“คารวะท่านหญิงเซียวขอรับ วันนี้มาเข้าเฝ้าฝ่าบาทกับผู้ใดหรือขอรับ ข้าน้อยจะได้รายงานจ้าวกงกงได้ถูกขอรับ”“อ่อ วันนี้ข้าพาคู่หมั้นของซื่อจื่อ รวมถึงพี่ชายทั้งสองของนาง นำของฝากจากแดนเหนือมาถวายให้เสด็จลุงน่ะ รบกวนท่านช่วยรายงานให้ด้วยนะ”“ขอรับ รบกวนท่านหญิงและทุกท่านรอสักประเดี๋ยว ข้าน้อยจะรีบไปรายงา
“ลุกขึ้น ๆ ๆ รอให้เสร็จเรื่องที่เสี่ยวชิงร้องขอ พวกเราค่อยไปนั่งคุยด้านในนะ”“เพคะ /พ่ะย่ะค่ะ”“พี่ต่งไช่ พี่ต่งซวิน รบกวนพวกท่าน ช่วยตรวจสอบอาหารว่างอีกครั้ง ขอย้ำว่าต้องตรวจอย่างละเอียดนะเจ้าคะ” แค่คำที่ลู่ชิงเน้นย้ำกับพวกเขาสองคน ย่อมแปลความหมายได้ว่า ในอาหารว่างชามนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติ“ขอรับ
พอจ้าวกงกงเดินไปเปิดตะกร้าทั้งห้าใบ ก็ยังไม่อยากเชื่อเช่นกัน เพราะผิวของผลไม้ยังคงเต่งตึง ไม่มีร่องรอยการเหี่ยวเฉาแต่อย่างใด จึงไม่รั้งรอที่จะหยิบอย่างละนิด นำไปถวายตรงหน้าของฮ่องเต้ เพื่อจะได้ทอดพระเนตรอย่างชัดเจน“ฝะ ฝะ ฝ่าบาททรงทอดพระเนตรสิพ่ะย่ะค่ะ เป็นอย่างที่ท่านหญิงพูดไม่มีผิด ผลไม้พวกนี้ยังค
“กระหม่อมจะจัดการให้เรียบร้อย ตามรับสั่งของฝ่าบาททุกประการพ่ะย่ะค่ะ”“ขอบพระทัยเสด็จลุงเพคะ ต่อไปจะได้ไม่มีใครกล้ามาแอบอ้าง ว่าจวนหลังนั้นเป็นของตนเองอีกเพคะ”“ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ /ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะ”“ฮ่า ๆ ๆ เสี่ยวชิงอย่าได้เกรงใจ เรื่องแค่นี้ยังเล็กน้อยมากนัก หากเทียบกับสิ่งที่เจ้ามอบให้กับ
“ทหารพวกเจ้านำป้ายพระราชทานขึ้นไปแขวนด้านบนประตู ให้ทุกคนได้เห็นว่าเรือนนี้มีผู้ใดเป็นเจ้าของที่แท้จริง”“รบกวนจ้าวกงกงจริง ๆ เชิญเข้าไปนั่งดื่มชาก่อนดีหรือไม่ขอรับ”“ไม่เป็นไรนายท่านสวี ไว้วันหลังเถิดข้ายังมีงานอีกมาก ต้องรีบกลับไปคอยรับใช้ฝ่าบาทน่ะ”“เช่นนั้นจ้าวกงกงรับผลไม้พวกนี้กลับไปด้วยได้หรือ
ปัง!! “ใช่!! มันแย่มากที่ข้ามีบุตรสาว ที่หัวรั้นเอาแต่ใจตนเองเช่นนี้ จะสั่งสอนอบรมอันใดแม่ของเจ้าเป็นอันขัดขวาง คอยให้ท้ายจนเจ้าเสียคนแม้กระทั่งกล้าสร้างเรื่องใหญ่โต ทำให้ตระกูลต้องอับอายขายหน้า เดินไปทางไหนก็ต้องได้ยินเสียงนินทา ข้าไม่ได้หน้าหนาอย่างเจ้าหรอกนะ ม่านเฟยฮวาหนอม่านเฟยฮวา ข้าควรให้เจ้าแ
เมื่อลู่ชิงได้เงินค่าเสียหายจากตระกูลม่านมาแล้ว ก็ถือว่าเป็นเงินทุนสำรองสำหรับเปิดร้านอาหารทอด และร้านผลไม้ที่เพิ่งซื้อไปเมื่อวานนี้ เซียวเยว่เล่อเองก็จะใช้เงินก้อนนี้ เพื่อทำการค้าทั้งสองกับลู่ชิง ยามนี้ในเมืองหลวงนั้นข่าวลือเรื่องชินอ๋องคิดรับอนุไม่มีแล้วแต่กลายเป็นตระกูลม่านที่ต้องรับเคราะห์กรรม
“ได้ขอรับคุณชายใหญ่ ข้าเองก็คิดเหมือนกับท่าน เกรงว่าจะมีเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้ แต่ว่าใครอยู่เบื้องหลังนี่สิ ผ่านมานานหลายปีถึงเพียงนี้ การปกปิดตัวตนคงจะแนบเนียนไม่น้อย มิเช่นนั้นปัญหาเรื่องน้ำคงได้รับการแก้ไขไปนานแล้วขอรับ”“พวกพี่เตรียมม้ารอข้า เรื่องนี้พวกเราจะทำโดยพลการไม่ได้ พี่เจียวมิ่งไปพบท่า
เป๊าะ!! “ยินดีต้อนรับแขกที่มาเยือนยามวิกาล ไม่ทราบว่าพวกเจ้ามีกิจธุระอันใดที่นี่หรือ ถึงได้พาคนมาเยอะแยะถึงเพียงนี้”“พวกข้าจะมีกิจธุระหรือไม่ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า หลีกไปถ้าไม่อยากเจ็บตัว พวกข้าแค่ต้องการพาคนไปจากที่นี่เท่านั้น ไม่ต้องการทำร้ายใคร”“อ้ออ คนที่เจ้าต้องการคงจะเป็นเยี่ยเกาจงนั่นกระมัง คน
