‘ออพิมแก้ว’ กำลังกรองมาลัยอยู่ที่สวนดอกลำดวน บ่าวทั้งสองนำขนมพระพายมาวางบนพานให้นางรับประทาน เนื่องจากคุณพิมแก้วนั้นชอบรับประทานขนมไทยยิ่ง
“ขอบใจจ้ะ จิต จวน” เธอพูดกับบ่าวทั้งสองที่คอยเคียงบ่าเคียงไหล่เธออยู่เสมอมา ทั้งสองนั่งพับเพียบอยู่ใต้ถุนศาลา มองแม่นายคนสวยที่กรองมาลัยอย่างกุลสตรี
พิมแก้วนั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของออกญาชื่อดังในยุคสมัยกรุงศรีอโยธยา นางเป็นกุลสตรีครบทุกส่วน มีแต่บุตรของคนมีอำนาจในยุคนี้มาสนใจใคร่รักในตัวนางออกมาก แลต้องการสู่ขอหลายต่อหลายคน แต่พิมแก้วก็มินึกสนใจในชายใดเป็นพิเศษ
วันๆ ของเธอคือการนั่งกรองมาลัย ออดอ้อนเจ้าคุณพ่อที่แสนดุแต่อบอุ่นกับลูกสาวเพียงคนเดียว ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อเรื่องความโหดแลหวงลูกสาวมาก เนื่องจากภรรยาคนเดียวตายไปตั้งแต่พิมแก้วยังเล็ก ท่านจึงพยายามประคบประหงมบุตรีของตนอย่างดีที่สุด ถ้าไม่มีผู้ใดที่เขามองว่าเหมาะสมกับพิมแก้วลูกรักของเขา ก็จักมิให้ลูกแต่งงานอย่างเด็ดขาด
ออกญาศรีภิบาลนั้นขึ้นชื่อว่ารักเดียวใจเดียวยิ่ง ทั้งชีวิตนั้นมีเพียงแต่คุณแม่ จนกระทั่งแม่เสียชีวาก็ยังมิมีใครอื่น นั่นยิ่งทำให้พิมแก้วรู้สึกว่า... ถ้าจักหาใครสักคนมาเข้าเรือนหอด้วย ก็ต้องหาคนที่นิสัยเหมือนเจ้าคุณพ่อถึงจักดี
“ขนมพระพายที่ฉันชอบ ขอบใจนะ” เมื่อหยุดกรองมาลัยที่สวยงามลงบนพานทอง นางจึงหันมาเห็นขนมพระพายที่ปั้นเป็นก้อนกลมจากข้าวเหนียวแลตกแต่งสีด้วยดอกอัญชัน ใบเตย แลแก่นฝางจนกลายเป็นสีสันหลากหลายน่าดูชม พร้อมกับราดกะทิด้านบนให้ดูน่าทานยิ่งขึ้น
นางใช้ไม้เหลาเล็กๆ จิ้มลูกพระพายขึ้นมา ป้อนเข้าปากของตนเอง เคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย พอลูกแรกยังไม่อิ่มหนำ ก็จิ้มลูกสอง ลูกสาม
แต่ทว่า
“อึก แค่กๆ!” เพราะรับประทานด้วยความรีบเร่ง จึงทำให้ขนมพระพายลูกแดงชิ้นสุดท้ายนั้นติดคอของเธอ เจ้าตัวเล็กไอค่อกแค่ก ชักดิ้นชักงอต่อหน้าบ่าวทั้งสองที่ปรี่เข้ามาดูเธออย่างตกใจเมื่อเห็นว่าแม่นายของตนนั้นล้มลงไปดิ้นน้ำลายฟูมปากอยู่ที่พื้นศาลา
“แค่กๆๆๆ”
“แม่นาย! แม่นายเจ้าคะ แม่นายเป็นกระไรไปเจ้าคะ!”
