LOGINเมื่อกลับมาถึงจวนเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบกับเถียนฮูหยินที่มายืนรออยู่พอดี เถียนฮูหยินมองนางด้วยแววตาที่โกธรกรุ่น นางรู้ได้ทันทีว่าตนคงถูกจับได้เสียแล้ว
เมิ่งอ้ายเยว่ไม่รู้ว่าเถียนฮูหยินรู้ได้อย่างไรว่านางหนีออกไปทางช่องลอดสุนัข แต่เมื่อได้เห็นอาหมี่ที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นเทา เมิ่งอ้ายเยว่ก็เข้าใจเรื่องราวได้ทันที เถียนฮูหยินคงจะคาดคั้นเอากับอาหมี่สินะ
เถียนฮูหยินสั่งให้คนปิดตายช่องสุนัขลอดนั้นเสีย และลงโทษนางด้วยการโบยตี เมิ่งอ้ายเยว่ไม่ร้องออกมาสักคำ เป็นใต้เท้าเมิ่งที่รีบเข้ามาปรามภรรยาตนเพราะเกรงว่าเมิ่งอ้ายเยว่จะโดนตีจนตาย แรกเริ่มเมิ่งอ้ายเยว่ยังพอจะซาบซึ้งใจอยู่บ้าง แต่เพราะเถียนฮูหยินโมโหมาก จึงเผลอหลุดปากพูดออกมาว่า ที่พวกเขาเก็บนางเอาไว้เพราะนางคือยันต์คุ้มภัยของคนตระกูลเมิ่ง หากนางทำพลาดแม้แต่นิดเดียว คนตระกูลเมิ่งก็จะมีเคราะห์ไม่จบไม่สิ้น
เมิ่งอ้ายเยว่นิ่งงันไปในทันที เมื่อประติดประต่อเรื่องราวได้ นางก็ยิ้มหยันในใจ
ที่พวกเขาไม่ไล่นางออกจากจวน ไม่ใช่เพราะเอ็นดูหรือรู้สึกผูกพันธ์กับนาง แต่เป็นเพราะพวกเขาเห็นนางเป็นเพียงเครื่องรางมนุษย์ เพราะนางมีวันเดือนปีเกิดและเวลาตกฟากที่จะหนุนนำให้พวกเขามีบุตร ซ้ำยังมีดวงชะตาคุ้มภัยให้คนตระกูลเมิ่ง เพราะนางยังมีประโยชน์พวกเขาจึงไล่นางไปไม่ได้
และที่เถียนฮูหยินไม่ให้นางออกไปข้างนอก ไม่ใช่กลัวว่านางจะไปก่อเรื่อง แต่เป็นเพราะพวกเขากลัวว่านางจะเอาไออัปมงคลจากด้านนอกมาทำให้เมิ่งลี่หรูกับเมิ่งซานล้มป่วย
และที่นางต้องสวมเสื้อผ้าสีเรียบเหมือนสตรีถือศีล แล้วยังต้องกินแต่ผักเพื่อชำระจิตใจให้สะอาด แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะนางมีดวงชะตาพิเศษอันใดหรอก แต่เป็นเพราะว่านางคือเครื่องรางมนุษย์อย่างไรเล่า เพื่อให้เครื่องรางเช่นนางมีอานุภาพมากขึ้น เถียนฮูหยินจึงบังคับให้นางทำเช่นนี้
สารเลวสิ้นดี!นางสงสารเมิ่งอ้ายเยว่คนเก่ายิ่งนัก ที่รักสองผัวเมียคู่นี้จากใจจริง แต่คนพวกนี้กลับไม่เคยมีความเมตตาให้นางเลยแม้เพียงเศษเสี้ยว
เครื่องรางมนุษย์ ยันต์กันภัยมนุษย์ ช่างเหลวไหลสิ้นดี หากทำแบบนี้แล้วจะรอดปลอดภัยจริงตามคำทำนาย เช่นนั้นบนโลกใบนี้ก็คงไม่มีคนตายแล้ว!
คำกล่าวที่ว่า จิตใจของคนยากแท้หยั่งถึง ที่แท้แล้วมันเป็นเช่นนี้เอง
เถียนฮูหยินหันไปสบตากับใต้เท้าเมิ่ง ยิ่งเห็นว่าเมิ่งอ้ายเยว่ไม่โวยวายและเงียบไปพวกนางก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่นในใจ เมื่อครู่นางไม่ทันระวังจึงเผลอหลุดปากพูดออกไปจนหมด ยามนี้มานึกเสียใจทีหลังก็คงไม่ทันการณ์เสียแล้ว!
“จับนางไปขังเอาไว้ในเรือนเพื่อเป็นการลงโทษ หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามปล่อยนางออกมา!”
เถียนฮูหยินออกคำสั่งอย่างเย็นชา ส่วนเมิ่งอ้ายเยว่นั้นยามนี้รู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อยแล้ว อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนจะไม่สบาย จึงไม่ได้ขัดขืนอันใด ยามนี้นางต้องพักให้หายดี จากนั้นค่อยคิดหาหนทางต่อไป
ด้านซือหม่าอี้เฉินนั้น ยามนี้เขากำลังทอดสายตามองไปที่จวนตระกูลเมิ่งอย่างเย็นชา หลังจากนางขอตัวกลับจวนเขาก็แอบติดตามนางมาและซ่อนตัวอยู่ไม่ไกล เขาเห็นว่านางกลับเข้าจวนทางช่องลอดสุนัข จากนั้นก็เห็นว่ามีคนจัดการปิดตายช่องลอดสุนัขนั้นเสีย ชายหนุ่มย่นหว่างคิ้ว พลางสั่งให้องค์รักษ์ลับไปสืบเรื่องราวมาโดยละเอียด แล้วรีบกลับมารายงานเขาที่วังหลวง
เมื่อกลับมาถึงวังหลวงได้ไม่นานองค์รักษ์ลับก็รายงานเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟัง ชายหนุ่มถึงกับส่งเสียงเหอะในลำคออย่างดูแคลน พวกขุนนางชั้นสูงพวกนี้ ภายนอกมักชอบทำตัวสูงส่ง แต่ภายในกลับเน่าเฟะจนน่ารังเกียจ ถึงกับลงมือทำร้ายจิตใจของเด็กสาวคนหนึ่งได้อย่างเลือดเย็น
ก่อนหน้านี้คนที่เขาส่งไปสืบเรื่องราวของเมิ่งอ้ายเยว่ได้กลับมารายงานเขาว่า ชาติกำเนิดของนางไม่ใคร่จะดีนัก นางเป็นบุตรของครอบครัวชาวนายากจนผู้หนึ่ง และถูกขายให้กับตระกูลเมิ่ง จากนั้นไม่นานครอบครัวเดิมของนางก็ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่อื่น
เมิ่งอ้ายเยว่นั้นแม้จะถูกเลี้ยงดูในนามของคุณหนูใหญ่ แต่กลับมีชะตาชีวิตที่น่าอดสู ยิ่งเขาสืบลึกลงไปกลับพบความชั่วช้าของคนตระกูลเมิ่งมากยิ่งขึ้น ภรรยาของใต้เท้าเมิ่งนับถือไต้ซือผู้หนึ่งอย่างลึกซึ้ง นางเลี้ยงเมิ่งอ้ายเยว่เอาไว้ข้างกายเพื่อให้ตนตั้งครรภ์ อีกทั้งยังมองเมิ่งอ้ายเยว่เป็นเพียงเครื่องรางมนุษย์ที่คอยรับเคราะห์แทนคนตระกูลเมิ่ง เมิ่งอ้ายเยว่ต้องสวมเสื้อผ้าคล้ายชุดคนถือศีล ไม่ได้แต่งกายงดงามเช่นสตรีคนอื่นๆ ยามอยู่ในจวนนางก็ได้กินแต่ผัก หนึ่งเดือนจะได้กินเนื้อสักครา เวลาจะออกไปนอกจวนเถียนฮูหยินต้องตามติดนางราวกับเงาตามตัว ชีวิตเช่นนี้ไม่ต่างจากนักโทษเลยด้วยซ้ำ
