำค่าของมันไม่น้อย แต่ในเมื่อนายหญิงต้องการมันก็ต้องมอบให้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ชาวบ้านต่อให้เดินหาถ้ำแห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดหาทางเข้าได้พบ ด้วยค่ายกลพรางตาที่เสี่ยวไป๋สร้างขึ้นมาหลายร้อยปีแล้ว จึงไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นถ้ำกลางป่ามาก่อน
“ข้าขอไม่เยอะหรอก อย่าได้ทำหน้าเช่นนั้น” เยี่ยนอิงถามเสี่ยวไป๋ว่าให้นางเก็บต้นใดได้บ้าง
“นายหญิง ท่านไม่เหมือนมนุษย์ที่ข้าเคยพบเจอ” มันมองเยี่ยนอิงอย่างเลื่อมใส
จะบอกว่าเสี่ยวไป๋หวงแหนสมุนไพรของมันมากกว่าก้อนทองที่มันมองว่าไร้ค่าก็ได้ พอเยี่ยนอิงนางต้องการทองทั้งหมดมันจึงมิได้สนใจเท่าใดนัก
ชาวบ้านที่เสี่ยวไป๋เคยพบเห็น เมื่อตอนที่มันพรางกายออกไปเที่ยวเล่น ไม่ว่าเจอของป่าชนิดใดที่กินได้ ก็ล้วนแต่แย่งชิงกันไปจนหมด อย่าว่าแต่ของกินเลย ของที่มีราคายังเกือบจะฆ่ากันมาแล้วก็มี
“ก็เจ้าดูแลจนงามเช่นนี้ ข้าจะแย่งไปทั้งหมดได้อย่างไรเล่า เจ้าเลือกมาให้ข้าสักสองสามต้นก็พอ” นางเพียงต้องการหาเงินเพื่อรักษาน้องชายและเริ่มชีวิตใหม่ ไม่ได้คิดเอารวยทางด้านนี้เสียหน่อย
เสี่ยวไป๋เดินไปหยุดที่ตรงหน้าสมุนไพร มันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโบกอุ้งเท้าของมันหนึ่งครั้ง สมุนไพรที่เห็นเต็มลานเมื่อครู่ก็หายไปในพริบตา
“เสี่ยวไป๋!!! เก็บไปหมดทำไม” เยี่ยนอิงร้องเสียงหลงออกมา
“อย่างไรข้าก็ต้องไปอยู่กับท่านอยู่แล้ว ก็นำไปเสียให้หมดเลย”
“แต่ว่า...” เยี่ยนอิงเสียดายแทนเสี่ยวไป๋ มันอุตส่าห์ดูแลมาอย่างดี
เสี่ยวไป๋ที่เห็นใบหน้าของเยี่ยนอิงรู้สึกผิด มันจึงเดินเข้าไปหาเยี่ยนอิงช้าๆ ก่อนจะยกอุ้งเท้าเตะไปที่มือของนางอย่างแผ่วเบา
เยี่ยนอิงรับรู้ได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่าง พริบตาต่อมา นางก็มาปรากฏตัวอยู่ที่สถานที่แห่งหนึ่งแล้ว
“สวรรค์ ใช่สวรรค์หรือไม่ ข้าตายอีกรอบแล้วรึ” เยี่ยนอิงเห็นความงามตรงหน้า นางก็ดึงทึ้งผมของตนเองราวกับคนเสียสติ
นางยังไม่ได้พาซานเซินไปรักษาตัวเลย แล้วเขาจะตามหาร่างของพี่สาวเขาเจอหรือไม่ ภายในหัวของเยี่ยนอิงมีแต่เรื่องกังวลเต็มไปหมด
“นายหญิง ท่านยังไม่ตาย!!! ที่นี่เป็นมิติของข้า และต่อไปมันก็เป็นของท่าน” เสี่ยวไป๋ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจที่มีนายหญิงเช่นเยี่ยนอิง บางครั้งนางก็ดูเหมือนจะเป็นคนฉลาด แต่บางเรื่องนั้นไม่พูดเสียดีกว่า
“ค่อยยังชั่ว ข้าก็คิดว่าตายอีกรอบเสียแล้ว เจ้าก็ไม่บอกให้มันเร็วๆ เล่า” เยี่ยนอิงหันไปมองค้อนเสี่ยวไป๋
