LOGINแสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมอง
อย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวาน
แสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ
“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก
“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง และนาตาลีบินมาหาเขาถึงที่ ซึ่งคนที่คาบข่าวมารายงานให้ฟังคือป้าศรี แม่บ้านประจำออฟฟิศ
“แหม หนูแสน ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเรื่องนี้คือความจริง” ศรีกล่าวอย่างออกรสออกชาติ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ขอให้หนูได้ฝันกลางวัน ต่อไปอีกสักปีสองปีไม่ได้เหรอ”
“อย่าเลย ตัดใจเสียตั้งแต่ตอนนี้แล้วหันมองคนใกล้ตัวบ้างดีไหม ยังมีผู้ชายอีกเพียบเลยที่หนูแสนควรให้โอกาส” ศรีว่าพลางมองไปยังร่างสูงที่เดินผ่านไปมาอยู่หน้าประตูห้องครัว
“อย่างเช่นใครคะ ป้าอย่าบอกว่าพี่เมสเซนเจอร์ ลุงยาม หรือน้าปิติแผนกบุคคล” แสนเสน่ห์ไม่ได้ดูถูกพวกเขา แต่ถ้าคนไหนใจมันไม่คลิก หล่อนคงไม่อาจหลับหูหลับตาแล้วคบกันไปแบบส่งเดชได้!
“บางทีหนูแสนอาจมองข้ามคนใกล้ตัว” ป้าแม่บ้านย้ำอีกครั้ง
แสนเสน่ห์ส่ายหน้าหวือ เอาเข้าจริงในสายตาหญิงสาวตอนนี้มีเพียงบอสหนุ่มจะให้มองใครได้อย่างไรเล่า ในเมื่อทุกคืนหล่อนเพ้อถึงแต่เขา และติดรูปอีกฝ่ายไว้เต็มห้องนอน
ในขณะที่กำลังคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอย่างสุดๆ ร่างสูงของลายสิงห์ คนขับรถผู้บริหารก็โผล่มาอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง!
“อ๊ะๆ ผู้บ่าวคนนี้ เทียวเข้าออฟฟิศบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าน้า” ศรีเอ่ยทักอีกฝ่ายอย่างคนสนิทสนมกัน
ลายสิงห์ยิ้มให้แม่บ้าน เขามองเลยมายังแสนเสน่ห์ สายตาเขาดูปกติ แต่ไม่รู้เหตุใดหญิงสาวถึงรู้สึกว่าลำคอแห้งผากเสียดื้อๆ ด้วยดวงตาคมคู่นั้นกับใบหน้าเรียบเฉยส่งแรงขับเคลื่อนของบุรุษซึ่งร้อนแรง ดุดัน อีกทั้งชวนให้ท้องน้อยร้อนวูบวาบ และแผ่นหลังหล่อนเริ่มมีเหงื่อชื้นๆ
“สวัสดีค่ะ วันก่อนขอบคุณสำหรับกะหรี่ปั๊บนะคะ แต่อย่าลำบากเลยค่ะ สาวๆ กลัวอ้วนกันทั้งออฟฟิศ” หญิงสาวบอกเขา ทั้งที่ลายสิงห์ซื้อมาฝากทุกคน เขาไม่ได้เจาะจงให้หล่อนสักหน่อย แต่หล่อนกลับร้อนตัว ด้วยพอเดาออกว่าอีกฝ่ายสนใจตนอยู่แน่ๆ
ลายสิงห์พยักหน้าเข้าใจ ก่อนเอ่ยกับแม่บ้าน
“ป้าครับ ขอกาแฟหอมๆ ใส่น้ำผึ้งสักแก้วได้ไหม”
หญิงวัยกลางคนยิ้มรับคนรูปหล่อ แล้วหันไปชงกาแฟให้เขา ระหว่างนั้นแสนเสน่ห์เหมือนตัวจะหดเล็กลง หญิงสาวรู้สึกประหม่ามากเมื่อลายสิงห์นั่งลงที่เก้าอี้ข้างกัน
อันที่จริงเขาหล่อ ดูสุภาพ และผิวเข้มๆ กับดวงตาคมก็ชวนให้มองอย่างไม่รู้เบื่อ
“ช่วงบ่ายพี่นวลบอกคุณหรือยังว่าให้ไปรับเอกสารกับผมที่บ้านนาย วันนี้เขาไม่เข้าบริษัท”
“คะ?” แสนเสน่ห์ตกใจ หล่อนใฝ่ฝันอยากไปบ้านของมาตินหลายหนแล้ว และนี่คงเป็นโอกาสได้ใกล้ชิดชายที่หล่อนฝันถึงตลอดมา
“ไปรับเอกสารครับ...” ลายสิงห์บอกสถานที่แก่หญิงสาว เป็นตอนนั้นที่แสนเสน่ห์เงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสานสบกับอีกฝ่ายพอดี
เหมือนโลกหยุดหมุนเสียดื้อๆ แต่หล่อนรีบดึงสติและหัวใจตัวเองกลับได้ทัน
“ไปก็ไปค่ะ” แสนเสน่ห์ยิ้มในใจ หล่อนวางแผนในหัวหลายอย่าง ยามนั้นคิดถึงภาพบอสหนุ่มสุดหล่อซึ่งเพียบพร้อมไปเสียหมด รวย มีบริษัทใหญ่โต และยังใจบุญ
“ถ้างั้นตอนบ่ายเจอกัน” ลายสิงห์บอกหญิงสาว และป้าแม่บ้านชงกาแฟให้เขาเสร็จพอดี