ช่างน่าเวทนานัก
ตอนที่เขายังเยาว์วัย เสด็จพ่อมักจะสอนเขาเกี่ยวกับเรื่องของใจคนอยู่เสมอ สิ่งใดในโลกหล้าที่ว่าคาดเดายาก ก็ยังไม่เท่าจิตใจของมนุษย์ ตอนที่เสด็จพ่อทรงขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ ต้องผ่านความยากลำบากมานับไม่ถ้วน ทั้งการแก่งแย่งในหมู่พี่น้อง และการแก่งแย่งในวังหลัง รวมไปถึงความกดดันจากเหล่าขุนนาง เสด็จพ่อทรงสอนให้เขาเข้มแข็ง โหดเหี้ยม อย่าใจอ่อนโดยง่าย ไม่อย่างนั้นอาจจะปกป้องคนรอบตัวเอาไว้ไม่ได้
และสิ่งที่ควรระวังให้มากคือคนรอบกาย ยิ่งนั่งบนตำแหน่งสูง ยิ่งหาความจริงใจจากคนรอบกายได้ยาก นอกจากเสด็จแม่และท่านลุงแล้ว เขาก็ไม่เคยไว้ใจผู้ใดอีก
เดิมทีเขามีเสด็จอาอยู่คนหนึ่ง นามว่าซือหม่าเหลียน ยามนี้รั้งตำแหน่งชินอ๋องอยู่ ซือหม่าเหลียนเป็นบิดาแท้ๆ ของซือหม่าตง ญาติผู้น้องของเขา ซือหม่าเหลียนภายนอกดูเหมือนไม่ฝักใฝ่ในตำแหน่งแต่แท้จริงกลับลอบปลุกปั่นเหล่าขุนนางและราษฎรให้เกลียดชังเขาและยังซ่องสุมกำลังทหารเอาไว้ในมืออยู่อีกจำนวนหนึ่ง เขารู้ดีกว่าใครว่าเสด็จอาของเขาผู้นี้หมายตาตำแหน่งฮ่องเต้ของเขามาโดยตลอด ภายนอกทำเป็นซื่อสัตย์แต่ในใจกลับซ่อนความชั่วร้ายเอาไว้ ที่ซือหม่าเหลียนไม่กล้าลงมือกับเขาซึ่งหน้าก็เป็นเพราะเกรงบารมีตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลเดิมของเสด็จแม่ที่คอยคานอำนาจกับเหล่าขุนนางอยู่
ท่านลุงของเขามีนามว่าหลี่หรง คอยสนับสนุนเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ อีกทั้งคนตระกูลหลี่ล้วนเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจมาหลายชั่วอายุคน และปกป้องฮ่องเต้มาหลายยุคหลายสมัย ตีคู่มากับตระกูลไป๋ แม้จะเป็นตระกูลแม่ทัพเหมือนกันแต่กลับไม่ได้สนทนาปราศรัยกันสักเท่าใดนัก
เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่ซือหม่าเหลียนจะทำการใดล้วนไม่ง่ายนัก จึงทำได้เพียงลอบส่งนักฆ่ามาก่อความวุ่นวายเป็นระยะ อีกทั้งยังให้คนไปสร้างเรื่องหลอกลวงขุนนางและราษฎรว่าเขามีดวงอัปมงคลต่อแผ่นดิน แล้วยังมีดวงชะตาเป็นทรราช ส่วนซือหม่าเหลียนกลับมีดวงชะตาเทพมังกรจุติ ช่างเพ้อเจ้อสิ้นดี!
