“พวกข้าไม่รู้จะตอบแทนบุณคุณครอบครัวของคุณหนูอย่างไร ถึงจะเหมาะสมคู่ควรกับการช่วยเหลือในครั้งนี้”“ท่านอย่าคิดมากเรื่องเป็นบุญคุณอันใดเลย คุณหนูก็บอกแล้วนี่ว่าพวกท่านคือลูกจ้างของนาง เป็นการทำงานใช้แรงแลกเงินค่าจ้างพวกท่านก็แค่ทำงานให้ดีก็พอขอรับ”“พี่ชายเยวี๋ยนคุณหนูลู่ชิงให้มาตามไปด้านหลังห้องครัวข
“พวกข้าไม่แน่ใจว่าต้นมันจะมีอยู่เยอะหรือไม่ เอาเช่นนี้ได้ไหมคุณหนูถ้าพวกข้ากลับไปแดนเหนือ จะชวนเหล่าสหายที่นั่นขึ้นไปสำรวจบนเขาหาดูต้นของมัน หากพบว่ามันมีอยู่เยอะจะรีบส่งข่าวมาแจ้งให้ท่านทราบเป็นอย่างไร หลังจากนั้นค่อยส่งคนไปจัดการก็ยังทันนะขอรับ” เยวี๋ยนจิ้งห้าวแบ่งรับแบ่งสู้เพราะเขาเองก็ยังไม่มั่น
“เช่นนั้นแล้วเนื้อย่างกับซี่โครงอบน้ำผึ้งที่ทำวันนี้ พวกเราก็นั่งทานด้วยกันและแบ่งให้คนอื่นได้ชิมด้วยนะเจ้าคะ พรุ่งนี้จะเป็นรายการอาหารประเภทต้มยำที่จะทำให้พวกท่านติดใจอีกเช่นกันเจ้าค่ะ”และแล้ววันนี้การเรียนทำอาหารของกลุ่มเยวี๋ยนจิ้งห้าว ก็ผ่านไปด้วยดีหลังจากปิดร้านก็ยังได้นั่งทานมื้อเย็นร่วมกันอีก
กลุ่มของเยวี๋ยนจิ้งห้าวได้อยู่ที่ตำบลหย่งฝู เพื่อเรียนการทำอาหารเป็นเวลาสิบวันการเรียนโดยลงมือปฏิบัติจริงนั้นแค่สี่วัน โดยอาหารอย่างต้มยำที่ลู่ชิงได้สอนเพิ่มมีถึงสามรายการ และต้มจืดหนึ่งรายการคือต้มยำไก่ ต้มยำขาหมู ต้มแซ่บกระดูกหมูและต้มจืดไข่น้ำส่วนอีกหกวันจากนั้นคือการทดลองการทำงานในร้านอาหารไปใน
ส่วนเจียวมิ่งนั้นคิดว่าอยู่เฉยอีกไม่ได้แล้ว เรื่องนี้ต้องรายงานจึงเขียนจดหมายถึงเซียวหนิงหลงอีกครั้ง โดยระบุไปว่าขอให้เซียวหนิงหลงส่งคนมาเพิ่มอีกสักหน่อยเถิด ว่าที่นายหญิงของพวกตนทั้งซุกซนทั้งคิดการใหญ่ ยิ่งมีการขยายสาขาร้านก๋วยเตี๋ยวยิ่งต้องมีคนคอยประสานงานกัน เจียวมิ่งร้องขอความเห็นใจจากเซียวหนิงห
พอมีคนพูดถึงเรื่องของราษฎร ก็แย้งว่าไม่สำคัญเท่าเรื่องสตรีข้างกายรัชทายาท จนฝ่าบาททรงกริ้วงดประชุมเป็นเวลาหนึ่งเดือน หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนเกี่ยวกับปากท้องของราษฎร ไม่ต้องถวายฎีกาขึ้นไปถึงพระองค์ให้เสียเวลา พ่อถึงได้มีเวลาอยู่เป็นเพื่อนท่านแม่ของเจ้าที่จวนอย่างไรเล่า”“ตาแก่พวกนี้อยู่นานเพราะเกิดก่อ
หลังจากส่งคนจากแดนเหนือกลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ลู่ชิงกับครอบครัวก็ได้ฤกษ์ย้ายเข้าบ้านใหม่ตรงกับวันหยุดพอดี จึงไม่ต้องกังวลเรื่องร้านอาหารมากเท่าไหร่นัก ทุกคนต่างลงความเห็นว่าทำพิธีตามธรรมเนียมก็พอ ไม่ต้องจัดงานเลี้ยงอะไรให้ยิ่งใหญ่แบบคนอื่นทุกคนเพียงช่วยกันทำอาหารและนำไปแจกจ่ายให้ชาวบ้าน หากต้อ
“ไป ๆ ๆ เจ้าเด็กหน้าเหม็นพวกนี้พูดจาเลื่อนเปื้อนจริง ๆ”“ฮ่า ๆ ๆ น้องรองเจ้าดูท่านพ่อกับท่านแม่สิ หน้าแดงมากเลยล่ะสงสัยจะเขินอายพวกเราแน่ ๆ”“พี่ใหญ่ท่านจะหยอกเย้าท่านพ่อท่านแม่ไปทำไมกัน หากท่านอิจฉาก็รีบหาพี่สะใภ้เข้าบ้านเสียก็สิ้นเรื่อง” ลู่เสียนแค่อยากจะเอ่ยหยอกล้อพี่ชาย ไม่คิดว่าลู่จื้อจะมีอาการ
เป๊าะ!! “ยินดีต้อนรับแขกที่มาเยือนยามวิกาล ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีกิจธุระอันใดที่นี่หรือ ถึงได้พาคนมาเยอะแยะถึงเพียงนี้”“พวกข้าจะมีกิจธุระหรือไม่ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า หลีกไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว พวกข้าแค่ต้องการพาคนไปจากที่นี่เท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายใคร”“อ้ออ คนที่เจ้าต้องการคงจะเป็นเยี่ยเกาจงนั่นกระมัง คน
