LOGINเมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ
“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอาย
กระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส
“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน
“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”
นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน
“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”
ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที่กำลังจะได้ข่มเหงชายรูปงามตัวเป็นๆ ไม่ต้องจินตนาการให้ยุ่งยากอีกต่อไป
ยามนั้นกายแกร่งแสนอุ่นจัดนี้ทำให้เลือดลมสตรีสูบฉีดดีแท้ นางอยากตักตวงความหนุ่มแน่นของเขา เสพสุขและกลืนกินทุกหยาดหยดจากชายที่ปากร้ายในตำนานผู้นี้
นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวที่หลับตาปี๋ขยุกขยิกไปมา ผิดแต่ส่วนนั้นของเขายังคงนุ่มนิ่มเช่นเคย พลอยให้นางใจเสีย หากไม่ลดละความพยายามปลุก ปลุกให้มันตื่น และโผล่หัวออกมาจากฝักเสียที
สิ่งเดียวที่ซูกุ้ยฟางมุ่งมั่นในตอนนี้ คือต้องทำให้หยางอี้คังคลั่งรักแต่นางเพียงผู้เดียว ซึ่งเรื่องราวหลังจากนั้นนางคิดว่าสตรีโฉมงามและแสนฉลาดคนนี้คงพอจะเอาตัวรอดในโลกที่ทะลุมิติมาได้ โดยไม่ต้องสำลักเม็ดถั่วลิสงหรือแปะก๊วยตายอีกหน
*********************
รุ่งเช้าวันใหม่
ซูกุ้ยฟางปวดหัวตั้งแต่เช้า ด้วยหลังจากแกล้งงีบนางกลับผล็อยหลับไปจริงๆ แต่ก่อนหลับนางต้องก่นด่าหยางอี้คังในใจ ทั้งนี้เพราะสาวงามมิได้ปรนนิบัติแม่ทัพรูปงามอย่างที่เขาชวนอุ่นเตียง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกจะชวนให้ฉงนอยู่สักหน่อย
“อื้อ คือแท่งหยกของท่าน มันไม่สู้”
นางกล่าวและยังสัมผัสของสงวนของเขาอย่างย่ามใจ ทั้งสิ่งที่อยู่ในฝัก รวมถึงไข่สองฟองที่สวยงามพอกัน!!
“ใช่ เจ้าเป็นสตรีเช่นไรกันถึงได้กล้าหาญเยี่ยงนี้”
หญิงสาวได้ยินคำตำหนิเช่นนั้นจึงรีบชักมือกลับ แล้วทำทียกมือปิดหน้าปิดตาตัวเอง ก่อนส่งเสียงหวีดแหลมสูงอย่างตื่นตระหนกตกใจ
“โอ้ ทะ ท่าน แม่ทัพ ท่านกำลังจะข่มเหงกุ้ยฟาง”
ทั้งน้ำเสียงและการแสดงออกของซูกุ้ยฟางเสแสร้งอย่างที่สุด
“ข้าน่ะหรือจะหาญกล้าทำคุณหนูผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น เจ้าคงสติไม่สมประกอบเป็นแน่แท้ เมื่อครู่ทำสิ่งใดไปบ้างจำไม่ได้หรอกรึ ทั้งจับ ทั้งสัมผัส และพยายามปลุกแท่งหยกข้าให้ผงาดเป็นงูยักษ์ นี่คงหวังอยากให้มันฉกชิมเตาอุ่นๆ ของเจ้าสินะ”
ซูกุ้ยฟางขัดเขินหนัก อีกทั้งละอายใจอย่างที่สุด แต่เรื่องเพียงแค่นี้นางหรือจะรับมือไม่ได้ สตรีที่มาจากยุคปัจจุบันมิได้อับจนปัญญาหรอกนะ
“อุ๊ย ผะ ผู้น้อย ละเมอ โอ้ ละเมอ” นางว่าแล้วจึงแกล้งฟุบลงไปบนเตียง โดยแสดงท่าทางชวนให้ชายหนุ่มใจสั่นสะท้าน มือข้างหนึ่งลูบไล้เนินหน้าอกอวบสวย อีกมือป่ายแปะที่ลำคอระหงเชื่องช้าเย้ายวน พลางทำเสียงครางกระเส่าเบาๆ
“ถึงข้าจะพิสมัยสตรี แต่ก็ไม่ข่มเหงผู้ใดยามหลับ!”
