ผู้เป็นมารดาเปิดดูด้านใน พบว่าเป็นตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึง “ท่านพี่” นางรีบยื่นให้สามีดูด้วย
ฉีหลี่จวินหันไปทางบุตรชาย “ไม่เป็นไรนางคงเอ็นดูเจ้า ข้ายังจำได้ตอนเจ้าสามขวบยังร้องไห้หานางอยู่เลย” เขามองออกว่าหลินลู่ฉีมอบให้ด้วยใจจริง นางไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝงอยู่
หลัวเพ่ยอันคืนถุงเหอเปาให้บุตรชาย “น้ำใจนางเจ้าจงจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ เติบใหญ่ขึ้นไปก็หาทางตอบแทนนางบ้าง”
“ขอรับท่านแม่”
ก่อนออกมาหลินลู่ฉีสั่งให้แม่บ้านกุย เตรียมทำหม้อไฟมื้อเย็นเอาไว้ โดยตั้งโต๊ะใหญ่ที่ลานโล่งกลางเรือน เมื่อได้เวลามื้อเย็น ทุกคนต่างออกมานั่งที่โต๊ะยาวตัวเดียวกัน อาจูกับเจียงฮุ่ยชิวไม่กล้ากินกับเจ้านาย พวกนางแยกไปกินอีกโต๊ะร่วมกับครอบครัวของพ่อบ้านหูแทน
&n
บทที่ 211 : สินเดิมนางยาวกว่าลูกสาวขุนนางบางคนเสียอีก หลินลู่ฉีกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมสินเดิมให้หวงจื่อเหยา นางกลับได้รับของขวัญน่ายินดีสองกล่อง กล่องหนึ่งขนาดใหญ่ อีกกล่องขนาดคนถือได้ เป็นการส่งมอบให้อย่างลับ ๆ คนส่งมอบจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง ก่อนกลับออกไปอย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นว่ามาส่งอะไร แล้วใครเป็นคนส่งมาให้ “นายหญิงพวกเขาไม่พูดอะไรก็ไปเลย นี่จดหมายเจ้าค่ะ” หูฮวนนำจดหมายมามอบให้นายหญิงของตนเอง หลินลู่ฉีคลี่ออกอ่านในทันที ของรางวัลตอบแทน จาก รุ่ยอ๋อง นางพับจดหมายเก็บใส่อกเสื้อ เดินเข้าไปเปิดดูกล่องแรก ทองคำแท่งสีเหลืองอร่ามแยงตา เปิดกล่องที่สองเป็นไข่มุกเม็ดงามละลานตาเต็มไปหมด นี่เป็นผลผลิตที่ได้จากภูเขาสองลูกกับเกาะอีกหนึ่งแห่ง หลินลู่ฉียกม
บทที่ 210 : ระวังพวกท่านจะโดนลูกเขยหลอกเข้าแล้วล่ะ ขบวนแห่สินสอดไปส่งบ้านเจ้าสาวเป็นไปอย่างคึกคัก เซี่ยเฉินจิ่นเดินทางไปมอบสินสอดด้วยตัวเอง ขบวนยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าจวนขุนนางจริง ๆ คนตระกูลเซี่ยให้บ่าวรับใช้ไปแอบดูขบวนแห่สินสอดด้วย พวกเขาทั้งโปรยขนมขบเคี้ยว ทั้งป่าวประกาศแจ้งวันแห่ขบวนรับตัวเจ้าสาว ขบวนสินสอดผ่านตรงไหนก็ครื้นเครงกันถ้วนหน้า “เจ้าอย่ามัวแต่เก็บขนมสิ นายหญิงยังรอฟังข่าวอยู่นะ” บ่าวรับใช้ที่มาด้วยกันรีบดึงมืออีกคนขึ้นจากพื้น “รู้แล้ว ๆ เจ้าดูสินอกจากขนม ยังมีเหรียญทองแดงอีกด้วย ช่างร่ำรวยกันเสียจริง โอ๊ย เจ้าดึงข้าทำไม” ไม่ช้าบ่าวรับใช้สองคนก็วิ่งมาถึงจวนตระกูลเซี่ย รีบเข้าไปรายงานสถานการณ์ด้านนอก พวกเขาช่วยกันเล่าอย่างละเอียดทุกซอกทุกม
