“ช่างเถิดหากได้เจอกันอีกครั้งค่อยหาวิธีพิสูจน์” คุณหนูจางบอกกับตัวเองก่อนจะเดินกลับเรือนของตนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์รอพี่ใหญ่กลับจวน
ภาพวาดที่นางวาดโดยใช้เรือนร่างของจื่อเป่าเป็นต้นแบบถูกเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดรับซื้อเอาไว้หมด พร้อมทั้งสั่งเพิ่มอีกหลายๆ ภาพเท่าที่นางจะวาดไหว
“มือก็หายแล้ว แต่จะไปหาบุรุษจากที่ใดมาวาดภาพเล่า” ลานฝึกยุทธ์ก็ไปไม่ได้ นางไม่กล้าเอาชีวิตน้อยๆ ของตนเองไปเสี่ยงอีก
“คุณหนู ท่านอย่าออกไปวาดภาพบุรุษอีกเลยนะเจ้าคะ” คราวที่แล้วก็ได้บาดแผลมาจนต้องช่วยกันหาข้ออ้างโกหกคุณชายใหญ่
“ไม่ได้! ข้าต้องไป มือข้าหายแล้วเจ้าไม่ต้องห่วง” แม้จะรู้ว่าจวนตนไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ทว่าในนิยายที่นางเคยอ่านนั้นหลังจากที่นางถูกตัวร้ายสังหารเพื่อบูชาความรักที่ไม่มีวันสมหวังท่านปู่ ท่านลุง พี่ใหญ่ก็โดนใส่ร้ายจนต้องถูกเนรเทศไป ทรัพย์สินที่มีถูกยึดเข้าคลังหลวง
แม้นางจะสามารถเปลี่ยนจุดจบของตนเองเอาตัวรอดได้ ทว่าเรื่องบางเรื่องมันอาจจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ ดูอย่างเช่นเรื่องที่ชินอ๋องซื่อจื่อกับสวี่ลู่ฟาง ที่แม้จะไม่ได้ตกหลุมรักกันในงานเลี้ยงจวนหลิวดั่งในนิยาย แต่นางได้ยินจื่อรั่วกล่าวว่ามีเสียงเล่าลือว่าแท้จริงชินอ๋องซื่อจื่อนั้นตกหลุมรักคุณหนูสวี่ก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ที่ทำตัวห่างเหินเพราะกำลังโกรธเคืองที่องค์รัชทายาทเสด็จไปส่งสตรีคนรักถึงจวนเป็นเหตุให้งานจิบชาชมดอกไม้ที่จวนหลิว เขามึนตึงใส่โฉมสะคราญอันดับหนึ่ง
จำได้ว่าหลังจากฟังเรื่องนี้จบนางก็กินอะไรไม่รู้รสไปหลายวัน ช่างเป็นความรักที่งดงามจนน่าขนลุกจริงๆ
พูดเรื่องคนอื่นไปไกล กลับมาที่เรื่องทรัพย์สมบัติหากสุดท้ายแล้วนางสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่บุรุษตระกูลจางก็ยังคงโดนใส่ร้ายต้องถูกเนรเทศ การไปอยู่ชายแดนโดยยังมีเงินที่นางหามาจะได้ไม่ลำบาก
“บ่าวไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นเจ้าค่ะ แต่บ่าวกลัวคุณหนูจะเจ็บตัวกลับมาอีก” หากเป็นเช่นนั้นบ่อยครั้งคุณชายใหญ่ต้องสงสัยเป็นแน่
“ครั้งนี้ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เข้าไปในเขตหวงห้ามแน่นอน” นางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“คุณหนูจะไปที่ใดเจ้าคะ บอกบ่าวได้หรือไม่” เมื่อเห็นรอยยิ้มของคุณหนู จื่อรั่วเริ่มรู้สึกไม่ไว้ใจ
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ประเดี๋ยวเจ้าก็บ่นข้า”
“คุณหนู!”
