LOGIN
ลูซี่เป็นนักฆ่าที่มีฝีมือเก่งกาจหาตัวจับยาก เพราะเธอมีความสามารถพิเศษคือประดิษฐ์อาวุธใช้เองทั้งปืนทั้งระเบิดได้อย่างชนิดตลาดมืดยอมจ่ายราคาไม่อั้นขอแค่เธอยอมขายให้
แล้วด้วยความเก่งเกินไปของเธอทำให้เป็นที่หวาดกลัวขององค์กรจนโดนสั่งเก็บ แต่การฆ่ามือสังหารอันดับ1ไม่ใช้เรื่องง่าย ลูซี่เป็นคนระวังตัวตลอดและไม่เคยไว้ใจใคร บ้านของเธอเต็มไปด้วยกับดักและอาวุธมากมาย "นี้คืองานใหม่ของเธอ"เลขาหัวหน้าใหญ่นำไฟล์งานมาให้หญิงสาวดู "แค่งานอารักขาเด็กทำไมต้องถึงมือชั้นด้วย"ฝีมือระดับเธอไม่น่าเหมาะกับงานระดับมือสมัครเล่นแบบนี้ "เห็นว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของเพื่อนนายใหญ่ เขาไว้ใจเธอเท่านั้น" "โอเค..ชั้นรับงานนี้"นักฆ่าสาวรับไฟล์มาเปิดดูแล้วทำลายไฟล์ทิ้ง ถึงเวลาต้องไปรับเด็กสาววัย12จากโรงเรียนเพื่อพาไปส่งบ้าน ทุกอย่างก็เหมือนจะไม่มีอะไร ลูซี่ระวังตัวรอบด้านแม้เด็กสาวจะพยามชวนคุยอย่างไรลูซี่ก็ไม่คุยด้วย หรือแม้แต่เด็กสาวจะร้องขอแวะซื่อของกินเล่นเธอก็เฉยๆ "พี่สาวหนูขอแวะซื้อชาไข่มุกก่อนได้มั้ย ขอแวะแปบเดียวเองนะคะ ไม่นานเลยเดี๋ยวหนูซื้อเลี้ยงแก้วหนึ่ง นะๆๆๆ"จนบอดิการ์ดสาวทนไม่ไว้จะหันไปตอบแต่อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บตรงชายโครงซ้ายพอหันกลับไปมองก็เห็นเด็กสาวถือมีดแทงเธอตรงตำแหน่งหัวใจพอดี "ครั้งนี้แกไม่รอดแน"เสียงเด็กสาวที่ไม่ใช้เด็กสาวแต่เป็นนักฆ่าสาวที่มีขนาดตัวเล็กปลอมตัวมาอย่างแนบเนียน "แก.."หญิงสาวพยามจะตอบโต้ แต่มีดที่แทงนั้นกลับอาบยาพิษเพื่อให้มั่นใจว่าเธอต้องไม่รอดจากการสังหารครั้งนี้ และทุกอย่างก็เริ่มพล่ามัวเธอรู้สึกไม่ยินยอม ทำไมถึงอยากฆ่าเธอขนาดนั้นเพียงแค่เธอเก่งกว่าใครแค่นั้นหรือเป็นเพราะคลังอาวุธที่เธอสร้างขึ้น พวกมันอยากได้เหรอไม่มีทาง ของๆเธอถ้าเธอไม่คิดให้ ใครหน้าไหนก็อย่าหวังมาชกฉวยมันไปได้ หญิงสาวได้แค่คิดแล้วทุกอย่างก็มืดลง ลูซี่รู้สึกไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก แล้วก็เวียนหัวมากจนต้องลืมตามอง "ชิงอี่ฟื้นแล้วเหรอลูก"หลีฮวาหลิงเห็นบุตรสาวฟื้นก็เรียกด้วยความดีใจ ลูซี่งงว่าหญิงสาวคนนี้พูดถึงใคร