LOGINผ่านมาสามเดือนแล้วที่ภริตาอุ้มท้องมา ตอนนี้เด็กน้อยในครรภ์โตขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เธอก็ได้ยินเสียงหัวใจอีกดวงเต้นตึกตักอยู่ในตัวเธอ แม้จะเป็นสัมพันธ์แค่ชั่วคืน แต่เมื่อหัวใจดวงน้อยอุบัติขึ้น ภริตาก็พร้อมมอบให้ทารกน้อยจนเต็มหัวใจ
วาธินทร์ดูแลเธอกับลูกดีมาก แต่ลึกๆ แล้วหญิงสาวรู้ว่าที่วาธินทร์ทำไปทั้งหมดก็เพราะอยากครอบครองเธอต่างหาก และแล้วสิ่งที่ภริตาคิดมาตลอดก็มีส่วนถูกเมื่อวาธินทร์พยายามมาเล้าโลมเธอในคืนนี้
“วาด” ชายหนุ่มเรียกภริตาซึ่งยืนทำอะไรก็อกแก็กอยู่หน้าเตา
“คะ”
พอเห็นว่าหญิงสาวผินหน้ามา คนที่ตอนแรกแค่ตั้งใจเรียกชื่อเธอเฉยๆ ตอนนี้เขยิบเข้ามานั่งใกล้อีกนิด สายตาที่ภริตาเคยเห็นความหวังดีมาตลอดเปลี่ยนเป็นกะลิ้มกะเหลี่ยจนพาลรู้สึกขยะแขยง
“เรียกแต่ไม่พูด ธินทร์มีอะไรกับวาดหรือเปล่า”
เสี้ยวหนึ่ง เห็นความลังเลในแววตาของชายหนุ่ม แต่ก็แค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น เพราะไม่กี่วินาทีถัดจากนั้น วาธินทร์ก็ตัดสินใจเปรยสิ่งที่อยู่ในความคิดออกมาให้ภริตารับรู้
“วาดไม่อยากบ้างเหรอ”
ครั้งแรกที่ได้ฟัง ภริตาก็ชะงัก หากทว่าพยายามคิดในแค่ดีไว้ว่าเธอคงได้ยินผิดไป จึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงสิ่งใดอยู่
“ธินทร์หมายถึงอะไรเหรอ”
พอเธอถามออกไป วาธินทร์ก็ชักสีหน้าใส่ทันที “ทำเหมือนไม่รู้ วาดไม่ได้เด็กไร้เดียงสานะถึงจะไม่รู้ว่าเราหมายถึงอะไร”
“วาดรู้ แต่แค่คิดไม่ถึงว่าธินทร์จะคิดแบบนี้ เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะธินทร์” เธอย้อนด้วยสุ้มเสียงโทนเดียวไม่ต่างจากเขา รวนมารวนกลับ ไม่โกง
“ผิดตรงไหนล่ะวาด เราดีกับวาดและลูกทุกอย่าง วาดควรจะเห็นใจเราบ้างสิ”
“วาดรู้ว่าธินทร์ดีกับวาดและลูกมาก แต่วาดไม่เคยคิดกับธินทร์มากกว่าคำว่าเพื่อนเลย”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะวาด เมื่อไหรจะให้โอกาสเราเสียที” สุ้มเสียงติดน้อยใจถูกสะบัดใส่ภริตา เธอรู้ว่าการที่อยู่ในฐานะคนที่อยากครอบครองนั้นรู้สึกอย่างไร แต่วาธินทร์คงไม่รู้ว่าการต้องฝืนทนกล้ำกลืนนั้นลำบากแค่ไหน แต่เอาเถอะในเมื่อเขายืนกรานอยากจะสานสัมพันธ์ในฐานะอื่น เธอก็จะลองเปิดใจดูสักครั้ง
“ธินทร์อยากได้โอกาสนั้นเหรอ”
“ใช่! วาดก็เห็นว่าเราชอบวาดมาตั้งนานแล้ว ให้โอกาสเราเถอะ ให้เราได้ดูแลวาดกับลูกแบบครอบครัวคนอื่นๆ บ้าง”
