ในวันที่ตระกูลฟงได้รับข่าวน่ายินดี เมื่อมีจอหงวนคนใหม่อยู่ในตระกูลแม่ทัพใหญ่ การหารือเรื่องงานเลี้ยงจึงเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน จินเยี่ยนหลิงกับแม่สามีช่วยกันทำงานไม่ให้ตกหล่น รายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงานได้มอบให้พ่อบ้านจัดการเป็นที่เรียบร้อย
มีเพียงหนังสือเชิญของตระกูลหยาง ที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลฟงนำไปส่งด้วยตนเอง เพื่อเยี่ยมคารวะท่านน้ากับน้าเขย แต่สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดีย่อมหนีไม่พ้นญาติผู้น้อง ไม่ว่าครั้งไหนทั้งสี่คนมักจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาได้เสมอ
“พวกเจ้าสองคนอย่าไปถึงงานเลี้ยงช้านักล่ะ พี่สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่พวกเจ้าชอบไว้หลายอย่าง ไปถึงช้าจะถูกคนอื่นแย่งกินจนหมดนะ”
“พี่เหยาเหวินท่านไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่จะไปถึงเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”
แต่หยางซิวหรงกลับคิดต่างกับน้องสาวเล็กน้อย “เซียนเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง พี่กลับคิดว่าคงมีคุณหนูอีกหลายตระกูล ที่เร่งเร้าให้บิดามารดาพาไปร่วมงานแต่หัววัน เมื่อเจ้าไปถึงพวกนางก็เดินให้เกลื่อนจวนแล้วกระมัง”
“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับอาหรงนะ นอกจากตระกูลที่เป็นมิตรกับท่านปู่แล้ว อย่างไรเสียพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชิญก็ไม่ได้ เพราะเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก
ที่สำคัญอาจมีคุณหนูที่ไม่ชอบเซียนเอ๋อร์ของเรา พวกนางต้องแต่งกายด้วยเครื่องประดับราคาแพง เพื่อมาข่มความงามของน้องสาวพวกเราเป็นแน่” ฟงเสวี่ยหลินที่เคยเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านตามาบ้าง
ส่วนฟงเหยาเหวินกลับมีความเห็นไปอีกทาง “แต่ข้ากลับมองว่านอกจากการแต่งกายประชันความงาม คงมิใช่จุดหมายที่แท้จริงของพวกนางแน่นอน พวกเราควรระวังคุณหนูที่ตัวติดกันให้ดี ข้าคิดว่าพวกนางต้องมีแผนการมากลั่นแกล้งเซียนเอ๋อร์ ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมายหากเกิดเรื่องกับเซียนเอ๋อร์ ย่อมเป็นเรื่องเล่าลือไปทั่วเมืองหลวงในชั่วข้ามคืน”
ป๊าบ! “ถูกต้องเจ้าค่ะพี่เหยาเหวิน ข้าก็คิดเรื่องนี้คล้ายกับท่านเช่นกัน การระวังตัวไว้ย่อมดีกว่าเพราะสามารถรับมือได้ทัน แต่ข้าจะเอาคืนพวกนางอย่างไรโดยไม่ให้ถูกตำหนิ ขอเวลาข้าคิดแผนการอีกสักหน่อย หากคิดออกแล้วจะรีบบอกพวกท่านทันทีเจ้าค่ะ”
หยางเฟิ่งเซียนเข้าใจสิ่งที่ฟงเหยาเหวินพูดอย่างรวดเร็ว ถึงตนจะอยู่นิ่ง ๆ แต่สตรีเหล่านั้นก็คิดลงมือกับนางอยู่ดี ดังนั้นนางย่อมทำตามปณิธานของตนเสียหน่อยแล้ว
“เอาเช่นนี้เถิด วันนี้พวกท่านกลับจวนไปกำชับกับพ่อบ้าน เพื่อจัดกำลังบ่าวไพร่ให้มากกว่าปกติ ในบริเวณที่สุ่มเสี่ยงกับการเกิดเรื่อง ส่วนแผนการของเซียนเอ๋อร์ค่อยให้หลี่เจินไปบอกพวกท่านทีหลังขอรับ” หยางหยางซิวหรงเสนอแผนการป้องกันเอาไว้อีกทางกับทุกคน