ซูกุ้ยฟางอยากดีดตัวลุกขึ้นมาเหลือเกิน แต่หากทำเช่นนั้นคงไม่ถูกต้อง จึงทำทีแกล้งละเมอต่อ แต่มิวายแอบมองร่างสูงใหญ่ของหยางอี้คัง ซึ่งเขาขยับลงจากเตียง ก่อนจะยืนขึ้นเต็มความสูง
“ข้าจะออกไปชมจันทร์ข้างนอกและจิบสุราสักหน่อย เจ้านอนไปเถิดกุ้ยฟาง”
ได้ยินแล้วหัวใจหญิงสาวพลันหล่นหาย แม้อยากรั้งเขาไว้แต่นางจะกระทำสิ่งใดได้ ถือเสียว่าอย่างน้อยคืนนี้นางก็รอดพ้นไม่ถูกแท่งยักษ์นุ่มนิ่มๆ จิ้มแทงบนเรือนร่างแลเตาอุ่นๆ ไปอีกหนึ่งคืน
***********************
หญิงสาวถอนหายใจออกมาหลายเฮือก พลางคิดถึงภาพความซวยสุดท้ายของตนก่อนโผล่มาในโลกโบราณที่ค่อนข้างแปลกพิสดาร
และนางรู้รายละเอียดต่างๆ ไม่ถึง ‘แปดบรรทัด’ จากถุงกระดาษที่เล่าประวัติสตรีโฉมงามนามว่า ซูกุ้ยฟาง ผู้เป็นมารดาของสองบุรุษหนุ่มสกุลหยางที่ช่วยกอบกู้แคว้นเจ้า
ก่อนหน้านั้น ซูกุ้ยฟาง หรือในโลกเดิมก็คือ ‘แสนเสน่ห์’ มีชีวิตแบบสาวออฟฟิศเมืองกรุงทั่วไป หญิงสาวเป็นคนชนชั้นกลาง เรียนจบจากมหาวิทยาลัยของรัฐด้วยเกรดเฉลี่ยที่นับว่าดีงาม หล่อนฉลาดหลายเรื่อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่มักผิดพลาดเสมอ คือการทุ่มเทให้กับความรัก ซึ่งส่วนมากเป็นการแอบรักข้างเดียว และล่าสุดหล่อนแอบหลงรักบอสหนุ่มสุดหล่อในที่ทำงานใหม่
แต่การเป็นพนักงานบัญชีเงินเดือนสองหมื่นนิดๆ จึงเกินเอื้อมที่จะเนรมิตให้ตนสละสลวย แสนเสน่ห์ไม่อาจเป็นสาวงามเฉกเช่นที่พบเห็นได้ตามหน้าปกนิตยสารหรือสื่อออนไลน์ของสังคมไฮโซ ไม่ได้ใส่ชุดสวยทันสมัยอย่างที่เขานิยมกัน หล่อนเป็นสาวสวยฉบับประหยัด สวยอยู่ในมุมเงียบๆ ซึ่งไม่อาจโดดเด่นพอไปเตะตาหนุ่มหล่อโปรไฟล์ดีเลิศ
กระนั้นหญิงสาวก็มีความสวยในแบบฉบับของตน หล่อนใช้ชีวิตอย่างพาฝันด้วยการแอบรักแอบปลื้ม มาติน หว่อง เจ้านายลูกครึ่งไทย-ไต้หวัน พอให้ได้นอนหลับฝันดีทุกคืน และยังพร่ำเพ้อเขียนบันทึกถึงชายหนุ่มผู้นี้ยาวเหยียด
ห้องหนังสือชั้นสองของจวนแม่ทัพ หยางอี้คังนั่งอยู่ในนั้น สีหน้าเคร่งขรึมอยู่สักหน่อย หลายคืนแล้วที่ไม่ได้ออกไปโรงสุราหรือเที่ยวหาความสำราญยังสำนักโคมเขียว ทั้งหมดเป็นเพราะจิตใจกระวนกระวายอยู่กับสาวงามของที่ชื่อซูกุ้ยฟาง!!