‘ข้าจะรอดู’ คนที่คิดเข้าข้างตนเองไปไกลกล่าวพลางซ่อนรอยยิ้มไว้ในสีหน้าอย่างแนบเนียน
“เรื่องที่เจ้าต้องการปรึกษาข้ามีเพียงเรื่องเกี้ยวบุรุษ?”
“มีอีกหนึ่งเรื่องเจ้าค่ะ”
“กล่าวมา...”
“หากวันหนึ่งท่านพึงใจสตรีผู้หนึ่งเข้า แล้วข้าไปทำให้คนรักของท่านไม่ถูกใจ ท่านจะสังหารข้าตามที่นางต้องการหรือไม่”
“เหตุใดข้าต้องสังหารเจ้าเพื่อนางด้วย” มันคือคำถามอันใดกัน เขาไม่เข้าใจ
“ตอบข้ามาสิเจ้าคะ ว่าท่านจะสังหารข้า ตามคำขอของสตรีที่ท่านรักหรือไม่”
“ชิงหนี่ว์ ข้าไม่มีวันสังหารเจ้าเพื่อใครทั้งนั้น เรื่องที่ลานฝึกยุทธ์ในวันนั้นข้าต้องขออภัยเจ้าด้วย”
“ท่านรับปากแล้วนะเจ้าคะ ท่านจะไม่สังหารข้าเพื่อสตรีที่ท่านรัก”
“อืม” เขารับปากด้วยความรู้สึกงุนงง เหตุใดนางถึงกลัวเขาสังหารนางเพื่อสตรีอื่นด้วย
“ขอบคุณนะเจ้าคะ”
“ใกล้เวลาที่พี่ใหญ่จะกลับแล้ว ท่านควรกลับไปได้แล้วนะเจ้าคะ”
“อืม...วันนี้ข้าต้องไปแล้ว วันหน้าหากผ่านมาข้าจะแวะมาทักทายเจ้าใหม่” กล่าวจบบุรุษชุดดำก็ใช้วิชาตัวเบากระโดดจากไป แม้จะอยากซักถามนางต่อให้กระจ่าง แต่หากท่านราชเลขาธิการผู้หวงน้องสาวกลับมาเจอ อาจจะไม่เป็นการดีต่อตัวเขาเอง เพราะคงเข้าหานางได้ยากขึ้น
‘จวนข้าเข้าออกง่ายเกินไปหรือไม่’ ท่านน้าท่านลุงทั้งหลายคงแก่ชราจนเคลื่อนไหวเชื่องช้าสินะ
กลับมาที่จวนเจิ้ง หลังจากจบงานเลี้ยงฉลองปักปิ่นบุตรสาวคนเดียวของเจิ้งมู่ เสนาบดีฝ่ายซ้าย กว่าองค์รัชทายาทจะยอมกลับไปก็เกือบตะวันตกดิน บุรุษหน้าหนาผู้นั้นนั่งพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้กับบิดา พอนางจะลุกออกมาก็จับมือไว้ไม่ยอมให้ลุก แม้บิดาจะออกหน้าช่วยเหลืออย่างเช่น...
“องค์รัชทายาท วันนี้ชิงเอ๋อร์ค่อนข้างเหน็ดเหนื่อย อย่างไรให้นางไปพักดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ท่านเสนาบดีฝ่ายซ้ายกล่าวพลางจับจ้องมือใหญ่ที่จับข้อมือของบุตรสาวตนเอาไว้
การกระทำของบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้หยาบคายและไม่ไว้หน้าเขาเกินไปแล้ว
“ท่านเสนาบดี เรื่องที่ท่านพ่อจะส่งคนไปสร้างฝายเก็บน้ำท่านคิดเห็นว่าอย่างไร” นอกจากจะเมินคำกล่าวของบิดานางแล้ว ยังแสร้งยกเรื่องงานมาปรึกษาแทน
เป็นเช่นนี้จนตะวันเกือบจะตกดินเขาถึงได้ยอมกลับวังบูรพาด้วยสีหน้าแช่มชื่น ราวกับว่าการกลั่นแกล้งนางให้ทุกข์ทำให้เขามีความสุขมากขึ้น
“วันนี้คุณหนูงดงามมากเลยเจ้าค่ะ บ่าวเห็นองค์รัชทายาทตกตะลึงไปชั่วครู่เมื่อเห็นคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ”
“เจ้าตามไม่ทันเล่ห์กลของบุรุษหรอกเสี่ยวยา ในวังมีสตรีงดงามกว่าข้ามากมายนัก บุรุษที่สูงศักดิ์มากภรรยาเช่นนั้นไม่มีทางจะมาหลงใหลสตรีที่ควบคุมยากเช่นข้าหรอก” นางกล่าวพลางนั่งนิ่งให้สาวใช้แกะผม
“คุณหนูอย่าได้ว่ากล่าวตนเองเช่นนั้นสิเจ้าคะ บ่าวว่าท่านงดงามตรึงใจมากกว่านางสนมของฮ่องเต้ด้วยซ้ำ”
“อย่าได้กล่าวเช่นนี้ หน้าต่างมีหูประตูมีช่อง หากใครมาได้ยินเข้ามิแคล้วจะมีโทษ”
“เสี่ยวยาขออภัยเจ้าค่ะ” สาวใช้ตัวน้อยรีบคุกเข่าลงบนพื้น
“คราวหน้าก็ระวังหน่อย รีบลุกมาแกะผมให้ข้าได้แล้ว ข้าอยากไปอาบน้ำ” ชิงหนี่ว์ผู้น่าเอ็นดูบอกนางว่าหากร่างกายเหน็ดเหนื่อยลองนอนแช่อยู่ในถังอาบน้ำที่มีน้ำอุ่นเติมอยู่เต็ม จะทำให้ผ่อนคลายหายเมื่อย
“เจ้าค่ะ”
“ปิ่นชิ้นนี้เป็นของใครหรือเจ้าคะ ช่างงดงามนัก” แม้ชิ้นอื่นจะงดงามไม่แพ้กัน แต่ปิ่นอันนี้เหมาะกับคุณหนูที่สุด
“ไหน...” พอนางรับปิ่นนั้นมาพิจารณา นัยน์ตาหงส์เบิกกว้างด้วยความตกใจ
เหตุใดปิ่นเจ้าปัญหานี่ถึงมาอยู่บนหัวนางได้ แล้วถูกปักตั้งแต่เมื่อใดกัน
“ราคาคงแพงมากนะเจ้าคะ”
“จะไม่แพงได้อย่างไร นี่มันปิ่นหงส์ ที่ข้าไม่ได้เลือก” ตอนปักปิ่นนางจำได้ว่ามารดาปักให้นางแค่อันที่นางเลือก ส่วนปิ่นอันนี้ถูกนำไปเก็บหรือไม่ก็คืนเจ้าของแล้ว
“ปิ่นหงส์หรือเจ้าคะ องค์รัชทายาท! ปิ่นนี้มาจากองค์รัชทายาทหรือเจ้าคะ” คุณหนูของนางถูกจับจองให้เป็นพระชายาแล้วหรือ
“มาจากเขา แต่ข้าให้ท่านพ่อส่งคืนไปแล้ว เหตุใดมันถึงมาอยู่บนหัวข้า” เจิ้งเข่อชิงครุ่นคิดก่อนที่นัยน์ตาหงส์จะเบิกกว้างอีกครั้ง
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