“ข้าเห็นด้วย /ข้าก็เห็นด้วย”
ฟงเสวี่ยหลินยอมรับแผนการของญาติผู้น้อง เมื่อการส่งหนังสือเชิญเสร็จสิ้นก็ถึงเวลากลับจวน พร้อมนำแผนการนี้ไปกำชับกับพ่อบ้านฟงอีกครั้ง “เช่นนั้นพวกพี่ต้องกลับจวนก่อนนะ จะได้จัดการเรื่องกำลังคนให้เรียบร้อย”
“ขอรับ /เจ้าค่ะ”
ญาติผู้น้องฝาแฝดเดินมาส่งญาติผู้พี่แค่หน้าเรือนใหญ่ เพราะทั้งสองไม่อยากให้หยางเฟิ่งเซียนต้องเดินไปถึงประตูจวน ภายหลังส่งญาติผู้พี่กลับออกไปแล้ว ด้านหลังของทั้งสองก็ปรากฏร่างของอวี้เหลียน เข้ามารายงานว่าเจ้านายของตนต้องการพบสองพี่น้องในยามนี้
“หือ อวี้เหลียนเจ้ามีอะไรกับพวกข้าสองคนเช่นนั้นหรือ”
“เรียนคุณชาย คุณหนู นายหญิงให้ข้ามาเชิญพวกท่านไปพบที่เรือนตอนนี้ขอรับ”
“อืม ขอบคุณเจ้ามากข้ากับน้องเล็กจะไปเดี๋ยวนี้”
หยางเฟิ่งเซียนทำท่าครุ่นคิดกับการไปพบมารดา ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งสองคนเฝ้ารอหรือไม่ เนื่องจากนางลองคำนวณเวลาดูแล้ว นี่ก็ครบสามวันตามที่จีจี้ได้บอกเอาไว้ “พี่ใหญ่ท่านว่าที่ท่านแม่ให้คนมาตามพวกเราสองคนไปพบ จะเกี่ยวกับเรื่องที่คุยกันเอาไว้เมื่อวันก่อนหรือไม่เจ้าคะ”
“อาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ พวกเรารีบไปพบท่านแม่ก่อนเถิด ไปถึงคงจะรู้เองว่าใช่อย่างที่พวกเราคิดหรือไม่” หยางซิวหรงย่อมคิดไม่ต่างจากน้องสาว บางครั้งความคิดของพวกเขาก็คล้ายกันมากจนน่าตกใจ ถึงขั้นมองตาก็รู้ได้ทันทีว่าอีกคนคิดจะทำสิ่งใด
“ไปเร็วเข้าพี่ใหญ่”
ซูอันที่ส่งอวี้เหลียนไปตามบุตรทั้งสองให้มาพบ กำลังนั่งรออย่างสบายใจไม่มีทีท่ากลัดกลุ้ม หรือเป็นกังวลอย่างที่มารดาผู้อื่นเป็นสักนิด จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้ามากกว่าสองคน ก็รู้แล้วว่าบุตรของตนมาถึงเรือนแล้วนั่นเอง
เสียงของหยางเฟิ่งเซียนดังขึ้นก่อนจะเปิดประตูเรือนของมารดา “ท่านแม่ข้ากับพี่ใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ ท่านให้อวี้เหลียนไปตามพวกเรามาพบ มีเรื่องสำคัญอันใดอยากจะชี้แนะกับพวกเราหรือเจ้าคะ”
ซูอันมิได้ตอบบุตรสาวแต่หันไปสั่งการกับอวี้เหลียน “เจ้าเฝ้าด้านนอกไว้ให้ดีนะอวี้เหลียน ข้ามีเรื่องสำคัญจะพูดคุยกับลูก ๆ ของข้าสักประเดี๋ยว ใครกล้าไม่เชื่อฟังลงโทษทันที”
“ทราบแล้วขอรับนายหญิง”
เมื่ออวี้เหลียนปิดประตูเรือนจนสนิท และยืนถือดาบเฝ้าด้านหน้าอยู่เงียบ ๆ ซูอันถึงหันมาหาบุตรทั้งสองอีกครั้ง “เอาล่ะ ที่แม่เรียกพวกเจ้ามาพบในวันนี้ เพราะเรื่องที่รับปากเอาไว้จีจี้ทำสำเร็จแล้ว จีจี้ส่งของออกมาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
[รับทราบเจ้าค่ะนายหญิง]
พรึบ! สิ้นเสียงคำสั่งของซูอันก็ปรากฏกล่องไม้เล็ก ๆ สี่ชิ้น และยังมีกล่องขนาดแตกต่างกันอีกสี่ชิ้นบนโต๊ะกลางห้อง หลังจากนั้นยังคงเป็นเสียงของจีจี้ ที่อธิบายว่าสิ่งของในกล่องไม้มีอะไรบ้าง
