บทที่ 206 : พี่อี้หานท่านให้คนตามสืบเรื่องของข้าใช่ไหม ซุนอี้หานลุกขึ้นลอดตาข่ายกลับไปหานาง เคาะไม้ตีลูกขนไก่บนศีรษะของนางเบา ๆ “เจ้าเลิกงอแงได้แล้ว” เขาใช้มืออีกข้างบีบแก้มนางแล้วยืดออกเบา ๆ “พี่อี้หานข้าโตแล้วนะ” นางสะบัดหน้าหนีเขาไปอีกทาง “จะเล่นต่อไหม” “เล่นต่อ ๆ” เขารีบมุดกลับไปยังแดนของตัวเอง ฟึบ ! ฟึบ ! ฟึบ ! ซุนอี้หานไม่เคยได้เล่นสนุกในวัยเด็ก เขาเหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นเด็กออกมา เสียงหัวเราะของเขายามเห็นนางวิ่งตามไปตีลูกขนไก่ ทำเอาเขารู้สึกอยากกลั่นแกล้งนางมากขึ้นกว่าเดิม เสียงตีลูกขนไก่ของทั้งคู่ ดังนานอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม ก่อนที่หลินลู่ฉีจะเป็นฝ่าย
บทที่ 205 : หูฮวนตั้งตาข่ายตีลูกขนไก่ ! หลินลู่ฉีกลับไปนอนเอนหลังบนเก้าอี้ ชมนกชมไม้จิบชากินขนมตามเดิม อดคิดไม่ได้จริง ๆ นางหลุดมาอยู่ในโลกนี้ เพื่อช่วยคนรอบข้างให้กินดีอยู่ดีหรือไม่ กำลังจะหลับตาลงเพื่อพักผ่อน “ฉีฉี ! ข้ามีเรื่องดีมาบอกเจ้า” เฮ้อ ความสงบสุขของข้า “เจ้าลืมตาเร็วเข้าอย่าพึ่งแกล้งตาย” น้ำเสียงร่าเริงของหวงจื่อเหยา ทำให้คนแสร้งหลับต้องลืมตาขึ้นมา “พี่จื่อเหยาเรื่องดีของท่านคือ” “เอ๋ ทำไมบ้านเจ้าเงียบจัง เยว่เยว่เล่า” นางยังไม่ทันได้เล่าเรื่องดี ก็นึกถึงสหายอีกคนขึ้นมา “พวกเขาตกลงปลงใจทำร้านขายผลไม้อบแห้ง ตอนนี้ได้ร้านค้าพร้อมที่พักอาศัยด้าน
บทที่ 204 : แม้แต่คนตายไปแล้วตั้งหลายปี คนอื่นยังเอามาล้อเลียนข้าได้อีก “ท่านพี่นี่มากเกินไปแล้วนะเจ้าคะ ท่านอย่าลืมพวกเขาแยกเรือนออกไปแล้ว ต่อให้ท่านไม่มอบสิ่งใดให้เลย ก็ไม่มีใครว่าอะไรท่านได้” กู่ฮูหยินเขย่าแขนสามีแรง ๆ นางไม่พอใจกับเงินทอง ที่กำลังเล็ดลอดออกจากจวนตระกูลเซี่ยไป ฉวีฮูหยินแค่นขำออกมาคำหนึ่ง “น้องสะใภ้รองช่างมีใจคับแคบเหลือเกิน วันนี้ข้าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว” “นี่ท่าน !” เซี่ยเหวินอู่ถลึงตาใส่ภรรยา “ฮูหยินเจ้าพอเถอะ ! เมื่อข้าเอ่ยไปแล้วก็จงไปจัดการตามนั้น” “ก็ได้ !” กู่ฮูหยินกัดปากแน่นจนเจ็บ ก่อนหรี่ตาลงเล็กน้อย “ว่าแต่พี่สะใภ้ใหญ่จะย้ายออกไปวันไหน ข้าจะได้ให้คนเตรียมรถม้าไปส่งท่านถึงที่” 
