Mag-log inซูเว่นหรายกับเด็กๆ เดินจูงมือกับสามีไปยังบ้านเก่าที่พวกเขาเคยอยู่ก่อนหน้า เมื่อมาถึงก้เห็นสภาพบ้านที่ถูกปรับปรุงจนแข็แรงและดีกว่าเดิม ประตูสร้างจากเหล็กค่อนข้างแข็งแรง สี่คนพ่อแม่ลูกเดินเข้ามาในบริเวณรั้วบ้าน ด้านในปรับปรุงซ่อมแซมอย่างดี มีเตาสามหลุมที่ก่อจากหินตั้งอยู่ด้านข้าง ซูเว่ยหรานมองหน้าสามี จ้าวจื่อหานโอบไหล่นางก่อนจะเอ่ย"เสด็จพ่อรู้ว่าเจ้าอยากสอนชาวบ้านให้มีอาชีพทำกิน จึงให้คนมาปรับปรุงที่นี่ให้แข็งแรงและสะดวกสบาย เพราะเราอาจต้องอยู่นาน และสร้างในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้""เสด็จพ่อทรงเป็นนักพัฒนาที่เก่งกล้ายิ่งนัก ไท่จื่อภายหน้าพระองค์ต้องทรงเรียนรู้จากเสด็จพ่อให้มากนะเพคะ""ได้ ทุกอย่างล้วนฟังเจ้า เอาล่ะไปดูห้องพวกเรากัน เจิ้นหยวน หนิงซินตอนนี้พวกลูกก็มีห้องตนเองที่หมู่บ้านชาวประมงแล้วนะ""เย้/เย้"คู่แฝดดีใจรีบวิ่งเข้าไปในเรือน ห้องของทั้งสองคนถูกแบ่งจากห้องใหญ่ให้เป็นห้องเล็กเหมาะสำหรับเด็ก จ้าวเจิ้นหยวนมองในห้องก็ยิ้มออกมา เขาชอบที่นี่มากกว่าจวนเสด็จพ่อเสียอีก ก่อนที่จะหันไปหาพระบิดาเอ่ยถามด้วยความไร้เดียงสา"เสด็จพ่อ เสด็จแม่พวกเราอยู่ที่นี่มิได้หรือพ่ะย่ะค่ะ ลูกชอบที่นี่ย
วันที่สามที่ออกเดินทางจากเมืองหลวงมาตามแม่น้ำเพื่อไปยังทะเลสาบ ก่อนจะไปจอดเทียบท่าที่ท่าเรือของหมู่บ้านชาวประมง เนื่องจากบ้านที่พวกเขาเคยอยู่นั้นเข้าได้เพียงเรือลำเล็ก แต่ครั้งนี้พวกเขามากันกว่าสามร้อยชีวิตขบวนเรือจึงใหญ่โตเรือล่องไปตามกระแสน้ำ เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วไม้ดอกเริ่มแย่งกันเบ่งบานรับแสงอรุณ ดอกเหมยตามเชิงเขาออกดอกสะพรั่ง แดงบ้าง ขาวบ้าง ชมพูก็มี กลีบดอกลอยปลิวมาตามกระแสลมร่วงสู่ผืนน้ำเมื่อสะท้อนกับแสงอาทิตย์ยิ่งทำให้เป็นภาพทิวทัศน์คล้ายกับอยู่บนสรวงสวรรค์จ้าวจื่อหานที่เพิ่งเอาเด็กๆ เข้านอนกลางวันก็ออกมาด้านนอก เห็นนางกำลังยืนมองไปเบื้องหน้า ร่างสูงเดินมาหาพร้อมกับเอาเสื้อคลุมของตนถอดออกแล้วคลุมให้นาง เขากอดนางจากทางด้านหลังโน้มตัวลงมาเกยคางกับไหล่มนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนรักใคร่"ดูอะไรอยู่หรือหรานหราน""มิวทัศน์สองข้างทางเพคะ ก่อนหน้าตอนที่ติดตามเสด็จพ่อกลับไปมิได้ชื่นชมสักเท่าไหร่ เพราะยามนั้นหม่อมฉันทั้งป่วยและกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพระองค์ แตว่ายามนี้เมฆหมอกอึมครึมหายไปจากชีวิตพวกเราแล้ว อะไรๆ ก็ดูงดงามไปหมด""งามมากหรือไม่""เพคะ? ...หรือว่าพระองค์ไม่
