“นี่ท่าน ลอบเข้าจวนข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ” ตั้งแต่เขาให้ความร่วมมือรีบพานางกลับจวน นางรู้สึกได้ว่าแท้จริงเขาไม่ได้น่ากลัวดังเช่นที่เจอกันในวันแรก
พรึ่บ บุรุษในอาภรณ์สีดำกระโดดลงจากต้นไม้ สองเท้าแตะพื้นอย่างสวยงาม
“วันนี้เจ้าแต่งตัวงดงามถึงเพียงนี้ ไปเที่ยวเล่นที่ใดมา”
“ข้าไปงานปักปิ่นของสหายมาเจ้าค่ะ”
“สหายเจ้าก็ปักปิ่นแล้ว เจ้าเล่าเมื่อใดจะปักปิ่น”
“อีกไม่นานเจ้าค่ะ”
“ข้ามาร่วมงานได้หรือไม่”
“ขออภัยที่ข้าต้องปฏิเสธ” หากเขามา นางจะให้คำอธิบายแก่บุรุษตระกูลจางทั้งสามเช่นไร
เป็นบุรุษที่เคยจะสังหารนาง...
เป็นบุรุษที่ให้ความช่วยเหลือพานางออกมาจากหอชายงาม...
หรือเป็นบุรุษที่มักจะแวะมาทักทายนางในจวนอยู่บ่อยครั้ง...
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ดีทั้งนั้น นางมีแต่จะโดนลงโทษ ใครจะอยากคัดหลักสี่คุณธรรมเล่า
“เพราะเหตุใด หรือเจ้ารังเกียจข้าที่เป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า”
“หากท่านไม่มีหัวนอนปลายเท้า ข้าคงเป็นขอทานแล้ว” นางกล่าวกับตนเองเสียงเบา องค์รัชทายาทจากแคว้นข้างเคียงมีอันใดใกล้เคียงกับคำว่าไร้หัวนอนปลายเท้า
“ว่าอย่างไร”
“ข้ามิได้รังเกียจ เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะบอกกล่าวคนในตระกูลอย่างไรเกี่ยวกับการเริ่มต้นรู้จักกันของข้าและท่าน”
“เอาเถิด ข้าไม่เข้าร่วมงานปักปิ่นเจ้าก็ได้”
“ขอบคุณเจ้าค่ะที่เข้าใจข้า”
“...”
“ท่านตงเฉินเจ้าคะ ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านสักเล็กน้อย มิทราบว่าท่านสะดวกหรือไม่เจ้าคะ”
“หากให้ข้านั่งจิบชาไปด้วยฟังเจ้าเอ่ยถามไปด้วย คงจะสะดวกมิน้อย”
“ขออภัยเจ้าค่ะ ข้าเสียมารยาทแล้ว ไปนั่งที่ศาลาด้านโน้นดีหรือไม่เจ้าคะ” ใครมันจะเชิญผู้บุกรุกไปนั่งจิบชากันเล่า แต่ยกเว้นคนผู้นี้เอาไว้ก็ได้ เพราะตราบใดที่นางไม่ยุ่งเกี่ยวกับชินอ๋องซื่อจื่อชายสวมหน้ากากผู้นี้ก็จะไม่ทำอันตรายใดๆ นาง
“อืม” ศาลากลางป่าไผ่ ลับตาคน เอ่อ...ร่มรื่นไม่น้อย
เพียงชั่วจิบชาหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีก็เดินเคียงข้างกันมาถึงศาลากลางป่าไผ่
“แย่จริง ข้าไปสั่งสาวใช้ให้นำชากับขนมมาให้ท่านก่อนนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้อง ประเดี๋ยวข้าให้คนนำมาให้” มือใหญ่คว้าข้อมือนางเอาไว้ก่อนจะเอ่ยบอก แล้วปล่อยออกอย่างรวดเร็ว
‘เช่นนั้นก็ดี จะได้ไม่เปลืองชาและขนมจวนข้า’ นางคิดก่อนจะนั่งในฝั่งตรงข้ามกับเขา