[อะ แฮ่ม ต่อไปจีจี้จะอธิบายถึงสิ่งที่อยู่ด้านในแล้วนะเจ้าคะ กล่องเล็ก ๆ ทั้งสี่จีจี้ใช้หยกดำหายาก ในการทำเป็นแหวนให้คุณชายกับคุณหนูรวมถึงคุณชายฟงทั้งสอง โดยด้านในแหวนทั้งสี่วงได้ใส่สิ่งจำเป็นมากมายเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ยารักษาโรค ยาพิษหรือยาถอนพิษชนิดต่าง ๆ อาวุธร้ายแรงที่มีทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ซึ่งนายหญิงเคยสอนพวกท่านใช้ทั้งหมดไปแล้ว]
“ว้าว พี่ใหญ่นี่มันยอดเยี่ยมมากจริง ๆ เจ้าค่ะ ต่อไปยามเดินทางไปทำการค้าต่างแคว้น พวกเราย่อมมีอาวุธที่ร้ายกาจจัดการศัตรูได้ทันที ขอบคุณท่านแม่ ขอบคุณจีจี้ข้าชอบสิ่งนี้มาก”
“น้องเล็กพูดถูก อาวุธร้ายกาจพวกนี้ค่อยใช้ในยามอันตราย จะให้คนอื่นเห็นง่าย ๆ ไม่ได้เป็นอันขาด เหมาะกับการพกพาไปทำการค้าที่สุดแล้วล่ะ ขอบคุณท่านแม่กับจีจี้นะขอรับ ลูกก็ชอบสิ่งนี้เหมือนน้องเล็ก”
ซูอันยกยิ้มพอใจกับท่าทางของบุตรทั้งสอง แต่นางรู้ว่าจีจี้มิได้มีเพียงเท่านี้ที่จะมอบให้บุตรของนาง “จีจี้ เอาออกมาให้หมดเสียในคราวเดียวไม่ดีกว่าหรือ เจ้าจะหมกเม็ดเอาไว้เพื่ออันใดกัน”
[ไอหยา ยังคงเป็นนายหญิงที่รู้ทันจีจี้เช่นเคย ใช่เลยเจ้าค่ะสิ่งที่เตรียมไว้มิได้มีเพียงเท่านี้ ยังมีกระพี่พกขนาดสองฉื่อให้คุณชาย วัสดุทำจากเหล็กชั้นดีประดับด้วยหยกม่วง ความคมของกระบี่พกแค่ออกแรงตวัดเพียงสองส่วน ก็สามารถเชือดคอให้ขาดลึกไปหลายชุ่น
ในส่วนของคุณหนูเป็นปิ่นปักผมทำจากเหล็กขาว เมื่อจับหัวปิ่นดึงออกมาจะเป็นมีดสั้นอันคมกริบเช่นกัน สามารถใช้ในการลอบทำร้ายหรือลอบสังหารได้ดี ยังมีอีกหนึ่งอย่างของคุณหนูนั่นก็คือแส้เหล็กอันบางเฉียบ มีน้ำหนักเบาปลายแส้ฝังใบมีดขนาดเล็กทุก ๆ สามปล้อง สามารถสร้างบาดแผลและตัดเส้นเอ็นได้ในพริบตาเจ้าค่ะ]
หยางเฟิ่งเซียนได้ฟังจีจี้พูดถึงอาวุธของตน ยิ่งชื่นชอบความรู้ใจนี้มากกว่าเดิมหลายเท่า “โอ้ยยย ท่านแม่เหตุใดจีจี้ถึงได้รู้ใจลูกเช่นนี้เจ้าคะ มีทั้งอาวุธต่อสู้ในระยะประชิด ไหนจะแส้เหล็กใช้ต่อสู้ในระยะไกล ล้วนใช้สังหารคนได้โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัว”
“กระบี่พกชิ้นนี้ความคมของมันไม่อาจดูเบาได้จริง ๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์กับลูกและน้องเล็กทั้งสิ้นนะขอรับท่านแม่”
“พวกลูกชอบก็ดีแล้ว แต่ต้องใช้มันอย่างระมัดระวังด้วยล่ะ ในเมื่อพวกเจ้ารับปากแล้วว่าจะทำการค้าให้เจริญรุ่งเรือง ดังนั้นจงใช้สิ่งที่แม่มอบให้ปกป้องตนเองและการค้า
หากวันหนึ่งพวกเจ้าพบเจอเรื่องใหญ่เกินจะรับมือได้ อย่าลืมว่าข้างหลังพวกเจ้ายังมีพ่อและแม่ ที่พร้อมจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเสมอ อย่าได้อวดเก่งนั่นมิใช่ความคิดของคนฉลาด เข้าใจที่แม่พูดหรือไม่”
สองพี่น้องมองหน้ากันเป็นอันเข้าใจ ว่าสิ่งที่มารดาสั่งสอนนั้นเป็นสิ่งที่สมควรที่สุดแล้ว “ลูกกับน้องเล็กจดจำเอาไว้แล้วขอรับ พวกเราจะไม่อวดเก่งจนถูกมองว่า แก้ไขปัญหาด้วยวิธีอันโง่เขลาแน่นอนขอรับ”
หยางเฟิ่งเซียนนึกถึงเรื่องที่พูดคุยกับพี่ชายทั้งสามก่อนหน้านี้ขึ้นมาได้ “ลูกก็จดจำคำสอนของท่านแม่ไว้แล้วเจ้าค่ะ เอ่อ ท่านแม่เจ้าคะลูกมีเรื่องอยากปรึกษาสักเล็กน้อย เกี่ยวกับงานเลี้ยงของญาติผู้พี่เจ้าค่ะ”
