“เชิญทุกท่านออกมารับติ้วได้เจ้าค่ะ” เสียงท่านป้าที่เมื่อสักครู่ช่วยดูแลจัดแถวอยู่กล่าวเชิญให้ทุกคนก้าวขึ้นไปด้านหน้าเพื่อเขย่าติ้วจากกระบอกที่มีลักษณะคล้ายเซียมซี เพียงแต่รูที่เปิดไว้ให้ติ้วหล่นลงมามีขนาดเล็กมาก มิใช่กระบอกที่เปิดโล่งเช่นเซียมซี เมื่อเดินผ่านทุกคนจะเขย่ากระบอกจนติ้วตกลงมาหนึ่งอัน เมื่อได้มาแล้วจึงถือติ้วเดินเข้าไปในศาลาพยากรณ์
ในขณะที่ฮัวตั่วเอ๋อเดินนำหน้าอาจินเข้าไปหยิบติ้ว จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นเข้าไปในศาลาฯ นางจะวิ่งตามไปก็ไม่ได้เพราะนางยังไม่ได้จับติ้ว ดีที่ท่านป้าที่ช่วยดูแลแถวนางกันคนด้านหลังไว้ให้และให้นางได้กลับมารับติ้วไป เมื่อได้ติ้วมาแล้วอาจินก็พลิกหาขีดสัญลักษณ์ทันที แต่กลับหาไม่เจอจนยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น หันไม้ติ้วที่จับได้ไปมา จนท่านป้าที่คอยดูแลแถวต้องเข้ามาช่วย เมื่ออาจินส่งติ้วให้ ท่านป้ากลับเอาด้านล่างของติ้วขึ้นมาให้ดู จึงได้เห็นรอยสลักรูปดอกบัว
ท่านป้าโค้งตัวลงคำนับพร้อมกล่าว “ยินดีด้วยเจ้าค่ะนายหญิง ท่านได้ติ้วเหลียนฮวา” แล้วส่งเสียง “เหลียนฮวา” ดังจนทุกสายตาหันมามองพร้อมตบมือให้อาจินเกรียวกราว จนตัวนางเองงุนงงหันรีหันขวางด้วยไม่เข้าใจสิ่งใดเลย
“นายหญิงเจ้าคะ ท่านได้ติ้วเหลียนฮวาจะได้รับการพยากรณ์จากเทพธิดาพยากรณ์ไป๋เหลียนฮวา ท่านสามารถถามได้ทุกคำถามโดยไม่จำกัดเวลา และไม่มีค่าใช้จ่ายในการรับคำพยากรณ์ หากท่านมีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญในหีบบริจาคได้ตามสะดวก เชิญท่านตามมาทางนี้เจ้าค่ะ” จากนั้นท่านป้าเดินนำหน้าตู้จินจินไปยังหอแปดเหลี่ยมสูงสามชั้นริมเขา ด้านหลังหอนั้นตู้จินจินทอดสายตามองไปเห็นกังหันน้ำตัวใหญ่วิดน้ำจากน้ำตกจากภูเขาอีกลูกที่อยู่ด้านหลังเพื่อผันน้ำมาใช้ในเขาเทียมเมฆ
“ถึงแล้วเจ้าค่ะหอเหลียนฮวา” เมื่อมาถึงหอแปดเหลี่ยมท่านป้าผายมือไปยังประตูหน้าศาลาพร้อมทั้งกล่าวกับตู้จินจิน เมื่อนางมองตามมือของท่านป้าขึ้นไปก็พบกับทับหลัง¹ บานใหญ่ที่แกะสลักรูปดอกบัวสี่ดอกเต่าน้ำและปลา คล้ายกับภาพบัวสี่เหล่าในภพก่อน ใต้ภาพสลักอักษร “หอเหลียนฮวา” จากนั้นท่านป้าเดินนำนางเข้าไป กลางศาลาตั้งไว้ด้วยแท่นบูชาท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะ ด้านหลังเป็นฉากใหญ่แสดงภาพวาดบัวสี่เหล่าที่มีการลงสีสันสวยงามและมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างจากไม้แกะสลักด้านหน้า ท่านป้านำนางไปกราบสักการะท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะ แล้วเดินนำนางไปยังด้านหลังท่านเทพฯ จากนั้นท่านป้ายื่นมือออกผลักไปยังเต่าน้อยตัวหนึ่ง
“เชิญนายหญิงเจ้าค่ะ บ่าวจะมารับหลังจากท่านเสร็จธุระ” ท่านป้ากล่าวก่อนจะจากไปพร้อมทิ้งนางไว้หน้าประตูบานหนึ่ง ซึ่งเพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อท่านป้าผลักไปยังเต่าน้อยตัวนั้น ‘นี่คือค่ายกลอย่างในซีรีส์กำลังภายในที่เราเคยดูสินะ’ ตู้จินจินคิดในใจก่อนเดินเข้าไปยังห้องด้านหน้า สิ่งที่นางเห็นทำเอานางแทบกรีดร้อง งาม งามมาก นี่หรือห้องพยากรณ์ ช่างไม่ต่างจากท้องฟ้าจำลอง² ในภพก่อนของนาง
“ไป๋เหลียนฮวา คารวะนายหญิง” เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังทำเอาตู้จินจินตกใจ
“เอ่อ ท่านมาจากทางไหนกัน” ตู้จินจินจำได้ว่าเมื่อนางเข้ามาประตูก็ปิดทันที
“ข้าก็มาเช่นที่ท่านมา ท่านควรเริ่มคิดว่าจะให้ข้าพยากรณ์อันให้ท่านจะดีกว่า” เมื่อกล่าวจบนางก็เข้ามาจูงมือตู้จินจินไปนั่งยังตั่งเอนตัวหนึ่ง จากนั้นก็หยิบเอาผ้าห่มขนเตียว³ ขึ้นมาห่มให้ เมื่อเรียบร้อยแล้วนางก็เดินอ้อมมานั่งด้านข้าง ตู้จินจินรู้สึกว่านี่ไม่เหมือนการดูหมอ แม้ว่าในภพก่อนนางจะเคยไปดูหมอมาบ้างไม่กี่ครั้งจากการลากไปของกลุ่มเพื่อนมัธยมของนาง แต่นางเคยไปพบทันตแพทย์และยังเคยพบจิตแพทย์เนื่องจากความเครียดในการทำงานและชีวิตครอบครัว นางคิดว่าห้องนี้เหมือนสองอย่างหลังเสียมากกว่า แม้ว่าอากาศจะไม่หนาวแต่ผ้าห่มขนเตียวช่วยให้นางลดความประหม่าไปได้มาก
“นายหญิง มีชื่อเสียงเรียงนามว่ากระไรหรือ โปรดแนะนำตัวกับข้าไป๋เหลียนฮวาผู้ต่ำต้อยผู้นี้ด้วยเถิด คิดเสียว่าท่านมาพบเพื่อนใหม่สักคน ข้ามิได้เป็นนักทำนายที่จักกล่าวถึงอนาคตของท่านผ่านเวลาตกฟาก สิ่งที่ข้าทำนั้นคือพยากรณ์หรือพูดให้ใกล้เคียงก็คือคาดคะเน เพียงแต่สิ่งที่คาดคะเนให้ท่านนั้นค่อนข้างชัดเจนและแก้ไขหรือป้องกันปัญหาให้ท่านได้ และการที่ข้าจะพยากรณ์ให้ท่านได้นั้นต้องรู้จักตัวตนของท่านก่อน” เมื่อนางกล่าวจบก็ส่งยิ้มที่มองเพียงครั้งเดียวก็เกิดความไว้ใจและมั่นใจได้ว่าสิ่งที่นางกล่าวนั้นมาจากใจจริง