สีหน้าของวาธินทร์ตอนนี้เหมือนคนที่รอความหวังจนล้นปรี่ ภริตาแอบถอนหายใจเฮือก เธอไม่อยากจะลอง หรือสานสัมพันธ์นี้ตั้งแต่แรก ทว่าพอเห็นสีหน้าของวาธินทร์แล้วก็พานใจอ่อน
“ก็ได้ วาดจะลองเปิดใจดูนะ”
แค่เพียงหญิงสาวที่เขาแอบรักมาเนิ่นนานให้โอกาส วาธินทร์ก็ดีใจ รีบกระเถิบตัวเองมาใกล้ภริตา เริ่มไต่มือปลาหมึกไปตามเนื้อตัวของเธอ แต่แค่เริ่มภริตาก็กัดฟันขมเม้มริมกลีบปากอิ่มเข้าหากันแน่น โดยเฉพาะตอนที่ฝ่ามือรุกล้ำเข้าไปในใต้กระโปรง เธอส่ายสะโพกหนีแต่วาธินทร์ก็ตามเล้าโลมต่อ
“วาดหอมมาก” วาธินทร์เพ้อออกมา ดอมดมและจูบซุกไซ้ตามซอกคอหอมกรุ่น แต่ภริตาพยายามปัดป้องไม่ให้อีกฝ่ายล่วงเกินเธอ แต่เขาไม่สนใจการกระทำเหล่านั้น
“ธินทร์”
“หื้อ”
“เราว่าหยุดเถอะเรายังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมอะไรล่ะวาด ทำเหมือนไม่เคย วาดโดนเอาจนท้องมาแล้วนะ ยังจะมาทำเป็นหวงตัวเป็นเด็กไปได้”
ภริตาชะงัก เจ็บแปล๊บ มองวาธินทร์อย่างเคืองๆ ขอขยับสถานะไม่ถึงสิบนาที วาธินทร์ก็เริ่มเอาแต่ใจแล้ว โดยเฉพาะคำพูดจากที่พะเน้าพะนอเอาใจ กลายเป็นชวนตบบ้องหูแทน
“ธินทร์หยุดเถอะ ขอร้อง” ภริตาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นครั้งแรก อีกยังแสดงสีหน้าผิดหวัง ธาวินทร์ถึงเริมแสดงธาตุแท้ออกมา
“รำคาญน่า จูบนิดจูบหน่อยทำเป็นสะบัด ทีปล่อยให้ใครไม่รู้เอาจนป่องขนาดนี้ ยังทนได้”
เมื่อลุกล้ำข้างล่างไม่ได้ เขาก็เคลื่อนมือมากอบกุมดอกบัวคู่งามข้างหนึ่งผ่านเสื้อบาง ซุกไซ้ดอมดมจนหญิงสาวตัวสั่นสะท้าน
“ปล่อยนะ ปล่อยวาด” น้ำเสียงเล็กกระท่อนกระแท่นขาดพลัง แต่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แต่กลับรุกเร้ามากขึ้น
“อย่าเล่นตัวนักเลย อยู่นิ่งๆเถอะน่า”
ภริตาพยายามจะโอนอ่อนตามธาวินทร์แต่จนแล้วจนรอดความรู้สึกของเธอกลับไม่ได้ถูกเติมเต็มเหมือนครั้งที่เธอมีอะไรกับมาเฟียที่ชื่อเอเมอร์คนนั้น ข้อมือเล็กถูกตรึงเหมือนโดนตะปูตอกทั้งสองข้าง
“ร้องสิ ผมอยากดูว่าแรงคุณจะแค่ไหน”
ปลายนิ้วแกร่งบดบี้ติ่งเนื้อสาว ปลุกเร้าให้เธอรู้สึกต้องการเขาเหมือนที่เขาต้องการเธอเจียนคลั่ง เมื่อเห็นเธอตอบโต้กลับด้วยการนิ่งเป็นท่อนไม้ วาธินทร์จัดการประกบริมฝีปากลงอย่างแนบแน่น ก่อนจะดุลลิ้นอุ่นให้เข้าไปในโพรงปากนุ่มที่ปิดแน่น หึ คนที่เจนเวทีอย่างเขามีเหรอที่ภริตาจะต้านทานไหว วาธินทร์เริ่มเปลี่ยนตำแหน่งเลื่อนศีรษะลงมาอยู่ระหว่างกึ่งกลางกายของหญิงสาว ภริตาใจเต้นระส่ำรีบพลิกตัวหนี แต่อีกฝ่ายก็วาดท่อนขาแข็งแรงตรึงไว้ ก่อนจะดึงแพนตี้ตัวน้อยขาดวิ่น