อยู่ๆเธอก็รู้สึกปวดหัวแล้วความจำต่างๆก็ไหลเข้ามาในหัว ร่างนี้มีชื่อว่า'หลีชิงอี่'อายุ14หนาวเป็นลูกสาวคนกลางของ'หลีฟู'อายุ32กับภรรยา'หลีฮวหลิว'อายุ30มีบุตรด้วยกันสามคนคือคนโต'หลีเสี่ยวหมิง'อายุ16หนาวแล้วมีน้องสาวอีกคน'หลีซูซู'อายุ10หนาว ครอบครัวหลีอาศัยอยู่ที่เมืองเกาหยาในยุคสมัยโบราญที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ ช่วง2ปีมานี้เกิดภัยแล้ง ปีแรกยังพอผ่านมันไปได้แต่มาปีนี้ฝนก็ยังไม่ตกจนชาวบ้านเริ่มทนไม่ไหวค่อยๆอพยพขึ้นเหนือเพราะทางเหนือยังมีแหล่งน้ำ ครอบครัวหลีก็เช่นกัน 5คนพ่อแม่ลูกพร้อมวัวเทียมเกวียนอีก1ตัดสินใจอพยพตามหัวหน้าหมู่บ้านและชาวบ้านอีก20กว่าครอบครัวเดินทางขึ้นเหนือและด้วยอากาศที่ร้อนทำให้หลีชิงอี่ที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงล้มป่วย แต่ด้วยเป็นช่วงอพยพไม่สามารสจะหยุดพักได้เด็กสาวเลยทนอาการป่วยไม่ไหวแล้วจากไปในที่สุดแล้วเธอลูซี่นักฆ่าสาวยุคปี2030เข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน เมื่อเด็กสาวค่อยๆเรียบเรียงเรื่องราวได้ก็กลอกตามองลอบๆ ตอนนี้เธอนอนอยู่น่าจะบนเกวียนวัวของครอบครัว มีบิดาและพี่ชายคอยคุมเกวียนส่วนเธอกับมารดาและน้องสาวนั้งภายในเกวียนมารดาค่อยเอาผ้าที่ชุบน้ำน้อยๆค่อยเช็ดใบหน้าและตามเนื้อตัวให้ ครอบครัวเธอเป็นชาวนาพอไม่มีฝนก็ยากจะทำมาหากิน มีบ้างที่ขึ้นเขาไปล่าสัตว์หาของป่าแต่เพราะอากาศที่แล้งทำให้สัตว์ป่าก็หนีภัยแล้งไปเช่นกัน "เดี๋ยวจะมีการหยุดพังตั้งกระโจมค้างแรมนะตรงข้างหน้านะ ใครจะไปหาอาหารหรือหาฟืนก็ตามสบายแต่อย่าไปไกลจากกลุ่ม"เสียงลูกชายหัวหน้าประกาศให้ชาวบ้านได้รับรู้ ครอบครัวหลีก็หยุดและตั้งกระโจมข้างๆเกวียน "เดี๋ยวข้าจะไปดูว่ามีสัตว์หรือผลไม้อะไรพอเอามาทำอาหารได้บ้าง"หลีฟุบอกกล่าวแกภรรยาและลูกๆ "ข้าไปด้วยท่านพ่อ"หลีเสียวหมิงก็อยากตามไปด้วย "อย่าเลย..เจ้าคอยดูแลท่านแม่และน้องๆอยู่ที่แหละ พ่อไม่ไว้ใจ"สถานการณ์แบบนี้ไว้ใจใครไม่ได้ เมื่อบุตรชายคนโตฟังก็คิดตามผู้เป็นบิดา "ขอรับ..