ตำหนักลั่วเอ๋อร์ลั่วเอ๋อร์ " ออกไปให้หมด จะเยาะเย้ยข้ารึ " สองแม่ลูกได้โวยวายให้นางกำนัลโดยไม่มีเหตุผล ด่าทอบ่าวทั้งหลายจนหน้าและลำตัวสั่นเทาไปหมดแล้ว ฟางหรง " ท่านแม่ ใจเย็น ๆ ก่อน หากเรื่องนี่รู้ถึงท่านพ่อ ท่านพ่อจะยิ่งสงสัยในตัวท่านแม่มากขึ้น หากจะแก้แค้นเอาคืนนางหนิงหลงคงยากมากกว่าเดิม " เมื่อได้ฟังลูกสาวกล่าวเช่นนี่ลั่วเอ๋อร์จึงควบคุมสติ นางพยายามถอนหายใจเข้าออกด้วยความหงุดหงิดรู้สึกเหมือนมีเสียงแมลงหวี่ในหัวตลอดเวลา แต่ถึงกะนั้น เมื่อสงบสติความบ้าคลั่งยังไม่ถึงสองนาที หนิงหลงก็เดินเข้ามาที่นี่พอดี ในจังหวะนั้นฟางหรง ได้สะกิดลำแขนลั่วเอ๋อร์อย่างตื่นตระหนกฟางหรง " ท่านแม่ นางมาที่นี่ " ลั่วเอ๋อร์ที่กำลังนั่งหันหลังเอาฝ่ามือกุมขมับแน่น พอได้ยินลูกสาวบอกกล่าวยิ่งทำให้ความร้อนรุมในตัวเริ่มปะทุขี้นมาอีกครั้ง ลั่วเอ๋อร์ " มาสมน้ำหน้าข้ารึ นางสาระเลว " น้ำเสียงที่คับแค้นใจกำลังกำมัดแน่นจนอยากจะหยิบมีดในที่ซ่อนออกมาฆ่าหนิงหลงให้รู้แล้วรู้รอด หนิงหลง " เป็นอย่างไรบ้าง พระชายา " ลั่วเอ๋อร์ค่อย ๆหันหน้ามาเล็กน้อย นางยังคงเก็บสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ในใจนั้นแทบจะไม่ไหว
อินทรีส่งข่าว ตำหนักอันกว้างใหญ่ในห้องชั้นหนังสือส่วนตัวกำลังนั่งขาพาดโต๊ะจดบันทึกเหตุการณ์สำคัญ ในเวลานั้นเจ้านกอินทรีได้ล่องเดินทางมาเพื่อส่งข่าว จื่อหานได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ตนนั้นรีบไปหลังตำหนักทันที จื่อหาน " มาแล้ว " ดวงตาและสัญญาณการตอบรับประสาททั้งห้ารีบเดินไปยังหลังตำหนัก เพื่อไม่ให้ผู้คนสงสัย จื่อหาน" เจ้ากลับไปได้ " เจ้านกได้บินมาเกาะที่รั้วประตูหลังตำหนักอย่างเงียบ ๆ จื่อหานรีบเอากระดาษที่ผูกกับข้อขาเจ้านกออกมาไว้กับตัวทันที จากนั้นจึงสั่งให้เจ้านกรีบบินกลับไป ( ข้อความในกระดาษ )คืนนี่พวกมันจะนำตัวสตรีทั้งหมดไปที่หุบเขาห่างจากราชศวงค์ซางไปประมาณห้าลี้ ทางเทือกเขาอันตราย กระหม่อมจะลงมือคืนนี่ นัดเจอกันที่เดิมขอรับ จื่อหาน " ข้าต้องหาข้ออ้างบอกหนิงหลงว่าจะพักที่ตำหนักตัวเอง " อันอัน " องค์ชายท่านอยู่ที่ใด หม่อมฉันนำของว่างมาให้ท่าน " จื่อหาน " ข้ารู้แล้วข้ากำลังจะออกไปเจ้าไม่ต้องเข้ามา " ท่าทางเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสากำลังยืนชี้ไปบนท้องฟ้าพร้อมเปิดประตูออกมารอรับของว่างอย่างอารมณ์ดีอันอัน " องค์ชายคืนนี้ท่านจะนอนที่นี่รึ"จื่อหาน " ฮ่าๆๆใช่ๆข้าจะลองนอนที่น