“ธินทร์!” ภริตาร้องสุดเสียงด้วยความตกใจ
“แยกขาออกสิวาด”
“ไม่!! เราไม่ทำ เราทำไม่ได้ ขอร้องหยุดเถอะ” นอกจากตะเกียกกายจะลุกขึ้นแล้ว ภริตายังแข็งขืนตัวเองสุดชีวิต แต่เธอก็ยอมรับว่าธาวินทร์นั้นแข็งแรงมาก ขาของเธอถูกเข่าของเขาแยกออก อาวุธลับกำลังจะจ้วงเข้ากลางกายเธอ
“หยุดดิ้นนะวาด ไม่งั้นอย่าหาว่าเราใช้กำลังนะ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงขู่ ดวงตาสวยที่ตื่นกลัวเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเจิดจ้า ตอบโต้กลับไปอย่างไม่ยอมแพ้
“แล้วไอ้ที่ธินทร์ทำอยู่ เราสมยอมตรงไหน นี่เหรอเพื่อน” ภริตาแค่นเสียง ดวงตามองชายตรงหน้าที่ใช้กำลังบังคับเธอ
“ปากดีนะแต่เอาเถอะ เราชอบ ด่าต่อเลยเพราะเธอยิ่งด่า เราก็ยิ่งมีอารมณ์” พูดจบธาวินทร์ก็ซุกไซ้จมูกลงตรงซอกคอขาว ภริตาย่นคอหนี สมองน้อยๆ ครุ่นคิดหาทางรอด
“ทำไมหยุดล่ะวาด เรายังได้อารมณ์อยู่เลยนะ ดิ้นต่อสิ” เสียงนั้นยังคงเยาะเย้ย ภริตากัดฟันแน่น แต่คิดว่าหากเธอแข็งข้อคงไม่แคล้วต้องมีสูญเสีย จึงเลือกที่จะโอนอ่อนตาม พอธาวินทร์เห็นท่าทีของหญิงสาวเปลี่ยนไป จากที่แสดงอาการรุนแรงก็อ่อนโยนขึ้น
ภริตาพยายามอย่างเต็มที่จะผ่อนคลายอารมณ์แต่เพราะใจมันไม่ได้ เลยโกหกวาธินทร์ไปว่าหมอห้ามมีเพศสัมพันธ์ตอนไตรมาสแรก เมื่อได้ฟังดังนั้นวาธินทร์ถึงกับหัวเสียทันทีลุกขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
นับตั้งแต่นั้นมา วาธินทร์ก็ไม่เคยขอมีอะไรกับเธออีก แต่เขามักจะหายออกจากบ้านบ่อยๆ หากกระนั้นภริตาก็แอบโล่งใจที่อีกฝ่ายไม่ค่อยกลับบ้าน ส่วนเธอก้มหน้าก้มตาทำงานไปตามเรื่องตามราว ได้เงินมาก็เก็บหอมรอมริบโดยที่ไม่ได้แจ้งให้วาธินทร์รู้
ภริตายอมรับว่าต่อให้วาธินทร์เลวร้ายหากทว่าก็ยังมีส่วนดีอยู่บ้าง เพราะตอนที่เธอเจ็บท้องคลอดก็ได้วาธินทร์นี่แหละที่พาไปยังโรงพยาบาล อีกทั้งเขายังใส่ชื่อเป็นผู้รับรองบุตร ดูแลเธอกับลูกอย่างดีจวบจนกระทั่งอินดี้อายุได้หนึ่งขวบ สันดานเดิมของวาธินทร์ก็เริ่มออกลาย
“ธินทร์” ภริตาเรียกคนที่นั่งกดมือถือเล่นอย่างเมามันอยู่บนโซฟา ท่าทีเหมือนคนติดเกมส์ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่น เธอเรียกก็ไม่คิดขานตอบจนต้องเอ่ยเรียกอีกครั้ง “ธินทร์”
“อะไร!” ถึงจะตอบเสียงห้วนจัด ทำเอาคนเรียกถึงกับส่ายหน้า
“วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ วาดเห็นธินทร์นั่งเล่นเกมทั้งวันเลย”
“แล้วไง” คนตอบตอบกลับมาเคืองๆ ก่อนย้ายสะโพกไปยังห้องอื่นคงกลัวว่าเธอจะใช้งานอีกละมั้ง
3เดือนต่อมาภริตากำลังนั่งถักหมวกเพื่อให้เจ้าตัวเล็กได้สวมใส่ในช่วงหน้าหนาว หรือเวลาที่เอเมอร์พาเธอกับลูกไปเที่ยวที่ต่างประเทศในอนาคต ตอนนี้ลูกน้อยของภริตาได้มีอายุครบหกเดือนเต็มแล้ว แถมยังชอบส่งยิ้มให้ป๊ากับมี๊อีกด้วยเอเมอร์เมื่อเห็นลูกเริ่มเล่นได้ก็เห่อซื้อของขวัญชิ้นโตๆ ให้ลูกมาเป็นโขยง ทั้งที่ของทุกชิ้นลูกก็ยังเล่นไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ ดูท่าคุณพ่อป้ายแดงคงจะเห่อลูกไปอีกนานปรี๊น!ปรี๊น!เสียงแตรรถบีบเรียกให้ภริตารีบออกไปต้อนรับการกลับมาของสามี ร่างบางวางเครื่องมือการถักผ้าลงก่อนที่จะลุกขึ้นเดินไปหาเอเมอร์ที่บริเวรหน้าประตูใหญ่ร่างสูงสวมชุดสูทราคาแพงขึ้นบันไดตรงเข้ามากอดภรรยาคนสวยพร้อมกับหอมอีกสองฟอดภริตาถึงกับต้องตีที่แขนเอเมอร์เป็นเชิงเอ็ดเพราะกลัวว่าคนใช้ในบ้านจะมาเห็นเข้า“เดี๋ยวคนอื่นก็เห็นหรอกค่ะ”“อายทำไม ผัวเมียกอดหอมกันมันเป็นเรื่องธรรมชาตินะวาด”“คุณก็!”“เรารีบเข้าบ้านเถอะ ฉันคิดถึงเธอกับลูกจะแย่แล้วรู้มั้ย”ร่างสูงโอบไหล่ภรรยาสาวและพ
หลังจากที่ผู้หลักผู้ใหญ่ตกลงกันเสร็จสิ้นนัยนาก็รับหน้าที่ไปจัดการเรื่องการ์ดเชิญแขกที่จะมาร่วมงาน ส่วนภาพวาดและเอเมอร์จึงมานั่งคุยกันถึงเรื่องวันงาน“วาดขอจัดงานไม่ต้องใหญ่โตมากนะคะ เราเชิญเฉพาะแค่แขกที่สนิทจริงๆ ก็พอค่ะ”เสียงใสพูดกับสามีด้วยรอยยิ้มบางๆ แต่เอเมอร์กลับเลิกคิ้วเข้มขึ้นอย่างตั้งคำถาม ฐานะของเขาก็ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ทำไมภรรยาถึงอยากให้จัดงานแค่เพียงงานเล็กๆ“ทำไมล่ะ เธอไม่อยากจัดงานใหญ่ๆ ให้ตัวเองมีหน้ามีตาในสังคมงั้นเหรอ”“ไม่หรอกค่ะ วาดอยากจัดแบบอบอุ่นมีแค่คนกันเอง วาดว่ามันดูเรียบง่ายและไม่วุ่นวายดีค่ะ”“งั้นเหรอ”“ค่ะ แล้วอีกอย่างลูกเราก็ยังอายุไม่ถึงหนึ่งขวบเลย ไว้ให้ลูกครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่วาดอยากจะจัดงานอีกรอบ และอยากให้เราสองคนพาลูกเข้าประตูวิวาห์ด้วยค่ะ เพื่อเป็นพยานรักให้กับเราสองคน คุณว่าไงคะ?”ภาพวาดร่ายยาวถึงความตั้งใจของเธอที่อยากมีลูกมาร่วมพิธีด้วย ทำให้เอเมอร์มองหน้าสวยพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู“รู้ตัวมั้ยว่าเธอน่ารักมาก”มือห