สิ้นเสียงของจวนบ่าวรับใช้ข้างกาย พิมแก้วก็ชะงักค้าง และสลบไปจากความทรมานของขนมไทยที่ติดคอในเพลานั้น
บรืนนน
นานพอดูที่นางหมดสติไป หญิงสาวปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงดังอันแปลกประหลาด เสียงเหมือนอะไรสักอย่างเคลื่อนตัวไปมาไม่น่าชินหู กับเสียงเหมือนช้างร้องแปร๊นๆ ดังมาจากตรงนั้น เจ้าตัวเล็กปรือตาขึ้นมา หันรีหันขวาง ก่อนจะได้กลิ่นเหม็นโฉ่ของถังขยะสาธารณะข้างกาย พร้อมกับถุงดำที่กองพะเนินเทินทึกรอบข้างหล่อน
“กระไรกันนี่ เหม็นเชียว” เพราะความเป็นกุลสตรีจึงทำได้เพียงเอานิ้วเรียวมาบีบจมูกไว้ บิดสะโพกเล็กน้อยแสดงท่าทางรังเกียจเดียดฉันท์แบบผู้ดี จนรู้สึกเหมือนมีชายในชุดสีดำตัวใหญ่กำลังยืนจ้องเธออยู่ด้านหลังจนต้องสะดุ้งตกใจ
“แม่นี่คือคนที่เมาในคลับจนถูกลากมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ” ชายในแว่นดำคนนึงเอ่ยกับชายชุดดำหัวโล้นตัวกำยำอีกคน หรี่ตาลงมองเธอที่นั่งพับเพียบอยู่กลางกองขยะอย่างฉงน
“กูคิดว่าอย่างนั้น แต่มันแต่งชุดไทย”
“หน้าสวยขนาดนี้ ระดับดาราก็หาไม่ได้ ตรงไทป์ที่นายชอบ”
“ถึงจะดูบ้าๆ บอๆ แต่ลองจับแต่งตัวหน่อยก็คงสวย”
“งั้นลากมันไปด้วยกัน”
“ดี”
“ประเดี๋ยวก่อน พวกท่านเป็นใครกัน มาจับแขนเราทำไม” พิมแก้วตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อตนเองนั้นถูกหิ้วปีกด้วยฝ่ามือหนาของชายชุดดำปริศนาทั้งสองคน ลากทึ้งเธอไปยังรถคันโก้ที่อยู่ตรงต้นซอยแคบ เธอมองวัตถุขนาดใหญ่นั้นอย่างตกตะลึง
ทำไมเกวียนรูปทรงแปลกๆ นี้ถึงไม่มีม้าเทียมเกวียนกันล่ะ!?
ที่นี่มันที่ไหนกันแน่
ภายในรถนั้นเงียบสงัดจนน่าอึดอัด แม่กุลสตรีไทยแท้พยายามสงบปากสงบคำนั่งเงียบจนถึงที่สุด เนื่องด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั่งขนาบข้างเธอ แถมตัวเธอเองก็เหม็นโฉ่ไปด้วยกลิ่นขยะจนพวกเขาพากันหันหน้าหนีไปคนละทาง
อะ... อายเหลือเกิน
จนเกวียนคันนี้เคลื่อนตัวมาจนถึงเรือนอันใหญ่โต ที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่คุ้นเคย (ปรกติที่เห็นจักเป็นไม้สักเสียส่วนใหญ่) มันดูเหมือนฉาบด้วยอะไรที่หนาและแข็งมากๆ เรือนก็หลังใหญ่อย่างกับวังขององค์เจ้าเหนือหัวที่เจ้าคุณพ่อเคยมาเล่าให้ฟังหลังเข้าเฝ้าเสด็จท่านด้วย