หลิวเลี่ยงเฟิ่งเชยคางของฟู่จูอิ๋งขึ้น ก่อนจะประทับจุมพิตไว้แน่น จุมพิตครั้งนี้ของเขา ราวกับอยากจะเผยความรู้สึกทั้งหมดที่เขามีเอาไว้ให้นางได้รู้ ความหวาดกลัวที่จะสูญเสียนางไปอีกครั้ง ความคิดถึงทั้งหมดของภพที่แล้วที่มี อยู่ในจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นาง“แล้วท่านเข้ามาได้อย่างไร มิใช่ว่าท่านพ่อเพิ่มองครักษ์แล้วรึ” นางเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสงสัย“ข้าย่อมมีหนทาง นอนพักเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”“หากมีคนมาเห็นเล่า”“ข้าจะออกไปก่อนฟ้าสว่าง อาม่านให้ข้าได้นอนพักหน่อยเถิด ข้ามิได้นอนดีๆ มาหลายวันแล้ว” เขาถอดเสื้อตัวนอกออก ก่อนจะดึงตัวนางเข้ามาสวมกอดเอาไว้แน่นพอเห็นคนในอ้อมแขนหลับไปแล้ว หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้แต่นอนมองนางอย่างเป็นสุข เมื่อชาติก่อน แม้แต่หลับฝันยังไม่กล้าจะคิด เขาต้องขอบคุณสวรรค์เพียงใด ที่ยอมให้เขาได้กลับมาก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นผ่านเรื่องร้ายมาได้สองเดือน จวนตระกูลฟู่และตระกูลหลิวก็มีงานมงคลเกิดขึ้นผู้ตรวจการหลิวอยู่ในชุดมงคลนั่งบนหลังม้าสง่ามารับเจ้าสาวด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ภาพความทรงจำตอนที่ไปรับสวีอวี้หรันเข้าจวน ตัวเขาเองก็แทบจะจำไม่ได้แล้ว และไม่คิดจะจำอีกด้วยตอนกราบลาบิด
หลิวเลี่ยงเฟิ่ง มิกล้าพูดออกมา ว่าเป็นเพราะตัวเขา ตระกูลสวีคงต้องการให้สวีอวี้หรันแต่งเข้าตระกูลหมาน ผู้ใดเล่าจะไม่ต้องการบุตรเขยที่เป็นถึงผู้ตรวจการนครหลวงไปเสริมบารมีให้จวนตนเอง“อีกหนึ่งชั่วยาม ท่านไปรอที่ว่าการได้เลยขอรับ ข้าน้อยคงต้องออกไปช่วยตามหาคุณหนูสวีอีกแรง อาชวี่เจ้าไปกับข้า”“เหตุใดข้าต้องไปด้วยเล่า” ฟู่ชวี่ไม่เข้าใจ เขามีเหตุผลอะไรถึงต้องไปช่วยตามคนที่คิดร้ายกับน้องสาวของเขาด้วย“ประเดี๋ยวเจ้าจะได้รู้เอง”นายท่านฟู่ยังไม่ทันถามเลยว่า แล้วเหตุใดสวีอวี้หรันนางถึงได้ถูกลักพาตัวไปแทนบุตรสาวของตนได้ หลิวเลี่ยงเฟิ่งก็พาฟู่ชวี่เดินออกจากห้องโถงไปเสียแล้ว“เจ้าจะพาข้าไปที่ใด” ฟู่ชวี่เอ่ยถามออกมาเมื่อทางที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งพาเดินมา เป็นป่าที่อยู่ด้านหลังทิศตะวันตก มิใช่เส้นทางที่จะออกนอกเมือง เช่นนี้แล้วจะเรียกว่าออกมาตามหาคนได้อย่างไร ด้วยคนร้ายก็คงไม่โง่จับตัวคนมาซ่อนเอาไว้ใกล้หูใกล้ตาเช่นนี้แน่“ข้าสั่งให้คนจับตัวคุณหนูสวีนางมาซ่อนเอาไว้ ข้าอยากให้นางได้รับรู้ว่าหากอาม่านนางถูกจับตัวไป นางจะต้องหวาดกลัวมากเพียงใด” ฟู่ชวี่เข้าใจสหายของตนได้ทันทีเพียงเดินเข้าไปในป่าไม่ได้ไกลมากน
