“มาจากเขา แต่ข้าให้ท่านพ่อส่งคืนไปแล้ว เหตุใดมันถึงมาอยู่บนหัวข้า” เจิ้งเข่อชิงครุ่นคิดก่อนที่นัยน์ตาหงส์จะเบิกกว้างอีกครั้ง
ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ ที่เขาช่วยประคองไม่ให้นางตกจากเก้าอี้ตอนนั้นนางรู้สึกตึงๆ บนหัว แต่ก็ไม่ได้คิดอันใดเพราะคิดว่าปิ่นที่ปักอยู่หลายอันอาจจะไปชนโดนเขา
‘น่าชังนักโจวเฟยหลง’ นางปฏิเสธอย่างชัดเจนก็ยังดื้อดึงที่จะมอบให้
“เช่นนั้นเราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ”
“เก็บไว้ในหีบ หากถึงเวลาข้าจะส่งคืนเขาด้วยตนเอง” หากหมดพันธะต่อกันนางจะรีบส่งคืนให้เร็วที่สุด
ไม่กี่วันต่อมาคุณหนูเจิ้งก็มาเยือนจวนจางเพื่อชักชวนให้นางไปเยี่ยมหวังเยว่ฉิงที่ยังไม่หายดี ซึ่งนางก็ตอบรับแต่โดยดี
ทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่จวนหวังไม่นาน เนื่องจากไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของสหาย ก่อนจะพากันไปโรงเตี๊ยมเหอหยวนซึ่งมีอาหารเลิศรสขึ้นชื่อของแต่ละเมืองรวบรวมไว้ที่โรงเตี๊ยมแห่งนี้
“นี่น่ะหรือโรงเตี๊ยมเหอหยวนที่คนเขาร่ำลือกัน” นางมองทางเข้าด้วยสายตาเป็นประกาย
แม้จะลอบออกจากจวนมาขายภาพวาดบ่อยครั้ง แต่นางก็มิเคยจะก้าวเท้ามาที่แห่งนี้ เนื่องจากรู้มาว่าที่แห่งนี้มีแต่คุณหนูคุณชายสูงศักดิ์เท่านั้นจะมีปัญญาจ่ายค่าอาหาร ดังนั้นตัวเอกทั้งหลายที่มีเงินถุงเงินถังมากมายย่อมมารวมตัวที่นี่ นางจึงหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด
แต่เอาเถิดวันนี้เพื่อเอาใจเจิ้งเข่อชิง ที่สุดท้ายจะต้องกลายเป็นมารดาของแผ่นดินตามบทบาทเดิม นางจะกัดฟันยอมควักตำลึงจ่ายค่าอาหาร
‘ขออภัยที่ข้าไม่มีความสามารถที่จะช่วยเจ้าได้เลย’ เพราะหากอีกฝ่ายไม่ดิ้นรนที่จะออกจากบทเอง นางก็บังคับอันใดไม่ได้
“หากเจ้าชอบที่นี่ ข้าจะพาเจ้ามากินบ่อยๆ ดีหรือไม่”
“ดียิ่ง เข่อชิงน่ารักที่สุด” คำกล่าวของสตรีที่ยังไม่ปักปิ่นทำให้หัวใจของคุณหนูเจิ้งพองฟู
ท่านราชเลขาธิการผู้นั้นเลี้ยงดูน้องสาวอย่างไร เหตุใดถึงไม่เคยมาโรงเตี๊ยมแห่งนี้ หรือแท้จริงจวนจางขัดสนเรื่องเงินทองแต่มิอาจเปิดเผยได้
“เช่นนั้นเข้าไปด้านในกันเถิด”
นางเดินตามเจิ้งเข่อชิงเข้าไปภายในโรงเตี๊ยม แม้จะขึ้นชื่อว่าราคาแพงสำหรับชาวบ้านทั่วไป แต่ทว่าภายในโรงเตี๊ยมกลับมีคนเข้ามานั่งกินข้าวจิบชาจนแทบไม่มีโต๊ะว่าง
“คนมากมายเช่นนี้จะมีที่ให้เรานั่งหรือไม่”
“เจ้าอย่าได้ห่วง ข้าส่งคนมาจองเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเราออกจากจวนหวังแล้ว” โรงเตี๊ยมแห่งนี้หากไม่จองเอาไว้ล่วงหน้า ก็มิอาจเข้ามานั่งดื่มกินได้
“ดียิ่ง โต๊ะของเราอยู่ที่ใด” นางกล่าวพลางมองหาที่นั่งของตนเอง ได้ยินเสียงเล่าลือมานาน วันนี้นางจะได้ลิ้มรสอาหารเลิศรสแล้ว