มันเป็นเวรกรรมโดยแท้ เขาไม่น่ายื่นมือเข้าไปช่วยสตรีผู้นี้ นางอาจนำภัยใหญ่หลวงมาให้ กระนั้นเมื่อมองโฉมสะคราญ ใจก็อยู่เหนือเหตุผลทั้งหมดแต่แรกเขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับนาง กระนั้นภาพสาวงามถูกเร่ขายในตลาดทำให้สงสารและเห็นใจ ทว่าหลังจากที่รับนางมาไว้ที่เรือน ซูกุ้ยฟางก็เริ่มแผลงฤทธิ์ ทั้งหมดนี้เขาล่วงรู้ว่านางกำลังเล่นละครตบตา หวังให้เขาข่มเหง ซึ่งจะเพื่อการใดหากไม่ใช่นางอยากตกเป็นของเขา จากนั้นคงใช้เรื่องนี้ยกฐานะตนกลับคืน เปลี่ยนหนังสือซื้อขายตัวเป็นหนังสือตบแต่งฮูหยินเข้าสกุลหยาง ความฉลาดของนางนั้นนับว่าไม่เบาทีเดียว“ซูกุ้ยฟาง ข้าหายินดีหากต้องถูกเจ้าหยามหมิ่นความเป็นชาย!”เมื่อเขากล่าวจบประตูด้านหน้าจึงถูกเคาะ อึดใจต่อมาเขาได้ยินเสียงหวานหยดที่พยายามปั้นแต่งของซูกุ้ยฟาง“ได้เวลาน้ำชาและของว่างแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ!”“ข้าอยากอยู่แบบสงบๆ ไม่ได้รึอย่างไร” หนุ่มห
ซูกุ้ยฟางดึงตนกลับคืนสู่โลกโบราณที่นางรู้เรื่องราวไม่ถึงแปดบรรทัด เป็นแปดบรรทัดที่ชีวิตของสตรีนางหนึ่งต้องสยิวเสียวซ่านกับบุรุษขาเตียงหักหยางอี้คัง!ความสับสนประดังประเดเข้ามาในหัว นางก็รับมือไปตามสภาพ แน่นอนใครต่อใครต่างมองหญิงสาวแปลกๆ บ้างกล่าวหาว่าซูกุ้ยฟางเป็นหญิงงามวิปลาสล่มเมืองหญิงสาวถอนหายใจพรูใหญ่อย่างเบื่อหน่าย กระทั่งฝูปรากฏตัวทางด้านหลัง“โอ้ คุณหนู”“อื้อ เมื่อไหร่เจ้าจะหยุดร้องโวยวายเสียที” ซูกุ้ยฟางตำหนิอีกฝ่าย ฝู คือผู้ติดตามและเป็นแม่นมหญิงสาวมาตั้งแต่มารดาเสียชีวิต ซึ่งจะว่าไปหน้าตาก็คุ้นตั้งแต่ซูกุ้ยฟางพบครั้งแรก“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวจะโขกศีรษะกับพื้นเดี๋ยวนี้”“หยุดเลย” มุกนี้ใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่ซูกุ้ยฟางโผล่มาอยู่ในร่างนี้ฝูมองคุณหนูของตน ทั้งคู่เดินทางมาจากเมืองหลวงด้วยกัน กระทั่งถูกส่งตัวไปขายในตลาด และแม่ทัพหยางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ“เมื่อคืน ทุกอย่างสำเร็จหรือไม่คุณหนู”หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ รู้สึกรังเกียจตนเองที่ต้องพยายามทำตัวเยี่ยงนางคณิกา ซึ่งฝูบอกให้ซูกุ้ยฟางเดินหมากเช่นนี้ ด้วยหยางอี้คังมีสตรีที่อยู่ในใจ ฝ่ายนั้นเป็นลูกสาวเจ้าสำนักคุ้มภัยจากเม