พรึ่บ การปรากฏตัวของบุรุษชุดดำทำให้นางตกใจจนเกือบตกจากเก้าอี้ หากไม่ได้เขาช่วยเอาไว้
“ขออภัยขอรับ นี่เป็นชาและขนมที่คุณชายสั่ง”
“อืม ไปได้” เขาหันไปสั่งองครักษ์เงาก่อนจะหันมาถามนาง นัยน์ตาดำจับจ้องนางด้วยความห่วงใย แต่เพราะนางอยู่ต่ำกว่าคางเขาจึงไม่ได้เห็นแววตานั้น
“ขออภัยที่คนของข้าทำให้เจ้าตกใจ”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้าเพียงแค่ไม่เคยพบเจอบุรุษที่มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นพวกท่าน จึงอาจไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง” จางชิงหนี่ว์กล่าวก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อส่งสัญญาณให้เขาปล่อยมือ
สิ่งที่ทำให้นางตกใจมากกว่าการปรากฏตัวของชายผู้นั้น ก็คือการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของชายสวมหน้ากาก เขานั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะ แต่กลับเคลื่อนตัวมาหานางได้ในพริบตา บ่งบอกถึงวรยุทธ์ที่สูงส่ง
เก่งกาจเช่นนี้ ข้าจะทำให้ท่านเอ็นดูข้าจนสังหารข้าไม่ลงดีหรือไม่...
“เจ้ามีอันใดอยากปรึกษาข้าหรือ” โจวอันฉี หรือยามสวมหน้ากากมีนามว่า ตงเฉิน เอ่ยถามพลางรินน้ำชาให้ตนเองและนาง ก่อนจะเลื่อนไปให้นาง
“ข้าเพียงอยากทราบว่าหากอยากให้บุรุษมีใจให้ต้องทำเช่นไร”
“แค่ก แค่กๆ เจ้าว่าอย่างไรนะ” เขาสำลักน้ำชาในทันทีที่ได้ยินคำถาม ซึ่งนางก็รีบหยิบผ้าเช็ดหน้าส่งให้เขาอย่างรวดเร็ว
“ข้าอยากปรึกษาท่านว่าหากอยากทำให้บุรุษผู้หนึ่งพึงใจในตัวสตรี ข้าต้องทำเช่นไร”
“บุรุษผู้นั้นเป็นคนเช่นไร”
“เท่าที่ข้าเห็น เขาชอบทำหน้าเคร่งขรึม พูดน้อย เพราะเช่นนี้จึงยากที่จะคาดเดาอารมณ์ ทั้งยังเอาแต่ใจเป็นบางครั้ง”
“การจะทำให้บุรุษพึงใจในตัวเจ้า เจ้าเพียงแค่เป็นอย่างที่เจ้าเป็น อย่าได้คิดเสแสร้งเพราะเจ้าจะทำมันได้ไม่นาน” แค่เป็นคุณหนูจางผู้นี้ ชินอ๋องซื่อจื่อก็มิอาจปฏิเสธได้
“คำตอบของท่านกว้างเกินไป” เช่นนี้นางจะไปวางแผนให้ตัวซวยผู้นั้นตกหลุมรักสวี่ลู่ฟางได้อย่างไร
“หากเขาพูดน้อย เจ้าก็ชวนเขาสนทนา หากเขาชอบทำหน้าเคร่งขรึมยากคาดเดาอารมณ์เจ้าก็เพียงแค่ส่งยิ้มให้เขา และเมื่อเขาเอาแต่ใจ เจ้าก็เพียงแค่ตามใจ”
“ข้าจะลองดูเจ้าค่ะ”
“บอกได้หรือไม่ บุรุษโชคร้ายที่เจ้าหมายตาผู้นั้นเป็นใคร”
“โชคร้ายอะไรกันเจ้าคะ ข้าจะบอกอันใดให้ ว่าหากบุรุษผู้ใดทำให้ข้าพึงใจได้ข้าจะทำให้บุรุษผู้นั้นกลายเป็นคนที่โชคดีที่สุด”
‘ข้าจะรอดู’ คนที่คิดเข้าข้างตนเองไปไกลกล่าวพลางซ่อนรอยยิ้มไว้ในสีหน้าอย่างแนบเนียน
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