กระรอกน้อยของเขาจะเนื้อหอมมากเกินไปแล้วนะ ขนาดเป็นผู้ชายยังขนาดนี้แล้วถ้าเป็นผู้หญิงเขาไม่เป็นบ้าตายเหรอ
เทรเลอร์ไม่เคยเจอผู้ชายที่ไหนนอกจากจะหน้าหวานแล้วยังจะยิ้มหวานขนาดนี้ มีฝีมืองานบ้านงานเรือน กิริยาท่าทางไม่ยอมใคร พอเข้าใจแล้วว่าทำไมรัชทายาทถึงหวงนัก จากข่าวที่ได้ยินมามีคุณชายตระกูลขุนนางตกหลุมรักเหมือนกัน แบบจะลงสนามไปด้วยดีไหมนะ
"คุณชายริค"
"ครับ" ซวยแล้วไง! เผลอขานรับแบบมนุษย์ไปแล้ว ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจที่ตนเองพูดผิดออกไป ซึ่งสำหรับจักรวรรดิแล้วคำพูดพวกนี้ถูกใช้กันในหมู่มนุษย์มากกว่าแวมไพร์ ขานรับผิดแบบนี้แปลว่าต้องเคยชินกับการคุยกับใครสักคนและคงหนีไม่พ้นรัชทายาทเป็นแน่
"หึ! คำขานรับน่ารักดีนะ ข้าชักถูกใจเจ้าซะแล้วสิ" เทรเลอร์บอกด้วยสีหน้าพึงพอใจ ปกติเขาไม่สนใจมนุษย์นอกจากเวลาที่ได้ดื่มเลือดที่ได้มาจากการบริจาคของเหล่าบริวารในเขตปกครองของตนเอง นอกนั้นก็มีอายุสั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไหร่นัก แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กคนนี้ถึงจะมีอายุที่สั้นแต่ก็อยากจะดูแลสักครั้ง ลองถนอมใครไว้สักคนก็น่าจะดีไม่น้อย
"พูดแบบนี้เจ้าหมายความว่ายังไง เทรเลอร์" ถึงคีย์จะรู้คำตอบของความหมายนั่นอยู่แล้วแต่ต้องการให้พูดให้กระจ่างมากกว่านี้
"ถูกใจหมายถึงชอบ เป็นเพื่อนกันได้นะครับ" ริคบอกพลางยื่นมือออกไป ถึงจะหยาบคายไปบ้างแต่ถ้าเป็นเพื่อนกันก็ได้อยู่
"ไม่ได้หรอกคนสวย ข้าไม่ได้อยากเป็นเพื่อนเจ้า"
"อ้าว! แล้วจะเป็นอะไรกันล่ะครับ คนรู้จักเหรอ"
"หึ! เป็นคนรักของเจ้าต่างหากล่ะ" สิ้นสุดคำตอบของเทรเลอร์ ใบหน้าหวานมีสีแดงระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด ร่างของแวมไพร์หนุ่มเข้ามาใกล้ในระยะประชิดดึงตัวร่างสูงโปร่งที่ไม่ทันระวังตัวให้เข้าใกล้มากกว่าเดิม ริมฝีปากเย็นแตะเบาๆ เข้าที่แก้มนวลทำให้ขึ้นสีมากกว่าเดิม
จุ๊บ!