ไม่มีโอกาสได้ถามอะไรมากนัก พิมแก้วถูกบ่าวรับใช้ที่แต่งตัวแปลกประหลาดลากทึ้งเข้ามาจับแต่งตัวอาบน้ำชำระร่างกายจนหมดจด แถมพวกเธอยังพูดคำว่า ‘นี่คงเป็นนางบำเรอคนใหม่ของคุณสามแน่ๆ’ พร้อมกับจับเธอแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยชุดที่แสนจะวาบหวิว ราวกับเป็นหญิงสาวในโคมเขียวก็มิปาน
เจ้าคุณพ่อ หนูกลัว
พิมแก้วประนมมือไหว้ เริ่มหวาดหวั่นขึ้นมาหลังจากถูกจับแต่งหน้าแต่งตัวทำผมจนหอมฟุ้ง นางก็ถูกรับไม้ต่อด้วยชายชุดดำทั้งสองคนนั้น พาเธอเข้ามาในห้องโถงใหญ่ที่อู้ฟู่ มีการตกแต่งที่ดูประหลาดตาและเป็นสีทึบทั้งหมด ท่ามกลางเก้าอี้หนังที่บุอย่างดีนั้น มีชายผู้หนึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่
“นายครับ ผมพานางบำเรอมาให้นายแล้ว ไม่ทราบว่าถูกใจรึเปล่าครับ” ชายชุดดำคนหนึ่งโพล่งขึ้นมาตอนที่ผลักหลังเนียนของพิมแก้วให้เดินมาด้านหน้า เธอจึงได้สำรวจบุรุษปริศนาผู้นั้นอย่างชัดเจน
เขาเป็นผู้ชายที่มีดวงหน้าคมคาย ซ่อนความดุดันไว้ภายใต้แว่นสายตาเฉียบบาง ที่หางคิ้วไปจนถึงใต้ตาด้านขวามีรอยบากราวกับถูกของมีคมกรีดจนเป็นแผลเป็นเป็นทางยาว ดวงตาสีดำทมิฬนั้นจ้องมองเธอเขม็ง พิจารณาเธออย่างละเอียดถี่ถ้วน
“สวย” ประโยคแรกที่ออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทำเอาเธอสะท้านด้วยความหวาดหวั่นต่อท่าทางอันตรายนั้น “รูปร่างดี ไปเก็บมาจากไหน?”
“ที่คลับคุณจินครับ”
“เหรอ”
“...”
“เธอชื่ออะไร” เงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่ความอันตรายนั้นจักมาเยือนเธอ ชายหนุ่มคมคายผู้นั้นจ้องเธออย่างจาบจ้วงทั้งๆ ที่ท่าทางยังคงสงบนิ่งไม่ขยับตัวเลยแม้แต่นิด เขาเอ่ยถามแม่สาวงามตรงหน้า เนื่องด้วยอยากรู้นามของหล่อน
พิมแก้วกลั้นลมหายใจ คิดว่านี่คงเป็นทางเดียวที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอเป็นบุตรีของใคร และถ้ารู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของผู้มีอำนาจในกรุงศรีอโยธยา คงยอมปล่อยตัวไปเป็นแน่
ดังนั้นหล่อนจึงสูดลมหายใจ โพล่งแนะนำตัวเองขึ้นมาอย่างมั่นใจทันที
“เราชื่อพิมเเก้ว เป็นลูกสาวคนเดียวของออกญาศรีภิบาล ว่าเเต่ท่านจับเรามาทำไมกันหรือ”
น้ำสบู่ในอ่างกระเพื่อมหวามไหว ความร้อนระอุถูกชโลมด้วยความเย็นจากน้ำในอ่าง สามก๊กขยับดันสาวเจ้าจนไปชิดกับขอบอ่างอีกด้าน ในท่าที่นั่งประจันหน้ากันทั้งสองฝ่ายเนื่องจากในอ่างนั้นค่อนข้างกว้าง ท่อนเอ็นอยู่ในร่างกายของพิมแก้วจากใต้น้ำ เด็กสาวรูปร่างงามหันหน้าหนี ทั้งใบหน้า ทั้งหัวไหล่แดงไปหมด