“ท่านแม่ทัพข้าน้อยเสียงอวิ๋นขอรับ”“เสียงอวิ๋น เข้ามาแล้วปิดประตูซะ”“ขอรับ” แอ๊ดด กึก“มีเรื่องอันใด ยามนี้เจ้าต้องดูแลการฝึกอยู่ที่ค่ายทหารมิใช่หรือ ถ้าเกิดปัญหาแค่ส่งทหารมาแจ้งให้ข้าทราบก็พอกระมัง”“เมื่อยามเว่ยข้าน้อยได้รับจดหมายที่มาจากใต้เท้าเยี่ย จึงนำมันมาให้ท่านแม่ทัพโดยตรง เรื่องนี้ข้าน้อย
ขุนนางฉ้อฉลถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง ซึ่งเป็นตำแหน่งขุนนางขั้นสูง ขุนนางบางกลุ่มที่เพิ่งจะรวมตัว และคิดจะสร้างอำนาจให้ตนเอง จำต้องหยุดความคิดนั้นเอาไว้ทันที เมื่อการประหารเจ็ดชั่วโคตรของตระกูลฉุนเกิดขึ้นต่อจากตระกูลเหลียวกลุ่มอำนาจตระกูลใหญ่ยังถูกตรวจสอบ เพื่อค้นหาหลักฐานที่ซุกซ่อนไว้ออกมาจนได้ แล้วพวกตนท
ฉุนจิ้งหานและคนในตระกูลเดินพ้นประตูมาได้ไม่เท่าไหร่ ทั้งก้อนหิน ผักเน่า ๆ ต่างลอยมากระทบตามร่างกายทันที เพราะชาวบ้านที่ได้ยินการประกาศถึงความผิดของฉุนจิ้งหาน ทำให้พวกเขารับไม่ได้กับเรื่องที่สนับสนุนให้มีการก่อกบฏโป๊ะ โป๊กก โอ๊ยยย“ขุนนางชั่วคิดจะทำให้พวกเราต้องเดือดร้อนกันหมด แต่ตนเองกับครอบครัวอยู
“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“อืม ไปจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จเถิด ในที่สุดขุนนางชั่วในราชสำนักก็ถูกกำจัดไปอีกหนึ่ง เจ้าเองก็อย่าลืมดูแลสุขภาพด้วยเล่า เกิดเจ็บป่วยขึ้นมาประเดี๋ยวงานที่ยังค้างอยู่จะไม่เสร็จเอาได้”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา”ซ่งจูเก๋อที่ถูกคนสนิทปลุกขึ้นมากลางดึก ย่อมตกใจระคนแปลกใจที่ชิ
“ขอรับท่านพ่อ”“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”“ฉุนจิ้งหาน เจ้ามันร้ายเงียบจริง ๆ แม้แต่เปิ่นหวางยังมองข้ามเจ้า หลังจากนี้คงต้องตรวจสอบให้ถี่ถ้วนมากกว่าเดิมเสียแล้ว”ชุนชานกับปาเซี่ยไม่อยู่เฝ้าเฉย ๆ พวกเขาช่วยกันแยกของมีค่า ที่เป็นของเก่าแก่ของราชวงศ์แยกไว้ต่างหากกับทองคำแท่ง เซียวหนิงหลงไปพบแม่ทัพเสวี่ยบอกเล่า
จนสะดุดตาเข้ากับกล่องไม้ใบที่วางอยู่บนชั้นข้างผนังห้อง มันมีแม่กุญแจล็อคไว้อย่างดี ชุนชานจึงถือออกมารอให้ชินอ๋องมาถึง ค่อยให้เจ้านายเปิดด้วยตนเอง จากนั้นจึงได้สำรวจดูเครื่องประดับและของตกแต่งอีกหลายอย่าง ที่ควรจะอยู่ในวังหลวงมากกว่าอยู่ที่นี่อีกหลายชิ้น ปาเซี่ยที่ใช้ความเร็วจนรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย
ชุนชานกับปาเซี่ยคอยติดตามจับตาดู การกระทำในแต่ละวันของฉุนจิ้งหาน ว่าไปที่ใด นัดเจอกับผู้ใดบ้างหรือไม่ หรือแม้กระทั่งยามที่ทำงานอยู่ ได้เรียกใครเข้าไปพบเป็นการส่วนตัวไหม ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาฉุนจิ้งหานยังคงทำเช่นเดิมไม่มีสิ่งใดผิดปกติแต่ในเย็นวันหนึ่งในยามซวี ฉุนจิ้งหานได้ออกจากจวนตรงไปยังร้านขา
“ลูกพี่ท่านจะเสียงสั่นไปทำไม ก็แค่เด็กหนุ่มหน้านิ่งเพิ่งจะเริ่มฝึกวรยุทธ์กระมัง ที่แม่ทัพหลู่พูดเช่นนั้นเพราะเกรงใจ ที่เป็นบุตรชายของชินอ๋องก็เท่านั้น ถ้าอายุน้อยเท่านี้ฝีมือเก่งกว่าระดับแม่ทัพ คงสังหารคนได้มากมายแค่เพียงกระพริบตาแล้วล่ะ ลูกพี่อย่าไปเชื่อข่าวลือให้มากจะดะ ฉัวะ!! อ่ะ มะ ไม่จริง ตุบ”