“มันก็เป็นได้แค่เรื่องสมมติ เพราะสตรีอย่างไรก็กลายเป็นบุรุษไม่ได้” เสียงทุ้มของบุรุษที่แทรกเข้ามาในบทสนทนาทำให้ทั้งสามคนหันไปมอง
“คารวะชินอ๋องซื่อจื่อ” คุณหนูทั้งสามแสดงความเคารพตามมารยาทแต่ในใจกลับคิดต่างกันออกไป
‘จู่ๆ ชินอ๋องเดินเข้ามาพูดคุยกับพวกข้าเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด’ มันคือสิ่งที่หวังเยว่ฉิงคิด
‘บุรุษผู้นี้กำลังเอ่ยวาจาดักคอข้าอยู่ใช่หรือไม่’ คุณหนูเจิ้งคิด
‘เจ้าพระเอกตัวซวย อย่ามาใกล้ข้านะ ถอยไปให้ห่างๆ ข้า นางเอกของเจ้าอยู่ทางโน้น’ จางชิงหนี่ว์คิดพลางก้มหน้าซ่อนสายตาไม่ใคร่จะชอบใจเอาไว้
“ตามสบาย เปิ่นหวางไม่ได้ตั้งใจจะมารบกวนพวกเจ้า เพียงแค่เห็นว่าคุณหนูจางบาดเจ็บที่มือ เปิ่นหวางพกยาติดตัวมาด้วยจึงนำมาให้”
“ขอบพระทัยในน้ำใจของชินอ๋องซื่อจื่อเพคะ”
“มิเป็นไร อย่างไรเจ้าก็เป็นหลานสาวของท่านราชครู หาใช่คนอื่นคนไกลที่ใด หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจน้ำใจจากข้า”
‘อย่ามาทำเป็นสนิทสนมคุ้นเคยกับข้าเลย ข้ากลัว...’ แม้ใจจริงจะไม่อยากยื่นมือไปรับ แต่ทว่าพอเขาเอ่ยถึงท่านลุง นางจึงจำต้องรับยานั่นมาอย่างจนใจ
“ขอบพระทัยในน้ำใจของท่านอ๋องเพคะ”
“อืม หากทายาแล้วยังไม่ดีขึ้น ให้คนมาแจ้ง เปิ่นหวางจะส่งหมอไปรักษา”
‘หมอที่ว่าคงเป็นบิดาของสวี่ลู่ฟางใช่หรือไม่ เช่นนั้นข้าไม่รบกวนดีกว่า’ และยานี้นางคงทิ้งมันทันทีที่ถึงจวน เกิดทาแล้วแผลเน่าขึ้นมา นางไม่ต้องถูกตัดมือทิ้งเลยหรือ
“เพคะ”
“เจ้าเป็นหลานสาวของท่านราชครู จริงๆ ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับเปิ่นหวางก็ได้ อย่างไรก็คนกันเองทั้งนั้น เจอกันครั้งหน้าหวังว่าจะได้รับคำทักทายที่เป็นกันเองกว่านี้” โจวอันฉีกล่าวจบก็เดินจากมาทิ้งให้สตรีทั้งสามคนรู้สึกงุนงงกับท่าทางและวาจาของชินอ๋องซื่อจื่อ
“ชิงหนี่ว์ เจ้าสนิทกับชินอ๋องซื่อจื่อเหตุใดถึงไม่บอกข้า” หวังเยว่ฉิงกล่าว
“ชิงหนี่ว์ เจ้าอย่าได้ไปใกล้ก้อนน้ำแข็งสูงค่าก้อนนั้นเชียวนะ ข้าเป็นห่วงเจ้า”
“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้สนิทกับชินอ๋อง นี่ก็เพิ่งเคยพูดคุยกับเขาเป็นครั้งที่สอง” ครั้งแรกก็ตอนที่มารดาเขาตาย หลังจากนั้นพอนางทราบว่าจวนที่ท่านลุงและท่านปู่อาศัย อยู่ติดกับจวนของชินอ๋อง นางก็ไม่ไปเที่ยวเล่นที่จวนนั้นอีกเลยเพราะกลัวเจอเจ้าตัวซวยนี่แหละ
“แล้วเหตุใดเขาถึงพูดกับเจ้าซะยืดยาวทั้งอยากให้เจ้าสนทนาอย่างเป็นกันเองด้วย” คุณหนูหวังกล่าว ส่วนคุณหนูเจิ้งก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“คงเพราะอยากให้ข้ากล่าวชื่นชมเขาต่อหน้าท่านลุง เลยพยายามมาเอาใจข้า” ต้องเป็นเช่นนี้แน่ๆ
“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แล้วไป แต่หากเป็นเพราะชินอ๋องซื่อจื่อมีใจให้เจ้า ข้าคง...”
“ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแน่ ข้ามั่นใจ เจ้าไม่ได้ยินที่ชาวบ้านเขาเล่าลือหรือ ว่าแท้จริงคุณหนูสวี่หญิงงามอันดับหนึ่งนั้นมีใจตรงกับชินอ๋อง”
“สตรีดอกบัวขาวนางนั้น ก็มีใจให้บุรุษไปทั่ว แต่ชินอ๋องซื่อจื่อไม่ น่าจะใช่บุรุษโง่เง่าที่ตกหลุมพรางมารยาของสตรี” หากเป็นบุรุษที่กำลังจะเป็นอดีตคู่หมายผู้นั้นก็ไม่แน่
“วันนี้วุ่นวายไม่น้อย ต่อจากนี้หากพวกเจ้าอยากเจอข้า ให้ไปเจอที่จวนจาง ข้าจะไม่ออกจากจวนมาร่วมงานพวกนี้อีกเด็ดขาด” ชิงหนี่ว์ผู้นี้เหน็ดเหนื่อยยิ่ง การรับมือกับความริษยาของสตรีและความกระหายในตัวสตรีของบุรุษไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
“เจ้าจะไม่ออกจากจวนไปร่วมงานตระกูลใดก็ตามใจเจ้า แต่หากเป็นงานจวนข้ากับจวนเข่อชิง เจ้าต้องมาร่วมให้ได้ หากไม่มาข้าจะโกรธเจ้า” หวังเยว่ฉิงกล่าว
“เช่นนั้นยกเว้นจวนหวังกับจวนเจิ้งไว้สองจวนก็ได้”
“ชิงหนี่ว์ของข้าดีที่สุด” แม้จะเพิ่งได้รู้จักกันแต่พอได้พูดคุยกลับรู้สึกเหมือนรู้จักกันมาเนิ่นนาน
“พวกเจ้าก็ดีกับข้า น่าจะใกล้ถึงเวลาที่ข้าขอพี่ใหญ่แล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน”
“มา! เดี๋ยวพวกข้าเดินไปส่ง” สหายคนใหม่ของพวกนางยิ่งงดงามอยู่ด้วย หากปล่อยให้เดินไปคนเดียวมิแคล้วคงมีคุณชายทั้งหลายมาขวางทาง
งานจิบชาชมดอกไม้ที่แสนวุ่นวายในความคิดของจางชิงหนี่ว์จบลงพร้อมกับเสียงก่นด่าคนตระกูลหลิวของพี่ชายตลอดทางกลับจวน
เพราะเหตุการณ์เฉียดตายในวันนั้น นางจึงได้แต่นั่งวาดภาพบุรุษอยู่ในจวนโดยสั่งให้จื่อเป่าแหวกคอเสื้อให้กว้างขึ้นเพื่ออวดแผงอกที่แน่นไปด้วยมัดกล้าม ส่วนใบหน้านั้นนางพยายามเค้นความทรงจำคิดถึงใบหน้าของบุรุษรูปงามที่นางเคยเห็นจากโลกก่อน
“คุณหนู...จวนเราไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินนะเจ้าคะ หากเจ็บมือท่านก็ควรจะพัก”
“มือข้างที่จับพู่กันข้าไม่ได้เจ็บนะจื่อรั่ว”
“แต่บ่าวอยากให้คุณหนูได้พักผ่อนนี่เจ้าคะ คุณหนูเอาแต่วาดภาพบุรุษขาย จนบางครั้งตอนกลางวันก็ไม่ยอมหยุดพักเพื่อกินข้าว” หากไม่ติดว่าตอนเช้าและเย็นต้องกินข้าวพร้อมคุณชายใหญ่ คุณหนูของนางก็คงไม่สนใจที่จะหยุดพักเป็นแน่
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