“ทำไมต้องเป็นคุณด้วยนา”เสียงทุ้มเอ่ยถามอดีตคนรักเก่าอย่างที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าสามีของภาพวาดจะเป็นลูกชายของเธอจริงๆ“ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะคะว่าหนูวาดเป็นลูกสาวของคุณ” นัยนาตอบชายหนุ่มไปด้วยความสัตย์จริง เธอเองก็ไม่เคยคิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนี้“ผม…”เกริกถึงกับพูดอะไรไม่ออก หลายปีมานี้เขาไม่เคยลืมเธอได้เลย แต่โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้สองคนวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทุกอย่างมันสายเกินไปเสียแล้ว เพราะเขาทั้งคู่ต่างคนก็ต่างเริ่มต้นใหม่เรื่องทั้งหมดเป็นเพียงแค่เรื่องในอดีตเท่านั้น!“ฉันดีใจนะคะที่คุณเลี้ยงลูกสาวเติบโตมาได้เป็นอย่างดีเลย หนูวาดน่ารักมากๆ ส่วนเรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว”นัยนาส่งยิ้มจริงใจให้เกริกในขณะที่ลูกๆ กำลังพากันงงกับเหตุการณ์เบื้องหน้า แต่ทั้งภาพวาดและเอเมอร์ต่างก็หันมาสบตากันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะไม่อยากขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง เขาทั้งสองฟังอยู่เงียบๆ และปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง“ลูกชายคุณก็หล่อ…น่าจะได้พ่อมาเยอะนะ”เก
หนึ่งเดือนผ่านมาบิดาของภริตาก็ลงมาเยี่ยมหลาน ภริตาดีใจมากที่ได้เจอหน้าพ่อเป็นครั้งแรกในรอบปี ตอนแรกเธอคิดว่าจัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่เอเมอร์กลับเห็นว่าไหนๆ พ่อตาก็ลงมาเจอหน้าหลานทั้งที จึงคิดใช้โอกาสนี้ให้สองครอบครัวมาทำความรู้จักกัน เพราะส่วนหนึ่งเขาก็อยากคุยเรื่องแต่งงานด้วยและแล้วงานเซอร์ไพรส์ก็เกิดขึ้นในเย็นวันหนึ่ง จากที่จะเลี้ยงกันเล็กๆ ภายในครอบครัวก็กลายเป็นงานเลี้ยงแบบมีพิธีการย่อมๆ“คุณ” ภริตาสะกิดเรียกสามี เมื่อเห็นอาการของสองพ่อที่มาเจอกันในงาน“หือ”“คุณว่าเขาจะคุยกันยังไงคะ” ภริตาพูดแล้วพลางขยิบตามองบุรุษร่างสูงใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะ หากทว่าต่างคนต่างนิ่งเงียบ“ภาษาใบ้ไง” เอเมอร์ตอบกลับ“คุณก็”“ไปเถอะ ปล่อยให้พ่อพ่อเขาคุยกันเถอะ เจ้าอินดี้หิวแล้วล่ะ” เอเมอร์ชวนก่อนจะเดินนำเธอไปหาลูกน้อย ปล่อยให้ชายวัยใกล้หกสิบทั้งสองคนที่เหมือนจะสื่อสารกันไม่รู้เรื่องจ้องหน้ากันเงียบๆคนหนึ่งเป็นคนไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อีกคนเป็นคนต่างชาติที่แม้จะมาอยู่ปร