ข้าจะอยู่เฝ้าที่นี้เอง" ลูซี่นอนฟังพ่อลูกปรึกษากัน ตอนนี้เธอยังทำอะไรไม่ถูกเลยนอนมองการกระทำของทุกคน แม่หลีเอาเศษไม้มากองๆแล้วจุดไฟเพื่อจะทำอาหาร ซูซูก็เอาหญ้าแห้งให้วัวกิน ตอนนี้น้ำมีอย่างจำกัดเพราะฉะนั้นจำทำอะไรก็ต้องนึกถึงว่าใช้น้ำให้น้อยที่สุด "เกินไปครึ่งก้านธูปมีแหล่งน้ำ เราสามารถไปตักเอามาตุนระหว่างเดินทางได้ "เสียงชาวบ้านที่เดินไปหาอาหารตะโกนบอกข่าวให้ผู้อพยพให้รับรู้กัน "ท่านแม่รออยู่นี้นะขอรับ ข้าจะไปตักน้ำเอามาเก็บไว้"เสียวหมิงรีบบอกมารดา "ไปเถอะลูก ระวังตัวด้วย"นางอยากไปกับลูกชายแต่จนใจเพราะไม่กล้าทิ้งบุตรสาวทั้งสอง "พี่ชิงอี่เป็นไงบ้างจ้ะ..หายปวดหัวยัง?"ซูซูเดินมานั้งข้างๆพี่สาวแล้วเอามืออังหน้าผาก "ยังปวดอยู่นิดหน่อยนะ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงพี่ ไปนั้งพักเหอะนะ"เธอไม่เคยมีญาติพี่น้องมาก่อยเพราะเป็นเด็กกำพร้า พอเข้ามาอยู่ในร่างนี้ถึงจะมีความทรงจำเดิมแต่มันก็ยังแปลกๆอยู่ดี ซูซูคิดว่าพี่สาวยังป่วยเลยไม่ได้คิดอะไรมากกับท่าทีที่เปลี่ยนไปเด็กสาวเดินไปช่วยมารดาอุ่นแผ่นแป้งและตักผักดองเอามาเตรียมทำเครื่องเคียง เมียหัวหน้าหมู่บ้านได้ข่าวว่าบุตรสาวคนกลางของบ้านหลีป่วยก็เป็นห่วงเลยเดินมาดู "ฮวาหลิว ข้าได้ข่าวบุตรสาวเจ้าล้มป่วยเหรอ"คนอยู่หมู่บ้านเดียวกันมีอะไรก็ไม่เคยทิ้งกันเลยอดห่วงกันไม่ได้ "เจ้าคะ..ไม่สบายมาสองวันแล้ววันนี้ยังคิดว่าจะแย่สะแล้วเพราะตัวร้อนมาก แต่พอบ่ายๆก็ดีขึ้นนะ"ลูกสาวนางเริ่มป่วยตั้งแต่ออกเดินทางแรกๆแล้วแต่ก็ฝืนเดินทางต่อด้วยไม่อยากเป็นภาระให้ครอบครัวแต่เมื่อสองวันที่แล้วอาการก็เริ่มหนักลงจนเมื่อเช้าก็ยังไม่ดีขึ้น พ่อหลีคิดว่าถ้ายังไม่ดีขึ้นพอไปถึงเมืองข้างหน้าจะหยุดแวะพักจนกว่าบุตรสาวจะหาย ถึงจะต้องแยกทางจากกลุ่มยอม "ดีแล้วดีแล้ว พวกข้าก็ห่วงอยู่แต่สถานการณ์แบบนี้ก็ช่วยอะไรมากไม่ได้"แล้วเมียหัวหน้าหมู่บ้านก็อยู่คุยด้วยอีกสักพักก็ขอตัวกลับกระโจมของตัวเอง ผ่านไปพักใหญ่ๆพ่อหลีก็กลับมาพร้อมไก่ป่า1ตัวกับกระรอกอีก1ตัว "วันนี้เรามีเนื้อกินแล้วนะ"พ่อหลีโชว์ผลงานอวดครอบครัว "งั้นเรากินกระรองแล้วกันส่วนไก่ป่าเดี๋ยวแม่จะรมควันไว้กินมื้ออื่น"ด้วยในยุคนี้ของกินต้องกินอย่างถนอมเผื่อวันที่หาอาหารไม่ได้ด้วย "แล้วเสียวหมิงไปไหนละ"เมื่อไม่เห็นบุตรชายคนโตก็ถามถึง "มีคนบอกว่ามีแหล่งน้ำจ้ะเสียวหลิงเลยไปตักเอามาเก็บไว้ "ปากก็พูดไปมือก็ลงมือชำแหละอาหารไปด้วย "งั้นเดี๋ยวข้าไปช่วยลูกอีกแรงดีกว่านะแม่ ได้เอาน้ำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวกันด้วย"ว่าแล้วก็เตรียมถังไม้ไปช่วยบุตรชายอีกแรก ชิงอี่เริ่มปรับตัวได้ก็ลุกลงมาจากเกวียน แล้วมองไปรอบๆก็เห็นมารดากับน้องสาวชวยกันเตรียมอาหาร มองเลยไปก็เห็นวัวสาวก้มลงเล็มหญ้า ที่บ้านเธอมีวัวเป็นตัวเมียเพราะวัวตัวนี้รางกายไม่แข็งแรงจนไม่สามารสเอามาทำเป็นแม่พันธุ์ได้แถมอาจอายุไม่ยืนเลยขายให้พ่อหลีในราคา2ตำลึงจากราคา5ตำลึง พอมาอยู่บ้านที่บ้านรู้ว่ามันรางกายไม่แข็งแรงเหมือนบุตรสาวเลยสงสารไม่พยามใช้งานมันหนักๆแถมยังดูแลมันอย่างดี ชิงอี่เดินมาดูวัวสาวใกล้ๆพอวัวสาวเห็นเจ้านายก็หันมาเอาหัวถูตัวเจ้านายเป็นการแสดงความรัก หญิงสาวเห็นแบบนั้นก็เอ็นดูเจ้าสัตว์สี่ขาขึ้นมาทันที เธอคิดถ้าอยู่ในร่างเดิมเธอจะเอาเครื่องดื่มบำรุงพิเศษที่เธอคิดค้นขึ้นมาใครที่ได้ดื่มจะมีพละกำลังเริ่มขึ้น แต่เธอไม่รู้สัตว์จะกินได้มั้ยแต่ถ้ามีโอกาสเธอจะลองแนๆ เสียดายตอนนี้เธอมาอยู่ในร่างเด็กยุคโบราญแบบนี้ คิดถึงคลังแสงที่บ้านจัง ในบ้านเธอมีห้องวิจัยและห้องเก็บของทุกอย่างเพราะเธอต้องแปลงโฉมตลอดเลยมีสิ่งของมากมายในนั้น แค่เห็นวัวสาวที่ผอมแห้งขนาดนี้ก็นึกถึงยาชูกำลัง และในขนาดที่เด็กสาวคิดอะไรเล่นเพลินๆอยู่ๆในมือเธอก็ปรากฏสิ่งของ พอยกขึ้นมาดูก็ต้องตกใจ 'มันมาได้ไง'ทางด้านสามพี่น้องก็ขายผักอย่างอารมณ์ดีเพราะพอตั้งแผงปุบก็ขายหมดภายในไม่เกินหนึ่งหนึ่งก้านธูป(30นาที) ขากลับนางแวะซื้อไก่ไป5ตัวเพื่อเอาไปทำไก่รมควันตากแห้งไว้เป็นเสบียงหน้าหนาว และไม่ลืมซื้อรำข้าวเอาไว้ให้ผสมใส่ในผักให้หมูป่ากินตามที่มารดาสั่ง เพราะรอบที่แล้วนางไม่ได้ซื้อ ก็นางไม่รู้ว่ามันกินอะไรนอกจากผัก.กลับมาถึงบ้านก็เอาของไปเก็บปล่อยให้น้องๆได้นั้งพัก มารดาก็อุ้มน้องชายออกมารอตอนรับ . "วันนี้บ้านใหญ่มาอีกแล้ว..แต่แม่ก็เก็บของเข้ามิติจนหมด เหลือแต่พวกสัตว์เพราะแม่ลืม"ตอนนั้นนางลืมจริงๆเพราะมัวแต่สนใจข้าวของภายในบ้านและห้องเก็บของ มารู้ตัวตอนที่พี่สะใภ้โดนฝูงไก่ทำร้ายถึงนึกออกว่าตัวเองไม่ได้เก็บสัตว์เลี้ยง "แล้วบ้านใหญ่ได้อะไรไปมั้ยเจ้าค่ะ?"