“แล้วท่านมีความเห็นเช่นไรกับสิ่งที่สามีท่านได้ทำไป และท่านรู้สึกกับตนเองอย่างไรในตอนนี้ ลองกล่าวให้ข้าฟัง” เสียงหวานกล่าวขึ้น ไม่ดังแต่ก็ไม่เบาจนเกินไป
“ข้ามิอาจกล่าวหาเขาในความมีใจกรุณาได้ฉันท์ใด ข้าก็มิสามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ ในส่วนของตัวข้าเองนั้นมิได้ต้องการเป็นภรรยาที่รอการเลี้ยงดูจากสามีเพียงฝ่ายเดียว เมื่อก่อนสมัยข้ายังมิได้จากบ้านเดิมมาข้านั้นมีกิจการเป็นของตัวเอง นั่นทำให้ข้ารู้สึกมีคุณค่าในตนเอง แม้สา เอ่อ คนที่ข้ามีใจให้จะมีหญิงอื่นอีกมากมาย ข้าก็มิได้ทุกข์ใจมากนักด้วยมิได้มีเวลาว่างให้มาโศกเศร้า แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ ต้องสมรสโดยที่ยังมิได้รู้จักอีกฝ่ายดีพอ แม้ว่าข้าจะพอรับรู้ได้ว่าเขาเป็นคนดีแต่กิจการของเขาก็มีปัญหา ทำให้ข้ามิค่อยมีเวลาได้ศึกษาตัวตนของเขา ข้ามิอาจรู้เลยว่าข้าจะเป็นภรรยาที่ดีได้อย่างไร” เมื่อนางกล่าวจบก็มีแก้วน้ำพร้อมหลอดส่งมาถึงริมฝีปาก ด้วยกำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดจึงมิทันได้สงสัยอะไร เมื่อนางจิบน้ำนั้นเข้าไปก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นหอมของดอกบัว คาดว่าคงเป็นชาจากกลีบบัวหรือเกสรดอกบัว มันมิได้ร้อนดังชาจีนทั่วไปเรียกได้ว่าอุ่นกำลังดี เมื่อกลืนลงไปให้รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ มิได้ว้าเหว่เคว้งคว้างอีกต่อไป
“หากว่าท่านแก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วได้ หากว่าท่านมีโอกาสได้กลับไปทำกิจการอีกครั้ง หรือหากว่าท่านมีช่องทางได้เรียนรู้ในตัวตนของสามีท่าน ท่านจักทำอย่างไร” เสียงอันอบอุ่นเอ่ยถามด้วยคำถามปลายเปิด1เพื่อกระตุ้นให้คู่สนทนาได้ใช้ความคิด
“ข้าทำได้หรือ” ตู้จินจินรู้สึกสับสน สิ่งที่นางคิดว่าแก้ไขไม่ได้กลับมีคนเสนอให้นางคิดใหม่ นั่นสินะก่อนที่นางจะจากภพเดิมมานางก็มิใช่คนที่จะยอมให้ผู้อื่นจัดการชีวิต แต่เมื่อข้ามภพมาแล้วนางกลับเข้าใจว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม2จำต้องยอมรับในตัวอนุที่มีอยู่ก่อนนาง อีกทั้งยังมิกล้าสร้างโอกาสในการเข้าใกล้สามี เนื่องด้วยกลัวจะถูกมองว่าเป็นสตรีไร้ยางอายเข้าหาผู้ชายก่อน ครั้นอยากจะทำกิจการเพื่อให้มีอันใดให้กระทำบ้างทั้งยังอาจมีรายได้พอให้ใช้จ่ายนอกเหนือจากเบี้ยหวัดรายเดือนจากตำแหน่งพระชายาก็เกรงว่าสามีจะมิพอใจ เพราะสตรีนั้นจะออกไปตากหน้านอกบ้านนั้นคงมิมีสามีคนใดจะเห็นควร
“หากท่านทำในพื้นฐานที่ผู้คนที่เกี่ยวข้องรับได้ก็มิใช่ว่าจะมิสามารถ ในสามข้อที่กล่าวมานั้นท่านต้องการจัดการกับข้อใดก่อน” ไป๋เหลียนฮวายังคงกล่าวให้กำลังใจและสอบถามความคิดเห็นของนางต่อไป น้ำเสียงที่ใช้นั้นกระตุ้นให้นางใช้ความคิดตลอดเวลา
“เอิ่มมมมมม หากข้ากล่าวว่าข้าต้องการจัดการกับทั้งสามข้อนั้นไปพร้อมๆ กันเล่า จักเป็นไปได้หรือไม่” หลังจากคิดอยู่นานกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมา ตู้จินจินก็เลือกคำตอบโดยที่นางก็ยังไม่มั่นใจว่าจะทำได้หรือไม่แต่นางคิดว่าหากจะเริ่มต้นทำกิจการสิ่งใดก็ควรขจัดปัญหาที่ค้างคาใจให้ได้มากที่สุดก่อน แต่จะให้มิมีปัญหาใดเลยคงมิได้ ในภพก่อนนางจึงมักวางแผนงานให้รอบคอบก่อนจะทำการใด และหากมีปัญหานางก็จักแก้ไขให้ผ่านไปควบคู่กับการดำเนินธุรกิจไปพร้อมๆ กัน