สามวันต่อมาซูเว่ยหรานและเด็กๆ ก็เตรียมตัวกลับไปเยี่ยมชาวบ้านที่หมู่บ้านชาวประมง จ้าวจื่อหานมองดูร่างระหงที่กำลังเตรียมพร้อม คู่แฝดนั่งเรียบร้อยรู้ความยิ่งนัก เสด็จแม่กำลังนำเครื่องเทศที่ต้องใช้กลับไปยังหมู่บ้านเพื่อสอนชาวบ้านถนอมอาหารซูเว่ยหรานกำลังตรวจว่ายังมีสิ่งใดอีกหรือไม่ นางก้มๆ เงยๆจดว่าสิ่งใดลงเรือไปแล้ว สิjงใดยังขาดอยู่จึงไม่ทันเห็นคนที่กำลังเดินมาทางนาง ร่างสูงสง่ามองดูสะใภ้ที่ขะมักขะเม้นก็ยิ้มให้กับบุตรชายที่กำลังคุมการขนข้าวของลงเรือ เถียนติงที่ยามนี้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำแคว้นก็มาช่วยขนข้าวของด้วยตนเองก่อนจะเอ่ยกับฮ่องเต้"ชายแดนระหว่างต้าเหยียนกับจิ้งเฉิงมีทะเลทอดแนวกั้นยาว ชาวบ้านที่อยู่ตามชายฝั่งหากสามารถหาอาหารรและแปรรูปสัตว์น้ำเหล่านั้นได้พวกเขาจะมีชีวิตที่ดี อนาคตก็จะค้าขายแลกเปลี่ยนกันไม่ต้องลำบากเช่นแต่ก่อนอีกพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท""แม่ทัพเถียน ท่านก็รู้สึกว่าสะใภ้ของเราเก่งใช่หรือไม่""ไท่จื่อเฟยทรงประปรีชายิ่งนัก พระนางมีความสามารถจริงๆพ่ะย่ะค่ะ ไท่จื่อช่างสายพระเนตรแหลมคมยิ่งนัก""อืม....แม้ว่าจะมาแบบไม่ตั้งใจ แต่เราเชื่อว่านี่คือความตั้งใจของสวรรค์ที่ส่งนางม
ผ่านมาเป็นวันที่เจ็ดแล้วที่ซูเว่ยหรานนอนหลับ จ้าวจื่อหานนั่งเฝ้านางไม่ห่างสักวัน เขาป้อนยาและเช็ดตัวให้กับนาง จ้าวจื่อหานคอยบีบนวดให้กับนาง เขาเริ่มวิตกกังวลเพราะว่าใต้ซือหยวนคงบอกว่าอย่างเร็วสามวันอย่างช้าเจ็ดวัน นี่วันที่เจ็ดแล้วนางยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นร่างสูงลุกไปเปิดหน้าต่างให้ลมเข้า ซูเว่ยหรานที่นอนหลับเริ่มมีปฏิกิริยา นางเริ่มที่จะรู้สึกตัวแต่ยังคงเพลียอยู่ เปลือกตาคู่บางขยับเล็กน้อยจากนั้นนางก็ลืมตาขึ้นมา ในหัวที่เคยรู้สึกตื้อๆ หนักๆ อาการเหมือนกับมีอะไรอยู่ในศีรษะตลอดเวลาหายไปแล้ว ยามนี้นางรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเป่า ริมฝีปากอวบอิ่มขยับเรียกร่างสูงเบาๆ"ไท่จื่อเพคะ"จ้าวจื่อหานหันมาตามเสียงเรียกก่อนจะก้าวสองทีก็มาถึงเตียง เขาทิ้งสะโพกนั่งลงบนขอบเตียงก่อนจะคว้ามือบางเอามากุมเอ่ยเรียกนางด้วยน้ำเสียงดีใจ"หรานหรานของพี่ ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นสักที พี่เป็นห่วงยิ่งนัก เจ้าหลับไปถึงเจ็ดวันเชียวนะคนดี""หม่อมฉันหลับไปนานเพียงนั้นเชียวหรือเพคะ ทำพระองค์ลำบากแล้ว"จ้าวจื่อหานประคองนางลุกขึ้นมานั่ง เอาหมอนรองหลังให้นางพิงพนักหัวเตียงก่อนจะจับปอยผมของนางทัดหูให้เบามือ เขากุมม
