หนิงเจียวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ปวดร้าวบริเวณใบหน้าเป็นอย่างยิ่ง นางค่อย ๆ ลุกขึ้นมานั่งก่อนจะมองไปรอบ ๆ ด้วยสายตามึนงงที่นี่ที่ไหนกันนะ ดูแล้วไม่ใช่ที่โรงพยาบาล หรือว่าพวกโจรมันจะลักพาตัวเธอมาไว้ที่นอกเมือง"เจียวเอ๋อร์ลูกรักของแม่!!! เจ้าฟื้นแล้ว"หนิงเจียวหันไปมองก่อนจะพบกับสตรีวัยกลางค
จวนตระกูลหนิงและจวนตระกูลสวี ต่างประดับประดาด้วยผ้าสีแดง นั่นเพราะกำลังจะมีงานมงคลของทั้งสองตระกูลเกิดขึ้นหนิงเจียวถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาแต่งตัวรอตั้งแต่เช้าตรู่ นางยังคงรู้สึกงัวเงียและง่วงนอนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองต่างช่วยกันตระเตรียมชุดแต่งงานให้หนิงเจียว อีกทั้งยังช่วยผัดแป้งแต่ง
หลังจากสวีจิ้งเทียนออกไปแล้ว หนิงเจียวก็ไปที่ห้องครัวใหญ่ เพื่อทำน้ำขิงหอม ๆ กับขนมเปี๊ยะแป้งบาง นำไปให้คนในจวนได้ลองทานกันดูหนิงเจียวเป็นคนที่ชอบกินมาก นางจึงชอบทำอาหารไปในตัวด้วย ทั้งขนม ของคาวหวาน อาหารต่าง ๆ นางก็ทำได้หมด เพราะมันคือความชอบของนาง"ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ ฮูหยินน้อยขอเข้าพบเจ้าค่ะ"
สวีจิ้งเทียนที่ถูกหนิงเจียวปลุกให้ตื่น เขาลืมตาขึ้นมาด้วยลมหายใจที่เหนื่อยหอบ หัวใจสั่นระรัว ก่อนจะหันไปพบกับหนิงเจียวที่นั่งมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า"เหตุใดเจ้าจึงใส่เสื้อผ้าเร็วยิ่งนัก?"หนิงเจียวขมวดคิ้วมองสวีจิ้งเทียนด้วยความหวาดกลัวในจิตใจ โรคจิตกำเริบหรืออย่างไร อยู่ดีดีมาถามว่าทำไมนางถึงใส่เส
หนิงเจียวเริ่มควบคุมสติตนเองไม่ได้ อารมณ์แห่งความปรารถนาเริ่มจู่โจมนางอย่างหยุดยั้งเอาไว้ไม่อยู่ มือขาวราวหยกงามค่อย ๆ ยื่นไปสัมผัสกับแผงอกที่แน่นบึกบึนของคนร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ ลูบไล้จนต่ำลง ต่ำลง อุ๊ย!!! อุ๊ย ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มันช่าง? มันช่าง ใหญ่เสียเหลือเกิน ใหญ่เสียจนมือน้อย ๆ ของน
"โอว์ อ่าห์ เสียว!!! ข้าเสียวเหลือเกิน ซี้ดดด!!!"หนิงเจียวขยับหัวขึ้นลงด้วยความเร็วที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม มือข้างหนึ่งก็ยื่นไปบดขยี้และเขี่ยเม็ดทับทิมที่แผงอกของเขาเพื่อเพิ่มอารมณ์ ส่วนมืออีกข้างก็จับแท่งมังกรรูดขึ้นลง สวีจิ้งเทียนมือเท้าบิดเกร็ง ก่อนจะเด้งเอวสวนขึ้นมา ทำให้แท่งมังกรผงาดดุนดันเข
"ก็เมื่อคืนน่ะสิเจ้าคะ บ่าวได้ยินเสียงร้องเจ้าค่ะ""ร้องยังไง?""โอววว โอววว เสียงเหมือนมาจากโรงฆ่าสัตว์ใกล้ ๆ นี่เจ้าค่ะ แต่ช่วงนี้ก็ไม่มีใครเขาฆ่าสัตว์กันนะเจ้าคะ""เจ้าคงหูฝาดแล้ว""ไม่ฝาดเจ้าค่ะ มีเสียง ซี้ดดด!!! อ่าห์ เหมือนเสียงวัวถูกเชือดเจ้าค่ะ""แค่กแค่ก!!!"สวีจิ้งเทียนสำลักข้าวจนไอออกมา
“คุณชายใหญ่สวี ข้าอยากกินอันนั้นเจ้าค่ะ"หนิงเจียวยื่นมือชี้ไปที่เกาลัดคั่วน้ำตาล ก่อนจะวิ่งไปด้วยท่าทางตื่นเต้น"เถ้าแก่ เอาถุงหนึ่ง""ได้ขอรับ"สวีจิ้งเทียนคอยเดินตามหลังจ่ายเงินให้นาง เขามองนางด้วยสายตาที่อ่อนโยนลงบ้างเล็กน้อยคล้ายมีบางอย่างในตัวนางที่เปลี่ยนไป แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีอะไรที่เป
