เรื่องราวเกี่ยวกับนางจึงค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำของเขาจนกระทั่งได้เจอกันอีกครั้งในวันนั้น...
ด้านองค์รัชทายาทที่สวมรอยเดินตามสาวใช้คนสนิทของคุณหนูเจิ้งแทน กว่าเสี่ยวยาจะรู้ตัวก็พาบุรุษที่คุณหนูไม่อยากพบเจอมาหาถึงหน้าเรือนนอน
“องค์...” สาวใช้ยังกล่าวไม่ทันจบก็ถูกปิดปากด้วยมือของบุรุษผู้หนึ่งก่อนที่ผู้สูงศักดิ์จะพยักหน้าส่งสัญญาณให้คนของตนพาตัวออกไป
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูจากผู้ที่ยืนอยู่หน้าห้อง ทำให้เจิ้งเข่อชิงรีบสาวเท้าก้าวมาที่ประตูก่อนจะเปิดออกด้วยสีหน้ายินดี
รอยยิ้มของนางค้างแข็งไปชั่วขณะเมื่อเห็นว่าคนที่อยู่หน้าห้องหาใช่สตรีที่ตนรอคอย ดวงหน้าหวานแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงไร้รอยยิ้ม
“เหตุใดถึงเป็นพระองค์” แทนที่จะเป็นสหายน่าเอ็นดูผู้นั้น เสี่ยวยาสาวใช้ของนางก็หายไป
‘ต้องเป็นฝีมือของคนผู้นี้แน่’ พอคิดได้เช่นนั้นนางจึงถอยห่างก่อนจะก้าวเดินเพื่อออกจากห้อง
เพิ่งปักปิ่นยังไม่ถึงวัน หากให้บุรุษผู้นี้เข้าห้อง แล้วมีผู้อื่นมาเจอ นางคงมิแคล้วเสียหาย
“จะไปที่ใดกัน เข้าไปคุยกันด้านในก่อนดีหรือไม่” องค์รัชทายาทกล่าวพลางจับข้อมือสตรีดื้อรั้นเอาไว้
“ไม่ดีเพคะ หม่อมฉันเป็นสตรี พระองค์เป็นบุรุษหากอยู่ด้วยกันเพียงลำพังในที่ลับตา มิแคล้วจะเสียหาย” สุดท้ายก็ต้องจำยอมแต่งกับบุรุษที่อีกไม่นานจะมีเมียมากมาย หนึ่งในนั้นคงเป็นสวี่ลู่ฟางนางในดวงใจของเขา
ในเมื่อรู้เช่นนี้แล้วเหตุใดนางถึงจะต้องเอาความสุขทั้งชีวิตของตนไปมอบให้บุรุษที่ไม่เห็นค่าเล่า
“เราเป็นคู่หมายกัน หากข้าใจร้อนอยากเข้าหอก่อนใครจะกล้าว่าอันใด” นัยน์ตาดำที่จ้องมองนางพราวระยับจนนางสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“คู่หมายของพระองค์ เกรงว่าจะไม่ใช่หม่อมฉันแล้ว” เพราะอย่างไรนางก็จะหาหนทางให้ฮ่องเต้จำใจต้องยกเลิกการหมั้นหมายให้ได้
“ฮ่องเต้ยังไม่ได้ตอบตกลงให้มีการยกเลิก ทั้งยังรีบเร่งเลื่อนงานหมั้นเข้ามา เช่นนี้แล้วมิใช่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องได้เป็นพระชายาของข้าหรือ” สตรีเพียบพร้อมทุกด้านอย่างนางเหมาะสมแล้วที่จะเป็นชายาของเขา วันนั้นเขาคิดถูกจริงๆ ที่ให้คนใส่ชื่อนางเพื่อแสดงความสามารถในงานจิบน้ำชาที่จวนหลิว
“เรื่องนั้นมันก็ไม่แน่หรอกเพคะ” นางตอบกลับ แต่ภายในใจกลับร้อนรน
‘เลื่อนการหมั้นหมายเข้ามาหรือ เหตุใดนางถึงไม่ทราบ’ แล้วเลื่อนเป็นเมื่อใด นางจะต้องรีบเร่งลงมือเสียแล้ว
