Masukภายในห้องหนังสือที่สงบและเต็มไปด้วยกลิ่นสมุนไพรของท่านราชครูโม่ชิงเหยียน แม่ทัพไป๋เหวินหลงในชุดเกราะที่ประดับด้วยเครื่องหมายประจำตระกูลยืนอยู่ข้างๆ องค์หญิงใหญ่หว่านชิงที่ยืนอยู่ในชุดสีอ่อนยาวสวย รอยยิ้มของหว่านชิงฉายแสงความอบอุ่นขณะที่อุ้มแมวขาวตัวใหญ่ที่น่ารักไปด้วยท่าทีที่มีชีวิตชีวา แมวตัวนี้มีขนขาวบริสุทธิ์และดวงตาสีทองที่สดใสเหมือนดวงอาทิตย์“นี่คือของขวัญสำหรับท่าน” หว่านชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาแต่มีความตั้งใจ ชูแมวตัวนั้นขึ้นเล็กน้อยเหมือนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความพิถีพิถันในการเลือกของขวัญโม่ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมองไปที่แมวขาวในมือของหว่านชิง ขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ยังคงมีท่าทีสงบ มองไปที่แม่ทัพไป๋เหวินหลงและหว่านชิงก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างระมัดระวัง “เรื่องจริงหรือล้อเล่นกันแน่... ของขวัญสำหรับข้าคือแมวอย่างนั้นหรือ” กลืนน้ำลายลงคอช้าๆหว่านชิงยิ้มอย่างขำๆ ก่อนจะยักไหล่เบาๆ และโยกตัวหลบไปข้างหลังไป๋เหวินหลง ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังได้เผยตัวออกมาในจังหวะนั้น ดวงตาของท่านราชครูโม่ชิงเหยียนเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย มือเล็กที่เกาะหลังวหว่านชิงนั่นคือเด็กสาวค
แดดยามเช้าทำให้ท้องฟ้าฉายแสงทองสุกสว่าง ลมเย็นพัดผ่าน ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ทอดยาวไปทั่วสนามซ้อม กระบี่ไม้เล่มยาวถูกหมุนไปตามจังหวะอันเฉียบคม เสียงไม้กระทบกันดังอย่างชัดเจนกลางการฝึกซ้อมหว่านชิงยืนอยู่ที่ข้างสนาม ดวงตาอ่อนหวานจ้องมองไปที่สองพ่อลูกที่กำลังซ้อมกระบี่อย่างตั้งใจ ไป๋เหวินหลงที่มั่นคงและมีท่าทีองอาจยืนเป็นคู่ฝึกให้กับลูกชายสุดที่รัก องค์ชายน้อยไป๋ชิงหลงลูกชายที่เป็นผลจากความรักของหว่านชิงกับไป๋เหวินหลง ยิ้มแย้มและเต็มไปด้วยพลังความมั่นใจ ท่าทางของเขายังสะท้อนถึงมารดาและรอยยิ้มของบิดา“ท่านพ่อข้าใกล้จะเก่งเท่าท่านแล้วนะ”เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ เมื่อไป๋ชิงหลงพลาดท่าล้มลงไปที่พื้น หว่านชิงหัวเราะออกมาเสียงเบา ยิ้มกว้างไปยังลูกชายที่กำลังลุกขึ้นมาจากพื้น ท่าทางขัดเขินน้อยๆ ของเขาทำให้หัวใจอบอุ่นและเต็มไปด้วยความสุขฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้มองไปที่หลานชายตัวน้อย หยุดก้าวเดิน ยืนห่างๆ จากหว่านชิง สายตาอ่อนโยนและภาคภูมิใจที่ได้เห็นครอบครัวของหว่านชิงที่เติบโตและงดงาม"มันงดงามมากเลยภาพที่ข้าเห้นนี้มันงดงามจริงๆ" เสียงฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ดังขึ้นแผ่วๆ พูดกับหว่านชิงที่ยืนอยู่ข้างๆหว่าน