ราษฎรเริ่มหลงเชื่อแต่ไม่กล้าทำอันใด ส่วนเหล่าขุนนางก็แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสนับสนุนเขา ฝ่ายหนึ่งลอบสนับสนุนซือหม่าเหลียนอย่างลับๆ หวังจะให้อีกฝ่ายโค่นล้มอำนาจของเขาลงเสีย
ในเมื่ออยากให้เขาเป็นทรราชนัก เขาก็จะลองเล่นสนุกดูสักหน จากนั้นค่อยลากพวกคนชั่วออกมาสับเป็นชิ้นๆ ในภายหลัง
หนึ่งในขุนนางที่ลอบสนับสนุนซือหม่าเหลียนอย่างลับๆ ก็มีใต้เท้าเมิ่งรวมอยู่ด้วย
การพบเจอกันของเขาและเมิ่งอ้ายเยว่นั้นเดิมทีเป็นเรื่องของความบังเอิญ แต่เขาคิดจะใช้ประโยชน์จากนางเพื่อสืบเรื่องราวทุกอย่างในจวนตระกูลเมิ่ง แล้วจัดการลากตัวบงการใหญ่ออกมารับโทษ แต่กลับกลายเป็นว่า นอกจากจะไม่ได้ใช้ประโยชน์จากนางแล้ว เขายังตัดใจใช้นางเป็นหมากไม่ลง
ชะตาชีวิตของนางน่าเวทนาเกินไป ซ้ำยังถูกผู้คนเอาเปรียบ หากเมื่อครู่เขาไม่ผ่านไปพบเข้านางคงแย่ไปแล้ว และที่ผ่านมานางก็ไม่เคยคิดร้ายต่อเขา นางดูบริสุทธิ์ใสซื่อยิ่งกว่าขุนนางพวกนั้นเสียอีก นอกจากเรื่องกินกับนอนแล้ว นางก็ไม่คิดเรื่องอื่นอีก ยิ่งได้รู้ว่าวันนี้นางต้องพบเจอกับเรื่องบัดซบในจวนตระกูลเมิ่ง เขาก็ยิ่งตัดใจใช้งานนางไม่ลง นางมีน้ำใจช่วยเหลือคน ไม่ได้มีจิตใจชั่วช้าเช่นที่คนอื่นกล่าวอ้างเล่าลือ และวันนี้นางก็ยังช่วยเหลือซือหม่าตงญาติผู้น้องของเขาเอาไว้ด้วย
ปลาที่ใกล้จะขาดน้ำตายเช่นนี้ เขาตัดใจขอดเกล็ดมันไม่ลง อีกทั้งยังต้องการช่วยให้มันได้หายใจต่อไปอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ไว้ใจนาง ยิ่งนางเข้าไปพัวพันกับคนจวนชินอ๋องเช่นนี้เขายิ่งต้องจับตาดูนางต่อไปเรื่อยๆ
ชายหนุ่มมีท่าทีครุ่นคิด ก่อนจะหันมาเรียกฟ่านกงกง
"ตาแก่ฟ่าน"
"พ่ะย่ะค่ะ"
“ไต้ซือเวรนั่นเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ทูลฝ่าบาท เขาหมดแรงจะร้องขอความช่วยเหลือแล้ว กระหม่อมสั่งให้คนจับตาดูเขาไม่ให้คลาดสายตาเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ซือหม่าอี้เฉินเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก เขาสั่งให้คนไปจับตัวไต้ซือลวงโลกผู้นั้นมาขังเอาไว้และทำการไต่สวนด้วยตนเอง หลังจากจับตัวไต้ซือชั่วผู้นี้มาได้แล้ว เขาก็สั่งให้คนของตนใส่หน้ากากหนังมนุษย์สวมรอยเป็นไต้ซือบัดซบผู้นี้เสีย จากนั้นก็ส่งไต้ซือตัวปลอมไปคอยรับใช้เถียนฮูหยินแทน
ในเมื่อคนตระกูลเมิ่งเชื่อคำทำนายทายทักถึงเพียงนั้น เขาก็จะใช้วิธีนี้ยื้อแย่งเอาปลาตัวนั้นมาเลี้ยงในวังหลวง เขาอยากจะเห็นนักว่าคนตระกูลเมิ่งจะทำหน้าเช่นไร!
ซือหม่าอี้เฉินส่งเสียงหัวเราะหึหึ ก่อนจะหันมาเอ่ยกับฟ่านกงกง
"ตาแก่ฟ่าน วันนี้ข้ารู้สึกอารมณ์ไม่ดี อยากจะเผาคลังสมบัติของพวกขุนนางเล่นเสียหน่อย เจ้าว่า ข้าจะเลือกเผาจวนใดดี!"
ฟ่านกงกงหนังตากระตุก รู้สึกว่ามือไม้อ่อนแรงขึ้นมาชั่วขณะ
ฝ่าบาท คนเขายิ่งบอกว่าพระองค์มีดวงชะตาเป็นทรราช พระองค์ก็ยังจะหาเรื่องเล่นพิเรนท์ไม่เลิก!