ทางด้านไป๋เหลียนฮวาเมื่อได้ยินคำตอบก็รู้สึกสนใจในตัวนางทันที เนื่องด้วยเท่าที่นางพบเจอมา คนส่วนใหญ่เมื่อนางกล่าวว่าให้เลือกก็มักจะเลือกข้อใดข้อหนึ่งจากตัวเลือกเหล่านั้น มิได้มีผู้ใดจะเลือกจัดการปัญหาทั้งหมดไปพร้อมๆ กัน และจากเท่าที่นางลองประเมินดูทุกปัญหาของสตรีนางนี้ก็สามารถจัดการไปได้พร้อมๆ กันอย่างที่นางคิดจริงๆ เสียด้วยบุคคลเช่นนี้น่าคบหายิ่งนัก
“ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้ เพียงแต่ท่านต้องไตร่ตรองขั้นตอนและวิธีการให้ดี ก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้นท่านมีเรื่องอื่นใดที่ประสงค์ให้ข้าชี้แนะหรือไม่” ก่อนที่จะให้คำชี้แนะในเรื่องที่ผู้รับคำพยากรณ์ได้แสดงออกว่าเป็นปัญหาที่ต้องการแก้ไข ไป๋เหลียนฮวาเปิดโอกาสให้ได้มีโอกาสซักถามถึงเรื่องอื่นๆ ที่อยากได้รับการพยากรณ์
เพราะผู้ที่จับได้ติ้วเหลียนฮวานั้นสามารถถามได้ทุกเรื่องและไม่จำกัดเวลา ทั้งยังมิต้องจ่ายค่าพยากรณ์ ส่วนวิธีการในการพยากรณ์นั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของไป๋เหลียนฮวา แต่สิ่งที่หลายคนยังไม่รู้คือติ้วเหลียนฮวานั้นนอกจากจะมีเพียงหนึ่งอันจากติ้วหนึ่งร้อยอันแล้ว ยังมิได้ถูกนำมาใส่ในกระบอกติ้วทั้งรอบเช้าและบ่ายในทุกๆ รอบอีกด้วย โดยจะนำมาใส่เมื่อใดหรือรอบใดนั้นขึ้นอยู่กับไป๋เหลียนฮวาว่าจะมีคำสั่งให้ใส่ในรอบใดวันใด
1 คำถามปลายเปิด เป็นคำถามที่เปิดโอกาสให้ผู้ตอบ ได้แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ ได้คำตอบหลายแง่มุม จากความคิดและความรู้สึกของตัวเอง โดยเป็นคำตอบที่ทำให้ได้ใช้ความรู้ ความเข้าใจ จากตัวเอง คำถามเหล่านี้ จะเป็นกลาง ไม่ได้ชี้นำ เพื่อให้ได้คำตอบที่เปิดกว้างและขยายความในเหตุการณ์ หรือได้ทางเลือกใหม่ๆ
2 เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม หมายถึงประพฤติตนตามที่คนส่วนใหญ่ประพฤติกัน
เพื่อนร่วมรุ่นม.ต้นที่สนิทสนมและรักกันมาก จำนวน 4 คนพร้อมทั้งน้องสาวของเพื่อนอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่อายุไล่เลี่ยกันทำให้พลอยสนิมสนมกับเพื่อนๆ ของพี่สาวไปด้วย ทั้ง 5 คนมีจุดร่วมกันอีกอย่างที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือความความเคารพนับถือในท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเองวันนี้ห้าสาวนัดรวมกันไปกินข้าวกลางวันที่ห้างดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง หนุงหนิงที่พาอุ๊งอิ๊งลูกสาวจินไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนประจำจังหวัดแทนจินที่ติดประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจะมารวมตัวกับทุกคน เป็นเหตุให้ได้เห็นนายเจนภพสามีจอมเจ้าชู้ของจินที่อ้างว่าป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพากิ๊กและลูกติดไปประชุม บังเอิญว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องอุ๊งอิ๊งลูกสาวของจิน เธอเลยให้อุ๊งอิ๊งทำทีถามทางไปบ้านของเด็กคนนั้นและเอามาบอกให้จินฟังหลังทานข้าวเสร็จ เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่กระนั้นจินก็รีบร้อนออกไปหาเจนภพตามที่อยู่นั้นทันทีที่หนุงหนิงเล่าจบเนื่องจากเธออนุญาตให้เจนภพสามีจอมเจ้าชู้มีภรรยาน้อยได้ตลอดขอเพียงให้บอกเธอ เธอจะได้พาเจ้าหล่อนไปตรวจร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้จ