.หนิงหลง " เลือดกำเดาไม่ไหลแล้ว ต่อไปก็ระวังให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่ " ถ้อยคำที่แฝงไปด้วยความหวังดีจื่อหานฟังแล้วยิ้มเยาะพลางย้อนถามจื่อหาน " ท่านช่างเอาใจใส่ข้าเหลือเกิน.." หนิงหลงเบิกตากลมโตมองจื่อหานที่กำลังโน้มตัวเข้ามาจูบหน้าผากนาง ในขณะนั้นจื่อหาน สังเกตเห็นใบหน้าหนิงหลงที่กำลังตื่นตระหนกเล็กน้อย หนิงหลง " ผู้ใดสอนเจ้าให้ทำเช่นนี้ " จื่อหาน " ข้าเคยเห็นคู่รักอยู่ด้วยกันสองคนแล้วเล่นสนุกอย่างสุขใจ " ในระหว่างที่ฟังคำตอบของจื่อหานอยู่นั้น ความรู้สึกลุ้นระทึกทำให้แทบกลั้นหายใจ หนิงหลง " พอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเห็นอะไร ห้ามทำตามเป็นอันขาด " จื่อหาน " ข้าจะไม่ทำตาม ข้าจะทำแค่กับภรรยา " ได้ยินคำนี่จากปากจื่อหาน ก็รู้สึกจะอาเจียนออกมา นางจึงสั่งให้อันอัน พาองค์ชายจื่อหานออกไปเล่นที่ลานกลางตำหนักสักพัก แล้วค่อยกลับเข้ามา หนิงหลง " คนบ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ " หนิงหลงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลุกขึ้นจากที่นั่งออกจากตำหนักไปยังลานกลางตำหนัก ลานกลางแจ้งที่เงียบและไร้เสียงผู้คนมานาน บัดนี่จื่อหานมาทำให้มันมีชีวิตชีวาอีกครั้ง เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นทำให้ผู้คนที่เดินผ่านหน้าตำหนักต้องหยุด
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " คนโง่รักษาแผลได้ดียิ่งกว่าคนปกติเสียอีก " หนิงหลงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนล้าจนแววตาเหม่อลอยเมื่อเดินทางไปสักพักรู้สึกว่าเส้นทางนั้นเริ่มจะไม่ปกติเหมือนล้อม้ากำลังเหยียบหลุมอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว เมื่อนางมองออกไปยังนอกหน้าต่างก็พบว่าเส้นทางที่กำลังเดินทางกลับนั้นกลับมีบ่อหลุมขนาดเล็กมากมายเต็มไปหมดหนิงหลง " ก่อนที่จะมาก็ไม่เห็นมีอะไรเลย " นางชะโงกหน้าออกหน้าต่างเพื่อตระโกนถามผู้คุมม้าพร้อมกับน้ำเสียงแฝงความจริงจังและไม่มั่นใจหนิงหลง " เหตุใดขากลับถึงมีบ่อหลุมเป็นทางไปหมด " ทหาร " คุณหนูใหญ่ตอนที่กระหม่อมมามันไม่มีทางแยกแต่พอขากลับมันกลับมีทางแยกกระหม่อมเลยเดินทางมาทางนี้"หนิงหลง" แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดก่อนค่อยคิดพิจารณาก็ควรจะไปทางใด "ทหาร " เส้นทางมันเหมือนกันมากขอรับ " ดังนั้นหนิงหลงเจอขอพรวิเศษอีกครั้งเพื่อดูว่าเส้นทางนี้ประวัติของมันนั้นเป็นมาอย่างไรในขณะนั้นภาพในหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เห็นนั้นคือหากผู้ใดเดินทางมายังหุบเขาอันตรายแล้วออกมาได้ผู้นั้นก็จะเห็นทางแยก 2 ทาง ที่ปีศาจนั้นบังบดเอาไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางลับไปยังราชวงศ์ซางในสมัยอดีต หนิงหลง "
ทันใดนั้นหนิงหลงก็ปรากฏกายยังกะทันหันลอยลงมายังหุบเขาดั่งนักรบผู้กล้าหาญชาญชัยที่ออกตัวช่วยเหลือมนุษย์ผู้น่าสงสาร" พวกเจ้าดูนั้น " หนึ่งในสตรี 99 คนที่เห็นเป็นคนแรกรีบชี้นิ้วขึ้นไปยังภูเขาเหล่าทหารที่เฝ้าอยู่ต่างมองตามและรอตั้งรับยังแข็งแกร่งทหาร " ผู้ใดกัน " เมื่อสิ้นสุดเสียงฝ่าเท้าของหนิงหลงก็ได้กระทบกับพื้นดินหนิงหลง " ปล่อยพวกนางไปซะ" ทหาร " เจ้าคงอยากจะเป็นผู้กล้าหาญช่วยผู้คนมากสินะแต่ข้าเสียใจที่เจ้าไม่สามารถเป็นเช่นนั้นได้ถอยไปเสียเถิด " หนิงหลง " หึ " พูดไม่ทันขาดคำนางก็ชักดาบเล็งไปที่คอของทหารทั้งสองนายจนขาดสะบั้นเลือดพุ่งกระฉูดกระจัดกระจายไปทั่วใบหน้าของสตรี 99 คน ส่วนทหารที่เหลืออีก 3 นายก็ยืนอึ้งไปเลยแต่ถึงอย่างนั้นทั้ง 3 นายก็ยังมั่นใจว่านางก็แค่โชคดี ทันใดทหารทั้ง 3 นายได้กินยาวิเศษที่ปีศาจมอบให้เพื่อเพิ่มพลังในตัวแต่สามารถใช้ได้แค่ 30 นาทีเท่านั้นทหาร" ตายเสียเถิด " พวกมันพุ่งกระโจนมุ่งหมายมาที่หนิงหลงยื่นดาบเล่มคมๆหวังจะหันคอให้ขาดสะบั้นแต่ในขณะนั้นหนิงหลงยังใช้พลังเปลวไฟครั้งเดียวก็สามารถล้มทหารให้ตายได้เหมือนปอกกล้วยเข้าปากจื่อหาน " ผู้ใดกันจึงได้มีพลั
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังค้นหาหนิงหลงจึงเดินเข้าไปในตำหนักเพื่อเย้ยถาม หนิงหลง" ว่าอย่างไรเจออะไรหรือไม่" ฟางหรง " หุบปากผู้ใดให้เจ้าเข้ามา " หนิงหลง "ที่นี่มันตำหนักของข้าเหตุใดข้าจะเข้ามาไม่ได้ " จากนั้นหนิงหลงก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทหาร " ค้นจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยข้าว่าคุณหนูใหญ่คงถูกใส่ความ " ทหารหลายสิบนายเห็นด้วยกันทุกคนว่าที่นี่ไม่มีตราประจำวังหลวงจึงเลิกค้นหาพร้อมกล่าวทูลฝ่าบาทอย่างมั่นใจ ทหาร " ฝ่าบาทตำหนักคุณหนูใหญ่ไม่มีอะไรเลยพวกกระหม่อมค้นหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ " ชุ่ยเหรินจ้องมองที่สองแม่ลูกอย่างไม่พอใจพร้อมเอ่ยถามความจริงจากปากของทั้งสองคน ชุ่ยเหริน " ไหนเจ้าบอกว่าบุตรสาวของข้าเป็นผู้กบฏได้นำตราของวังหลวงมาซ่อนไว้ในตำหนักข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้ข่าวเหล่านี้มาจากที่ใด " ลั่วเอ๋อร์ " ข้า.... ข้าได้ยินผ่านๆ หน้าตำหนัก " น้ำเสียงสั่นเครือพยายามแก้ตัวให้แนบเนียนที่สุด ฟางหรง " ใช่เพคะท่านพ่อลูกก็ได้ยินผ่านๆ เช่นกัน " ชุ่นเหริน " หูของเจ้ามันทำให้ลูกสาวข้าเกือบถูกเข้าใจผิด....ทหารสั่งโบย 2 แม่ลูกคนละ 20 ไม้ " สองแม่ลูกรีบคุกเข่าขอร้องทันทีพร้อมบอกว่าตน
ในระหว่างที่สองแม่ลูกกำลังค้นหาหนิงหลงจึงเดินเข้าไปในตำหนักเพื่อเย้ยถาม หนิงหลง" ว่าอย่างไรเจออะไรหรือไม่" ฟางหรง " หุบปากผู้ใดให้เจ้าเข้ามา " หนิงหลง "ที่นี่มันตำหนักของข้าเหตุใดข้าจะเข้ามาไม่ได้ " จากนั้นหนิงหลงก็เดินจากไปพร้อมรอยยิ้มแห่งชัยชนะ ทหาร " ค้นจนทั่วแล้วไม่เห็นมีอะไรเลยข้าว่าคุณหนูใหญ่คงถูกใส่ความ " ทหารหลายสิบนายเห็นด้วยกันทุกคนว่าที่นี่ไม่มีตราประจำวังหลวงจึงเลิกค้นหาพร้อมกล่าวทูลฝ่าบาทอย่างมั่นใจ ทหาร " ฝ่าบาทตำหนักคุณหนูใหญ่ไม่มีอะไรเลยพวกกระหม่อมค้นหาจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอ " ชุ่ยเหรินจ้องมองที่สองแม่ลูกอย่างไม่พอใจพร้อมเอ่ยถามความจริงจากปากของทั้งสองคน ชุ่ยเหริน " ไหนเจ้าบอกว่าบุตรสาวของข้าเป็นผู้กบฏได้นำตราของวังหลวงมาซ่อนไว้ในตำหนักข้าอยากรู้ว่าเจ้าได้ข่าวเหล่านี้มาจากที่ใด " ลั่วเอ๋อร์ " ข้า.... ข้าได้ยินผ่านๆ หน้าตำหนัก " น้ำเสียงสั่นเครือพยายามแก้ตัวให้แนบเนียนที่สุด ฟางหรง " ใช่เพคะท่านพ่อลูกก็ได้ยินผ่านๆเช่นกัน " ชุ่นเหริน " หูของเจ้ามันทำให้ลูกสาวข้าเกือบถูกเข้าใจผิด....ทหารสั่งโบย 2 แม่ลูกคนละ 20 ไม้ " สองแม่ลูกรีบคุกเข่าขอร้องทันทีพร้อ
ฟางหรง " เจ้ามันตัวกาลกิณีของบ้านเมืองริอาจจะก่อกบฏ ยังจะมาทำหน้าซื่อตาใสแสดงให้ทุกคนเห็นอีกหรือ "ฟางหรงดักนางทุกทางเพื่อไม่ให้หนิงหลงได้แก้ตัวเลย หนิงหลง " ข้ามั่นใจว่าข้าไม่ได้ทำอะไรผิด หากเจ้าอยากค้นเรือนข้าก็เชิญตามสบายเถิด " สองแม่ลูกได้ยินดังนั้นจึงสะใจและยิ้มหวานๆขึ้นมาทันที หนิงหลง " แต่ข้ามีข้อแม้ "ชุ่ยเหริน " ข้อแม้อะไรหรือลูกพ่อข้าเชื่อว่าลูกนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้นเป็นแน่ " หนิงหลง " หากว่าเรือนข้าไม่มีสิ่งใดที่ผิดกฎหมายขอให้ท่านได้ลงโทษสองแม่ลูกคู่นี้อย่างเป็นธรรมข้อหาใส่ความว่าร้ายให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน " ลั่วเอ๋อร์ " คุณหนูใหญ่ท่านช่างมีอคติกับข้าเหลือเกิน " นางเอื้อนเอ่ยความจึงใจให้ฝ่าบาทนั้นได้ยินแสร้งทำหน้าเศร้าสร้อยเหงาหงอยและน่าสงสารในระหว่างการสนทนาชุ่นเหริน " จงเงียบปากเสียเถิดจะพูดมากไปไย " ลั่วเอ๋อร์โดนฝ่าบาทตักเตือนจึงสงบปากสงบคำไปชั่วคราว หนิงหลงจึงรีบสั่งให้ทหารนั้นไปค้นเรือนของตนปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นได้ใจไปก่อน ในระหว่างเดินทางเข้าเรือนนั้นฟางหลงได้พูดเหน็บแนมหนิงหลงไม่หยุดหย่อน ฟางหรง " หากข่าวลือนี่แพร่ออกไปชาวบ้านคงสาปแช่งหลายภพหลายชาติก็ไม่
หนิงหลง " คนโง่รักษาแผลได้ดียิ่งกว่าคนปกติเสียอีก " หนิงหลงส่ายหน้าไปมาด้วยความอ่อนล้าจนแววตาเหม่อลอยเมื่อเดินทางไปสักพักรู้สึกว่าเส้นทางนั้นเริ่มจะไม่ปกติเหมือนล้อม้ากำลังเหยียบหลุมอะไรบางอย่างเข้าให้แล้ว เมื่อนางมองออกไปยังนอกหน้าต่างก็พบว่าเส้นทางที่กำลังเดินทางกลับนั้นกลับมีบ่อหลุมขนาดเล็กมากมายเต็มไปหมดหนิงหลง " ก่อนที่จะมาก็ไม่เห็นมีอะไรเลย " นางชะโงกหน้าออกหน้าต่างเพื่อตระโกนถามผู้คุมม้าพร้อมกับน้ำเสียงแฝงความจริงจังและไม่มั่นใจหนิงหลง " เหตุใดขากลับถึงมีบ่อหลุมเป็นทางไปหมด " ทหาร " คุณหนูใหญ่ตอนที่กระหม่อมมามันไม่มีทางแยกแต่พอขากลับมันกลับมีทางแยกกระหม่อมเลยเดินทางมาทางนี้"หนิงหลง" แล้วเหตุใดเจ้าถึงไม่หยุดก่อนค่อยคิดพิจารณาก็ควรจะไปทางใด "ทหาร " เส้นทางมันเหมือนกันมากขอรับ " ดังนั้นหนิงหลงเจอขอพรวิเศษอีกครั้งเพื่อดูว่าเส้นทางนี้ประวัติของมันนั้นเป็นมาอย่างไรในขณะนั้นภาพในหัวก็เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เห็นนั้นคือหากผู้ใดเดินทางมายังหุบเขาอันตรายแล้วออกมาได้ผู้นั้นก็จะเห็นทางแยก 2 ทาง ที่ปีศาจนั้นบังบดเอาไว้ ซึ่งเป็นเส้นทางลับไปยังราชวงศ์ซางในสมัยอดีต หนิงหลง "
หลังจากนั้นทั้งสามก็ออกเดินทางด้วยการวิ่งให้ถึงจุดหมายที่ยายชราได้บอกเอาไว้ แต่ดูจากระยะทางแล้วยังไงก็ไปไม่ถึงเป็นแน่ ระหว่างที่นางวิ่งอยู่นั้นนางก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่และค่อยๆหยุดวิ่งรั้งทั้งสองคนไว้บอกกล่าวทั้งสอง ว่าอย่าเพิ่งรีบไปหนิงหลง " ช้าก่อน " อันอัน " มีอะไรหรือคุณหนูใหญ่เหตุใดถึงหยุดกะทันหัน " อันอันกับจื่อหานเริ่มไม่รู้จะไปต่ออย่างไร