"ท่านสวิต ท่านจะทำแบบนี้กับข้าไม่ได้" ริครีบขยับตัวหนีอีกฝ่ายทันทีที่รู้สึกตัวด้วยความที่ตัวเล็กกว่าทำให้ขยับหนีได้ไม่ไกลเท่าไหร่นักเพราะความไวมันต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่มือหนามาฉุดให้ไปนั่งตักของตนเองแทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก
"ข้าว่าพวกเรามารับประทานกันเถอะ" เสียงทุ้มต่ำทรงพลังบอกเพื่อหยุดเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด แตไม่คิดจะถามอีกฝ่ายเลยว่าจะกินอาหารในสภาพที่อยู่บนตักอีกคนได้ไหม ช่างเป็นมื้ออาหารที่อีกคนหวงยังกับอะไรดี กับอีกคนที่ชอบยั่วโมโหเสียทุกครั้งที่เจอกัน
ริคพยายามกินข้าวให้หมดเร็วที่สุดเพื่อที่จะหนีออกจากสถานการณ์ตรงนี้ ช่างดูน่ารักเสียจนคีย์เผลอแกล้งไปจนได้ มือหนาเลยอุ้มให้คนที่เด็กกว่านั่งกินข้าวต่างหากแทน ไม่อย่างนั้นแก้มทั้งสองข้างต้องระเบิดออกมาเพราะความเขินตายอย่างแน่นอน ช่วงระยะเวลาที่มีชีวิตก็น้อยแล้วอย่าเพิ่งรีบเป็นอะไรไปตอนนี้เลย ท่านโหราจารย์บอกว่าเด็กคนนี้ถูกส่งมาเป็นเนื้อคู่ของข้า
แต่ทำไมถึงได้เนื้อหอมกับคนนั้นคนนี้ไปทั่วทั้งที่เป็นผู้ชายกัน ตอนที่ส่งคนไปสอบถามเรื่องนี้มาดันได้ความว่าเป็นเนื้อคู่แน่นอนไม่ผิดคน แต่เรื่องนิสัยใจคอของเด็กคนนี้ไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นในจักรวรรดิ ไม่แปลกที่จะเป็นที่สะดุดตาสะดุดใจของใครหลายคน แถมท่านแม่ยังไปเปิดโอกาสให้คนอื่นอีกถ้าไม่รีบทำคะแนนมีหวังแพ้แน่
"ท่านพี่คิดอะไรอยู่เหรอพะยะค่ะ อาหารไม่อร่อยเหรอ" มือขาวจับใบหน้าคมคายแล้วถามด้วยความสงสัย เรื่องกลุ้มใจแบบไหนกันที่ทำให้คีย์ถึงเป็นแบบนี้ ปกติเขาจะสุขุม รอบคอบกว่านี้ ไม่แสดงท่าทีและเก็บอาการมากกว่านี้
"เดี๋ยวกลับไปคุยกันที่บ้านนะ วันนี้ข้าจะพากระรอกน้อยกลับแล้ว"
"เจ้าเองก็เหมือนกัน อย่ามายุ่งกับว่าที่คู่หมั้นของข้า เทรเลอร์"
"ไม่น่ามีปัญหาอะไรแล้ว กลับกันเถอะกระรอกน้อย"
"พะยะค่ะ ท่านพี่"
น่าแปลกใจนักที่เจ้านายของเขายอมปล่อยให้องค์รัชทายาทและบุตรบุญธรรมของตระกูลริคจากไปโดยง่าย หมายความว่ายังไงกันแน่ มีแผนอะไรในใจหรือเปล่าถึงได้ทำแบบนี้
"คุณชายเทรเลอร์ขอรับ ทำไมถึงปล่อยสองคนนั้นไปง่ายๆ "
"ไม่ทราบว่ามีแผนอะไรในใจหรือเปล่าขอรับ"
"ข้าไม่มีแผนอะไรในใจเลย ชาร์ที" เพราะว่าแผนมันน่าจะเริ่มต่อจากนี้ไปต่างหากล่ะ พอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงได้เนื้อหอมแบบนี้ ท่าทางแบบนั้นใครก็อยากปราบพยศกันทั้งนั้น แถมท่าทีสดใส อ่อนหวาน ไม่ได้เสแสร้งนั่นอีก อยากจะแกล้งให้ร้องไห้หนักๆ แล้วมาปลอบทีหลังชะมัด
"ข้าอยากเข้าเฝ้าท่านจักรพรรดิ ไปวังหลวงกัน"
"ขอรับ"