‘แปลกเสียจริงเป็นวิธีทำนายที่แปลกมาก ไม่สินางบอกว่าเป็นการพยากรณ์’
“ข้าคือจิน เอ่อ ตู้จินจินน่ะ ข้ามาจากที่ห่างไกล จู่ๆ ก็ต้องแต่งงานแถมสามีของข้ายังมีอนุอยู่แล้วมากมาย แม้ว่าเท่าที่ข้าทราบมาเขารับพวกนางเข้ามาด้วยความสงสารในชะตากรรมของพวกนาง เฮ้ออออ” กล่าวจบก็ตามด้วยเสียงถอนหายใจยาว จากนั้นตู้จินจินก็เงียบไปนานคล้ายตกอยู่ในภวังค์
1 ทับหลัง ส่วนโครงสร้างแนวนอน ทำหน้าที่รับน้ำหนักของผนังซึ่งอยู่เหนือช่องว่าง อาทิ วงกบประตูหรือหน้าต่าง และถ่ายน้ำหนักลงไปยังเสาเอ็นและยึดประตูและหน้าต่างเข้ากับผนัง นอกจากนี้ยังใช้เรียกสิ่งที่อยู่บนหน้าต่างหรือประตูหลังกรอบเช็ดหน้าและใช้บังคับปลายเดือยบานแผละหน้าต่างหรือประตูว่า ทับหลังหน้าต่าง หรือ ทับหลังประตู
2 ท้องฟ้าจำลอง ห้องแสดงมหรสพที่สร้างขึ้นสำหรับนำเสนอภาพท้องฟ้ายามค่ำคืน เพื่อความบันเทิง เพื่อการศึกษาทางดาราศาสตร์ หรือเพื่อการฝึกอบรมในการดูดาว โครงสร้างส่วนใหญ่ของท้องฟ้าจำลองโดยมากจะเป็นห้องรูปโดมขนาดใหญ่ ซึ่งติดตั้งเครื่องฉายดาวเพื่อแสดงดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟ้าต่างๆ ให้ปรากฏบนหลังคาโดม สามารถแสดง "การเคลื่อนที่ของดวงดาวบนท้องฟ้าหรือในจักรวาล" อันซับซ้อนได้อย่างสมจริง ภาพของท้องฟ้าสามารถสร้างขึ้นได้จากเทคโนโลยีต่าง ๆ กัน
3 ผ้าห่มขนเตียว เตียว หรือเซเบิล เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในวงศ์เพียงพอน ชาวจีนนิยมนำขนเตียวมาทำเป็นเครื่องนุ่งห่มกันหนาวมาตั้งแต่สมัยจีนโบราณ เป็นของใช้ของราชวงศ์และชนชั้นสูง
เพื่อนร่วมรุ่นม.ต้นที่สนิทสนมและรักกันมาก จำนวน 4 คนพร้อมทั้งน้องสาวของเพื่อนอีกหนึ่งคนในกลุ่มที่อายุไล่เลี่ยกันทำให้พลอยสนิมสนมกับเพื่อนๆ ของพี่สาวไปด้วย ทั้ง 5 คนมีจุดร่วมกันอีกอย่างที่คนภายนอกไม่ทราบนั่นก็คือความความเคารพนับถือในท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะเทพเจ้าแห่งโชคลาภนั่นเองวันนี้ห้าสาวนัดรวมกันไปกินข้าวกลางวันที่ห้างดังแห่งหนึ่งในอำเภอเมือง หนุงหนิงที่พาอุ๊งอิ๊งลูกสาวจินไปประชุมผู้ปกครองที่โรงเรียนประจำจังหวัดแทนจินที่ติดประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจะมารวมตัวกับทุกคน เป็นเหตุให้ได้เห็นนายเจนภพสามีจอมเจ้าชู้ของจินที่อ้างว่าป่วยต้องไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพากิ๊กและลูกติดไปประชุม บังเอิญว่าลูกติดของผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนห้องเดียวกับน้องอุ๊งอิ๊งลูกสาวของจิน เธอเลยให้อุ๊งอิ๊งทำทีถามทางไปบ้านของเด็กคนนั้นและเอามาบอกให้จินฟังหลังทานข้าวเสร็จ เพราะกลัวเพื่อนจะไม่ได้กินข้าวกินปลา แต่กระนั้นจินก็รีบร้อนออกไปหาเจนภพตามที่อยู่นั้นทันทีที่หนุงหนิงเล่าจบเนื่องจากเธออนุญาตให้เจนภพสามีจอมเจ้าชู้มีภรรยาน้อยได้ตลอดขอเพียงให้บอกเธอ เธอจะได้พาเจ้าหล่อนไปตรวจร่างกายเพื่อหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และได้จ
“ตั้งแต่วันที่ข้าฟื้นขึ้นมาก็พบว่ารอบๆ ตัวของข้าเปลี่ยนไป ข้าต้องใช้ชีวิตในร่างของใครอีกคนหนึ่ง ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากท่านเทพไฉ่ซิงเอี๊ยะที่ข้านับถือ และยังได้พบเจอสหายดีๆ ที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและใจให้ข้าเช่นฮัวตั่วเอ๋อ และไป๋เหลียนฮวาที่ปรึกษาในการใช้ชีวิต รวมถึงหวงเฟิ่งและจินหลิงหลิง ทั้งสี่นางทำให้ข้าคิดถึงสหายสนิททั้งสี่ในภพเดิม และต้องไม่ลืมกล่าวถึงอาเม่ยที่ทำให้ข้าหายคิดถึงอุ๊งอิ๊งลูกสาวข้าที่มีวัยใกล้เคียงกับนาง ท่านตาบอกข้าว่าคำอธิฐานของข้าทำให้ข้าได้ย้อนกลับมาแก้ไขชะตาของตนเอง ข้าจึงมิได้เสียใจนักที่ตู้จินจินคนเดิมตายไปเพราะนางก็คือข้าและข้าก็คือนาง เพียงแต่นี่คงจะเรียกว่าว่า ‘อดีตชาติ’ คงมิได้ แต่มันน่าจะเรียกว่า มัลติเวิร์ส1 ที่มีตัวตนของเราอีกคนหนึ่ง ในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งมีจุดกำเนิด แนวคิด วีถีชีวิต และจุดจบแต่งต่างกันไป และมิจำเป็นว่าต้องมีแค่หนึ่งหรือสองตัวตนเท่านั้น และแม้ว่าแต่ละตัวตนในแต่ละโลกจะต่างฝ่ายต่างดำรงชีวิตกันไปโดยไร้ซึ่งความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน แต่หากมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในภพใดภพหนึ่งอาจส่งกระทบถึงภพอื่นๆ ไปด้วยได้เช่นกัน” หลังจากที่เล่าเรื่องราวโดยละเ