หญิงสาวก็เห็นสัตว์ของนางอยู่ในคอดสัตว์นอนกันเงียบทุกตัวไม่มีหายไป แต่ก็เห็นแปลงผักดูเละเทะเหมือนมีคนเข้าไปเหยียบย่ำ!"ไม่ได้อะไรไปเลยแถมยังโดนทั้งแม่ไก่จิกและเสี่ยวมาวกัดจนได้แผลเต็มตัวกลับไปกันทั้งสองคน ดีว่าท่านย่าไม่โดนทำร้ายด้วยไม่งั้นบ้านเราต้องเดือดร้อนแนๆ"ตอนนั้นนางตกใจคิดอะไรไม่ออก แต่ลองมาคิดดูแล้ว ดีว่าแม่สามีไม่บาดเจ็บไม่งั้นเรื่องต้
เมื่อกลับมาถึงที่พักท่านผู้เฒ่าทั้งหลายมานั้งล้อมวงดื่มน้ำแกงที่ไห่เม้ยต้มให้ "อาอี่มาดื่มน้ำแกงบำรุงรางกายเร็ว ในป่านี้อากาศชื้นเดี๋ยวจะล้มป่วยเอา"แม่เฒ่าฉีเอยเรียกชินอี่ให้มาร่วมวง"เจ้าค่ะ"หญิงสาวรับคำจึงนั้งลงรับน้ำแกงจากซูซู "เหมือนฝนทำท่าจะตกอีกแล้วแบบนี้เราจะได้ออกจากป่ามั้ยนะ"หัวหน้าหมู่บ้านกลัวสัตว์จะย้อนกลับมา"ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านลุงตู่ สัตว์ป่าไม่น่ากลัวเท่าคน ถ้าพวกมันมาข้ามีวิธีไล่มันไปเจ้าค่ะอยู่กับพวกข้าพวกท่านปลอดภัยแนนอน"เธอมีรั้วไฟฟ้าพวกสัตว์ไม่กล้าเข้าใกล้แต่คนนี้สิ เธอคิดว่าอาจยังไม่จบเท่านี้ ตอนออกจากป่าเธออาจต้องแวะไปจวนท่านเจ้าเมืองเสียหน่อยแล้ว ถ้ายังไม่ยอมจบเธอจะเป็นคนจบเรื่องให้เอง แล้วพวกเขาก็เร่งเดินทางจนออกมาใกล้ถึงป่าชั้นนอกถึงจะยังไม่ออกจากป่าแต่ก็นับว่าปลอดภัยกว่าป่าชั้นในเธอตรวจดูแล้วสามวันนี้ฝนจะตกตลอดเธอเลยให้ผู้ชายช่วยกันทำเพิงชั่วคราวทั้งคนและสัตว์ทั้ง7ซึ้งพวกมันก็ฉลาดอยู่กันเงียบๆไม่ส่งเสียง บ่ายวันหนึ่งฝนก็ตกจริงดีว่าเตรียมตัวกันแล้วเลยรับมือได้ เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้เธอเลยเข้าไปในห้องวิจัยสร้างอาวุธชนิดใหม่ขึ้นมาเผื่อจะมีชิ้นไหนเอาไปฝากเจ
เมื่อสองผัวเมียรู้ว่าโสมที่ได้มาจากชิงอี่ทั้งสองเลยยิ่งนับถือเด็กสาวแล้วตั้งมั่นว่าจะติดตามครอบครัวนางเพื่อรับใช้ไปตลอด ระหว่างเดินทางเสียวไป๋กับเสียวหงชอบให้ซูซูแปรงขนให้ เจ้าสองเผือกคิดว่าพวกมันคิดถูกที่มาขออาศัยกับฝูงนี้สมาชิกในฝูงไม่มีใครรังแกพวกมันเลยแถมยังคอยกอดพวกมันด้วยความรัก หาผลไม้ให้ ตอนนอนก็มีที่อุ่นๆให้นอนไม่ต้องกลัวใครจะมารังแก พวกมันชอบกระโดดเล่นไปมาระหว่างเกวียนวัว