ครั้งนี้เขารุนแรงกับนางไปหน่อย ด้วยโมโหที่คิดว่านางจะต้องไปเป็นสตรีของผู้อื่นเช่นชาติที่แล้ว หน้าของอู๋หยวนก็ไม่เคยได้พบเห็น แต่รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูกรถม้าของฟู่จูอิ๋งเคลื่อนตัวได้ช้า ทำให้หลิวเลี่ยงเฟิ่งได้ลงโทษนางจนพอใจ“บวมหมดแล้ว” หลิวเลี่ยงเฟิ่งมองริมฝีปากบางที่บวมเจ่ออย่างสงสาร“ก็ท่านมิใช่รึ ที่ทำข้า” ฟู่จูอิ๋งต้องใช้ผ้าปิดหน้าที่นางเตรียมมาแต่ไม่คิดว่าจะใช้ ปิดบังสิ่งที่หลิวเลี่ยงเฟิ่งทำไว้หลิวเลี่ยงเฟิ่งลงจากรถม้าก่อนที่รถม้าจะมาหยุดลงที่หน้าโรงน้ำชา สถานที่ ที่ฟู่จูอิ๋งนัดพบกับสวีอวี้หรันพอหลิวเลี่ยงเฟิ่งเห็นสวีอวี้หรันมองมาทางตนอย่างหลงใหล เขาก็มองตอบนางอย่างรังเกียจโดยไม่ปิดบังเมื่อชาติที่แล้ว เขามิได้สังเกตการณ์กระทำของนาง พอมาตอนนี้จึงได้เข้าใจว่าทุกครั้งที่นางต้องการพบเจอเขา จะใช้ฟู่จูอิ๋งมาเป็นข้ออ้าง“คารวะพี่เฟิ่งเจ้าค่ะ”“เรียกข้าผู้ตรวจการหลิวเถิด หากผู้อื่นมาได้ยินจะเข้าใจผิดได้ คำเรียกขานนี้ ข้าให้อาม่านนางเรียกข้าได้เพียงผู้เดียว” ใบหน้าของสวีอวี้หรันซีดเผือดทันที ยิ่งสายตาของเขาที่มองนางอย่างโกรธแค้น หรือว่าจะรู้แผนการที่นางวางเอาไว้แล้ว“พี่เฟิ่ง ท่านพ
“คุณชาย คุณชายขอรับ หากตื่นสายกว่านี้ จะไม่ทันไปรับคุณหนูฟู่นะขอรับ”เสียงบ่าวร้องเรียกอยู่ที่หน้าห้อง พร้อมทั้งเสียงเคาะประตูระรัว ปลุกให้หลิวเลี่ยงเฟิ่ง ที่กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนที่นอนตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงเขามองไปรอบห้องอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่เป็นเรือนพักเก่า ที่เขาใช้อยู่ก่อนที่จะแต่งสวีอวี้หรันเข้ามาในจวนเขานั่งพิงหัวเตียงนวดขมับอย่างไม่เข้าใจ เขาจำได้ดีว่า ก่อนหน้านี้ตนเองยังนอนรอความตายอยู่บนเตียงอยู่เลยหลิวเพ่ยหมินผู้เป็นบุตรชาย ยังจับมือเขาไม่ห่าง และสัญญาเป็นมั่นเหมาะว่าจะฝังร่างของเขาใกล้สุสานตระกูลฟู่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความปรารถนาสุดท้ายที่จะได้พบเจอ ฟู่จูอิ๋งในภพชาติหน้าเป็นจริงหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ยังจำคำพูดสุดท้ายที่เยี่ยนอิงนางมาพบเขาก่อนตายได้ดี“ผู้ตรวจการหลิว ภพหน้าที่ท่านปรารถนามีจริง ข้าหวังว่าท่านจะตามหาท่านแม่ข้าเจอ แต่ท่านคงไม่เชื่อ ว่าข้า...คือคนที่ข้ามภพมาจากภพอื่น”เยี่ยนอิงเพียงต้องการให้เขาเชื่อว่าชาติภพมีจริง หากแรงปรารถนาของเขาแข็งแกร่งมากพอ นางเชื่อว่าเขาจะต้องได้ย้อนกลับมาแก้ไขเรื่องราวในอดีตหลิวเลี่ยงเฟิ่ง ใช้สายตาที่พร่ามัว จ้องมองภาพของเยี่ยนอ