กลางดึกของวันที่อากาสเย็นเยียบ ภริตาตื่นมาก็สัมผัสกับความเปียกชื้นตรงกลางหว่างขา เธอรีบปลุกร่างใหญ่ที่นอนอยู่ข้างๆ กัน“ที่รัก”“…”เงียบไร้เสียงตอบรับ ภริตาจึงเอื้อมมือมาเขย่าแขนกำยำพร้อมกับปลุกเรียกอีกครั้ง“ที่รักตื่นสิ ฉันปวดท้อง”“หืม?”คำว่าปวดท้องทำให้อดีตมาเฟียหนุ่มกระพือตาเปิด ขยี้เปลือกตาไปมาสักพักเพื่อปรับแสง ก่อนลุกนั่งแล้ววิ่งวุ่นจัดการทุกอย่างให้พร้อมสรรพภริตาเริ่มหน้ายับย่น ความปวดเริ่มกระจายวงกว้าง“ที่รัก...ฉันเจ็บท้อง” เธอร้องบอกสามี“ทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็ได้เห็นหน้าลูกแล้ว”ใบหน้าสวยพยักหน้ารับ ฝืนใจข่มความเจ็บก่อนส่งมือให้ช่วยพยุงพากันลงด้านล่างของเพ้นท์เฮ้าส์ เพราะเป็นเวลาดึกถนนโล่ง เพียงไม่ถึงยี่สิบนาที เอเมอร์ก็พาภริตามาถึงโรงพยาบาล และทันทีที่มาถึงร่างของว่าที่คุณแม่ก็ถูกเข็นเข้าไปด้านในเอเมอร์เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดปลอดโรคตามคุณหมอผู้เป็นเจ้าของไข้ กระทั่งผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง&l
หลังผ่านความวุ่นวายทุกอย่าง เอเมอร์ตัดสินใจพาภริตามารู้จักครอบครัว ด้วยเขาคิดอยากจะสร้างอนาคตร่วมกันและวางแผนสำหรับชีวิตที่กำลังจะมีไอ้ต้าวก้อนออกมาดูโลกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าภายในรถคันหรู เอเมอร์มีท่าทีสบายๆ แต่ภริตากลับมีสีหน้าเคร่งเครียดจนชายหนุ่มต้องเอ่ยถามขึ้น“เป็นอะไร นั่งนิ่งเชียว”“กลัวค่ะ”“กลัวอะไร”“กลัวคุณแม่คุณ” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาติดกังวล แต่คนฟังอย่างเอเมอร์ปล่อยขำออกมาเสียงดัง“ฮ่า ฮ่า ฮ่า กลัวอะไร แม่ฉันไม่ได้มีเขี้ยวงอกออกมาซะหน่อย” มาเฟียหนุ่มเอ่ยขำๆ แต่ภริตาเริ่มเขม่นตามาแบบขวางๆ“คุณก็หัวเราะได้ซิ ไม่รู้หรือไงว่าศึกระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ทำผัวเมียพังมานักต่อนักแล้ว วาดไม่ไปได้มั้ย ขอลงตรงนี้เลย” พูดจบมือเล็กก็เตรียมพร้อมปลดล็อกประตูรถ“ขี้ขลาด!”หญิงสาวที่กำลังจะหนีสะดุ้ง“เรื่องอะไรมาด่าวาดด้วยเล่า”“ไม่ให้ด่าได้ไง เรื่องมันยังไม่ทันเกิด แต่เธอก็กลัวจนหัวหดเสียแล้ว ไม่สมกับเป็นเมียฉ

![เจ้าเวหา [มาเฟียร้ายรัก]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