“เลิกคิดที่จะถอนหมั้นเถิด อย่างไรเจ้าก็หนีข้าไม่พ้น” องค์รัชทายาทออกแรงรั้งข้อมือนาง ทำให้คนที่ไม่ทันตั้งตัวโผเข้าสู่อ้อมกอดบุรุษร่างสูงอย่างง่ายดาย
“องค์รัชทายาท พระองค์อย่าได้ทำกิริยาหยาบคายกับหม่อมฉันเช่นนี้” นางกล่าวเสียงเรียบแม้ในใจจะหวาดกลัวแต่นางก็ต้องเก็บซ่อนไม่ให้บุรุษผู้นี้ทราบ
“หยาบคายที่ใดกัน มิใช่ว่าในใจเจ้าอยากให้ข้าทำเช่นนี้มาโดยตลอดหรือ”
“หึ...พระองค์คิดว่าตนเองกำลังกล่าวถึงคุณหนูสวี่ลู่ฟางหรืออย่างไร” สิ้นคำของนางเขาก็รีบดันตัวนางออกห่างก่อนจะพันธนาการข้อมือกลมกลึงเพื่อรั้งให้เดินตาม
แม้ใจจริงอยากจะจับสตรีดื้อรั้นผู้นั้นเข้าหอให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย แต่เขาก็ยังต้องการให้นางแต่งเป็นพระชายาเขาอย่างสมเกียรติ
เขาพานางมาที่ท้ายจวนซึ่งเป็นสถานที่ที่ตอนเขายังเป็นองค์ชายมักจะลอบหนีจากจวนท่านราชครูมาที่นี่เพราะไม่อยากศึกษาการปกครอง ทำให้ได้พบกับนาง เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยที่ชอบแย่งรอยยิ้มและอ้อมกอดอบอุ่นของมารดาเขาไป
บุรุษสูงศักดิ์จับนางให้นั่งในศาลากลางป่าท้อ ที่ยามนี้มีแสงแดดรำไรลอดส่องลงมา
“งานเลี้ยงล่วงเลย หม่อมฉันต้องรีบกลับไปแสดงความขอบคุณผู้ที่มาร่วมงานปักปิ่นของหม่อมฉัน ได้โปรดรีบกลับวังบูรพาของพระองค์เถิดเพคะ”
“เจ้าช่างดื้อรั้นกว่าตอนเป็นเด็กมาก” เขากล่าวพลางจับข้อมือนางเอาไว้ ตอนแรกก็ไม่สนใจเพราะคิดว่าอย่างไรสตรีผู้นี้ก็คือคู่หมั้นของเขา
แต่พอวันหนึ่งเขาเห็นนางส่งยิ้มหวานให้สตรีผู้นั้นทั้งยังกินเต้าหู้อีกฝ่ายอย่างชัดเจน เขาก็รู้สึกไม่พอใจ และไม่พอใจมากขึ้นไปอีกเมื่อนางไม่สนใจเขาดังเช่นที่เคยทำ
“เอาล่ะ หม่อมฉันคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราควรเจรจากัน”
“ข้าจะไม่เจรจาอันใดกับเจ้าทั้งสิ้นหากเจ้ายังเรียกข้าว่าองค์รัชทายาทและแทนตนว่าหม่อมฉัน” จะกล่าววาจาตามชั้นบรรดาศักดิ์เหล่านั้นด้วยเหตุใด ในเมื่อตอนที่นางยังเล็กนางทั้งปีนหัวขี่คอเขามาแล้ว
“แต่หากข้าเรียกท่านเช่นนี้ ท่านจะยินยอมพูดคุยเจรจาเรื่องถอนหมั้นแต่โดยดีใช่หรือไม่”
“อืม” แต่จะตอบรับหรือไม่ เขาไม่รับปาก
“เช่นนั้นท่านก็ควรที่จะปล่อยมือจากข้าเช่นกันเจ้าคะ” คุณหนูเจิ้งชูข้อมือตนที่โดนมือเขาพันธนาการเอาไว้อยู่
“จับไว้เช่นนี้ เจ้ามิชอบหรือ”
“ไม่เจ้าค่ะ”
“เจ้าช่างใจร้าย” ไม่อ่อนโยนเหมือนเด็กน้อยในวันวาน แม้จะตัดพ้อไปเช่นนั้นแต่สุดท้ายองค์รัชทายาทอย่างเขาก็อดไม่ได้ที่จะตามใจนาง
“เรื่องถอนหมั้น...” เจิ้งเข่อชิงกำลังจะกล่าวถึงเรื่องราวที่เขามีสตรีที่พึงใจ แต่เขากลับเอ่ยแทรกขึ้นอย่างเสียมารยาท
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