ตำหนักกลางน้ำที่ตั้งอยู่ในที่ที่ลึกและห่างไกลจากความวุ่นวายภายในวังหลวง สถานที่แห่งนี้มีน้ำลึกเกือบ 30 เมตร ไม่มีสะพานเข้าออก มีเพียงการส่งอาหารและสิ่งของที่เชือกชักรอกตำหนักนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยสำหรับฮองเฮาจงหลันซื่อและองค์หญิงเยี่ยนอิงหลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ทั้งคู่ไม่สามารถกลับมาใช้ชีวิตในวังได้อีก จึงถูกกักขังในที่แห่งนี้ ไม่มีโอกาสได้พบปะกับใครและการเข้าเยี่ยมก็ทำได้เพียงแค่เห็นจากระยะไกล ไม่มีการพูดคุยกัน“ถึงแล้วหรือ”ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้พร้อมด้วยกุ้ยเฟยหยุนชินและไท่จือหยางหลินเดินทางมาถึงตำหนักกลางน้ำที่เงียบสงัดและห่างไกลจากวังหลวงฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้เดินขึ้นไปบนเนินเล็กๆ ที่มองเห็นตำหนักในระยะไกล พอเห็นท่าทางสงบของสถานที่นี้ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันไปกล่าวกับหยางหลินและกุ้ยเฟยหยุนชินด้วยสีหน้าหนักใจ“ในที่สุดแล้ว ข้าก็ไม่อาจตัดใจประหารพวกเขาได้…ถึงแม้ข้าจะบอกว่าไม่รัก แต่…ในใจข้ายังมีความผูกพันกับหลันซื่อ…ตอนนี้นางอยู่ไม่สู้ตายแล้ว ส่วนเยี่ยนอิงก็พูดจาเลอะเทอะไปหมด…จิตใจของเยี่ยนอิงเองคงบอบช้ำไม่น้อยข้าเองก็ไม่อาจทนเห้นพวกเขาต้องทนทุกข์” หลี่เซวียนอี้
เสียงพิณและขลุ่ยดังขึ้นเบาๆท่ามกลางความงดงามของสวนที่ประดับด้วยดอกไม้สีสันสดใส ทั้งท้องฟ้าและแสงแดดที่อ่อนโยนได้สร้างบรรยากาศอันแสนโรแมนติกขันทีจือกงพยุงฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ที่เป็นประธานในงานวันนี้ พยักหน้าให้แก่ผู้คนที่อยู่รอบข้าง ใบหน้ายิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง“ห่าวๆๆๆวันนี้วันดี”ส่งสียงหัวเราะดังลั่นโม่ชิงเหยียนยืนอยู่ในมุมหนึ่งของงาน ยิ้มเศร้าๆแม้ในใจเขาจะยินดีอย่างบริสุทธิ์ก็เจ็บปวดเล็กน้อยเช่นกัน แต่ในที่สุดเขาก็ยินดีให้กับความสุขของหว่านชิงกับเพื่อนรักจากใจ มือข้างหนึ่งล้วงหยิบเอาหยกพยัคฆ์ขาวออกมา นี่คือของขวัญวันแต่งงานของหว่านชิงที่เขาตั้งใจส่งคืนนางเสียหยางหลินที่ยืนอยู่ข้างๆไป๋เหวินหลงท่าทีองอาจภูมิใจ เขาเดินตรงไปยังตำแหน่งที่ถูกเตรียมไว้ในฐานะไท่จือผู้ที่จะช่วยปัดเป่าปัญหาภายในวังหลวง ไม่ใช่เด็กอีกต่อไปและวันนี้ก็มั่นใจว่าเขาทำหน้าที่ได้ดีมากขึ้น เขาเป้นไท่จือที่ไร้ข้อบงพร่องแล้วในขณะที่ไป๋เหวินหลงในฐานะเจ้าบ่าวที่องอาจงดงาม ได้ขี่ม้าสีดำที่ประดับด้วยริ้วผ้าสีแดงสดใส ร่างสูงสง่าของเขาเหมือนเทพบุตร สร้างความตื่นเต้นให้กับทุกคนในงานหว่านชิงในชุดเจ้าสาวสีแดงโดดเด่นที่ถูกปัก