ตอนแรกเขานึกว่าคีย์เอารถม้าหรือรถค้างคาวมาแต่ปรากฏว่าดันบินมาด้วยปีกของตนเอง ทำให้ขากลับตอนกลับไปโดยที่ถูกอุ้มอยู่แบบนี้จะขยับหนีก็ไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีคีย์พากลับมาก็คงไม่เห็นวิวอะไรที่สวยขนาดนี้ ไม่สามารถมองท้องฟ้าโดยไม่กลัวตกได้แบบนี้ บางทีมีแฟนเป็นแวมไพร์อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ บรรยากาศของจักรวรรดิก็ไม่ใช่ว่าจะโบราณไปซะทีเดียว แต่ว่าตนเองมีพละกำลังเหนือธรรมชาติเลยไม่ได้คิดเรื่องที่มนุษย์ทั่วไปเขาทำกันมากกว่า
"แลดูอารมณ์ดีนะ มีอะไรหรือเปล่า" เสียงทุ้มต่ำถามสวนกระแสลมที่โต้ไปมาระหว่างบินกลับ ซึ่งต้องเปล่งเสียงมากกว่าเดิม
"ไม่เคยมองเห็นอะไรแบบนี้บนท้องฟ้าครับ เพราะมนุษย์ไม่มีปีกแบบนี้"
"งั้นให้บินช้ากว่านี้ไหม"
"ไม่เป็นไรพะยะค่ะ หม่อมฉันหนาว"
"อืม"
ทุกคนรีบต้อนรับกันอย่างว่องไวเนื่องจากคิดว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นเสียอีก จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปเสียแล้ว เมล์ส่งจดหมายแจ้งวังหลวงว่าสามารถเดินทางได้ในวันรุ่งขึ้น เนื่องจากเหตุโดนลอบทำร้ายโดยที่ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครแต่คุณชายคนโตของตระกูลสวิตมาช่วยเอาไว้ได้ทัน ทำให้คุณชายตระกูลริคไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนัก
"กลับถึงวังหลวงเมื่อไหร่ ฉันจะต้องเล่นงานพวกมันแน่"
"ว่าอะไรนะครับ"
"ไม่มีอะไรหรอก กระรอกน้อยคงเหนื่อยแล้ว"
"เดี๋ยวข้าให้คนพาไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย"
"พะยะค่ะ ฝันดี"
"ฝันดี"
แกร๊ก!
เขารู้ว่าผู้เป็นนายคงไม่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าชีวิตเริ่มไม่ปลอดภัยตั้งแต่เข้ามายังโลกนี้ หมายความว่าจะให้ค่อยๆ เรียนรู้ไปสินะ แต่ยังไงที่นี่ก็ไม่ได้มีไว้ให้คนอ่อนแอแบบนั้น มนุษย์ยังไงก็ต้องไม่ได้รับการยอมรับอยู่ดี องค์รัชทายาทจำเป็นต้องมีแผนรับมือเอาไว้ ฝ่ายคัดค้านมีมากกว่าฝ่ายสนับสนุนอย่างแน่นอน ขนาดองค์ชายแฝดปล่อยข่าวลือออกไป ยังมีจดหมายไม่เห็นด้วยมากมายถูกส่งเข้าวังหลวงไม่ขาดสาย
จะต้องมีวิธีหยุดยั้งและให้ทุกคนเริ่มยอมรับคุณชายริค ก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายแรงไปมากกว่านี้ แถมยังจับไม่ได้เลยว่าใครเป็นตัวการในเรื่องนี้ คนทำจะต้องรู้กำหนดการอยู่แล้วว่าพวกเราจะเข้าวังหลวงวันไหน ถึงได้มาดักรอลอบทำร้ายกันแบบนี้ ไม่รู้บ้างหรือไงว่าการทำแบบนี้เท่ากับก่อกบฏกันชัดๆ วิธีไหนที่จะหยุดยั้งได้กัน ทำแบบไหนได้บ้าง
"นานมากแล้วพะยะค่ะที่รัชทายาทคิดมากแบบนี้ คุณชายริคคงจะมีอิทธิพลมากจริงๆ " นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นเจ้านายของตนเองเป็นแบบนี้ สมัยก่อนจะบอกว่าเพรียมพร้อมไปทุกอย่างก็ไม่แปลกแต่ความเย็นชา เข้าถึงยากนั้นไม่แพ้ใครเลย ตอนนี้ดูเข้าถึงง่ายและเป็นกันเองกว่าแต่ก่อน
ถ้าเมล์ออกปากมาแบบนี้หมายความว่าข้าน่าจะไปเปลี่ยนไปอย่างที่พูดจริงๆ ลองหาวิธีรับมือสถานการณ์ดูก่อนดีกว่า ส่วนเรื่องอื่นค่อยแก้ปัญหากันทีหลัง