“ตาแก่ เจ้ากำลังแอบด่าข้าในใจอยู่สินะ?”
“บ่าวมิกล้า!”
ซือหม่าอี้เฉินส่งเสียงเหอะในลำคอ เขาใช้ปลายนิ้วชี้เคาะลงไปบนโต๊ะเป็นจังหวะที่ไม่รีบไม่ร้อน ฟ่านกงกงถึงกับทอดถอนใจ เสียงเคาะโต๊ะของฝ่าบาทเหมือนเสียงเร่งเวลาบรรลัยของเหล่าขุนนางอย่างไรอย่างนั้น
“อ่า ข้านึกออกแล้ว ข้าเลือกจวนตระกูลเมิ่งก็แล้วกัน คืนนี้ส่งองค์รักษ์ลับฝีมือดีไปเผาคลังสมบัติของใต้เท้าเมิ่งสักหน่อย เอาแค่พอหอมปากหอมคอนะ”
"ฝ่าบาท! หากมันลามไปยังสมบัติชิ้นอื่น หรือเรือนหลังอื่นเล่าพ่ะย่ะค่ะ!"
"ช่างหัวมันประไร นั่นเรือนตระกูลเมิ่งไม่ใช่เรือนของข้าเสียหน่อย พวกมันหาน้ำมาดับไฟไม่ทันเองต่างหาก ข้าไม่รู้เรื่องด้วยเลยแม้แต่น้อย"
"เช่นนั้นหากแผนการไม่สำเร็จเล่าพ่ะย่ะค่ะ?"
"ก็หาฤกษ์งามยามดีไปเผาใหม่ มันต้องมีสักวันที่เผาสำเร็จ หากพวกมันยังโลภมากอยากได้อยากมีในของที่ไม่ใช่ของตนเองไม่เลิก ก็เผาจวนพวกมันให้วอดวายไปเลย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว อ้อ ตาแก่ฟ่าน เจ้ากำชับคนของเราด้วยว่า ระวังอย่าให้ลามไปถึงเรือนพักของเมิ่งอ้ายเยว่เด็ดขาด คราวก่อนขันทีซ่งมาบอกข้าว่านางพักอยู่เรือนทางทิศเหนือ ใกล้กับสระบัวอันใดสักอย่าง พวกเจ้าสังเกตให้ดีหน่อยเล่า ส่วนเรือนอื่นหากมันจะมอดทั้งหลังก็ช่างหัวมันเถอะ ข้าจะดูสิว่าหากใต้เท้าเมิ่งเกิดเรื่อง เสด็จอาจะยื่นมือเข้าช่วยหรือว่าพวกเขาจะกัดกันเอง เห้อ ข้านี่ช่างวางแผนการณ์ได้เยี่ยมยอดจริงๆ เลย ตาแก่ฟ่าน เจ้าลองเอ่ยชมข้าให้ชื่นใจหน่อยสิ พูดตามข้านะ เริ่ม! ไอ้ชั่วนี่ช่างคิดแผนการออกมาได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เร็วๆ เข้าสิ เน้นคำว่าไอ้ชั่วให้มันหนักแน่นหน่อย มาเลย!"
ฟ่านกงกงเริ่มหายใจติดขัด ก่อนจะล้มตึงลงไปที่พื้นและชักเกร็งจนตาเหลือก
“อ้าว เจ้าชักเช่นนี้แล้วผู้ใดจะไปสั่งงานแทนข้ากันเล่า ตาแก่ฟ่านลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ หมอหลวง! พวกเจ้ารีบไสหัวเข้ามาเดี๋ยวนี้ ตาแก่ฟ่านตาเหลือกแล้ว!”
ฟ่านกงกงยังคงนอนตาเหลือกไม่เลิก เขาทนไม่ไหวแล้ว ขอตัวลงไปนอนชักก่อนแล้วค่อยคิดหาหนทางรับมือกับทรราชน้อยผู้นี้ทีหลัง!