ซูอันเห็นสีหน้าของบุตรสาวเปลี่ยนไป จึงสงสัยว่าเรื่องที่บุตรสาวอยากปรึกษาคืออะไรกันแน่ “เซียนเอ๋อร์อยากปรึกษาอันใดหรือ ลองบอกแม่มาเถิดจะได้ช่วยกันแก้ไขเสียแต่เนิ่น ๆ”
“ลูกคิดว่างานเลี้ยงของญาติผู้พี่ในวันมะรืน อาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเป็นแน่ ซึ่งสาเหตุคงไม่พ้นความอิจฉาริษยาของคุณหนูทั้งหลาย หรือคนที่เกลียดชังลูกไม่ว่าจะเป็นเรื่องอันใดก็ตาม
ลูกจึงอยากถามความเห็นของท่านแม่ว่า พอจะมีเครื่องมือที่เราสามารถใช้สอดส่องผู้คนในงาน โดยไม่ทำให้พวกเขารู้สึกผิดสังเกตบ้างหรือไม่เจ้าคะ ลูกกับพวกพี่ชายจะได้ระวังตัว ไม่ตกเป็นผู้ถูกกระทำตามแผนสกปรกของคนเหล่านั้นให้อับอายเจ้าค่ะ”
[เรื่องง่าย ๆ เช่นนี้ยกให้เป็นหน้าที่ของจีจี้เองเจ้าค่ะนายหญิง]
ซูอันถึงกับถามจีจี้ทันทีเมื่อได้ยินว่าผู้ช่วยของตนมีวิธีจัดการ “หือ เจ้าคิดจะใช้สิ่งใดช่วยบุตรหลานของข้าหรือจีจี้ ไหนลองบอกพวกเรามาสิกับแผนการของเจ้าน่ะ”
[ง่ายมากเจ้าค่ะ จีจี้จะใช้กล้องวงจรปิดติดไว้ให้ทั่วทุกจุดในจวนตระกูลฟง ส่วนนายหญิงกับคุณชายและคุณหนู ก็ใส่หูฟังไว้รอจีจี้รายงานสถานการณ์ให้ทราบ หากมีกลุ่มคนคิดจะวางแผนกลั่นแกล้งคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ]
ซูอันพยักหน้าช้า ๆ อย่างเห็นด้วยกับวิธีนี้ เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าจีจี้จะวางกล้องไว้ตรงจุดไหนบ้าง “ดีมากจีจี้ ข้าอนุญาตให้เจ้าทำตามแผนนี้ได้ทันทีที่ไปถึงตระกูลฟง ส่วนพวกลูกสองคนคอยรับอุปกรณ์จากแม่ ก่อนจะลงจากรถม้าเมื่อไปถึงที่นั่นก็แล้วกัน”
หยางเฟิ่งเซียนได้รับการช่วยเหลือก็สบายใจ เมื่อตนไม่ต้องคอยใช้สายตาสอดส่องไปทั่วงาน “ขอบคุณท่านแม่มากเจ้าค่ะ เจ้าด้วยนะจีจี้ เช่นนั้นตอนนี้ลูกขอไปทดลองใช้อาวุธใหม่สักหน่อยนะเจ้าคะ ครั้งต่อไปจะได้ใช้อย่างคล่องมือพี่ใหญ่ไปที่สนามฝึกกันเถิดเจ้าค่ะ”
และซูอันย่อมรู้ใจบุตรทั้งสองของตนเช่นกัน “ไปเถิด ระวังอย่าให้บาดเจ็บก็แล้วกัน ส่วนของญาติผู้พี่พวกเจ้าแม่จะเก็บไว้ และค่อยนำไปมอบให้ในงานเลี้ยงที่ตระกูลฟงเอง”
“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
“ลูกขอตัวก่อนขอรับท่านแม่”
สองพี่น้องมีของวิเศษสวมไว้ที่นิ้วมืออย่างพอดี พร้อมกันนี้ยังถืออาวุธที่เพิ่งได้รับตรงไปยังลานฝึก เพื่อทดลองใช้ให้คล่องมือของตนโดยเร็ว ยามเผชิญหน้าศัตรูจะได้ไม่ติดขัดยามต่อสู้ ที่ฝาแฝดสองตระกูลมีนิสัยกล้าได้กล้าเสียเหมือนกัน ล้วนเป็นผลมาจากการสั่งสอนของซูอันทั้งสิ้น
หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมากแต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนางปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข
ขณะที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างออกรส ภายหลังจากองค์หญิงใหญ่ได้เสด็จกลับจวนไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซึ่งยามนี้ในวงสนทนามีเหล่าฮูหยินหลายตระกูล ต่างกล่าวชื่นชมบุตรสาวของตนไปมาตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง เพื่อเป็นการมองหาบุรุษให้กับบุตรสาวของตนหนึ่งในนั้นยังมีซูอันที่นั่งอยู่ข้างกายพี่สาวโดยไม่พูดสิ่งใด พวกนางมิได้ตอบรับหรือถามอันใดเพิ่มเติม ทำเพียงแค่ยิ้มบางให้กับบางคำถามเท่านั้น เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลจิน ไม่เคยคิดบังคับบุตรของตนในเรื่องของการเลือกคู่ครองส่วนเสี่ยวฮัวที่ตั้งหน้าตั้งหน้าวิ่งมาจากเรือนรับรอง นางย่อมรู้ว่าควรวิ่งไปหาผู้ใดเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แฮ่ก ๆ ๆ “ฮูหยินเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทะ ทะ ที่เรือนรับรองมีคนทำเรื่องบัดสีอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”พรึบ! “เจ้าว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนของข้านะ พูดมาให้ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่!” เหอฮูหยินมารดาของฟงเฉิงฮ่าวแทบนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินสาวใช้ของจวนวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามารายงานเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น“เมื่อครู่บ่าวพาคุณหนูหยางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรอง แต่บ่าวกับคุณหนูหยางกลับได้ยินเสียงบุรุษกับสตรี กำลังทำเรื่องบัดสีอย
ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”“พรุ่งนี้เช้ามื
และแล้วงานเลี้ยงของจวนตระกูลฟงก็มาถึง แขกเหรื่อมากมายหลายตระกูลต่างมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งในมือของทุกตระกูลจะมีกล่องของขวัญ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่บางคนแอบแฝงเรื่องอื่น ๆ เพียงแค่สิ่งที่ผู้คนได้เห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นส่วนหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายของตน ได้ชักชวนบิดาและมารดามายังจวนญาติผู้พี่ ก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงหนึ่งชั่วยาม เพื่อนำอุปกรณ์พิเศษที่จีจี้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เข้าไปติดตามมุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีคนลงมือทำเรื่องไม่ดีในวันนี้ซูอันนำกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก ใส่ไว้ในลังไม้จำนวนนับร้อยชิ้น และกำชับกับบุตรทั้งสองก่อนลงจากรถม้าอีกเล็กน้อย “หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ อย่าลืมสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้ล่ะ หากมีคนคิดทำร้ายลูกในงานเลี้ยง...”“ถ้าหากลูกถูกคนกลั้นแกล้งหรือลอบทำร้ายในงานเลี้ยง อย่าได้ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง จงทำตัวให้เป็นคนที่น่าสงสาร จากนั้นค่อยเอาคืนอย่างสาสมใช่หรือไม่เจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมจดจำได้กับสิ่งที่มารดาต้องการบอกกับตน ยกเว้นหากถูกรังแกซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น นางถึงจะลงมือจัดการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีละเว้น“หึ ใช่ ในเมื่อพวกลูกจดจำได้ก็ดีแล้ว แม้จะเป็นที่