“ด้านบน ข้าไม่ชอบนั่งกินข้าวในที่คนมากเช่นนี้” สิ้นเสียงของสหาย นางมองไปรอบๆ จึงได้เห็นสายตาของบุรุษหลายคู่ที่จ้องมองมาที่พวกนางด้วยสายตาจาบจ้วงหยาบคาย
ลืมไปได้อย่างไรว่าสหายนางมีเรือนร่างที่เย้ายวนซาลาเปาสองลูกด้านหน้าก็ใหญ่โต เอวคอดกิ่ว สะโพกกลมกลึงดึงดูดสายตาหื่นกระหายของบุรุษเช่นนี้
“อืม เช่นนั้นเรารีบขึ้นไปกันเถิด”
ด้านบนของโรงเตี๊ยมแยกเป็นห้องส่วนตัวซึ่งห้องของพวกนางอยู่ด้านในสุดเนื่องจากคุณหนูเจิ้งไม่ใคร่จะชอบความวุ่นวายเท่าใดนัก แต่พวกนางก็ต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านห้องหนึ่งที่เปิดประตูไว้ จึงได้เห็นว่าภายในห้อง นอกจากจะมีสตรีสองคนที่พวกนางรู้จักดีแล้ว ยังมีบุรุษอีกสามคน
‘ที่แท้ก็นัดเจอกันเช่นนี้เอง คุณชายหลิว ท่านไม่ควรอยู่ตรงนั้น’ จางชิงหนี่ว์คิดพลางชายตามองหลิวเฟิงเหมียนที่อยู่ผิดที่ผิดเวลาเพราะหากสวี่ลู่ฟางลงเอยกับชินอ๋องซื่อจื่อ หลิวเมิ่งลงเอยกับองค์รัชทายาท ทุกอย่างก็จะลงตัวพอดี นางและสหายก็จะหลุดพ้นจากบทบาทเสียที
“รีบเดินเถิด” เจิ้งเข่อชิงที่เห็นนางชะลอฝีเท้าลง รีบเข้ามากอดแขนแล้วเอาตัวบังเพื่อไม่ให้นางมองคนในห้องนั้นอีก
“อืม” นางตอบรับแล้วหันไปส่งยิ้มให้สหาย
เมื่อมาถึงห้องส่วนตัวที่อยู่ไกลคนกลุ่มนั้นพอสมควร นางกับคุณหนูเจิ้งก็กลับมาจดจ่อที่เรื่องอาหารอีกครั้ง คนพวกนั้นไม่ควรค่าให้สนใจ หากเทียบกับอาหารเลิศรส
“เจ้าชอบกินอันใดเป็นพิเศษหรือไม่”
“ข้ากินง่ายกินได้ทุกอย่าง”
“น่าเอ็นดูที่สุดชิงหนี่ว์ของข้า” มุมปากเจิ้งเข่อชิงยกยิ้มอย่างเอ็นดู
“ที่นี่มีอันใดขึ้นชื่อบ้างหรือเข่อชิง”
“ปลาหลีฮื้อเปรี้ยวหวาน ซุปลูกชิ้นหัวสิงโต หมูแดงอบน้ำผึ้ง กุ้งผัดชาหลงจิ่ง แล้วก็ไก่องครักษ์”
“แต่ละจานแพงมากหรือไม่” ตำลึงที่พกมาจะพอหรือไม่นะ
“เจ้าอย่าได้กังวล ข้าจะจ่ายให้เจ้าเอง”
“ได้อย่างไร เจ้าพาข้ามาเปิดหูเปิดตาข้าต้องเป็นคนจ่ายสิ”
“ชิงหนี่ว์ของข้าน่าเอ็นดูอีกแล้ว” คราวนี้ไม่พูดเปล่า แต่สตรีผู้มีรูปร่างเย้ายวนที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้ามากอดรัดนาง ดวงหน้าหวานของสหายแนบชิดอยู่ข้างแก้มของนาง
“พวกเจ้ากำลังทำอันใดกัน” เสียงทุ้มทรงพลังของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับประตูที่เปิดออกอย่างแรง
การแต่งฮูหยินที่เร่งรีบของท่านราชครู มีคนมากมายที่อาจจะสงสัยว่าเหตุใดท่านราชครูจางเหว่ยถึงได้เร่งรีบตบแต่งเถ้าแก่เนี้ยร้านขายภาพวาดซือซือเข้าจวนจาง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีข่าวลือว่าคบหากัน หรืออาจจะเป็นเพราะได้เห็นบทเรียนจากการเล่าลือเรื่องของคุณหนูสวี่ ที่จู่ๆ คนเหล่านั้นบังเอิญลิ้นขาดกลายเป็นคนพูดไม่ได้ แต่โชคดีหนึ่งในนั้นมีคนเขียนอักษรได้ จึงได้เขียนเตือนคนรอบตัวไม่ให้เล่าลือเรื่องราวเกี่ยวกับเชื้อพระวงศ์หรือตระกูลที่ใกล้ชิดราชวงศ์ สุดท้ายจึงไม่มีใครกล้าเล่าลือหรือสงสัยถึงความเร่งรีบของท่านราชครู “พี่เหว่ย ท่านจะไม่เสียใจทีหลังห