หลังจากพิธีฉลองการอภิเษกสมรสผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนก็กลับไปใช้ชีวิตเฉกเช่นปกติตามเดิม หลังจากที่ซือหม่าอี้เฉินแต่งงานกับอวี๋อ้ายเยว่ได้ไม่นาน ซือหม่าตงและอวี๋ลู่เหลียนก็เข้าพิธีแต่งงานกันทันที หลังจากผ่านงานแต่งงานมาแล้วคนทั้งสองก็เดินทางเข้าวังหลวงมาเพื่อสนทนาพูดคุยกับซือหม่าอี้เฉินและอวี๋อ้ายเยว่อวี๋อ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนนั้นนั่งสนทนากันกันอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนัก ส่วนซือหม่าอี้เฉินและซือหม่าตงก็นั่งสนทนากันอยู่ที่โต๊ะทรงอักษรไม่ไกลจากสตรีทั้งสองมากนัก"อาตงข้าจะมอบตำแหน่งชินอ๋องให้กับเจ้า"ซือหม่าตงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับพ่นชาร้อนออกจากปากทันที เขาวางถ้วยชาลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองพี่ชายตนอย่างหมดอาลัยตายอยาก"เสด็จพี่ ข้าไม่อยากเป็นชินอ๋องท่านก็รู้นี่ ข้าไม่อยากทำงานในราชสำนัก ข้าไม่อยากร่วมประชุมยามเช้า ข้าอยากอยู่แต่กับเมียข้า""ค่าจ้างเป็นชินอ๋องเดือนละหนึ่งพันตำลึง ไม่ต้องประชุมยามเช้า อยากไสหัวไปทำอันใดก็ไป เพียงแค่เป็นชินอ๋องหุ่นเชิดให้ข้าก็พอ ไม่เช่นนั้นคนนอกจะหาว่าข้าตระหนี่แม้กระทั่งตำแหน่งชินอ๋องที่ควรจะเป็นของน้องชาย ข้าไม่อยากถูกคนเอาข้าไปนินทาว่าไม่รักพี่รักน้อง"ซือห
เมื่อสงครามจบสิ้นลง บ้านเมืองก็กลับสู่ความสงบสุขอีกครั้งหนึ่ง คนชั่วถูกปราบปรามจนสิ้นซากไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว เหล่าช่าวบ้านต่างกู่ร้องยินดีกันถ้วนหน้าซือหม่าอี้เฉินทิ้งทหารเอาไว้ที่ชายแดนทางทิศเหนือหลายหมื่นนายเพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของชาวบ้าน ส่วนราษฎรแคว้นฉีนั้นต่างยอมสวามิภักดิ์ต่อเขาอย่างไม่มีข้อแม้ อีกทั้งยังบอกว่าซือหม่าอี้เฉินเปรียบเสมือนเทพเซียนมาโปรด ที่ช่วยสังหารฉีอ๋องจนตกตายไปได้ เพราะที่ผ่านมาฉีอ๋องเอาเปรียบราษฎรไม่หยุดหย่อน อีกทั้งยังทำชั่วเอาไว้มาก ที่ผ่านมาก็ปกครองบ้านเมืองด้วยความอำมหิต เมื่อฉีอ๋องตกตายไป พวกเขาก็ถือว่าได้หลุดพ้นจากนรกขุมนี้เสียทีเมิ่งอ้ายเยว่รู้สึกดีใจยิ่งนักที่สงครามครานี้จบลงด้วยการที่แคว้นเยี่ยเป็นฝ่ายกุมชัยชนะ เมฆหมอกดำได้ผ่านพ้นไปจนหมดสิ้นแล้ว ยามนี้ได้เวลาเริ่มต้นใหม่เสียทีเมื่อสะสางเรื่องที่ชายแดนจบสิ้น ซือหม่าอี้เฉินและเมิ่งอ้ายเยว่ก็เดินทางกลับเมืองหลวงในทันที เมื่อกลับมาถึงเขาก็ปูนบำเหน็จให้กับเหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบอย่างสมเกียรติ ส่วนขุนนางที่ได้รับผลกระทบก็ได้รับการปลอบประโลมเช่นเดียวกัน ไป๋จิ่งหยวนและหลี่หรงได้รับการปูนบำเหน
