เสียงน้ำตกจำลองไหลรินแผ่วเบา กลิ่นหอมของดอกเหมยบานในอากาศ ใต้ร่มไม้ใหญ่เยี่ยนอิงยืนอยู่ในอาภรณ์บางเบาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าเรียบรื่นดังเคลือบด้วยรอยยิ้มละไม ฝ่ามือขาวเนียนของเยี่ยนอิงลูบกลีบดอกเหมยที่ร่วงหล่นบนโต๊ะหินเบาๆ ขณะหันไปทางผู้มาใหม่ที่เพิ่งเดินมาถึง“หยางหลิน” เยี่ยนอิงเรียกชื่อเสียงแผ่ว นุ่มดั่งสายลมหยางหลินยังแต่งกายชุดคลุมแบบเรียบ แม้รอยยิ้มบางจะติดอยู่บนใบหน้า แต่แววตากลับยังหนักอึ้งเพราะความกังวล“พี่เยี่ยนอิงเป็นอย่างไรบ้าง” หยางหลินถามทันทีเยี่ยนอิงแสร้งถอนหายใจ ยกชายแขนเสื้อซับมุมตาเบาๆ เริ่มพูดด้วยเสียงนุ่ม“ข้า...สงสารพี่หว่านชิงนัก ถูกวางยา…ต้องเจ็บต้องปวด ถูกคนในวังหมายเอาชีวิตอีก ไหนจะข่าวลืออีกมากมาย ล้วนไม่เป็นผลดีต่อความรู้สึกพี่หว่านชิง”“แต่น่าเศร้ายิ่งกว่า...คือไม่มีใครเลย…ที่ช่วยนางได้ ไม่แม้แต่เจ้า…หรือข้า” เยี่ยนอิงเงยหน้าขึ้นสบตากับหยางหลิน ดวงตาใสรื้นด้วยน้ำหยางหลินขมวดคิ้วแน่น “หมายความว่าอย่างไร”“เราสองคน…ต่างก็เป็นผู้ต้องสงสัยทั้งคู่” เยี่ยนอิงเอ่ยอย่างเรียบเฉย แต่รอยยิ้มกลับแฝงอยู่ที่มุมปาก“ข้าหรือ ใครสงสัยข้า พวกเขาสงสัยข้าด้วยหรือ” หยางหลินหัน
ณ ตำหนักเหนือเมฆากลางสายลมหนาวที่พัดพาใบไม้ปลิวละล่อง ภายในห้องบรรทมเงียบงันยิ่งกว่าเดิม หว่านชิงนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผิวขาวซีดราวหิมะ แม้หลับตาแต่เรียวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย บ่งบอกถึงความเจ็บปวดที่กำลังรุมเร้า โลหิตยังคงซึมซับจากมุมปากเป็นระยะ ท่ามกลางกลิ่นยาขมปร่าที่อบอวลอยู่ทั่วทั้งตำหนักหมอหลวงชรายืนอยู่ข้างเตียง ใบหน้าเคร่งเครียด มือที่ถือห่อยาสั่นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่“พิษชนิดนี้…ร้ายแรงกว่าที่คิดไว้มากนัก” เขาเงยหน้าขึ้นมองแม่ทัพไป๋เหวินหลงและราชครูโม่ชิงเหยียนด้วยแววตาหนักใจ “ต้องปรุงยาถอนพิษขึ้นมาใหม่เฉพาะสำหรับองค์หญิงใหญ่ ขืนรอสูตรเดิม อาจสายเกินไป”ไป๋เหวินหลงเงียบงัน สีหน้ามืดครึ้ม ดวงตาคมดุคู่นั้นทอดมองไปยังหว่านชิงที่นอนแน่นิ่งบนเตียง “...คนวางยานี้ ตั้งใจให้หว่านชิงตาย”โม่ชิงเหยียนขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าปกติที่มักจะสงบนิ่งก็คล้ายจะหวั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย “เป็นพิษเย็นแทรกพิษร้อน...ผู้ปรุงพิษต้องมีความรู้มาก และจิตใจอำมหิตโดยแท้”“ใครกันที่ทำเรื่องแบบนี้” เสียงของไป๋เหวินหรงขรึมดั่งเหล็กกล้า แม้ไม่เปล่งอารมณ์ แต่ทุกถ้อยคำล้วนเย็นเฉียบเหมือนน้ำแข็ง ในขณ