“ตั้งแต่วันที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารอบๆ ตัวของข้าเปลี่ยนไป ข้าต้องใช้ชีวิตในร่างของใครอีกคนหนึ่ง ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่ข้านับถือ และยังได้พบเจอสหายดีๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ข้าเช่นฮัวตั่วเอ๋อ และไป๋เหลียนฮวาที่ปรึกษาในการใช้ชีวิต รวมถึงหวงเฟิ่งและจินหลิงหลิง ทั้งสี่นางทำให้ข้าคิดถึงสหายสนิททั้งสี่ในภพเดิม และต้องไม่ลืมกล่าวถึงอาเม่ยที่ทำให้ข้าหายคิดถึงอุ๊งอิ๊งลูกสาวข้าที่มีวัยใกล้เคียงกับนาง ท่านตาบอกข้าว่าคำอธิฐานของข้าทำให้ข้าได้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาของตนเอง ข้าจึงมิได้เสียใจนักที่ตู้จินจินคนเดิมตายไปเพราะนางก็คือข้าและข้าก็คือนาง เพียงแต่นี่คงจะเรียกว่าว่า ‘อดีตชาติ’ คงมิได้ แต่มันน่าจะเรียกว่า มัลติเวิร์ส1 ที่มีตัวตนของเราอีกคนหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีจุดกำเนิด แนวคิด วีถีชีวิต และจุดจบแต่งต่างกันไป และมิจำเป็นว่าต้องมีแค่หนึ่งหรือสองตัวตนเท่านั้น และแม้ว่าแต่ละตัวตนในแต่ละโลกจะต่างฝ่ายต่างดำรงชีวิตกันไปโดยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภพใดภพหนึ่งอาจส่งกระทบถึงภพอื่นๆ ไปด้วยได้เช่นกัน” หลังจากที่เล่าเรื่องราวโดยละเ
“นังหนู นังหนูจิน อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย สงสารสวามีเจ้าบ้างเถิด เคราะห์ครั้งสุดท้ายของเจ้าผ่านไปแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเทพชราปลุกให้จินมีสติขึ้นมาในความฝัน “ท่านตาเจ้าขา ท่านตาช่วยหลานไว้ใช่ไหมเจ้าคะ หลานกราบขอบคุณเจ้าค่ะ” พร้อมคำพูดร่างแน่งน้อยกุลีกุจอลุกขึ้นยอบกายลงกราบแทบเท้าท่านเทพที่นางเคารพยิ่ง “คราวนี้นับว่าเป็นกุศลที่เจ้าช่วยหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายรักษาชีวิตไว้ได้ เรียกว่าเป็น ‘บุญรักษา’ อย่างแท้จริงก็ว่าได้” “เป็นเช่นนี้เอง ว่าแต่นี่หลานเข้ามาในมิติได้แถมยังพาสวามีมาได้อีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านตาเคยบอกหลานว่ามีเพียงหลานเองที่สามารถเข้าออกมิติแห่งนี้ได้” แม้ว่าจะดีใจที่พาสวามีหลบภัยเข้ามามิติได้แต่ก็ยังไม่วายสงสัยจนต้องตั้งคำถาม “ในภพเดิมของเจ้าก็มีคำกล่าวว่า ‘สามี-ภรรยา เหมือนดั่งคนคนเดียวกัน’ มิใช่รึ” เสียงตอบเรียบๆจากท่านเทพชราพาให้จินคิดตามและเมื่อคิดได้ว่า นางและเขาได้ผ่านการเข้าหอซึ่งถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว ใบหน้าเรียวพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึงการที่
หลังสรุปผลการชิงธง และรับประทานมื้อเช้าอันอุดมสมบูรณ์ที่พระชายาตู้สั่งมาจากภัตตาคารชิมเมฆา แม้กับข้าวจะมีเพียงต้มจืดซี่โครงหมูกับผักกาดดองไว้ซดให้คล่องคอ และผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่เติมได้ไม่อั้นครานี้การพรางตัวเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะองครักษ์เงานั้นมีการฝึกแปลงโฉมกันอยู่ก่อนแล้ว ตู้จินจินให้ช่างแต่งหน้าจากคณะละครของไป๋เหลียนฮวามาสอนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็เรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป้สัมภาระถูกซุกซ่อนในหีบเสื้อผ้า อาหารแห้งปะปนกันทั้งจริงและหลอก อาหารทะเลตากแห้งและเกลือในปริมาณตามที่ได้รับอนุญาตถูกบรรจุไว้ในถังไม้ หรือแม้กระทั่งห่อกระดาษน้ำมันที่ตีตราว่าเป็นใบชา