ฮองเฮาพบปะสหาย ภายในจวนท่านราชเลขาฯจาง วุ่นวายไม่น้อยเมื่อมีผู้สูงศักดิ์มาเยือนโดยได้นัดหมายกันล่วงหน้า “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ” ชินอ๋องที่เพิ่งลงจากรถม้าแสดงความเคารพโอรสสวรรค์และฮองเฮา “ถวายพระพรฝ่าบาท ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” พระชายาสกุลจางที่ลงรถม้ามาภายหลังทำความเคารพอีกฝ่ายเช่นกัน “ตามสบายเถิด พวกเจ้าเป็นสหายของเราใช้คำธรรมดาสามัญเถิด”
“เจ้าโอบอุ้มบุตรชายของเราให้แน่นๆ ส่วนเจ้าพี่จะจับให้แน่นๆ เอง” กล่าวจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาโอบอุ้มพานางและบุตรชายกลับตำหนัก ทันทีที่ถึงตำหนักโจวหลี่หมิงถูกส่งตัวให้ซานจี สาวใช้ประจำตัวคนใหม่ของนางที่ทางพระสวามีหามาให้ แน่นอนว่านางมิใช่สาวใช้ธรรมดา เพราะสตรีผู้นี้คือองครักษ์เงาที่ถูกฝึกมาอย่างหนักเพื่อดูแลดวงใจของท่านอ๋อง “นำไปซื่อจื่อไปมอบให้แม่นมแล้วเจ้าไปพัก ข้าจะดูแลพระชายาเอง” บุรุษที่ชื่นชอบการปรนนิบัติฮูหยินกล่าว “แงๆ” แม้จะดีดดิ้นเพียงใด แต่บุตรชายมีหรือจะต่อต้านบิดาได้ “ท่านพี่ หากลูกไม่อยากไป...” ไม่มีมาร
เรื่องเล่าหลังเป็นพระชายาของชิงหนี่ว์ ดวงตาเมล็ดซิ่งทอดมองผืนดินที่เขียวชอุ่มไปด้วยพืชผัก ที่ดินผืนนี้นางใช้เงินที่ได้จากการวาดภาพขายมาซื้อเก็บไว้ เพื่อสร้างรายได้ให้กับบ่าวรับใช้ผู้ภักดีทั้งสอง ก่อนหน้าที่นางจะแต่งเข้าตำหนักอ๋องไม่นาน นางก็จัดการให้จื่อรั่วและจื่อเป่าที่ความสัมพันธ์คืบหน้าไปอย่างรวดเร็วได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันก่อนจะคืนสัญญาทาสแล้วให้ทั้งสองคนย้ายมาปลูกจวนอยู่บนที่ผืนนี้ “พระชายาท่านนั่งพักดื่มน้ำก่อนเถิดเพคะ รอแดดร่มลมตกค่อยออกไปเดินดูด้านนอก”&
“เช่นนั้นก่อนจะลงโทษน้อง ท่านพี่กินข้าวก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” “มิต้อง” กล่าวจบเขาก็รั้งนางเข้าไปแนบชิด มือใหญ่จับยึดคางเรียวเอาไว้ริมฝีปากร้อนกดลงบนกลีบปากบาง ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนางอย่างเอาแต่ใจ ในขณะที่มือช่วยปลดเปลื้องอาภรณ์ให้นางอย่างรวดเร็ว ช่างใจร้อนเสียจริง... ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย เมื่อพระสวามีของตนที่เพิ่งถอนจุมพิตเร่าร้อนเมื่อครู่ จับจ้องนางราวกับหมาป่าหิวกระหาย “น้องหญิงของพี่เลิศรสกว่าอาหารใดๆ” กล่าวจบเขาก็ช้อนเรือนร่างเปลือยเปล่าเข้าหลังฉากกั้น ว่ากันว่าฮองเฮาชื่นชอบการแช่น้ำร้อน ภายในตำหนักจึงมีบ่อน้ำร้อนขนาดใหญ่อยู่ติดห้องบรรทม 
ฮ่องเต้ผู้เด็ดขาดกับฮองเฮา (แค่บนเตียง) นัยน์ตาดำของบุรุษสูงศักดิ์จับจ้องใบหน้าของสตรีที่ตนรักอย่างไม่ละสายตา มือใหญ่ช่วยคีบอาหารใส่ชามให้นางอย่างเอาใจ “ท่านพี่กินบ้างเถิดเจ้าค่ะ อย่ามัวแต่คีบให้ข้าเลยเจ้าค่ะ” แม้ยามนี้ทั้งสอ