กลางดึกเขาสั่งให้คนลอบไปเผาคลังเสบียงในค่ายทหารของฉีอ๋อง ทั้งค่ายพลันวุ่นวายขึ้นมาทันที ซือหม่าอี้เฉินจึงใช้โอกาศนี้ไปแย่งชิงตัวซือหม่าตงกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ง่ายนัก กว่าจะแย่งตัวคนมาได้ ฉีอ๋องก็รู้ตัวเสียแล้ว และได้ส่งทหารจำนวนหนึ่งออกมาจัดการกับซือหม่าอี้เฉิน ซือหม่าอี้เฉินรีบสั่งให้คนพาซือหม่าตงกลับเข้าชายแดนแคว้นเยี่ยโดยเร็วส่วนเขาและหลี่หรงก็รับมือกับทหารของฉีอ๋องเพื่อถ่วงเวลาให้น้องชายกลับเข้าเมืองไปได้อย่างปลอดภัยเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนที่รออยู่ก่อนแล้วเมื่อเห็นว่าซือหม่าตงถูกช่วยกลับมาได้แล้วจึงสั่งให้คนตามท่านหมอมารักษาเขาทันที ด้านซือหม่าตงและหลี่หรงก็อาศัยโอกาสนี้โจมตีฉีอ๋องไม่หยุด ยามนี้ทหารของฉีอ๋องถูกสังหารไปไม่น้อย อีกทั้งคลังเสบียงก็มาถูกไฟเผา ฉีอ๋องจึงโกธรแค้นมาก และประกาศก้องว่าจะออกรบสังหารซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงด้วยตนเอง!ซือหม่าตงถูกพาตัวมารักษาโดยมีอวี๋ลู่เหลียนคอยจับมือเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ซือหม่าตงแม้จะเจ็บหนักแต่ยังพอมีสติอยู่บ้าง เขาหันมามองอวี๋ลู่เหลียนและยิ้มให้นางอย่างอ่อนล้า"ลู่เหลียน""ข้าอยู่นี่แล้ว ฮึก เจ้าอย่าเพิ่งพูดอันใดให้มากความเลย
เมื่อมีเรื่องดี ย่อมต้องมีเรื่องร้ายตามมายามนี้ชายแดนทางเหนือกำลังเกิดสงครามประทุขึ้นอย่างหนัก ส่วนชายแดนทางใต้ก็มีคนของอู่อ๋องที่รอดชีวิตจากสงครามหลายปีก่อนกำลังก่อความไม่สงบหมายจะช่วงชิงชายแดนคืน ซือหม่าอี้เฉินที่แต่ไหนแต่ไรมักทำตัวตามสบายมาโดยตลอด กลับมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เขาเรียกให้ขุนนางฝ่ายบุ๋นเข้าร่วมประชุมอย่างเร่งด่วนมาหลายวันติดแล้ว แม่ทัพใหญ่หลี่และไป๋จิ่งหยวนแทบจะกินนอนอยู่ในวังหลวง หลังจากปรึกษาหารือกันอย่างดุเดือดในที่สุดก็ได้ข้อสรุปเสียทีซือหม่าอี้เฉินเห็นชอบให้ไป๋จิ่งหยวนนำกำลังทหารหลายแสนนายไปทำสงครามที่ชายแดนทางทิศใต้ และปราบปรามสุนัขรับใช้ที่เหลืออยู่ของอู่อ๋องให้สิ้นซาก ไป๋จิ่งหยวนรับคำและเร่งระดมพลออกค้นหาทันทีว่ามีคนของอู่อ๋องหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่ หากมีก็ให้สังหารทิ้งให้สิ้นซาก จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังชายแดนทางใต้อย่างรวดเร็วส่วนซือหม่าอี้เฉินและหลี่หรงเดินทางไปยังชายแดนทิเหนือเพื่อต่อสู่กับกองทัพของฉีอ๋อง วันที่พวกเขาออกเดินทางมีชาวบ้านมายืนส่งตลอดทางและอวยพรให้พวกเขากลับมาพร้อมชัยชนะส่วนเมิ่งอ้ายเยว่และอวี๋ลู่เหลียนก็ติดตามซือหม่าอี้เฉินไปด