เหมือนว่าเธอกำลังอับอายอย่างถึงขีดสุด“อื้อ...” สามก๊กรุกเข้าจูบริมฝีปากที่เผยอออกด้วยความตื่นตระหนกราวกับลูกกระต่ายตัวเล็กๆ บดขยี้จูบอย่างเร่งเร้า ขยับสะโพกสอบเข้าอย่างเป็นจังหวะที่พอให้เธอรู้สึกอิ่มตัว ท้ายทอยที่ผมยาวๆ สีดำขลับนั้นเปียกแนบต้นคอขาว ถูกฝ่ามือใหญ่กดให้กลีบปากชิดกันอีกนิดจูบของเขาช่างเร่าร้อน ช่างรุกเร้าเหลือเกิน พิมแก้วต้านทานอารมณ์แปลกใหม่เหล่านี้ไม่ไหว จนเขาผละริมฝีปากออก เส้นน้ำลายโยงจางๆ ผ่านปลายลิ้นของทั้งสองชวนให้รู้สึกตื่นตัว สีหน้าของเธอนั้นเคลิบเคลิ้มไปกับรสจูบ ดวงหน้างามนั้นแดงซ่าน ส่วนด้านล่างก็ตอดรับสู้เขาที่ขยับสะโพกอยู่แทบทุกเวลา“อะ อื้อ อ๊ะ คุณสาม” เธอแหงนหน้าขึ้นเพื่อครวญเสียงหลง เมื่อเห็นว่าใบหน้าคมคายนั้นเอาแต่จ้องหน้าเธอเขม็งทั้งๆ ที่ช่วงล่างของเขายังทำหน้าที่อย่างเ
“คุณสาม...” เธอเม้มริมฝีปาก กลั้นเสียงร้องของตนเองเอาไว้เมื่อมือหนาลูบขึ้นไปจนถึงต้นขา ขึ้นมาอีกจนใกล้กับแอ่งความสาวของเธอที่มีเพียงชั้นในสีขาวกั้นเอาไว้เท่านั้น แต่แค่นั้นมันก็บางตาเสียจนแทบเห็นเนินสามเหลี่ยมที่ขาวอมชมพูสามก๊กไม่ชินนักเพราะเธอเอาแต่ยืนบิดกายไปมาอย่างเร่าร้อนไม่ยอมนั่งลงคร่อมกายของเขา ดูจะลำบากใจที่โดนเย้าหยอกแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางต่อต้านอะไร จึงต้องการเร่งเร้าใจเธออีกสักนิด เขาขยับดวงหน้าชิดกับโคนขางาม ใช้ฟันเขี้ยวขบกัดเบาๆ ที่ระหว่างขาด้านในสุด จนพิมแก้วร้องครางเสียงหลง“อ๊ะ! คุณสาม”“พิม ให้พี่อีกครั้งเถอะ พี่ไม่สามารถรอจนถึงคืนวันเข้าหอได้แล้ว”บรรยากาศในตอนนี้ตกเย็นย่ำ วิวด้านนอกเป็นทะเลสวยอาบแดดยามเย็นสีส้มคล้อย มีเพียงหญิงสาวสวยสะคราญ กับชายหนุ่มกลัดมันคนหนึ่งในเคหะสถาน แค่เพียงเขากดจูบที่ซอกขา พิมแก้วก็แทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีลงไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้นเพราะแบบนี้ เพราะโดนล่อลวงเช่นนี้... เมื่อคืนนั้นเธอถึงเสียตัวให้เขาหรือ!สามก๊กขยับใบหน้าเข้าไปใกล้แอ่งดอกลำดวนของเธอ ความแนบชิดกลายเป็นความอุ่นร้อนจากผิวสัมผัส พิมแก้วไม่กล้านั่งลงเพราะเธอไม่อยากชิดใกล้กับเขาจนเกิ