เมื่อไปถึงบ้านของมาติน ซึ่งสถานที่แห่งนั้นควรถูกเรียกว่าคฤหาสน์ถึงจะเหมาะสม แสนเสน่ห์ก็นั่งรอเอกสารอยู่นานเกือบสามสิบนาที กระทั่งลายสิงห์เดินเข้ามาและบอกว่ามีบ๊ะจ่างมาฝาก แต่ลืมเอาให้หล่อนตอนอยู่ออฟฟิศ“ขอบคุณค่ะ แต่แสนยังไม่หิว”ลายสิงห์ไม่ได้เซ้าซี้อะไร ก่อนขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ เพราะมีสายเรียกเข้ามาพอดี ระหว่างนั่งรอเอกสารจากมาติน สายตาของหญิงสาวก็หันไปมองถุงกระดาษที่ด้านในมีบ๊ะจ่างจากร้านดังแสนเสน่ห์สะดุดรูปวาดผู้หญิงในชุดจีน ดูแล้วเหมือนถูกดึงดูดด้วยมนตร์สะกดลึกลับ กระทั่งหล่อนได้สติจึงเกิดความครั่นคร้ามใจ แวบหนึ่งเกิดภาพประหลาดในหัว ประหนึ่งว่าหญิงสาวเป็นแม่นางซูกุ้ยฟาง เจ้าของเรื่องราวที่อยู่ข้างถุงกระดาษ“บ้าบอ สงสัยหมู่นี้จะอ่านนิยายท่านแม่ทัพและจิ้นการอุ่นเตียงหนักเกินไป” แสนเสน่ห์เอ่ยแล้วจึงยิ้มน้อยๆ พร้อมเปิดถุงกระดาษ หล่อนเห็นว่ามีบ๊ะจ่างที่ส่งกลิ่นหอมยั่วใจหลายชิ้น“อร่อยนะครับ ผมซื้อฝากคุณแม่ประจำเลย” เสียงลายสิงห์ลอยมาเข้าหูในตอนที่อารมณ์แสนเสน่ห์เบื่อหน่ายกับการรอคอยอย่างที่สุด“แต่มันดูไม่คลีนเลยนะคะ แสนไม่อยากอ้วน”ชายหนุ่มมองหน้าหล่อน แววตาคมๆ มีประกายวิบว
แสนเสน่ห์คอยติดตามข่าวบอสหนุ่มอยู่เสมอ หลายครั้งพยายามสื่อสารด้วย ซึ่งเจ้านายรูปหล่อฟังภาษาไทยได้ดีมาก แถมยังพ่นภาษาอังกฤษและจีนได้ไฟแลบไม่แพ้กัน หญิงสาวจึงทำได้แค่ยิ้มหวานๆ กลายเป็นคนบื้อใบ้เกือบทุกครั้งที่พบหน้ากัน ภาษาอังกฤษนั้นยังพอลื่นไหลเอาตัวรอดได้สบาย แต่เมื่อใดที่เขาใช้ภาษาจีนหรือไต้หวัน แสนเสน่ห์จึงได้แต่ทำหน้าเหวอพร้อมยิ้มกว้างเป็นตุ๊กตาไร้สมองอย่างไรก็ตามหญิงสาวล่วงรู้ถึงรสนิยมของมาติน อีกฝ่ายชอบผู้หญิง สวย สุภาพ อ่อนหวานแสนเสน่ห์จึงปรับเปลี่ยนตัวเองครั้งมโหฬาร ทว่าสุดท้ายอกกลับหักดังเป๊าะ เมื่อบอสหนุ่มหล่อมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เธอเป็นหญิงไทยแท้แต่ย้ายไปอยู่ไต้หวันกับบิดาและมารดา และครอบครัวของทั้งคู่หมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่แรกเกิด เธอมีชื่อว่านาตาลี หรือลีน่า สวย เก่ง ฉลาด และรูปร่างดีมาก แถมหน้าอกหน้าใจบิ๊กไซซ์ จนแสนเสน่ห์อยากหาเงินสักก้อนไปเสริมสองเต้าของตนให้เทียบเท่าเธอ“อูย คู่นี้เขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” เสียงของป้าศรีทำให้แสนเสน่ห์ต้องช้ำใจหนักเข้าไปอีก“ป้าทำให้อารมณ์หนูบูดแต่เช้าเลยรู้ไหม” แสนเสน่ห์ถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบหลังจากได้ข่าวว่าบอสมีเจ้าสาวตัวจริง