“เมื่อคืนข้าเข้านอนดึกเกินไป เจ้าอยากไปทำอันใดก็ไปเถิดข้าขอนอนสักงีบ”
“ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทรับคำก่อนจะออกจากห้องไป
‘จื่อรั่วเจอเจ้าพอดี คุณหนูล่ะ’
‘คุณหนูกำลังจะนอนพักเจ้าค่ะพ่อบ้านเหยียน’
‘เช่นนั้นข้าฝากเจ้าแจ้งคุณหนูว่าวันนี้คุณชายติดงาน คงไม่กลับมารับมื้อเย็นกับคุณหนู’
‘ได้เจ้าค่ะข้าจะแจ้งคุณหนูให้’
บทสนทนาของคนทั้งสองทำให้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้านาง
สวรรค์ช่างเป็นใจ พี่ใหญ่ไม่อยู่เช่นนี้ นางจะได้ไม่ต้องพะว้าพะวัง มีสมาธิวาดภาพบุรุษได้มากหน่อย
ต้องขอบคุณความห่วงใยที่นางมีต่อจื่อรั่วทำให้นางยอมทายาที่บุรุษสวมหน้ากากเอามาให้จนแผลหายดี ฝ่ามือกลับมาขาวเนียนราวกับไม่เคยมีบาดแผลมาก่อน
โฉมสะคราญที่ไม่ใคร่จะรู้ตัวว่าตนเองงดงามจัดการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ด้วยความชำนาญในเวลาเพียงชั่วจิบชา จากแม่นางน้อยก็กลายเป็นบุรุษรูปงาม ในวันนี้นางเลือกที่จะมุดกำแพงที่ผุพังออกไปแทนการเรียกจื่อเป่ามา
นางใช้เวลาไม่นานก็เดินทอดน่องไปถึงย่านเริงรมย์ที่มีหอชายงามและหอนางโลมตั้งอยู่สองข้างทาง ก่อนจะตัดสินใจเลือกหอชายงามที่ไม่ส่งบุรุษออกมาดึงรั้งผู้คนที่เดินผ่านไปมาให้เข้าไปเที่ยว ดูเป็นหอชายงามของชนชั้นสูง
“คารวะคุณชายขอรับ มีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือไม่” ชายผู้หนึ่งที่น่าจะเป็นผู้ดูแลเดินตรงเข้ามาหานาง
“ที่นี่มีอี้จีหรือไม่” นางต้องการเพียงบุรุษที่ขายศาสตร์ไม่ต้องขายเรือนร่าง
“มีขอรับ แต่ตอนนี้อี้จีดาวเด่นของเรากำลังรับแขกอยู่ ไม่ทราบว่าคุณชายพอจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นแทนได้หรือไม่ขอรับ
“ได้ๆ แต่ข้าขอเลือกก่อนได้หรือไม่ ข้าอยากได้บุรุษที่รูปงามสักสองสามคน” หากวาดเสร็จค่อยเรียกมาเพิ่ม
“เช่นนั้นเชิญคุณชายตามข้าน้อยขึ้นไปด้านบนขอรับ” การมองคนเพียงแค่ภายนอกไม่สามารถคาดเดาได้เลย ดูอย่างคุณหนูผู้นี้ท่าทางดูเรียบร้อยอ่อนหวานกลับเรียกชายงามทีละสามคน ช่างเป็นสตรีที่ร้อนแรงนัก
แม้จะมองออกตั้งแต่คราแรกว่าหนุ่มน้อยผู้นี้แท้จริงเป็นสตรีที่มีใบหน้างดงาม แต่เขาก็ยินดีที่จะหลับหูหลับตาทำเป็นมองว่าคุณหนูผู้นี้คือบุรุษ ขอแค่มีเงินตำลึงมอบให้
“อืม” จางชิงหนี่ว์พยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินตามผู้ดูแลขึ้นไปยังชั้นบน ดวงตาเมล็ดซิ่งมองดูไปรอบๆ จึงเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวหอชายงามจะเป็นสตรีวัยประมาณยี่สิบห้าปี แต่ก็มีอีกส่วนที่เป็นบุรุษ ที่น่าจะมีความชื่นชอบหลงใหลในเรือนร่างบุรุษ
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