ตำหนักม่านหมอกยามค่ำคืนลมกลางคืนพัดเอื่อย เสียงลมหวิวและกลิ่นธูปหอมแผ่วจางลอยคลุ้งอยู่ในเรือนฮองเฮาหลี่หลันซื่อประทับนั่งอยู่บนเบาะรองแท่นนั่ง มือเรียวเรียบถือลูกประคำในมือนับไปทีละลูกช้าๆ แววตาใต้แสงตะเกียงนั้นเยือกเย็นดั่งสายน้ำใต้ผืนภูผาเยี่ยนอิงยืนอยู่ข้างหน้า ยังสวมอาภรณ์สีอ่อนเรียบง่าย ใบหน้าดูนุ่มนวลเช่นเคย ทว่าวันนี้แววตานั้นมีรอยกังวลชัดเจน“เสด็จแม่…” เยี่ยนอิงเอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าได้ยินว่าพี่หญิงกระอักเลือดออกมาอีกครั้งและนางยังไม่ได้สติ ตอนนี้มีข่าวลือไปทั่ววังหลวงว่า…ขนมที่ข้าให้คนไปมอบให้องค์หญิงใหญ่…เป็นของมีพิษ…”หลี่หลันซื่อเพียงเหยียดยิ้มน้อยๆ และกล่าวเสียงเรียบ “ข้าจะสั่งให้คนตบปากคนที่พูดเรื่องนี้ ช่างน่าเวทนา…นางอ่อนแอเพียงใด เจ็บป่วยถึงขั้นกระอักเลือด ใครบ้างเล่าจะไม่สงสาร…”“แต่…ข้าไม่ได้ใส่พิษลงไปจริงๆ เสด็จแม่” เยี่ยนอิงรีบพูด ใบหน้าซีดลงเล็กน้อย“ลูกแม่แน่นอนว่าย่อมบริสุทธิ์” ฮองเฮาวางลูกประคำลงบนโต๊ะเบาๆ แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย ดวงตาสบเข้ากับเยี่ยนอิงโดยตรง “แต่เจ้าเข้าใจไหมว่าในวังนี้...ความจริงไม่สำคัญเท่ากับว่าใครดูเหมือนจะพูดจริงมากกว่ากัน”เยี่ยนอิงช
ด้านหลังตำหนักเหนือเมฆาแดดยามเย็นสาดส่องเฉียงผ่านซุ้มต้นหลิว สาดแสงอ่อนละมุนลงบนเรือนผ้าของแม่ทัพไป๋เหวินหลงยืนพิงเสาหิน มือข้างหนึ่งจับด้ามพัดในมือเคาะเบาๆ ราวกับคิดมากเกินไปจะอยู่เฉยได้ สีหน้าขึงขังเต็มไปด้วยความสับสนลึกๆ“เจ้าว่ายังไงกับเรื่องวันนี้” เสียงทุ้มต่ำของไป๋เหวินหลงเอ่ยขึ้นในที่สุดโม่ชิงเหยียนเหลือบตามองเขานิ่งๆ ก่อนจะพูดตอบช้าๆ“หากหมายถึงเรื่องขนมมีพิษ...ข้าคิดว่า ยังตัดสินเร็วเกินไป เรื่องนี้ไม่แน่ชัดว่าจะเป็นคนใน”ไป๋เหวินหลงถอนหายใจเบาๆ ก่อนพยักหน้า“ข้าก็เห็นด้วย...องค์หญิงรองเยี่ยนอิงดูไร้เดียงสาเกินกว่าจะคิดร้าย อีกทั้งยังส่งของโดยใช้ชื่อจริงเช่นนั้น ไม่สมเหตุผลเลยแม้แต่น้อย หากคิดจะวางยาจริง ไยต้องใช้ชื่อของตนเองให้เป็นหลักฐานชัดเจน”ราชครูหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหมุนตัวก้าวไปช้าๆ อย่างครุ่นคิด แววตาของเขานิ่งลึก ดั่งแม่น้ำที่เงียบสงบแต่เต็มไปด้วยกระแสใต้น้ำ“คำพูดของท่านแม่ทัพ...ก็ฟังขึ้น แต่ลองกลับกัน...” เขาหยุดเดิน แล้วหันกลับมา แววตาคมคายประสานกับสายตาของแม่ทัพ“หากคนทั้งวังคิดเช่นท่าน คิดว่าการใช้ชื่อจริงเพื่อส่งของนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครโง่พอจะทำ”“งั้