บทที่ 203 : จิ่นเอ๋อร์เจ้าอยากตัดขาดจากตระกูลเซี่ยรึ เซี่ยเฉินจิ่นกลับไปหารือเรื่องนี้กับมารดาของตนเอง พบว่าท่าทีของนางกลับไม่เป็นอย่างที่คิด ฉวีฮูหยินถูกกดดันอยู่ในตระกูลเซี่ยมานาน เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าเซี่ยจากไป นางก็แทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ยามนี้คนดูแลจวนคือน้องสะใภ้รองที่เคยก้มหัวให้นาง ตอนนี้อีกฝ่ายแทบปีนขึ้นมาเหยียบอยู่บนหัวของนางให้ได้ “ท่านแม่ท่านคิดว่าอย่างไร จื่อเหยาไม่ได้มีอยากยุแยงให้พวกเราแตกคอกัน เพียงแต่นางหวังดีเท่านั้น” “เจ้าจะรู้อะไร จื่อเหยาฉลาดมากที่กล้าเอ่ยเรื่องนี้กับเจ้า นางเป็นสตรีที่มีชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างอิสระ หากแต่งเข้ามาแล้วต้องถูกคนอื่นกดขี่ข่มเหง สามีก็ไม่มีอำนาจแม่สามีก็ปกป้องนางไม่ได้ ไม่สู้แยกเรือนออกไปอยู่เองไม่ดีกว่าหรือ” “ท่านแม่คิดว่า..” &ldq
บทที่ 202 : ไม่ได้ ข้าอยากแต่ง ! ผู้เป็นมารดาเปิดดูด้านใน พบว่าเป็นตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง “ท่านพี่” นางรีบยื่นให้สามีดูด้วย ฉีหลี่จวินหันไปทางบุตรชาย “ไม่เป็นไรนางคงเอ็นดูเจ้า ข้ายังจำได้ตอนเจ้าสามขวบยังร้องไห้หานางอยู่เลย” เขามองออกว่าหลินลู่ฉีมอบให้ด้วยใจจริง นางไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่ หลัวเพ่ยอันคืนถุงเหอเปาให้บุตรชาย “น้ำใจนางเจ้าจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เติบใหญ่ขึ้นไปก็หาทางตอบแทนนางบ้าง” “ขอรับท่านแม่” ก่อนออกมาหลินลู่ฉีสั่งให้แม่บ้านกุย เตรียมทำหม้อไฟมื้อเย็นเอาไว้ โดยตั้งโต๊ะใหญ่ที่ลานโล่งกลางเรือน เมื่อได้เวลามื้อเย็น ทุกคนต่างออกมานั่งที่โต๊ะยาวตัวเดียวกัน อาจูกับเจียงฮุ่ยชิวไม่กล้ากินกับเจ้านาย พวกนางแยกไปกินอีกโต๊ะร่วมกับครอบครัวของพ่อบ้านหูแทน&n
บทที่ 201 : เจ้านี่คือวุ้นอ้ายหยู่ “เย่เอ๋อร์ข้าซื้อให้ เจ้าแค่รับไว้ก็พอ” หลินลู่ฉีตบบ่าเขาเบา ๆ นางหันไปทางคนงานอีกคนที่ว่างอยู่ “ข้าจำได้ว่ามีถุงเหอเปาของบุรุษอยู่ด้วย เจ้าเอาออกมาให้ข้าเลือกที” “ได้เจ้าค่ะ” นางเดินเข้าไปเปิดตู้ลิ้นชัก นำถุงเหอเปาบุรุษที่อยู่ในนั้น ออกมาวางไว้บนชั้นให้ลูกค้าได้เลือก “เย่เอ๋อร์ชอบใบไหนเลือกมาสักใบ ของบุรุษใช้สีเรียบ ๆ แต่เพราะเป็นของที่อยู่ในตรอกอิงฮวา จึงต้องมีดอกอิงฮวาเล็ก ๆ ปักไว้ เจ้าชอบสีไหนดำ เทา น้ำเงิน” “ข้าชอบสีน้ำเงินเข้มอันนี้” เขาชี้ไปที่ถุงสีน้ำเงินเข้ม ปักดอกอิงฮวาสีชมพูเหลือบขาวเล็ก ๆ ไว้ เรียบง่ายแต่สวยหรู “คิดราคารวมกันไปเลย” นางหยิบตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง พับใส่เข้าไปด้านในถุงเหอเปาของฉีซุน