“นังหนู นังหนูจิน อย่ามัวแต่นอนอยู่เลย สงสารสวามีเจ้าบ้างเถิด เคราะห์ครั้งสุดท้ายของเจ้าผ่านไปแล้ว” เสียงอ่อนโยนของเทพชราปลุกให้จินมีสติขึ้นมาในความฝัน “ท่านตาเจ้าขา ท่านตาช่วยหลานไว้ใช่ไหมเจ้าคะ หลานกราบขอบคุณเจ้าค่ะ” พร้อมคำพูดร่างแน่งน้อยกุลีกุจอลุกขึ้นยอบกายลงกราบแทบเท้าท่านเทพที่นางเคารพยิ่ง “คราวนี้นับว่าเป็นกุศลที่เจ้าช่วยหลีกเลี่ยงสงครามครั้งใหญ่ทำให้ผู้คนมากมายรักษาชีวิตไว้ได้ เรียกว่าเป็น ‘บุญรักษา’ อย่างแท้จริงก็ว่าได้” “เป็นเช่นนี้เอง ว่าแต่นี่หลานเข้ามาในมิติได้แถมยังพาสวามีมาได้อีกด้วย เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้เจ้าคะ ท่านตาเคยบอกหลานว่ามีเพียงหลานเองที่สามารถเข้าออกมิติแห่งนี้ได้” แม้ว่าจะดีใจที่พาสวามีหลบภัยเข้ามามิติได้แต่ก็ยังไม่วายสงสัยจนต้องตั้งคำถาม “ในภพเดิมของเจ้าก็มีคำกล่าวว่า ‘สามี-ภรรยา เหมือนดั่งคนคนเดียวกัน’ มิใช่รึ” เสียงตอบเรียบๆจากท่านเทพชราพาให้จินคิดตามและเมื่อคิดได้ว่า นางและเขาได้ผ่านการเข้าหอซึ่งถือว่าเป็นสามี-ภรรยากันแล้ว ใบหน้าเรียวพลันขึ้นสีแดงด้วยความขวยเขิน “ข้ามิได้หมายถึงเรื่องนั้น แต่หมายถึงการที่
หลังสรุปผลการชิงธง และรับประทานมื้อเช้าอันอุดมสมบูรณ์ที่พระชายาตู้สั่งมาจากภัตตาคารชิมเมฆา แม้กับข้าวจะมีเพียงต้มจืดซี่โครงหมูกับผักกาดดองไว้ซดให้คล่องคอ และผัดกะเพราหมูสับไข่ดาวที่เติมได้ไม่อั้นครานี้การพรางตัวเป็นไปอย่างง่ายดายเพราะองครักษ์เงานั้นมีการฝึกแปลงโฉมกันอยู่ก่อนแล้ว ตู้จินจินให้ช่างแต่งหน้าจากคณะละครของไป๋เหลียนฮวามาสอนเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็เรียกได้ว่าไร้ที่ติ เป้สัมภาระถูกซุกซ่อนในหีบเสื้อผ้า อาหารแห้งปะปนกันทั้งจริงและหลอก อาหารทะเลตากแห้งและเกลือในปริมาณตามที่ได้รับอนุญาตถูกบรรจุไว้ในถังไม้ หรือแม้กระทั่งห่อกระดาษน้ำมันที่ตีตราว่าเป็นใบชา ด้านในกลับเป็นเกาเฟยคั่วบดในซองผ้ากับน้ำตาลอ้อยชนิดผงกองกำลังถูกแบ่งกลุ่มและพรางตัวเพื่อออกเดินทางแล้วแยกย้ายกันไปในรูปลักษณ์ต่างๆ โดยแบ่งกำลังออกเป็น 5 กลุ่ม ทำทีเป็นพ่อค้าบ้าง เป็นคณะละครที่กลับจากแคว้นต้าจินบ้าง ทุกกลุ่มเดินทางทั้งกลางวันกลางคืน เมื่อถึงเมืองชายแดนหลังออกเดินทาง 3 วัน จึงตั้งค่ายพักผ่อนให้เต็มที่ 2 วัน จากนั้นจึงเดินทางเข้าประชิดเป้าหมายคือค่ายโจรเผ่าปาสู่แผนการรบถูกวางและซักซ้อมกันไปแล้วในการฝึกพิเศษ ตู้จินจินถ