มันสองตัวรู้แหล่งสมบัติหลายที่เพื่อเป็นการตอบแทนที่ให้มันสองตัวอยู่ในฝูงมันจะพาเจ้ามนุษย์นี้ไปล่าสมบัติเองณ เมืองเฉียงเจ้าเมืองฟ้านอ่านรายงานจากลูกน้อง "ผ่านไปเป็นเดือนทำไมยังหาไม่เจอ""ที่ค้ายโจรไม่มีใครรอดเลยขอรับ และไม่ทิ้งร่องรอยให้ตามสืบได้เลย"ลูกน้องเขาที่ไปถึงเจอแต่ศพเกลื่อนไปหมดแถมทรัพย์สินที่เขาเอาไปซ้อนเก็บไว้จากการปล้นและการโกงงบเสบียงภัยแล้งมาจากชาวบ้านก็ยังมาหายแบบไม่มีรองรอย สมบัติมากมายมันจะหายแบบไม่มีรองรอยได้ไงผ่านไปเป็นเดือนเขาก็ตามหาเบาะแสไม่เจอ"แล้วช่วงนี้มีครอบครัวไหนดูมีฐานะบ้างหรือแม้แต่ขบวนอพยพก็ด้วยตรวจให้หมด ข้าต้องเอาสมบัติกลับคืนมาให้ได้"เขาสั่งปิดด้านเพราะจะได้คอยสังเกตุว่า
ดวงตาแดงเหมือนเลือดกับตัวสีขาวเหมือนหิมะ 'กระรอกเผือก'น่ารักจังชิงอี่มองเจ้าลูกกระรอกน้อยด้วยความเอ็นดู แต่เธอไม่รู้กระรอกกินอะไรเลยนั้งมองมันเฉยๆ เจ้ากระรอกเผือกทำท่าทางเหมือนจะข้ามาหาแต่อยู่ๆก็ตกใจแล้วหนีไป ชิงอี่ก็หันซ้ายหันขวาว่าเจ้าจิ๋วมันตกใจอะไร ก็เจอพี่ชายตัวเองกำลังปีนไปเด็ดดอกไม้ที่เลือยขึ้นมาบนยอด พี่ชายเธอเด็ดดอกไม้ไปให้ใคร เรื่องนี้มันต้องตามไปส่อง เสียวหมิงเด็ดดอกไม้ลงมาให้...ซานซา!! ดูๆแล้วพี่ชายเธอคงอีกหลายปีถึงจะได้แต่งงาน ซานซาเพิ่งจะ10ขวบเองพอหมดความสนใจเรื่องพี่ชายหญิงสาวก็ไปสำรวจรอบๆป่า เผื่อเธอจะเจอสัตว์น่ารักน่ารักอีก ภพที่แล้วเธอไม่มีญาติไม่มีเพื่อนแม้แต่สัตว์เลี้ยงยังไม่มีเพราะไม่่ต้องการมีภาระตอนไปทำภารกิจ แต่มาภพนี้ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นคนรักสัตว์เอามากๆดูได้จากเจ้าสี่สหายที่เธอเลี้ยงดูพวกมันอย่างดี ต้องป้อนยาบำรุงให้กินทุกวัน เพื่อให้พวกมันสุขภาพแข็งแรงขนจะได้สวยๆ ว่าไปป่านี้ก็อุดมสมบูรณ์ดีนะสัตว์ป่ามีมากด้วย พอสำรวจจนพอใจก็กลับไปที่กระโจม พอมาถึงกระโจมก็เดินไปหาแก๊งสี่สหายก่อนเลย "เหนื่อยกันมากมั้ยพวกแก ข้าอยากเห็นลูกวัวตัวน้อยๆแล้วพวกแกเมื่อไรจะมี