ซูเว่ยหรานพักอยู่สองวันก่อนที่จะเริ่มแช่สมุนไพรอีกรอบ ครั้งที่สองที่ฝังเข็มเหงื่อที่ขับออกมาเริ่มสีดีขึ้นไม่ดำเหมือนครั้งแรก ทุกๆวันจ้าวจื่อหานรีบไปประชุมเช้าจากนั้นก็กลับมาหานาง เซียวอี้ยามนี้ขอฮ่องเต้ลาออก เขาใช้เวลาเลี้ยงคู่แฝดและดูแลบุตรสาว ส่วนซูหานสู่ขอหลี่เย่าฟางเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนจะแต่งงานนกันลังจากานแต่งของถังเปียวกับหลี่เย่วถิงวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะฝังเข็มให้กับซูเว่ยหราน นางเริ่มไม่เจ็บปวดแล้วแต่ยังคงมีอาการอ่อนเพลียเพราะทุกครั้งที่ฝังเข็มเหมือนกับดึงวิญญาณนางออกจากร่าง จ้าวจื่อหานมองคนที่หลับใหลอย่างสงสาร นางแช่สมุนไพรและฝังเข็มครบสามครั้งแล้ว เหลือเพียงแค่ดึงเข็มทองออกเท่านั้น ด้านนอกเซียวอี้มาหาเขา"ไท่จื่อ...นายท่านเซียวมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ""บอกว่าเดี๋ยวข้าออกไป"องครักษ์รับคำสั่งก่อนจะออกไปบอกตามที่เขาสั่ง มือหนาห่มผ้าให้กับนางจากนั้นก็เดินออกไปพบเซียวอี้ เมื่อออกมาก็เห็นเขาพาคู่แฝดมาด้วย จ้าวจื่อหานกางแขนให้เด็กทั้งสองวิ่งมาสวมกอดก่อนจะเอ่ยถามทั้งคู่"ดื้อกับท่านปู่ทวดและท่านตาหรือไม่""ลูกไม่ดื้อเพคะ เสด็จแม่ไม่สบายลูกต้องเป็นเด็กดี เสด็จแม่จะได้หายประชวรไ
เจ็ดวันต่อมาใต้ซือหยวนคงเตรียมสมุนไพรกว่าร้อยสี่สิบเก้าชนิดครบแล้ว ให้น้องอาบน้ำที่สร้างขึ้นสำหรับรักษาซูเว่ยหรานโดยเฉพาะ ผนังห้องปิดสนิทด้วยแผ่นไม้ไร้อากาศผ่านเข้าออก ถังแช่ตัวถูกสร้างให้ใหญ่กว่าเจ็ดฉื่อและสูงเกือบสามฉื่อเพื่อให้นางได้นั่งเหยียดขาอย่างสบายที่สุดถังถูกตั้งบนเตาที่สร้างอย่างแข็งแรง สมุนไพรใช้เวลาต้มมาเจ็ดวันแล้ว ตอนนี้ซูเว่ยหรานสวมผ้าสีดำสนิทพันช่วงอกลงมาเปลือยไหล่มน เรือนผมนุ่มนวลถูกรวบมวยสูงไว้ตรงกลางศีรษะด้านบนไร้เครื่องประดับ สาวใช้เติมน้ำเย็นลงไปในถังครึ่งหนึ่งอุณหภูมิของน้ำอุ่นพอเหมาะ ฟืนใต้เตาถูกถอนออกเหลือเพียงท่อนเดียวเพื่อให้น้ำไม่ลดอุณหภูมิลงจ้าวจื่อหานอุ้มร่างบางมาที่ถังก่อนจะค่อยๆ หย่อนนางลงไป ซูเว่ยหรานนั่งเหยียดขาหลับตาแช่น้ำสมุนไพรนางเอ่ยกับสามี"ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันจะไม่ถูกตุ๋นจนเนื้อเปื่อยใช่หรือไม่เพคะ""เด็กดื้อ...ที่ต้องใส่ฟืนในเตาเพื่อรักษาความร้อนของน้ำสมุนไพรให้คงที่ เอาล่ะนั่งดีๆ พี่อยู่กับเจ้าด้วยไม่ยอมให้เจ้าเป็นอะไรไปหรอกน่ะ""โอ่ว.....ก็ได้เพคะ"ซูเว่ยหรานนั่งหลับตาอุณหภูมิของน้ำเริ่มที่จะอุ่นขึ้น จ้าวจื่อหานคอยเติมน้ำเย็นทีละถัง ต้องแช่