เมื่อเขาเอ่ยเชิญชวน ซูกุ้ยฟางก็สูดลมหายใจเข้าลึก พร้อมตั้งสติก่อนถามถึงเรื่องสำคัญ“ตะ แต่แท่งหยกของท่านมันตายด้าน...” นางกล่าวตรงไปนิด พอนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรจึงรีบแสร้งทำท่าสะเทิ้นอายกระนั้นยังมิวายมองร่างกายของชายหนุ่ม กล้ามท้องเขาเป็นลอนแกร่ง ขนในที่ลับเรียงตัวเป็นแพสวย ผู้ชายในยุคโบราณคงชอบอวดเรือนร่างตนเช่นนี้ และมันตอบสนองอารมณ์ซูกุ้ยฟางได้ดีเหลือเกิน เพราะหยางอี้คังคืออาหารตาเลิศรส“ของที่มันนอนอยู่ในฝัก ไฉนเจ้าถึงเร่งเร้าอยากปลุกให้ตื่นตัว การรุกเร้าบุรุษเยี่ยงนี้ สตรีที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพึงกระทำหรือ!” คนหล่อเหลาชักสีหน้าตึง แทนที่จะดูน่ากลัว หยางอี้คังกลับพกเสน่ห์เหลือร้ายแบบชายที่มีความกราดเกรี้ยวอยู่ตลอดเวลา ทั้งดุดัน น่ากลัว หากชวนให้หวามใจในคราเดียวกัน“ผะ ผู้น้อย มิกล้า เพียงแค่พลั้งปากพูดไป”นางตอบเขาเสียงสั่น ใจเต้นตึกตัก จากนั้นมือใหญ่จึงคว้ามือเล็กไปยึดไว้ ก่อนจับไปวางบนกล่องดวงใจที่ซูกุ้ยฟางหวังใจอยากสัมผัสเหลือเกิน“อ๊ะ...อุ๊ย ทะ ท่าน มะ แม่ทัพหยาง!”ซูกุ้ยฟางร้องอย่างตื่นตกใจ แต่ความจริงนางกำลังเป็นสุข ภาพในหัวกำลังฉายชัด นี่คือประสบการณ์ครั้งแรกที
กลางดึกคืนนั้นพระจันทร์ส่องแสงนวลตา หญิงสาวที่ยามนี้เข้าใจทุกอย่างทีละน้อย และนางมั่นใจว่าตนทะลุมิติมาอยู่ในโลกโบราณนี้อย่างเต็มตัว ซึ่งยังไม่รู้ชะตากรรมของตนว่าจะมีโอกาสหวนกลับคืนสู่โลกเดิมหรือไม่ถึงหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างไม่คุ้นชิน แต่การใช้ชีวิตที่นี่ก็หาได้ลำบากจนเกินไป กระนั้นนางต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเดินไปตามเรื่องราวแปดบรรทัดที่เคยอ่านผ่านตาหลังผล็อยหลับไปได้สักพัก ร่างทรงเสน่ห์ก็สะดุ้งตื่น และสาเหตุมิใช่เกิดจากการเห็นภาพฝันร้ายที่วิ่งวนเพียงแค่ในหัว แต่ประเด็นสำคัญคือมือเรียวสวยไปสัมผัสเข้ากับบางสิ่งทั้งที่มันควรอยู่ในร่มผ้า ทว่าปลายนิ้วกลับแตะเข้ากับความนุ่มหยุ่นแทน!!คราแรกเพียงสัมผัสใจเต้นระรัวแรง แน่ละ ถึงบริสุทธิ์ผุดผ่องไร้ราคี แต่นางที่จากโลกแห่งความจริงมาใช่ว่าจะไม่เคยเห็น ในเมื่อยุคสมัยของนาง หากอยากรู้อยากเห็นสิ่งใดเพียงเลื่อนหน้าจอมือถือลื่นปรื้ดๆ เลือดกำเดาก็แทบพุ่ง!“เอ ไฉนมันถึงได้นุ่มนิ่ม...และอุ่นพิลึกดีแท้!”นางว่า และยังมิวายขยับมือเลื่อนขึ้นไปเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจอีกนิด เมื่อสองสามคืนก่อนก็นอนร่วมเตียงกับหยางอี้คัง ดูเหมือนเขาจะหวงเนื้อหวงตัวยิ่งกว่านี้ เห