เมื่อทุกคนตื่นมารับประทานอาหารเย็นในยามโหย่ว เหตุการณ์ที่พวกเขารับรู้ได้ก็ยังไร้วี่แววการบุกหรือถูกบุกจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยสิ้นเชิง ดีที่มื้อเย็นวันนี้เป็นอาหารปิ้งย่างที่ตู้จินจินให้ทางภัตตาคารชิมเมฆาส่งเนื้อสัตว์เสียบไม้สลับกับผักและผลไม้และมีน้ำหมักที่เอาไว้ทาไปย่างไปมาอีก 2 แบบ คือแบบเผ็ดมากและเผ็ดน้อย ส่วนคนที่ไม่เผ็ดนั้นคือเนื้อสัตว์แต่ละชนิดก่อนจะนำมาเสียบสลับกับผักผลไม้ที่ถูกหมักกับน้ำมันงาและเหล้าอย่างดีมาก่อนแล้ว “เจ้าว่าพวกเขาจะเริ่มบุกกันเมื่อใดหรือ” ฮัวตั่วเอ๋อที่ไม่ได้พักผ่อนยามบ่ายเอ่ยถามขึ้น และอีกหลายคนก็ยังจัดการงานในมือมิแล้วเสร็จ “หลังกลางยามโฉ่วไปแล้วกระมัง หากให้คำนวณตามหลักการของคนปกติ ช่วงนี้จะเป็นเวลาที่กำลังหลับลึกที่สุด แต่ว่าข้าก็มิอาจยืนยันได้เพราะพวกเขาผ่านการฝึกให้ต่างจากคนทั่วไป หากใครต้องการพักผ่อนก็ตามสบาย หากมีความเคลื่อนไหวข้าจะให้คนไปปลุกพวกท่านเอง” ตู้จินจินเองก็เพิ่งพักสายตาไปไม่นานเพราะมัวแต่ถูกก่อกวนจากพระสวามีก็รู้สึกง่วงอยู่ไม่น้อย แม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรเกินเลยเพราะต่างก็เกรงใจดวงตะวันที่ยังไม่ตกดิน ทั้งยังมิได้พักอยู่ในจวน
“กลุ่มเลขคี่ประชุมด่วน” เสียงเรียกประชุมดังขึ้นกลางสวนผลไม้ในชมเมฆา แต่กลับไร้วี่แววของกำลังพลกลุ่มเลขคี่ที่ควรจะมารวมตัวกันเพื่อรับฟังการประชุม องค์ชายรองและพระชายามองหน้ากัน ในสายตามีรอยยิ้มน้อยๆ จนเมื่อหยางต้าซานหยิบนกหวีดทองเหลืองออกมาเป่าเป็นจังหวะสั้นยาวสลับกันสามครั้งจึงเริ่มมีกำลังพลทยอยกันมารวมกลุ่มจนครบทุกนายภายในเวลาเพียงชั่วอึดใจ แสดงให้เห็นได้ชัดถึงระเบียบวินัยและความมั่นคงในจิตใจของกำลังพลที่มิเชื่อคำสั่งของผู้ใดโดยง่าย “ทุกคนพรางตัวได้ดีมาก เรื่องบทลงโทษจึงละเว้นให้ แต่อย่าลืมว่าในยามศึกการลงโทษคือชีวิต คืนนี้ฝ่ายเลขคี่เลือกเป็นฝ่ายบุก ดังนั้นภารกิจที่พวกเจ้าได้รับคือ บุกไปชิงธงสัญลักษณ์ของฝ่ายเลขคู่มาให้ได้ก่อนฟ้าสาง โดยที่ต้องรักษาธงสัญลักษณ์ของฝ่ายตนเองเอาไว้ให้ได้ด้วย โดยทั้งสองฝ่ายต้องสร้างหอธงขึ้นมาในส่วนใดก็ได้ของค่ายพัก และภารกิจจะเริ่มเมื่อตะวันตกดิน นี่คือพลุสีเหลือง พวกเจ้าติดตัวไว้คนละ 1 ดอก หากชิงธงมาได้แล้วให้จุดพลุขึ้นทันทีแล้วภารกิจจะเป็นอันเสร็จสิ้น ส่วนแผนการทั้งหมดให้พวกเจ้าหารือกันเอง ครูฝึกและพวกข้าจะคอยสังเกตการณ์ ห้ามมิให้ถึงแก่ชีวิตและห