"กำหนดการเดินทางเข้าวังหลวงไปพรุ่งนี้เช้าเลย จะได้ทำอะไรให้มันถูกต้องเสียที"
"ทำให้ถูกต้อง หมายความว่ายังไงขอรับ"
"ประกาศว่ากระรอกน้อยคือลูกชายบุญธรรมของตระกูลริค และจะประกาศว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นของข้า"
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ
มือขวาดีดนิ้วทำให้วงเวทย์จำกัดการใช้พลังของพวกเราให้อยู่เพียงภายในวงเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าพลังของทั้งคู่มีมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของมังกรปิดกั้นมันไว้ทันทีก่อนจะออกตัวต่อสู้ผัวะ!แรงปะทะกันซึ่งหน้าทำให้ต่างคนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของมังกรได้เปิดใช้ทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความรู้สึกเป็นศัตรูเพื่อมาสู้กับเขา หมายความว่านี่คือการทดสอบความสามารถสินะ ถ้างั้นมาลองกันสักตั้งแล้วกัน ขอไม่เกรงใจกันแล้วผัวะ! พลั่ก! ตุ้บ!ไวท์เร่งความเร็วทั้งพละกำลังและการต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อวัดกันไปเลยว่าสารวัตรต้องการจะตรวจสอบอะไรกันแน่ มาตรวจกันให้มันจบวันนี้ไปเลย ทุกกระบวนท่าที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดใส่ไปให้หมดไม่ต้องปกปิดความสามารถเอาไว้เพราะว่าบุคคลนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนคีย์สังเกตเห็น
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ทุกคนเหนื่อยเหรอ” ไวท์ถามพลางเอียงคอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันหมด“จะเหนื่อยได้ยังไงขอรับ ในเมื่อคนออกแรงคือท่านไวท์ต่างหาก” เฟลิกซ์บอกพลางมองเหล่าแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายด้วยความเบื่อหน่าย มาทำให้เจ้านายของเขาสงสัยทำไม แค่พูดออกมามันจะยากตรงไหนกัน“ตั้งแต่ไปเป็นคนของไวท์ เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ เฟลิกซ์” เสียงทุ้มต่ำพูดพลางสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ให้พลังออกมา“ข้าเป็นคนของท่านไวท์นานแล้วพะยะค่ะ แต่เหมือนใครบางคนยังคงหลงลืมเพราะแก่แล้ว เลยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายก็ได้”“หยุดทั้งคู่เลยครับ เข้าใจการต่อสู้ที่สาธิตให้ดูไหมครับ” ไวท์ยกมือห้ามทั้งสองไม่ให้สู้กันโดยเปล่าประโยชน์ ยังไงพลังเวทของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็มีมากกว่า ถึงจะสู้กันก็รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก“มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับข้า” ลอร์ดสวิตบอกพลางพยายามทำท่าทางตาม
“หึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิม” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท แต่พอเข้าใจเหตุผลแล้วจะยอมเปลี่ยนแปลงงบประมาณใหม่“ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามานาน เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก”คีย์เดินมาหาร่างสูงโปร่งที่ยืนดูพวกเขาสู้กันอย่างตั้งใจอยู่นอกสนาม ดวงตากลมโตมองเห็นคนอายุมากกว่ากำลังมา เลยปลดโล่ป้องกันออกเพราะการต่อสู้จบลง“มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไปเดินเล่นกัน”หมับ!รัชทายาทบอกพลางอุ้มอีกคนแล้วเดินออกไปทันที ตอนแรกเหมือนทุกคนจะตกใจกับพฤติกรรมของผู้เป็นนายแต่พอนานวันเข้าก็เริ่มเคยชินกับเรื่องแบบนี้ เพราะแวมไพร์อย่างคีย์หากอยากจะอุ้มคนรักตนเองก็ทำโดยไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และเขาเป็นคนเย็นชาก่อนจะมาเจอเด็กคนนี้ นิสัยเดิมก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง“จะพาไปไหนครับ”
“หวังว่าเรื่องนี้จะจบสักที เรื่องการพูดถึงการสืบทอดราชบัลลังค์”“มันจะจบแน่ถ้าพวกเราสองคนเขียนจดหมายส่งเข้าวังหลวง จะไม่มีใครอยากจะมาหาพวกเราเพื่อพูดเรื่องพวกนี้อีก”“ดี ถ้างั้นวันนี้มานอนด้วยกันสิ ไม่ได้นอนด้วยกันนานมากแล้ว”“เอาสิ นอนห้องเดียวกันก็ไม่เลว”ไม่กี่วันต่อมามีเอกสารของเจ้าชายฝาแฝดว่าจะไม่เข้าร่วมเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิ จะดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าชายและเป็นทายาทลำดับถัดมาเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอยากเป็นจักรพรรดิแทนพี่ชายตนเองที่มีตำแหน่งอยู่แต่เดิม ทำให้แผนของเหล่าขุนนางที่หวังจะเรืองอำนาจอีกครั้งหายไปในพริบตา“หึ คิดไว้อยู่แล้วว่าคลาสกับครอสจะต้องทำแบบนี้” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจหลังจากทราบข่าวเรื่องการสละตำแหน่งผู้สืบทอด“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ พี่คีย์”“มีจ
หลังจากลองสำรวจระหว่างที่ว่างดูแล้วทำให้รู้ว่าดินแดนที่เป็นที่อยู่อาศัยของคนรักเขาก็ค่อนข้างจะไกลพอสมควร แต่จากการศึกษามาแล้วคิดว่าไม่น่าจะมีการผิดพลาดขึ้นอีก จึงออกเดินทางลงมาดินแดนมังกรทันที ปีกสีขาวโบกสะบัดไปมาก่อนจะวางเท้าลงบนพื้นดินแดนอันไกลโพ้นจากสายตาของมนุษย์และเผ่าพันธุ์อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน“ไม่นึกว่าเจ้าจะออกมาต้อนรับข้าด้วยตนเองแบบนี้ ซิคฟรีด” อพอลโลเอ่ยทักทายหลังจากไม่ได้ลงมาเยือนที่แห่งนี้นานมากแล้ว“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าจะต้องมา อพอลโล” ซิคฟรีดเอ่ยทักทายกลับไปเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าจะรู้ตัวเร็วขนาดนี้ หมายความว่าพลังของลูกตนเองนั้นมีมากทีเดียว“เจ้าจะไปมอบของขวัญวันเกิดให้กับลูกตนเองไหม”“แน่นอนสิ ข้าเพิ่งจะรู้ด้วยว่ามีลูกกับเจ้า ทำไมถึงไม่ยอมบอกอะไรเลย”“ข้ารู้ว่าการเกิดมาเป็นลูกครึ่งใช้ชีวิตลำบาก อยู่บนสวรรค์ก็คงจะยาก ไปอยู่แดนมังกรก็จะยิ่งยาก&rdquo