“ได้ เธอจะอาบก่อนไหม” เขาขมวดคิ้วกับภาษาประหลาด แต่ก็ทำเมินใจแล้วเชิญเธอไปอาบก่อนตามประสาสุภาพบุรุษที่ดีแต่เดี๋ยวสิ จะเป็นผัวเมียกัน ทำแบบนี้มีหวังไอ้จิณพรตได้ดูถูกดูแคลนเขากันพอดี ขนาดมันยังแอบไปคั่วเมียเก่าเขาได้เลย“หรือจะอาบกับพี่ดีครับ?”เป็นคำเชิญชวนจากว่าที่สามี ที่ทำเอาออพิมแก้วหน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก เธอในตอนนี้เกือบจะเรียกได้ว่าสถานะดูเกือบเปลือยเปล่า ในขณะที่เขายังใส่เสื้อเชิ้ตสบายๆ ปลดกระดุมอยู่สองสามเม็ด ออกจะน่าอายไปเสียหน่อยไหม ถ้าจะให้อิงแอบแนบชิดกันในโอ่งใบใหญ่นั่นกับบุรุษเพศสองต่อสอง ในขณะที่ออพิมแก้วนั้นตั้งแต่เกิดมาแทบไม่เคยได้ใกล้ชิดกับชายคนไหนมาก่อนเลย (นอกจากคืนนั้นกับเขา)“เรา... มิกล้าเปลือยเปล่าต่อหน้าคุณเจ้าค่ะ ตอนนั้นเราอาจไม่มีสติเราเลยอาจจะ... ตะ... แต่ว่าตอนนี้เรามีสติครบถ้วน” ดวงตากลมโตเชยขึ้นสบตากับเขาในระยะไม่อันตรายต่อร่างกาย แต่กลับอันตรายต่อหัวใจของลุงอายุสามสิบกว่าๆ อย่างสามก๊ก เขาสะเทือนไปทั้งใจกับแววตาที่ดูไม่มั่นใจแต่ก็ดูสมยอมอยู่ในทีเธอไม่ได้ชอบเขา แล้วที่ทำอยู่นี่มันคืออะไรกัน“พี่ไม่บังคับเธอหรอก เอาที่เธอสะดวกใจ แต่พี่ขออาบก่อน ทนดูได้ไหม”
“ว่ายังไงนะ?”สามก๊กย้อนถาม ขยี้หัวคิ้วของตัวเองอย่างปวดหัว ก่อนที่ต่อมาจะคว้าข้อมือเด็กสาวที่หยิบเปลือกหอยดูชื่นชมออกมาด้วยความแรงระดับหนึ่ง การที่เธอยังคงติดอยู่ในโลกแห่งความฝันลมๆ แล้งๆ แล้วละเมอเพ้อฝันออกมาเป็นเรื่องราวที่ไม่มีทางเกิดขึ้นจริงในยุคนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวล ถ้าเกิดว่าเด็กสาวไปทำงามหน้าแบบนี้ในงานแต่งล่ะ?เขากังวลไปจนถึงขั้นที่ว่าถ้าเขาส่งเธอไปเรียนมหาวิทยาลัยโดยใช้เส้นสายทางธุรกิจสีเทาของเขาเพื่อให้เธอได้มีความรู้ประดับตัว เธออาจจะแทบไม่รู้วิธีการปฏิบัติตัวแบบคนปกติในโลกภายนอกเลยก็ได้“... คุณสาม” หากแต่ระหว่างที่จมอยู่ในความคิด กลับแทบไม่คาดคิดเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกเล็กโด่งรั้นที่อยู่ใกล้ต้นคอ เขาดึงเธอเข้ามาชิดจนเกินไป จนเด็กสาวอยู่ใกล้มากเกินควรเสียงหวานสั่นระริก เธอยังคงไม่ชินที่จะใกล้ชิดกับผู้ชายคนนี้ สาวยุคก่อนไม่ได้เจนจัดในการปรนเปรอว่าที่สามีขนาดนั้นโดยเฉพาะกับสามีที่เพิ่งจะได้มาสดๆ ร้อนๆเธอเม้มกลีบปากแน่น ดวงหน้างามแดงก่ำ รีบหลบเลี่ยงสายตาเมื่ออ้อมแขนของมาเฟียหนุ่มยิ่งรัดรั้งรอบเอวคอดที่สวมใส่ชุดเจ้าสาวรุงรังภายใต้แว่นกรอบหนา สามก๊ก