เรื่องข่าวดีที่บุตรชายฝาแฝดคนเล็กของเยี่ยนหลิงกับฟงเฉิงฮ่าว สามารถสอบได้ตำแหน่งจอหงวนถูกส่งไปยังตระกูลจิน ที่ยังคงคอยดูแลร้านผ้าไหมอยู่ในเมืองผู่เถียน สองสามีภรรยาอย่างมู่ถงและจือเหมย ยังคงทำงานที่ตนเองรักอย่างมีความสุขทุก ๆ สามเดือนทั้งสองคนจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อไปเยี่ยมเยียนบุตรหลานเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่บุตรสาวออกเรือน และย้ายไปอยู่บ้านสามีตามธรรมเนียม แม้ซูอันกับเยี่ยนหลิงอยากให้บิดามารดาไปอยู่เมืองหลวง แต่ทั้งสองกลับชอบอยู่ที่เมืองผู่เถียนเสียมากกว่าเนื่องจากข่าวดีส่งมาในเวลากระชั้นชิดเกินไป มู่ถงกับจือเหมยจึงเลือกส่งของขวัญให้กับหลานชาย เพราะคงไม่สามารถเดินทางในเวลาอันสั้นได้ และของขวัญที่ส่งให้หลานชายอย่างฟงเหยาเหวิน ย่อมเป็นผ้าไหมปักลายอย่างประณีตงดงามอย่างแน่แท้ทางด้านเยี่ยนหลิงก็ช่วยแม่สามีจัดเตรียมงานเลี้ยง ทุกอย่างในงานล้วนทำอย่างพิถีพิถันมากที่สุด ด้วยไม่ต้องการทำให้ตระกูลฟงขายหน้าได้ อย่างไรเสียงานเลี้ยงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ย่อมเสด็จมาเข้าร่วม เพราะทั้งสองตระกูลมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่บุตรชายจนมาถึงหลาน ๆ ของทั้งสองตระกูลแขกเ
ในวันที่ตระกูลฟงได้รับข่าวน่ายินดี เมื่อมีจอหงวนคนใหม่อยู่ในตระกูลแม่ทัพใหญ่ การหารือเรื่องงานเลี้ยงจึงเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน จินเยี่ยนหลิงกับแม่สามีช่วยกันทำงานไม่ให้ตกหล่น รายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงานได้มอบให้พ่อบ้านจัดการเป็นที่เรียบร้อยมีเพียงหนังสือเชิญของตระกูลหยาง ที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลฟงนำไปส่งด้วยตนเอง เพื่อเยี่ยมคารวะท่านน้ากับน้าเขย แต่สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดีย่อมหนีไม่พ้นญาติผู้น้อง ไม่ว่าครั้งไหนทั้งสี่คนมักจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาได้เสมอ“พวกเจ้าสองคนอย่าไปถึงงานเลี้ยงช้านักล่ะ พี่สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่พวกเจ้าชอบไว้หลายอย่าง ไปถึงช้าจะถูกคนอื่นแย่งกินจนหมดนะ”“พี่เหยาเหวินท่านไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่จะไปถึงเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”แต่หยางซิวหรงกลับคิดต่างกับน้องสาวเล็กน้อย “เซียนเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง พี่กลับคิดว่าคงมีคุณหนูอีกหลายตระกูล ที่เร่งเร้าให้บิดามารดาพาไปร่วมงานแต่หัววัน เมื่อเจ้าไปถึงพวกนางก็เดินให้เกลื่อนจวนแล้วกระมัง”“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับอาหรงนะ นอกจากตระกูลที่เป็นมิตรกับท่านปู่แล้ว อย่างไรเสียพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชิญก็ไม่ได้