วันที่สามของการแต่งงาน เยี่ยนอิงกลับบ้านเดิม พร้อมข้าวของที่ตระกูลหมานจัดเตรียมเอาไว้ให้นางหลายคันรถม้า แม้จะบอกแล้วว่าที่จวนตระกูลฟู่มิได้ขาดแคลนสิ่งใด แต่ในเมื่อเป็นความตั้งใจของพ่อแม่สามี นางจึงมิอยากจะปฏิเสธให้เสียน้ำใจ“พวกเจ้า กลับมาค้างที่จวนหมานบ่อยๆ เล่า” ฮูหยินหมานเอ่ยออกมาอย่างอาลัยอาวรณ์แม้จะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่า ทั้งสองจะย้ายไปอยู่ที่จวนตระกูลฟู่ของเยี่ยนอิง จนกว่าจวนท่านแม่ทัพจะปรับปรุงเรียบร้อย“ได้เจ้าค่ะ ข้าอยู่ห่างไปเพียงสองตรอกเท่านั้น หากท่านแม่คิดถึงท่านพี่ ข้าจะให้คนมารับท่านไปพักด้วยกันสักหลายวันหน่อย”ฮูหยินหมานรู้ในความหมายของเยี่ยนอิง นางมิได้ชวนไปพักที่จวนตระกูลฟู่ แต่ชวนเข้าไปพักในมิติต่างหาก“ท่านพี่ ไปวันนี้เลยดีหรือไม่” ฮูหยินหมานหันไปเอ่ยถามสามี“อีกสองวันเถิด ข้าจะพาเจ้าไป” นายท่านหมานถอนหายใจออกมา กับความเอาแต่ใจของผู้เป็นภรรยาเยี่ยนอิงได้แต่อมยิ้มมองแม่สามีของนางงอนพ่อสามี ก่อนจะเอ่ยลากลับจวนตระกูลฟู่คนตระกูลฟู่ล้วนแต่ไม่มีผู้ใดไปทำงาน แม้แต่ซานเซินที่ไม่เคยทิ้งเรื่องการเรียนยังขอหยุดเพื่อรอรับพี่สาวอยู่ที่จวน“พี่หญิง!!!” เขาร้องเรียกอย่างยินดี พร
สายตาของหมานจื้อจ้าน จ้องมองร่างงามที่เปลือยเปล่าตรงหน้าอย่างเหม่อลอย“จะมองอีกนานหรือไม่” เยี่ยนอิงกระดิกนิ้วอย่างเชื้อเชิญ“ไม่มองแล้ว” หมานจื้อจ้านรีบถอดเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะพุ่งตัวขึ้นไปอยู่บนเตียงเสียงใสของเยี่ยนอิงที่หัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเสียงครางหวานที่เกิดจากความเสียวซ่านที่ได้รับเรียวลิ้นร้ายของหมานจื้อจ้านกวาดเลียไปทุกส่วนของร่างกายเยี่ยนอิง ราวกับมาจะประทับร่องรอยของเขาไว้บนเรือนร่างงามของนางนิ้วมือของเขาลูบไล้เรือนร่างของนางอย่างหื่นกระหาย เมื่อเล้าโลมนางจนอ่อนระทวยไปทั้งตัวแล้ว นิ้วร้ายของก็หยอกล้ออยู่ที่กลีบดอกไม้งามอย่างเชี่ยวชาญ“อ๊า....” เยี่ยนอิงเชิดหน้าขึ้น ยามที่หมานจื้อจ้านส่งนิ้วเข้าไปในช่องทางรักของนางลิ้นของเขาก็ตวัดดูดกลืนเนินเนื้องามอย่างที่เคยหมายเอาไว้อย่างอดยาก มือด้านล่างก็เร่งจังหวะให้นางได้เสร็จสมเร็วขึ้น ด้วยตัวเขาเองก็แทบจะทนไม่ไหวเสียแล้ว“ชะ ช้า หน่อย” เยี่ยนอิงกัดฟันแน่น เมื่อหมานจื้อจ้านกดลำทวนของเขาเข้ามาในช่องทางรักจนเกือบจะมิดลำทวนในคราเดียว“เจ็บหรือไม่” เขาจูบที่ขมับของนาง“มะ ไม่” เยี่ยนอิงไม่ได้มีความรู้สึกเจ