บทที่ 209 : นางไม่ได้ขนมาหมดเรือนของนางใช่ไหม ตระกูลฉียังไม่สามารถเปิดร้านได้ เนื่องจากผลไม้ที่ต้องการนำมาทำเป็นผลไม้อบแห้งนั้น ยังมีจำนวนน้อยเกินไป หลินลู่ฉีไปเยี่ยมพวกเขาหนหนึ่ง ฉีเฟินเยว่อยากได้คำแนะนำเพิ่ม นางจึงไปฝากเรื่องไว้ที่โรงเตี๊ยมหวงหลาน วันต่อมาคนของซุนอี้หานก็เข้ามาหาคนตระกูลฉี และบอกแหล่งซื้อขายผลไม้ในราคาถูกคุณภาพดีให้พวกเขา ปัญหาเรื่องนี้ถูกแก้ไขไปได้ในที่สุด “ข้าไม่รู้ว่านางรู้จักกับเถ้าแก่โรงเตี๊ยมหวงหลาน” ฉีเฟินเยว่ยังแปลกใจ ฉีหลี่จวินอมยิ้ม “เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ นางบอกว่าขายสูตรหม้อไฟให้โรงเตี๊ยมหวงหลานเป็นคนแรก พวกเขาจะรู้จักกันก็ไม่แปลก” “จริงด้วยท่านพ่อ ความจำข้าไม่ดีจริง ๆ พรุ่งนี้ให้ข้าไปด้วยดีหรือไม่” “ไม่ต้อง
บทที่ 208 : เจียวหย่งเจ้าว่าบุรุษอายุมากกว่าสตรีแปดเก้าปีดูแก่ไปไหม แม่ทัพหยวนเดินมาทางนาง “ท่านหมอหลิน” “ท่านแม่ทัพหยวนเรียกนางว่าคุณหนูหลินเถอะ” ซุนอี้หานแก้คำเรียกขานให้นาง ยามปกตินางก็ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของตนเองมากนัก “ได้ ๆ คุณหนูหลินไม่คิดว่าเจ้าจะมาด้วย” “นายท่านซุนชวนข้าทั้งที ข้าต้องมาอยู่แล้ว” หลินลู่ฉีเองก็เปลี่ยนคำเรียกขานเขาให้เป็นทางการ “เชิญนั่งกันเถอะ จะได้ดูว่าอาวุธที่ปรับโครงสร้างใหม่ จะออกมามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด” แม่ทัพหยวนผายมือเชิญให้นางนั่งอยู่ด้านข้างกับตัวเอง หลินลู่ฉีดูเหมือนเด็กสาวตัวน้อย ในกลุ่มเหล่าชายฉกรรจ์กรำศึกทั้งหลาย หน้าไม้ถูกนำมาให้ผู้นำทัพทั้งหลายได้ชื่นชม เมื่อมาถึงมือของหลินลู่ฉี
บทที่ 207 : ไม่เคยรู้ว่าฝีมือเจ้าถึงขั้นนี้แล้ว ม้าถูกทำร้ายจนเตลิดหนีไปคนละทาง ทั้งสามต้องลงมาต่อสู้กับพวกมันบนพื้น ซื่อเจียวหย่งนึกว่าตัวเองตาฝาด นี่ยังใช่คุณหนูหลินที่เขารู้จักอีกหรือไม่ ซุนอี้หานก็ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เด็กสาวน่ารักคนนั้นไปไหนแล้ว เขามัวแต่มองนางจนเกือบถูกดาบของคนร้ายฟันเข้า โชคดีที่ซื่อเจียวหย่งสกัดกั้นได้ทัน “นายท่าน !” เขาตะโกนเรียกสติ หลินลู่ฉีในยามนี้กำลังสังเกตคนร้าย พวกมันพุ่งเป้ามาที่นางจริง ๆ นี่นางไปสร้างศัตรูเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เท่าที่จำได้ไม่น่าจะมีนะ นางอยากเค้นคำตอบจากคนร้าย จึงหยิบผงอ่อนแรงออกมา โปรยใส่หน้าพวกมันพร้อม ๆ กัน “พี่อี้หานเจียวหย่งปิดจมูก !” เมื่อรู้ว่านางใช้
บทที่ 206 : พี่อี้หานท่านให้คนตามสืบเรื่องของข้าใช่ไหม ซุนอี้หานลุกขึ้นลอดตาข่ายกลับไปหานาง เคาะไม้ตีลูกขนไก่บนศีรษะของนางเบา ๆ “เจ้าเลิกงอแงได้แล้ว” เขาใช้มืออีกข้างบีบแก้มนางแล้วยืดออกเบา ๆ “พี่อี้หานข้าโตแล้วนะ” นางสะบัดหน้าหนีเขาไปอีกทาง “จะเล่นต่อไหม” “เล่นต่อ ๆ” เขารีบมุดกลับไปยังแดนของตัวเอง ฟึบ ! ฟึบ ! ฟึบ ! ซุนอี้หานไม่เคยได้เล่นสนุกในวัยเด็ก เขาเหมือนได้ปลดปล่อยความเป็นเด็กออกมา เสียงหัวเราะของเขายามเห็นนางวิ่งตามไปตีลูกขนไก่ ทำเอาเขารู้สึกอยากกลั่นแกล้งนางมากขึ้นกว่าเดิม เสียงตีลูกขนไก่ของทั้งคู่ ดังนานอยู่ร่วมครึ่งชั่วยาม ก่อนที่หลินลู่ฉีจะเป็นฝ่าย