"ฝนจะตกจริงใช้มั้ยอาอี่"แม่เฒ่าถามด้วยความตื่นเต้น ถ้าฝนตกชาวบ้านก็จะได้คลายร้อนได้บ้างและยังมีน้ำไว้ใช้ แถมแหล่งน้ำธรรมชาติได้มีน้ำไว้ให้สัตว์อีกด้วย "ข้าไม่แนใจเจ้าค่ะ เจ้านี้มันบอกแค่ว่าอาจมีปริมาณน้ำฝนหนาแน่น""ดีๆ อย่างน้อยยังมีความหวัง ถือเป็นข่าวดี""ฝนตก"เสี่ยวเปา"ฝนตก"หลิงหลง"จ้าฝนจะตกแล้ว"ไห่เม้ยรับคำเด็กทั้งสอง เธอเหมือนมีลูกแฝดเพราะอายุของเด็กใกล้เคียงกัน "ข้าว่าอย่าเพิ่งบอกใครเผื่อมันอาจไม่ตกคนจะผิดหวังเสียเปล่าๆ "หลีฟูกลัวว่าคนจะคาดหวังว่าฝนจะต้องตก ถ้ามันไม่ตกอาจทำให้ชาวบ้านผิดหวังก็ได้ การเดินทางเป็นไปด้วยความเงียบเพราะทุกคนเริ่มสิ้นหวังว่าเดินหนีภัยแล้งครั้งนี้อาจไม่ใช้ความคิดที่ดีก็ได้ตอนตั้งกระโจมพักค้างแรมจากที่เคยมีเสียงพูดคุยก็เริ่มเงียบไม่มีการพูดคุยกันแบบในอดีตเพราะทุกคนท้อแท้เกินกว่าจะมีอารมณ์เสวนา ชิงอี่เป็นห่วงสัตว์เลี้ยงของเธอที่เฝ้าบำรุงมาอย่างดีกลัวจะโดนคนคิดเอาไปเป็นของตัวเองหรือคนใจบาปเอาไปทำอาหารเพราะพวกมันอ้วนดูน่ากินมากเธอเลยอยู่เฝ้าสี่สหายไม่ห่าง เธอถือว่านี้คือของรักของข้าเชียวแหละและเช้ามืดของเช้าวันหนึ่งก็มีลมแรงจนกระโจมปลิวชิงอี่คิดว่าฝ
ขบวนหนีภัยแล้งเดินทางต่อโดยมีหัวหน้าหมู่บ้านนำขบวนและครอบครัวหลีปิดท้ายขบวน ชิงอี่ค่อยใช้กล้องส่องทางไกลดูรอบๆว่าปลอดภัยมั้ย "ชิงอี่เห็นอะไรบ้าง"พ่อหลีถามบุตรสาวด้วยกลัวพวกโจรจะตามมา "ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ไม่มีใครตามขบวนเรามา "ที่เธอกังวลไม่ใช้โจร แต่เป็นพวกเจ้าหน้าที่ต่างหากละ จากที่เธออ่านในสมุดบัญชี มีเจ้าเมืองเฉียงมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแล้วพวกเธอกำลังเดินทางผ่านเมืองนี้พอดี พวกเธอจะเจออะไรบ้างยากที่จะเดาจริงๆ ช่วงหยุดพักกลางวันหลายๆครอบครัวเลือกที่จะนอนพักเอาแรงเพราะเมื่อคืนทุกคนเกือบจะไม่ได้นอนกันเลย หัวหน้าหมู่บ้านก็เหมือนจะเข้าใจเลยพักให้นานอีกหน่อย เฟยหลงไปดูรอบๆพอรู้มีแหล่งน้ำ ไห่เม้ยกับฮวาหลิวเลยพาเสี่ยวซากับเสี่ยวหลิงไปอาบน้ำสระผมให้สะอาดตาขึ้น เพราะเมื่อคืนแค่เช็ดตัวแต่ยังไม่สะอาดหมดและผมที่เกาะกันเป็นก้อนๆต้องค่อยๆสางกว่าจะอาบน้ำสระผมเสร็จก็หมดเวลาพักพอดี "พออาบน้ำแล้วค่อยน่ารักขึ้นมาหน่อย"ชิงอี่พูดด้วยความเอ็นดู "ข้าว่าแหล่งน้ำเริ่มลดลงแล้วนะ"เฟยหลงเห็นปริมาณน้ำที่ลดลงมากจากรอยเดิม"หมายความว่าภัยแล้งเริ่มขยายพื้นที่แล้วเหรอ"แม่เฒ่าหวองเป็นกังกล กว่าพวกนางจะเดินไป