ด้านในกลับเป็นเกาเฟยคั่วบดในซองผ้ากับน้ำตาลอ้อยชนิดผงกองกำลังถูกแบ่งกลุ่มและพรางตัวเพื่อออกเดินทางแล้วแยกย้ายกันไปในรูปลักษณ์ต่างๆ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม ทำทีเป็นพ่อค้าบ้าง เป็นคณะละครที่กลับจากแคว้นต้าจินบ้าง ทุกกลุ่มเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อถึงเมืองชายแดนหลังออกเดินทาง 3 วัน จึงตั้งค่ายพักผ่อนให้เต็มที่ 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าประชิดเป้าหมายคือค่ายโจรเผ่าปาสู่แผนการรบถูกวางและซักซ้อมกันไปแล้วในการฝึกพิเศษ ตู้จินจินถ
เมื่อทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเย็นในยามโหย่ว เหตุการณ์ที่พวกเขารับรู้ได้ก็ยังไร้วี่แววการบุกหรือถูกบุกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง ดีที่มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารปิ้งย่างที่ตู้จินจินให้ทางภัตตาคารชิมเมฆาส่งเนื้อสัตว์เสียบไม้สลับกับผักและผลไม้และมีน้ำหมักที่เอาไว้ทาไปย่างไปมาอีก 2 แบบ คือแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย ส่วนคนที่ไม่เผ็ดนั้นคือเนื้อสัตว์แต่ละชนิดก่อนจะนำมาเสียบสลับกับผักผลไม้ที่ถูกหมักกับน้ำมันงาและเหล้าอย่างดีมาก่อนแล้ว “เจ้าว่าพวกเขาจะเริ่มบุกกันเมื่อใดหรือ” ฮัวตั่วเอ๋อที่ไม่ได้พักผ่อนยามบ่ายเอ่ยถามขึ้น และอีกหลายคนก็ยังจัดการงานในมือมิแล้วเสร็จ “หลังกลางยามโฉ่วไปแล้วกระมัง หากให้คำนวณตามหลักการของคนปกติ ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่กำลังหลับลึกที่สุด แต่ว่าข้าก็มิอาจยืนยันได้เพราะพวกเขาผ่านการฝึกให้ต่างจากคนทั่วไป หากใครต้องการพักผ่อนก็ตามสบาย หากมีความเคลื่อนไหวข้าจะให้คนไปปลุกพวกท่านเอง” ตู้จินจินเองก็เพิ่งพักสายตาไปไม่นานเพราะมัวแต่ถูกก่อกวนจากพระสวามีก็รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยเพราะต่างก็เกรงใจดวงตะวันที่ยังไม่ตกดิน ทั้งยังมิได้พักอยู่ในจวน
“กลุ่มเลขคี่ประชุมด่วน” เสียงเรียกประชุมดังขึ้นกลางสวนผลไม้ในชมเมฆา แต่กลับไร้วี่แววของกำลังพลกลุ่มเลขคี่ที่ควรจะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการประชุม องค์ชายรองและพระชายามองหน้ากัน ในสายตามีรอยยิ้มน้อยๆ จนเมื่อหยางต้าซานหยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่าเป็นจังหวะสั้นยาวสลับกันสามครั้งจึงเริ่มมีกำลังพลทยอยกันมารวมกลุ่มจนครบทุกนายภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ แสดงให้เห็นได้ชัดถึงระเบียบวินัยและความมั่นคงในจิตใจของกำลังพลที่มิเชื่อคำสั่งของผู้ใดโดยง่าย “ทุกคนพรางตัวได้ดีมาก เรื่องบทลงโทษจึงละเว้นให้ แต่อย่าลืมว่าในยามศึกการลงโทษคือชีวิต คืนนี้ฝ่ายเลขคี่เลือกเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นภารกิจที่พวกเจ้าได้รับคือ บุกไปชิงธงสัญลักษณ์ของฝ่ายเลขคู่มาให้ได้ก่อนฟ้าสาง โดยที่ต้องรักษาธงสัญลักษณ์ของฝ่ายตนเองเอาไว้ให้ได้ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายต้องสร้างหอธงขึ้นมาในส่วนใดก็ได้ของค่ายพัก และภารกิจจะเริ่มเมื่อตะวันตกดิน นี่คือพลุสีเหลือง พวกเจ้าติดตัวไว้คนละ 1 ดอก หากชิงธงมาได้แล้วให้จุดพลุขึ้นทันทีแล้วภารกิจจะเป็นอันเสร็จสิ้น ส่วนแผนการทั้งหมดให้พวกเจ้าหารือกันเอง ครูฝึกและพวกข้าจะคอยสังเกตการณ์ ห้ามมิให้ถึงแก่ชีวิตและห