เสียงบานประตูเปิดออกเบาๆ เยี่ยนอิงที่เดินก้าวเข้ามาช้าๆ แต่งกายงดงามเรียบร้อย ดวงหน้างามละไมหากแต่ซีดเผือด ยามสบตาหลี่เซวียนอี้ก็ชะงักไปเล็กน้อยแล้วรีบคุกเข่าลง“เสด็จพ่อ…ลูก…หาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องพิษในขนมเพคะ” เสียงของเยี่ยนอิงแผ่วเบาแต่มั่นคง หากแฝงความตระหนกอยู่ลึกๆฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้มองลูกสาวอีกคนอย่างชั่งใจ ก่อนเอ่ยเสียงเรียบแต่เฉียบขาด“เจ้าเป็นผู้ส่งขนมมาให้หว่านชิงใช่หรือไม่”เยี่ยนอิงชะงักไปครู่หนึ่ง “ข้าเพียง…ให้คนส่งของมาเยี่ยม ไม่ได้แตะต้องขนมเหล่านั้นเลยเพคะ”ท่ามกลางความเงียบ แม่ทัพไป๋เหวินหลงเงยหน้าขึ้น “หากมิใช่เจ้า แล้วผู้ใดใส่พิษในขนม”เยี่ยนอิงเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาสั่นระริก“ลูกทำลงมือทำขนมด้วยตัวเองก็จริงแต่ไม่ได้วางยาอย่างแน่นอน บางทีอาจเป็นนางกำนัลที่ยกมาส่ง…ลูกไม่รู้จริงๆ” “หม่าอินฉิงสั่งโบยคนยกขนม เค้นเอาความจริง ข้ากำลังคิดว่ามีผู้ไม่หวังดีใส่ร้ายเจ้าเยี่ยนอิง เจ้าเองก็เป็นเด็กดี ไม่น่าทำสิ่งเช่นนี้” ฮองเฮาหลี่หลันซื่อเอ่ยเสียงอ่อน โม่ชิงเหยียนที่เงียบมานานพูดขึ้นเสียงเรียบ“คนที่วางยาในขนมจงใจที่จะให้องค์หญิงใหญ่ได้กินโดยอาศัยความวางใจขององค์หญิงที่ม
ซื่อซื่อวิ่งเข้ามาอย่างร่าเริง“องค์หญิงเจ้าคะ มีคนขององค์หญิงรองเยี่ยนอิงมาส่งขนมเจ้าค่ะ บอกว่าอบสดๆ จากเรือนขององค์หญิงรอง”“หือ…ขนมจากเยี่ยนอิง” หว่านชิงลืมตาขึ้นเล็กน้อยหว่านชิงลุกขึ้นนั่ง ขณะซื่อซื่อเปิดห่อผ้าไหมที่หุ้มกล่องไม้อย่างงดงาม กลิ่นหอมอบอวลลอยออกมาทันที เป็นกลิ่นหอมกรุ่นของงาดำ น้ำผึ้งและกล้วยหอมอบใหม่ๆ “กลิ่นหอมมากเลยแฮะ…” หว่านชิงจ้องขนมในกล่อง ดวงตาเป็นประกายทันทีเจ้าแมวระบบโผล่มาเหนือไหล่ ทำเสียงเหมียวเบาๆ“นายหญิง...ไม่ลองใช้ขวดทดสอบพิษก่อนหรือเจ้าคะ” “จะวางยาข้าทำไมกันล่ะนั่นมันน้องสาวข้านะ” หว่านชิงโบกมือ“พูดแบบนี้ถ้าชักตาตั้งข้าจะไม่ช่วยเลยเชียว”หว่านชิงหัวเราะเบาๆ พลางหยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่ง“นี่มันน่าจะเป็นขนมแบบเดียวกับที่เยี่ยนอิงส่งไปให้ท่านแม่ทัพเมื่อวานนั่นแหละมั้ง อาจจะทำส่วนของข้าด้วย”หว่านชิงสูดกลิ่นหอมใส่จมูกด้วยความเคลิบเคลิ้ม ไม่ใช่สิ หอมๆ อุ่นๆ เลยนี่“แถมเยี่ยนอิงก็อ่อนหวาน เรียบร้อยแบบนั้น จะกล้าวางยาข้าเหรอ… ขืนทำแบบนั้นแล้วท่านแม่ทัพรู้ เขาต้องไม่ปลื้มแน่”จากนั้น…หว่านชิงก็ อ้าปากงับขนมเข้าปากทั้งชิ้น พร้อมใบหน้าพริ้มพราย“อื้อ หอม หวาน…