เบื้องหลังฉากพรีเวดดิ้งสุดหวานล้ำที่ถูกจัดขึ้นระหว่างสองสามีภรรยามาเฟีย หญิงสาวในร่างเพรียวระหงที่นั่งอยู่ในรถคันหรูติดชายหาดพ่นลมขึ้นจมูก ลงจากรถ BMW พร้อมๆ กับจิณพรต เธอเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง หลังจากที่ไปตามถึงคฤหาสน์กับคู่ขาคนใหม่ แล้วได้คำตอบจากการ์ดหน้าประตูว่าสองคนนี้ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันที่เกาะล้าน ก็แทบอ้อนวอนขอให้จิณพรตเหาะมาที่นี่เลยเธอไม่อยากยอมรับว่าตัวเองรู้สึกแพ้ นังผู้หญิงสติไม่สมประกอบนั่น กำลังจะกลายเป็นว่าที่เจ้าสาวคนใหม่แทนที่เธอที่เคยเป็นคนแรกถ้าไม่ใช่เพราะท่านรัฐมนตรีน่ะยังเป็นสามีเธออยู่ จะไปทวงกลับมาให้รู้แล้วรู้รอด อีกอย่างเธอเองก็มีหน้าที่อ้อนวอนให้สามก๊กเข้ามาพูดคุยร่วมงานกับสามีแก่ของเธอที่เป็นถึงนายกรัฐมนตรีด้วย เพราะฉะนั้นจึงต้องตามมาถึงที่นี่อย่างไรถึงเธอจะเป็นเมียเก็บ ก็ถูกเก็บแบบออกหน้าออกตาในฐานะลูกสาวบุญธรรมของท่าน จึงไม่แปลกที่ต้องทำงานให้ท่าน ให้สมกับราคาที่ท่านจ่ายเธอมาอย่างมหาศาลที่หนีสามก๊กไปซบอกท่าน ก็เพราะภาพลักษณ์ที่ดูใจดี ดูหนุ่มแน่นกว่าวัยจริง แถมยังเข้าอกเข้าใจหล่อน ดูจับงานระดับประเทศ สะอาดสะอ้าน หล่อนจึงยอมแม้กระทั่งกลายเป็นเมี
ทั้งที่ผ่านคืนวันร่วมรักกันมาแค่ครั้งเดียว แถมเธอก็ไม่เห็นจะเป็นงาน ยั่วยวนเขาอะไรได้ดีตรงไหนคิดแล้วก็พ่นลมหายใจเสียงดังจนทีมงานที่เซ็ตอุปกรณ์กับแสงกันแถวๆ นั้นถึงกับสะดุ้งกันเป็นแถบรู้อยู่ว่าเป็นทายาทมาเฟียที่วงการใต้ดินรู้จัก เขาหล่อเหลานะแต่เขาดูดุดัน ภรรยาคนนั้นคงเด็กกว่าและอยู่ใต้โอวาทของเขา อาจจะกักขังไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันมาก่อนเลยมั้ง ดูสิ ออกจะตื่นเต้นกับทะเลเสียขนาดนั้น เหมือนทั้งชีวิตนี้ไม่เคยได้ออกไปไหนมาก่อนเลยคิดแล้วก็สงสารภรรยาตัวเล็กที่เดินเก็บเปลือกหอยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วหันมามองหน้ากันตาปริบๆฝ่ายออพิมนั้นหาได้รู้เรื่องอะไรกับใครไม่ เธอเดินเก็บเปลือกหอยไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดเข้ากับตัวอะไรสักอย่างผิวเรียบลื่นออกสีใสๆ มันขยับยุกยิกอยู่บนหาดทราย พิมแก้วที่เผลอเตะมันเข้าอย่างจังผวารีบผละออก พร้อมกับนั่งยองๆ มองดูมันคือแมงกะพรุนพระจันทร์ ที่มีพิษอ่อนๆ นั่นเองแต่กว่าจะรู้สึกตัว เธอก็ยกมันขึ้นถือด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วโยนลงน้ำด้วยจิตใจเมตตาระดับแม่พระมาโปรดแต่สามก๊กที่เห็นในทันทีนั้นแทบนั่งไม่ติดที่“พิมแก้ว!!”สาวเจ้าสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงตวาดดังขึ้นจากฝั่งที่