ท่านโหวจงซื่อที่บาดเจ็บจากการโจมตีของไป๋เหวินหลงและหานเฟิงดึงตัวเองออกไปได้อย่าลำบากแต่ไม่อาจสู้ต่อไปได้อีกแล้ว ล้มลงไปข้างหน้า ไม่มีเสียงใดๆ จากท่านโหวเลือดสีแดงสดท่วมตัวเขาเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฮองเฮาหลี่หลันซือที่ถูกกักบริเวณแต่ผู้คุมกันข้างกายทำลายประตูตำหนักและช่วยออกมา เมื่อได้ยินข่าวก็รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางซีดเซียวเต็มไปด้วยความตกใจ และเมื่อเห็นท่านโหวจงซื่อล้มลงไปกับพื้น ร่างของฮองเฮาหลี่หลันซือสะดุดหยุดลงทันที"ท่านโหว!" ฮองเฮากรีดร้องเสียงดังวิ่งไปข้างหน้าแล้วประคองร่างอ่อนแรงของท่านโหวขึ้นมา โดยไม่สนใจว่าตอนนี้ท่านโหวได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก หยดน้ำตาของฮองเฮาหลี่หลันซือไหลออกจากดวงตาหยดลงบนแก้มท่านโหวจงซื่อ ฮองเฮากล่าวเสียงอ่อนด้วยความเสียใจราวกับดวงใจแตกสลาย"ท่านโหว...ท่านโหว ข้าขอโทษ…ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะ…รุมทำร้ายท่านเช่นนี้…"หว่านชิงที่กอดหยางหลินอยู่มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและหันไปมองไป๋เหวินหลงและโม่ชิงเหยียนที่ยังคงยืนเคียงข้าง“อาจาร์ย รีบตามหมอหลวงและทหารมา” หว่านชิงรีบพูดอย่างร้อนใจ มือกดห้ามเลือดหยางหลินแน่นโม่ชิงเหยียนเข้าใจทันทีร
แม้ว่าหยางหลินจะมีแผนอยู่แล้ว แต่การเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำให้เขาเกิดความกลัวและกังวลอย่างเลี่ยงไม่ได้ท่านโหวหันไปมองหยางหลินด้วยท่าทางเย็นชาพลางส่ายหัวไปมา ใครจะอยากปล่อยหอกข้างแคร่นี้ไปกันเล่า ท่านโหวไม่ละสายตาจากหว่านชิง แม้จะเห็นความสับสนในน้ำเสียงของหยางหลินไป๋เหวินหลงจ้องท่านโหวด้วยสายตาเย็นเยียบและพยายามที่จะหาทางเอาตัวเองเข้าช่วยหว่านชิงให้ได้ แต่ทุกการเคลื่อนไหวกลับถูกหยุดยั้งด้วยกระบี่ที่กดคอหว่านชิงเอาไว้หว่านชิงที่ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ยากจะหนี ได้แต่กัดฟันแน่น"หยางหลิน...พี่หว่านชิงไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเจ้า" น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจพยายามที่จะทำให้หยางหลินเข้าใจแต่ก็รู้ดีว่ามันคงยากในสถานการณ์แบบนี้ อาจจะสายไปแล้วไม่รู้หยางหลินจะยังรับฟังหรือไม่หรืออาจจะคิดว่าหว่านชิงเพียงพูดจาหลอกล่ออ้อนวอนขอชีวิต"ไท่จือไหนคนของท่าน เรียกคนของท่านและส่งสัญญาณถึงคนของข้าได้แล้ว!" ท่านโหวจงซื่อปายเหลียวรีบจะตะคอกขึ้นดังๆเสียงของท่านโหวที่ก้องกังวานไปทั่วท้องพระโรง ทุกสายตาพุ่งมาที่หยางหลินเป็นฉับพลันหยางหลินยิ้มมุมปากก้าวไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งเลื่อนคมกระบี่ขึ้นอย่างเฉียบคม แววตาข