วันคืนล่วงเลยผ่านมานานเป็นเวลาสิบกว่าปี จนกระทั่งลูก ๆ ของทั้งคู่เริ่มโตขึ้นมาในวัยหนุ่มสาวกันหมดแล้วอาเหยาเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา เขาเป็นถึงท่านรองแม่ทัพผู้สง่างามและเก่งกาจ และเขายังมีงานอดิเรกที่สวีจิ้งเทียนและหนิงเจียวเพิ่งจะค้นพบ นั่นก็คืออาเหยาชอบช่วยตนเองหน้ากระจก!!!หนิงเจียวส่ายหน้าไปมาอย่
ท้องที่สามของหนิงเจียวนั้นนางได้บุตรสาว สร้างความยินดีต่อคนในจวนตระกูลสวีอีกครั้ง นี่เป็นบุตรคนที่สี่ของพวกเขา ชื่อว่า สวีหมิงลี่หนิงเจียวเองก็ได้พักรักษาตัวจนหายดีหลังจากคลอดบุตรแล้ว คงเพราะว่าให้กำเนิดบุตรติดต่อกันถี่เกินไป ร่างกายนางจึงอ่อนล้าไม่น้อย"เจียวจ๋า ได้เวลาดื่มยาบำรุงแล้วจ้ะ"หนิงเจีย
หนิงเจียวรู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด สวีจิ้งเทียนพักนี้ชอบนัวเนียอยู่กับนางตลอดเวลา จนนางรู้สึกราวกับมีวิญญาณมาสิงสู่ ตามติดจนบางครั้งนางเองก็รู้สึกเบื่อหน่ายเขาไม่น้อยจึก จึก!!!หนิงเจียวหันไปมองสวีจิ้งเทียนที่ยื่นนิ้วชี้หนาใหญ่ของเขามาจิ้มที่ท่อนแขนเรียวงามของนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ หนิงเจียวลอ
"ห้ามคายเชียวนะ กินเข้าไปให้หมด"หนิงเจียวพยักหน้าก่อนจะดูดเลียน้ำรักของสวีจิ้งเทียนจนลำแท่งมังกรของเขาสะอาดหมดจดสวีจิ้งเทียนโน้มใบหน้าลงไปซุกไซ้ซอกคอขาวเนียนของหนิงเจียวอย่างหื่นกระหาย ก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ของนางออกจนหมด เผยให้เห็นยอดปทุมถันใหญ่โตสองเต้างามที่ชูช่อรอให้เขาไปเชยชมจ๊วบ จ๊ว
เถ้ากระดูกของหนิงเซียนถูกขุดย้ายกลับเข้ามาฝังในศาลบรรพชน เพราะนางไม่ได้ทำเรื่องน่าอับอายที่ผิดต่อตระกูลหนิงอีกแล้ว หนิงเจียวเองยืนจับมือแม่ใหญ่ที่ร้องไห้จนหมดเรี่ยวแรงด้วยความสงสารจับใจ"ท่านพี่ไร้มลทินแล้วนะเจ้าคะแม่ใหญ่""แม่ใหญ่ขอบใจเจ้ามากนะ ก่อนจะกลับเจ้าแวะไปเยี่ยมท่านแม่ของเจ้าด้วยเล่า นางกำล
"องค์รัชทายาท!!! องค์รัชทายาท!!!""เรียกข้าทำไม!!!"มู่ฉีหันไปตวาดองครักษ์ข้างกาย ก่อนจะพบว่าองครักษ์กำลังชี้มือขึ้นไปบนต้นไม้นั้น มู่ฉีเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนที่ดวงตาจะเบิกโพลงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองมองเห็นร่างของหย่งชิงห้อยโตงเตงลอยไปมาอยู่บนต้นไม้ ดวงตาเบิกโพลง มือเท้าจิกเกร็งด้วยความทุกข์ทรมาน
พลั่ก!!!เหยากวงกระโดดพุ่งทะยานเข้าไปถีบร่างของมู่ฉีจนกระเด็นลอยไปกระแทกกับต้นไผ่ที่ขึ้นสูงเรียงราย ก่อนจะร่วงหล่นลงมากระแทกกับพื้นแล้วกระอักเลือดออกมาคำโต"ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเจ้าจะถีบคนได้เก่งถึงเพียงนี้?"สวีจิ้งเทียนหันไปมองเหยากวงด้วยสายตาพิจารณา"จำจากเจ้ามา""หึ""เหยากวงระวัง!!!"หนิงเจียวหวี
เหยากวงและหนิงเจียว ถูกองค์หญิงหย่งชิงและองค์รัชทายาทมู่ฉีล้อมตัวเอาไว้จนหมดหนทางที่จะหนีรอด ทั้งสองหันหลังชนกัน คอยระแวดระวังความปลอดภัยให้แก่กันหย่งชิงปรายตามองหน้าท้องที่นูนใหญ่ของหนิงเจียวด้วยสายตาเกลียดชัง สตรีที่ควรมีสิทธิ์ให้กำเนิดบุตรของสวีจิ้งเทียน ควรจะมีเพียงแค่นางเท่านั้น"หนิงเจียว ข้า
"เรือนของข้า?""พี่สาวเจ้ารอบคอบไม่น้อย นางกลัวว่าพวกมันจะย้อนกลับมาเอาหลักฐานเหล่านี้ไปทำลายทิ้งจนหมด จึงนำมาซ่อนไว้ในเรือนของเจ้า!"หนิงเจียวพยักหน้าด้วยความสะเทือนใจ หากหนิงเซียนยังอยู่ ด้วยความฉลาดหลักแหลมของนาง จะต้องเป็นภรรยาที่เคียงข้างกับสวีจิ้งเทียนอย่างเหมาะสม"แล้ว เอ่อ ที่ท่านชอบมองข้าด้