เมื่อหนิงหลงหยุดวิ่งกะทันหันเช่นนี้ จื่อหานขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมดวงตาจ้องมองอย่างพินิจวิเคราะห์ริมฝีปากเผยให้เห็นรอยยิ้มที่มุมปากราวกับกำลังพยายามจะเข้าใจบางสิ่งบางอย่างจื่อหาน " ภรรยาเจ้ามีแผนอะไร " อันอัน " นั่นสิคุณหนูใหญ่ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ "ในขณะนั้นหนิงหลงจึงได้ขอพรพลังวิเศษเพื่ออำพรางตัวไม่ให้ปีศาจนั้นเห็นตัวตนจนกว่าจะถึงที่หมาย หนิงหลง " วิ่งไปต่อ " หนิงหลงตบไหล่อันๆพร้อมคำปลอบใจที่สั้นๆ จนอันๆยืนตัวแข็งทื่อดวงตาเบิกกว้างและอ้าปากค้างเหมือนจะพูดอะไรออกมาแต่พูดไม่ออก หนิงหลง " เหตุใดที่ยังไม่เดินตามข้ามาเร็วเถิด " หนิงหลงเดินนำหน้าไป สิบเก้า แล้วแต่อันๆยังยืนตัวเเข็งทื่อไม่ขยับไปไหนนางจึงเดินวนกลับมาถามอันๆอีกครั้ง อันอ
หนิงหลง " ยายแก่ชราผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นคนปกติ ข้าจำได้ว่ายายสบตาข้า " ปัง " มีดเล่มใหญ่กำลังหั่นลงที่เนื่อหมูสด ๆ ที่อยู่บนเขียงจนเสียงดังกระหน่ำเศษเลือดสาดกระจายใส่หน้าพ่อค้า อย่างต่อเนื่องอันอัน " คุณหนูข้าไม่อยากกินแล้ว กลับเถิด " น้ำเสียงที่สั่นเครือจนควบคุมไม่ได้ จึงสติแตกไปชั่วขณะ หนิงหลง " เงียบ ๆ เล่นไปตามเกมส์ " อันอัน " ข้าฉี่จะราดลงพื้นแล้ว ฮือ ๆ " นางกลัวจนใบหน้าซีดเผือกไร้เลือดเริ่มหายใจถี่ราวกับจะขาดอากาศหายใจ ในขณะที่อันอันตื่นตระหนกแต่จื่อหานกลับทำตัวปกติ นั่งพูดอยู่คนเดียวอย่างมีความสุขจื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่นเหมือนพ่อค้าบ้าง " เมื่อหนิงหลงได้ฟังในสิ่งที่จื่อหานนั้นอยากเล่น นั้นก็คือสับเนื้อหมู อันอัน " องค์ชายนั้นไม่ใช่ของเล่นนะ " อันอันเวียนหัวจะเป็นลมลงไปกับพื้น แต่จื่อหานลากอันอันไปหาพ่อค้า แล้วกล่าวบอกพ่อค้าอย่างใจเย็น จื่อหาน " ท่านพ่อค้าข้าอยากลองบ้าง " จื่อหานใช้มือทั้งสองข้างเข้าไปบีบไหล่พ่อค้าอย่างไม่ตื่นกลัว ในระหว่างนั้นอันอันก็ไม่ไหวแล้ว จึงฉี่ราดอีกครั้งทั้งลำตัวสั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนหนิงหลง " จื่อหานรีบออกจากที่นี่ มากับข้า " หนิ
