“แต่บ่าวอยากให้คุณหนูได้พักผ่อนนี่เจ้าคะ คุณหนูเอาแต่วาดภาพบุรุษขาย จนบางครั้งตอนกลางวันก็ไม่ยอมหยุดพักเพื่อกินข้าว” หากไม่ติดว่าตอนเช้าและเย็นต้องกินข้าวพร้อมคุณชายใหญ่ คุณหนูของนางก็คงไม่สนใจที่จะหยุดพักเป็นแน่
“ช่วงนี้ราคาภาพวาดกำลังดี มีคุณหนูต้องการมากมาย ข้าจึงต้องเร่งมือ”
สุดท้ายสาวใช้คนสนิทก็ไม่อาจห้ามคุณหนูของตนได้อีกจึงได้แต่นั่งพัดและรินน้ำชาให้อย่างเงียบๆ
จางชิงหนี่ว์วาดภาพได้ตามจำนวนที่ต้องการจึงยอมหยุดพักแล้วไปเดินเล่นระหว่างรอภาพวาดแห้ง ส่วนจื่อรั่วก็ปล่อยให้เก็บอุปกรณ์วาดภาพไป
“เริ่มหิวแล้วสิ แต่หากกินข้าวตอนนี้ แล้วพี่ใหญ่กลับมาข้าก็จะไม่หิวน่ะสิ” และเมื่อใดที่นางกินข้าวน้อยก็มักจะทำให้พี่ใหญ่ไม่สบายใจ
ปึ้ก เสียงลูกอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นดึงความสนใจนาง ก่อนที่ดวงหน้าหวานจะเผยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่ามันคือผิงกั่ว[1]
“แต่เอ๊ะ! แถวนี้ไม่มีต้นผิงกั่วนี่” นางคิดพลางใช้ชายอาภรณ์เช็ดถูเพื่อทำความสะอาดผลไม้สีแดงสดน่ากิน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหาต้นของมัน
‘บุรุษสวมหน้ากากที่เกือบจะฆ่าข้าในวันนั้น’ ดวงตาเมล็ดซิ่งเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนจะค่อยๆ ก้าวเท้าถอยหนี
พรึ่บ บุรุษที่นางไม่รู้จักแม้แต่ชื่อแซ่กระโดดลงมาตรงหน้านาง มือใหญ่คว้าข้อมือกลมกลึงเอาไว้ไม่ให้นางได้วิ่งหนี
“ปล่อยข้านะเจ้าคะ ช่วย...” คุณหนูจางกำลังจะตะโกนเรียกผู้คุ้มกันที่เป็นลูกน้องเก่าของบิดาซึ่งคอยดูแลจวนแห่งนี้อยู่ให้มาช่วย แต่กลับถูกบุรุษผู้นั้นโอบกอดแล้วใช้มือข้างที่ว่างปิดปากนางเอาไว้ไม่ให้ส่งเสียง
“ข้าไม่ได้จะมาทำร้ายเจ้า วันนี้เพียงแค่ผ่านมาเห็นจวนแห่งนี้ร่มรื่นดี จึงลองเข้ามาดู ไม่คิดว่าจะเจอเจ้า”
‘จวนข้าหาใช่ที่เดินเล่นของใคร’ บุรุษผู้นี้ปีนเข้าจวนนางโดยที่ท่านลุงท่านน้าทั้งหลายไม่รับรู้การมาเยือนได้อย่างไร หรือเป็นเพราะบุรุษผู้นี้วรยุทธ์สูงส่งจนสามารถหลบหูตาของผู้คุ้มกันได้
“หากเจ้าอยากให้ข้าปล่อยเจ้า เจ้าต้องรับปากว่าจะไม่ส่งเสียงร้อง”
“...” นางพยักหน้าตอบรับ
“ที่ลานฝึกยุทธ์วันนั้นข้าต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เจ้ากลัว” บุรุษสวมหน้ากากบอก นัยน์ตาดำจับจ้องมือของนางที่ยังคงพันผ้าปิดแผลไว้
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้าผิดเองที่ล่วงล้ำเข้าไปในที่แห่งนั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต” คุณหนูจางกล่าวก่อนจะค่อยๆ ซ่อนมือตนเอาไว้ด้านหลัง
“มือเจ้ายังไม่หายอีกหรือ”
‘ต่อให้เป็นจอมมารแผลก็ใช่ว่าจะสมานกันได้ภายในสองสามวัน’ ทำได้เพียงแค่คิดก่อนจะเอ่ยตอบออกไปด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัว
“ยังเจ้าค่ะ แต่ก็ดีขึ้นมากแล้ว”
“นี่ยามอบให้เจ้า คราวหน้าหากข้าผ่านมาแล้วเห็นว่าแผลที่มือเจ้ายังไม่หาย มือของสาวใช้เจ้าอาจจะกลายเป็นแผลเช่นเดียวกับเจ้าไปด้วย” เขากล่าวพลางยื่นตลับยาให้นาง
“ไม่เห็นต้องข่มขู่กันถึงเช่นนั้นเลยเจ้าค่ะ” นางกล่าวเสียงอ่อนพร้อมกับรับยามาแต่โดยดี
‘ตลับยาคล้ายกับที่ชินอ๋องซื่อจื่อให้มา หรือว่าจะมาจากบิดาสวี่ลู่ฟางเหมือนกัน’ ซึ่งยาที่ชินอ๋องให้มานางโยนทิ้งลงกองขยะไปแล้ว
ใครจะไปกล้าใช้ยาที่ตัวซวยผู้นั้นมอบให้กันเล่า...
“ข้าต้องไปแล้ว อย่าลืมทายาที่ข้าให้”
พรึ่บ! บุรุษสวมหน้ากากกล่าวจบก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นต้นไม้ก่อนจะหายไปทิ้งให้นางงุนงงกับการปรากฏตัวของคนผู้นี้
‘นี่ข้าต้องหวาดกลัวคำข่มขู่ของเขาใช่หรือไม่’ คุณหนูจางคิดแล้วก้มมองตลับยาในมือตนอย่างไม่แน่ใจ
คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ หรือจะเป็นตัวร้ายผู้นั้น หากจำไม่ผิดในนิยายเคยบรรยายเอาไว้ว่า องค์รัชทายาทต่างแคว้นผู้นั้นมักจะชอบปลอมตัวเข้าไปท่องเที่ยวในแคว้นอื่นอยู่เสมอเพื่อจะได้เอาการบริหารบ้านเมืองของฮ่องเต้แต่ละแคว้นไปปรับใช้กับแคว้นตน ช่างเป็นองค์รัชทายาทที่ปรีชาสามารถ จนไม่น่าไปหลงใหลมารยาสตรีดอกบัวขาวอย่างสวี่ลู่ฟางได้
วีรบุรุษไม่อาจผ่านด่านสาวงามได้ เป็นคำกล่าวที่ไม่เกินจริง
‘แต่ตัวร้ายน่าจะยังไม่ได้เจอนางเอกไม่ใช่หรือ’ ตอนนี้มันน่าจะเป็นช่วงเวลาที่พระเอกกับนางเอกกำลังจะรักกัน ส่วนตัวร้ายจะมาช่วงประมาณกลางเรื่อง แล้วตลับยานี่มาได้อย่างไร หรือว่ายาตัวนี้มีขายในร้านยาทั่วไป
“ช่างเถิดหากได้เจอกันอีกครั้งค่อยหาวิธีพิสูจน์” คุณหนูจางบอกกับตัวเองก่อนจะเดินกลับเรือนของตนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์รอพี่ใหญ่กลับจวน
[1] แอปเปิ้ล
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