"ฝ่าบาท บุญคุณครานี้กระหม่อมจะไม่มีวันลืมเลย"ซือหม่าอี้เฉินเข้ามาประคองราชครูอวี๋ให้ลุกขึ้น ก่อนจะเอ่ย“สำนึกบุญคุณก็ดี ตาแก่อวี๋ หากอยากตอบแทนบุญคุณข้า ก็ยกบุตรสาวเจ้าให้แต่งกับข้า เป็นอย่างไร ได้ข้าเป็นลูกเขย เจ้านี่ทำบุญมาดีจริงๆ”ราชครูอวี๋ลอบเบ้ปากคราหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อย"ฝ่าบาท เช่นนั้นกระหม่อมขอพาตัวบุตรสาวกลับจวนได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมอยากพานางไปทำความคุ้นเคยกับบ้านของนาง และกลับไปดูเรือนของแม่นาง แล้วกระหม่อมจะพานางกลับมาส่งให้ฝ่าบาท""ได้ ไปเถอะ คิดซะว่าชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานาน""ขอบพระทัยฝ่าบาท"เมื่อซือหม่าอี้เฉินอนุญาต เมิ่งอ้ายเยว่จึงติดตามราชครูอวี๋กลับจวน ซือหม่าอี้เฉินเพียงยิ้มเล็กน้อย เดิมทีเขาอยากตามนางไปด้วย แต่คิดอีกทีเขาไม่ไปดีกว่า อย่างไรควรจะให้สองพ่อลูกได้ใช้เวลาร่วมกันจะดีกว่าราชครูอวี๋พาเมิ่งอ้ายเยว่มาที่จวนของตนทันที เมื่อเข้าจวนมาแล้วเมิ่งอ้ายเยว่ก็พบว่าการตกแต่งของจวนราชครูอวี๋ช่างงดงามมากนัก แต่เพราะนางอยู่ในวังจนเคยชิน เห็นความงดงามมามากนัก จึงไม่ได้แสดงท่าทีตื่นเต้นจนเกินงาม"เรือนนี้เป็นเรือนของแม่เจ้า พ่อปิดตายเอาไว้ไม่ให้คน
ท้ายที่สุดคนตระกูลเมิ่งก็ถูกประหารตกตายไปตามกัน ของมีค่าทั้งหมดถูกยึดเข้าท้องพระคลังหลวง ข้ารับใช้ถูกขายไปที่โรงขายทาส ความชั่วที่พวกเขาเคยกระทำถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชน สร้างความเกลียดชังให้แก่เหล่าชาวบ้านไม่น้อยเลยวันที่พวกเขาถูกประหารเมิ่งอ้ายเยว่ไม่ได้ไปร่วมดูด้วย นางเพียงนอนหลับพักผ่อนอยู่ในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยมีซือหม่าอี้เฉินนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆหลังจากจบสิ้นเรื่องของตระกูลเมิ่ง ก็มีเรื่องใหม่อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้คนไปทั่วทั้งเมืองหลวงก่อนเดินทางไปชายแดนองค์รักษ์ลับที่ซือหม่าอี้เฉินส่งไปสืบเรื่องราวภูมิหลังของเมิ่งอ้ายเยว่เมื่อหลายเดือนก่อนก็กลับมารายงานงานผลลัพธ์ที่ได้แท้จริงแล้วเมิ่งอ้ายเยว่คือบุตรสาวคนโตที่เกิดจากภรรยาเอกของราชครูอวี๋ที่ถูกโจรป่าลักพาตัวไป คนของซือหม่าอี้เฉินสืบลึกลงไปอีกจนหาตัวสาวใช้ของอดีตฮูหยินนามว่าอาหลวนพบ ยามนี้นางเริ่มอายุมากแล้ว และยังแต่งงานกับชาวนาผู้หนึ่งและใช้ชีวิตอยู่ในชนบท นางบอกว่าตนเองและฮูหยินหนีตายไปด้วยกัน และยังเล่าความจริงทั้งหมดว่าย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ภรรยาเอกของราชครูอวี๋ถูกโจรป่าลักพาตัวไป ยามนั้นฮูหยินกำล