ชายหนุ่มนั้นได้ตกไปยังอีกหนึ่งมิติ เป็นคุกวิญญานที่ขังวิญญานชั่วร้ายไว้หลายพันปี เมื่อรู้สึกตัวก็พบว่าตัวเองนั้นได้มานอนอยู่ในถ่ำที่มีแม่น้ำภูเขาไฟล้อมลอบอยู่ เจ้าปีศาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของมนุษย์จึงส่งการสื่อการทางกระแสจิตให้ชายหนุ่มได้รับรู้ " เจ้ามนุษย์คนที่201 ได้ตกลงมาที่นี่อีกแล้ว " ชายหนุ่ม " เสียงใคร ออกมาประเดี๋ยวนี้ " ชายหนุ่มขานรับแล้วเดินทางออกอย่างใจจดใจจอจนเหงื่อเย็นไหลซึม " ดูเหมือนเจ้าคงอยากจะแก้แค้น หากเจ้าช่วยข้า ข้าอาจจะทำให้เจ้าสมหวัง ฮ่า ๆ " ชายหนุ่ม " เจ้ามันเป็นตัวอะไรกัน " น้ำเสียงที่ท้าทายกำลังข่มขวัญให้ปีศาจตนนั้นเผยตัวออกมา " ข้าอยู่ในนี่ หากเจ้าอยากให้ข้าออกไปเจ้าต้องสังเวยสตรีบริสุทธ์ให้ข้า " ชายหนุ่ม " เจ้าจะข้าฆ่าคนรึ ไม่ข้าไม่ทำ " คำพูดกิริยาแปลก ๆ ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นด้วยความตะลึงลาน" เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ " ชายหนุ่มได้คิดทบทวนอีกครั้งยังมีความลังเลอยู่ไม่น้อย แต่ในเมื่อโอกาศมาถึงแล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร นึกถึงเรื่องราวเลวร้ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ ทำให้ยิ่งเป็นแรงผลักดันมากขึ้นทวีคูณ ชายหนุ่ม " ได้ ข้าตกลง แค่ฆ่าสตรีบริสุทธิ์แค่นั้น
ในทางคดเคี้ยวที่เริ่มแคบลงและบรรยากาศรอบๆที่ดูวังเวงหากพ้นผ่านตรงนี้ไปได้สิ่งที่รออยู่ข้างหน้าคือทิวทัศน์สวยงาม แต่เส้นทางที่นี่ช่างน่ากลัวยิ่งนักไม่มีแม้แต่เสียงสัตว์ป่าร้องออกมาแม้แต่ตัวเดียว ทั้งสามคนนั่งไประแวงไปจนบางครั้งก็อดคิดไม่ได้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงเปิดหน้าต่างบานข้างขวาออกมาดู ก็พบเจอเข้ากับแหล่งน้ำลำธารที่เก่าแก่แต่ว่าสีของน้ำนั้นกลับเป็นสีดำทมิฬ หนิงหลงเห็นเช่นนั้นจึงตกใจเล็กน้อยรีบปิดหน้าต่างเข้ามานั่งที่เดิมจนเหงื่อแตกพลั่กเหมือนถูกน้ำเย็นสาดใส่ อันอัน " คุณหนูข้างนอกมีอะไรหรือเหตุใดสีหน้าท่านถึงดูไม่สู้ดีเลย " หนิงหลง " เปล่าไม่มีอะไรข้าแค่คิดว่าเมื่อไหร่จะเดินทางถึงจุดหมาย "หนิงหลงไม่อยากให้อันอันนั้นเป็นกังวลใจเลยต้องโกหกในสิ่งที่นานเจอแต่การกระทำนั้นทำให้อันๆสงสัยไม่หายจึงอยากเปิดประตูออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดแต่กลับถูกหนิงหลงสกัดกั้นไว้ได้ทันเวลาหนิงหลง " อย่าเปิดข้างนอกไม่มีอะไรปกติดี " น้ำเสียงที่หนักแน่นทำให้อันอันอัน นั้นไม่อยากจะรู้ต่อไปแล้วจนนางคิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก จื่อหาน " ภรรยาข้าอยากเล่านิทานให้ท่านฟังเผื่อท่านจะได้ไม่คิดมากในระหว่างการเดินทาง