“ท่านแม่ทัพข้าน้อยเสียงอวิ๋นขอรับ”“เสียงอวิ๋น เข้ามาแล้วปิดประตูซะ”“ขอรับ” แอ๊ดด กึก“มีเรื่องอันใด ยามนี้เจ้าต้องดูแลการฝึกอยู่ที่ค่ายทหารมิใช่หรือ ถ้าเกิดปัญหาแค่ส่งทหารมาแจ้งให้ข้าทราบก็พอกระมัง”“เมื่อยามเว่ยข้าน้อยได้รับจดหมายที่มาจากใต้เท้าเยี่ย จึงนำมันมาให้ท่านแม่ทัพโดยตรง เรื่องนี้ข้าน้อย
ขุนนางฉ้อฉลถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นสูง ขุนนางบางกลุ่มที่เพิ่งจะรวมตัว และคิดจะสร้างอำนาจให้ตนเอง จำต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ทันที เมื่อการประหารเจ็ดชั่วโคตรของตระกูลฉุนเกิดขึ้นต่อจากตระกูลเหลียวกลุ่มอำนาจตระกูลใหญ่ยังถูกตรวจสอบ เพื่อค้นหาหลักฐานที่ซุกซ่อนไว้ออกมาจนได้ แล้วพวกตนท
ฉุนจิ้งหานและคนในตระกูลเดินพ้นประตูมาได้ไม่เท่าไหร่ ทั้งก้อนหิน ผักเน่า ๆ ต่างลอยมากระทบตามร่างกายทันที เพราะชาวบ้านที่ได้ยินการประกาศถึงความผิดของฉุนจิ้งหาน ทำให้พวกเขารับไม่ได้กับเรื่องที่สนับสนุนให้มีการก่อกบฏโป๊ะ โป๊กก โอ๊ยยย“ขุนนางชั่วคิดจะทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนกันหมด แต่ตนเองกับครอบครัวอยู
“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถิด ในที่สุดขุนนางชั่วในราชสำนักก็ถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง เจ้าเองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยเล่า เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาประเดี๋ยวงานที่ยังค้างอยู่จะไม่เสร็จเอาได้”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”ซ่งจูเก๋อที่ถูกคนสนิทปลุกขึ้นมากลางดึก ย่อมตกใจระคนแปลกใจที่ชิ
“ขอรับท่านพ่อ”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฉุนจิ้งหาน เจ้ามันร้ายเงียบจริง ๆ แม้แต่เปิ่นหวางยังมองข้ามเจ้า หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนมากกว่าเดิมเสียแล้ว”ชุนชานกับปาเซี่ยไม่อยู่เฝ้าเฉย ๆ พวกเขาช่วยกันแยกของมีค่า ที่เป็นของเก่าแก่ของราชวงศ์แยกไว้ต่างหากกับทองคำแท่ง เซียวหนิงหลงไปพบแม่ทัพเสวี่ยบอกเล่า
จนสะดุดตาเข้ากับกล่องไม้ใบที่วางอยู่บนชั้นข้างผนังห้อง มันมีแม่กุญแจล็อคไว้อย่างดี ชุนชานจึงถือออกมารอให้ชินอ๋องมาถึง ค่อยให้เจ้านายเปิดด้วยตนเอง จากนั้นจึงได้สำรวจดูเครื่องประดับและของตกแต่งอีกหลายอย่าง ที่ควรจะอยู่ในวังหลวงมากกว่าอยู่ที่นี่อีกหลายชิ้น ปาเซี่ยที่ใช้ความเร็วจนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ชุนชานกับปาเซี่ยคอยติดตามจับตาดู การกระทำในแต่ละวันของฉุนจิ้งหาน ว่าไปที่ใด นัดเจอกับผู้ใดบ้างหรือไม่ หรือแม้กระทั่งยามที่ทำงานอยู่ ได้เรียกใครเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวไหม ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาฉุนจิ้งหานยังคงทำเช่นเดิมไม่มีสิ่งใดผิดปกติแต่ในเย็นวันหนึ่งในยามซวี ฉุนจิ้งหานได้ออกจากจวนตรงไปยังร้านขา
“ลูกพี่ท่านจะเสียงสั่นไปทำไม ก็แค่เด็กหนุ่มหน้านิ่งเพิ่งจะเริ่มฝึกวรยุทธ์กระมัง ที่แม่ทัพหลู่พูดเช่นนั้นเพราะเกรงใจ ที่เป็นบุตรชายของชินอ๋องก็เท่านั้น ถ้าอายุน้อยเท่านี้ฝีมือเก่งกว่าระดับแม่ทัพ คงสังหารคนได้มากมายแค่เพียงกระพริบตาแล้วล่ะ ลูกพี่อย่าไปเชื่อข่าวลือให้มากจะดะ ฉัวะ!! อ่ะ มะ ไม่จริง ตุบ”