ลายสิงห์หยิบถ้วยกาแฟขึ้น เขาดื่มรวดเร็วหมดแก้ว จนทั้งศรีและแสนเสน่ห์ต้องอึ้ง
“อุ๊ยๆ ระวัง หน่อยซีพ่อคุณ เดี๋ยวได้ลวกปากพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ร้อนนิดหน่อยผมทนได้ อีกอย่างน้องเขาคงอึดอัดที่ผมอยู่ที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยตรงไปตรงมา คนที่นั่งเงียบอยู่เลยหน้าบึ้งตึงทันควัน
“อยากนั่งก็นั่งไปสิคะ แสนจะกลับออฟฟิศแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยจบจึงลุกขึ้นยืน แต่ไม่รู้ยืนอีท่าไหนถึงได้สะดุดขาตัวเอง และเป็นจังหวะนั้นที่มือใหญ่คว้าร่างเพรียวไปอยู่ในอ้อมอกแกร่ง
“โอ๊ะ...ผะ ผมขอโทษ เห็นคุณจะล้ม”
ใช่ ภาพเมื่อครู่คือหล่อนเกือบล้มหน้าคะมำลงบนพื้นด้วยความเซ่อซ่า แต่เขาก็ไม่ควรคว้าตัวหล่อนไปแนบชิดเรือนกายแกร่งที่ส่งกระไอร้อนออกมาให้สัมผัสจนรู้สึกหวามใจ
“แล้วจะปล่อยได้หรือยังคะ” แสนเสน่ห์ส่งเสียงสูงใส่เขา
เมื่อลายสิงห์ปล่อยให้คนหน้าบูดเป็นอิสระ กลับกลายเป็นเรื่องชวนให้ฉงน หัวใจของแสนเสน่ห์กลับกระตุกไหวในจังหวะที่ทำให้ใบหน้าหวานแดงซ่านและร้อนผะผ่าว ความรู้สึกเช่นนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับใครมาก่อน แม้แต่กับมาติน ผู้ชายที่หล่อนอยากตีหัวแล้วลากเข้าป่าละเมาะ!
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดแต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มห
ซูกุ้ยฟางดึงตนกลับคืนสู่โลกโบราณที่นางรู้เรื่องราวไม่ถึงแปดบรรทัด เป็นแปดบรรทัดที่ชีวิตของสตรีนางหนึ่งต้องสยิวเสียวซ่านกับบุรุษขาเตียงหักหยางอี้คัง!ความสับสนประดังประเดเข้ามาในหัว นางก็รับมือไปตามสภาพ แน่นอนใครต่อใครต่างมองหญิงสาวแปลกๆ บ้างกล่าวหาว่าซูกุ้ยฟางเป็นหญิงงามวิปลาสล่มเมืองหญิงสาวถอนหายใจพรูใหญ่อย่างเบื่อหน่าย กระทั่งฝูปรากฏตัวทางด้านหลัง“โอ้ คุณหนู”“อื้อ เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดร้องโวยวายเสียที” ซูกุ้ยฟางตำหนิอีกฝ่าย ฝู คือผู้ติดตามและเป็นแม่นมหญิงสาวมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ซึ่งจะว่าไปหน้าตาก็คุ้นตั้งแต่ซูกุ้ยฟางพบครั้งแรก“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะโขกศีรษะกับพื้นเดี๋ยวนี้”“หยุดเลย” มุกนี้ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ซูกุ้ยฟางโผล่มาอยู่ในร่างนี้ฝูมองคุณหนูของตน ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วยกัน กระทั่งถูกส่งตัวไปขายในตลาด และแม่ทัพหยางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“เมื่อคืน ทุกอย่างสำเร็จหรือไม่คุณหนู”หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกรังเกียจตนเองที่ต้องพยายามทำตัวเยี่ยงนางคณิกา ซึ่งฝูบอกให้ซูกุ้ยฟางเดินหมากเช่นนี้ ด้วยหยางอี้คังมีสตรีที่อยู่ในใจ ฝ่ายนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักคุ้มภัยจากเม
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดังแสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบว
แสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมองอย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวานแสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง
เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอายกระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตาหลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เห







