"อรุณสวัสดิ์ครับ คุณมีเทน"
"อรุณสวัสดิ์ขอรับ คุณชายไวท์ ตื่นแต่หัวค่ำเลยนะขอรับ"
"เล่นนอนไวแบบนั้นก็เลยตื่นไวไปด้วยครับ ขอไปห้องครัวด้วยจะได้ไหมครับ"
"ถ้ากระผมปฎิเสธคุณอีกจะต้องโดนสายตาของแวมไพร์ชั้นสูงรุมอีกแน่ครับ ถ้างั้นผมจะนำทางให้" คนในวังหลวงยังไม่เคยเห็นร่างสูงโปร่งมาก่อนเพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องที่งานเลี้ยงก็ไปอยู่วังของรัชทายาทแล้วเดินทางไปยังใต้ต่อทันที จนวันนี้ทุกคนได้พบเห็นรูปร่างหน้าตาของไวท์แล้วถึงกับตกตะลึงไปหลายคน เพราะรูปร่างดูเหมือนผู้ชายรวมไปถึงกล้ามเนื้ออันแข็งแรงแบบนักกีฬาแต่หน้าตาหวานปานผู้หญิง ถึงจะดูขัดกันแต่เมื่อรวมอยู่ในคนๆ เดียวนั้นเรียกได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่รูปงามยิ่งนัก
ห้องครัวจากวังหลวงนั้นใหญ่โตกว่าวังของรัชทายาทมาก กว้างเสียจนไม่รู้ว่าไปสุดทางไหน มือขาวหยิบจับของที่สามารถมาทำเป็นขนมได้ทันทีโดยไม่ได้พูดคุยกับใคร มีเหล่าพ่อครัวมากมายจะมาห้ามปรามการกระทำดังกล่าว จะให้แขกมาทำอาหารได้อย่างไร มันไม่ถูกต้องเลยสักนิดแต่ก็ได้รับคำตอบเป็นรังสีอำมหิตมาจากบุคคลที่มีอำนาจรองจากองค์จักรพรรดิอย่างพ่อบ้านมีเทนก็พากันล่าถอยไปแล้วทำงานของตนเองจะดีกว่า
เขารู้ว่ามีสายตาหลากหลายคู่กำลังแอบมองการทำอาหารของเขาว่าทำอะไรกันแน่ มันกินได้หรือเปล่า นี่อบรมการทำขนมมาตั้งหกเดือนนะเฟ้ย ไม่มีทางที่จะทำของพวกนี้ไม่เป็น ถ้าเรื่องขนมกับเครื่องดื่มไว้ใจได้เลย ส่วนเรื่องอาหารยกให้พวกพ่อครัวทำน่าจะดีกว่าเป็นไหนๆ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไวในการทำนั้นอยู่ในสายตาของเหล่าคนทำอาหารในวังหลวงทั้งหมด ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์ที่องค์รัชทายาทเลือกมาจะมีสามารถทำงานบ้านเป็นด้วย ช่างเป็นมนุษย์ชายที่น่าประหลาดยิ่งนัก
"อรุณสวัสดิ์กระรอกของข้า ทำอะไรกินล่ะวันนี้ กลิ่นหอมลอยไปถึงห้องจนข้าตื่นตามกลิ่นมาอีกแล้ว" คีย์ไม่ได้พูดเกินจริงเลยแม้แต่น้อย หลายต่อหลายครั้งที่อยากจะนอนต่อรอให้คนมาปลุกตามเวลา แต่กลิ่นหอมของขนมที่เด็กคนนั้นทำก็มาปลุกให้ตื่นเดินตามไปหาทุกที่ เพราะปกติอาหารในวังจะมีรสชาติจืดชืด ไม่ค่อยมีกลิ่นเท่าไหร่ถ้าเทียบกับขนมที่ได้กินอยู่หลายวันที่ผ่านมานี้มันหอมหวาน กลมกล่อม จนอยากกินอีกเรื่อยๆ
"อรุณสวัสดิ์พะยะค่ะ รัชทายาท / อรุณสวัสดิ์เพคะ รัชทายาท" ร่างสูงพยักหน้าตอบพลางเดินเข้าไปหาร่างสูงโปร่งที่ยังคงมีสมาธิกับการทำงานจนไม่ได้รู้ตัวว่ามีคนเดินเข้ามาใกล้
พลั่ก!
"ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ" ครีมเทียมที่ตั้งใจจะใส่หม้อดันหกเลอะใส่เสื้อผ้าของรัชทายาทหมดแล้ว มือขาวรีบวิ่งไปหาผ้ามาเช็ดคราบครีมออกแต่มือหนามาจับเอาไว้ กระรอกน้อยในสายตาของคีย์ตอนนี้เหมือนกลัวว่าจะถูกดุเพราะจากสภาพคือเหมือนหูลู่หางตกไปหมดแล้ว แถมยังท่าทีตื่นกลัวนั่นอีกเพราะมารยาทในวังการทำแบบนี้ถือว่าเสียมารยาทกับเชื้อพระวงศ์ไม่น้อยเลยทีเดียว
"ผมทำชุดพี่คีย์เปื้อน... มันผิดมารยาท..." ยังไม่ทันดุเลย... ทำไมถึงตัวสั่นแบบนี้ มันเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ต่างโลกที่จะหวาดกลัวกับอะไรแบบนี้สินะ คีย์เอานิ้วจิ้มครีมเทียมที่ติดอยู่กับเสื้อขึ้นมาลองชิม รสชาติไม่หวานและไม่ขมเกินไป ปกติครีมเทียมที่นี่จะจืด หมายความว่ากระรอกน้อยต้องผสมใหม่แต่เขาดันมาทำให้มันหกหมดเพราะอีกคนตกใจสินะ
"ไม่ต้องกลัวนะ พี่ผิดเอง ไม่ร้องนะครับ" ใบหน้าหวานพยักหน้าแทนการพูดเพราะจะเก็บเสียงสะอื้นไว้ข้างในแทน ปกติเขาไม่ได้กลัวอะไรง่ายแบบนี้ แต่ที่นี่วังหลวงอะไรก็เกิดขึ้นได้ ไวท์อาจจะโดนฆ่าตายตอนไหนก็ได้ทั้งนั้น
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะตอนทำขนม ครีมนี้อร่อยนะ! รบกวนปรุงรสอีกรอบได้ไหม" เสียงทุ้มต่ำพูดปลอบพลางลูบผมกลุ่มนิ่มไปด้วยเพราะไม่อยากให้เสียขวัญอีก
"ได้ครับ ผมจะปรุงให้ใหม่! รับรองว่าอร่อยแน่นอน" เหมือนว่าไวท์จะสงบลงแล้วมามีไฟในการทำขนมอีกครั้ง แวมไพร์ที่เย็นชาอย่างองค์รัชทายาทกับอ่อนโยนกับมนุษย์ แถมยังเป็นมนุษย์ผู้ชายด้วย เมื่อก่อนพระองค์แทบจะไม่สนใจใยดีมนุษย์แม้แต่น้อย เห็นว่าร้อยปีก่อนมีเพื่อนเป็นมนุษย์อยู่คนนึงแต่ก็ไม่ถึงกับใจดีมากขนาดนี้ หมายความว่ามนุษย์ผู้นี้มีอิทธิพลกับแวมไพร์ระดับสูงพอสมควร
"ให้ข้าช่วยไหม กระรอกน้อย"
"หม่อมฉันคิดว่านอกจากรัชทายาทจะไม่ได้ช่วยอะไรแล้วยังเกะกะจนทำให้คุณชายไวท์ตกใจจะทำครีมที่เพิ่งผสมเองหกจนหมด กรุณากลับไปรอที่ห้องอาหารเถอะพะยะค่ะ"
"ข้าคุยกับกระรอกน้อยไม่ใช่เจ้านะเมล์"
เมื่อพ่อบ้านส่วนตัวของรัชทายาทกับรัชทายาททะเลาะกันทีไรไม่เคยจบลงโดยง่าย เหล่าคนทำอาหารในครัวต่างพากันเงียบแล้วทำหน้าที่ของตนเองต่อไป จนกระทั่งมีซองถุงแป้งสองถุงแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของทั้งคู่
"ถ้ายังมีแรงมาเถียงกันได้แบบนี้มาช่วยผมตีแป้งดีไหมครับ ที่นี่ไม่มีที่ตีครีมเหมือนโลกมนุษย์ด้วย ไหนๆ ทั้งสองคนก็แรงเยอะอยู่แล้ว ฝากกองนั้นด้วยนะครับ ค่าทำที่ผมผสมครีมพังเมื่อกี้" ท่าทางน่าตีนั้นปรากฏออกมาให้เห็น ดวงตากลมโตแพรวพราวแตกต่างจากเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง และสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นคือรัชทายาทกับลอร์ดเมล์กำลังช่วยกันเทแป้งและนวดแป้งตามคำแนะนำของมนุษย์ผู้นั้นและช่วยกันตีแป้งอีกต่างหาก
"พวกเจ้าเลิกคิดอะไรที่มันเกี่ยวกับข้าและกระรอกน้อยสักทีจะได้ไหม ไม่รู้เรื่องหรือไงว่าข้าได้ยินความคิดของพวกเจ้า ไอ้พวกโง่! " คีย์ทนฟังความคิดเหล่านั้นไม่ไหวจนระเบิดออกมา คำก็มนุษย์ สองคำก็มนุษย์ ทำไมถึงเขียนเส้นคั่นกันขนาดนั้น กระรอกน้อยของเขาออกจะน่ารักขนาดนี้ ทำขนมก็เก่ง ทำไมถึงไม่เปิดใจบ้าง จะใช้คำระหว่างมนุษย์กับแวมไพร์อีกนานไหม
"พี่คีย์ครับ พี่เป็นใคร" เสียงหวานเอ่ยถามหลังประโยคอันโหดร้ายนั่น
"เป็นรัชทายาท ถามข้าแบบนั้นทำไม" เสียงของคีย์ในตอนนี้ไม่สามารถลดลงได้เพราะความโกรธกำลังครอบงำ รังสีของพลังเริ่มแผ่กระจายไปรอบตัว ดวงตาเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด
"ในเมื่อพี่รู้ตัวว่าพี่เป็นใครก็คงจะรู้ว่าควรทำต้องอย่างไร การที่มีพลังมากเกินไปก็ไม่ควรใส่ใจ เราไม่สามารถห้ามให้ใครไม่นินทาได้เหมือนห้ามไม่ให้พระอาทิตย์ส่องแสง สิ่งที่ทำได้คือรับมือสิ่งที่จะเกิดขึ้นให้ดีมากกว่านำมาทำลายตัวเองแบบนี้
พวกเขาน่าจะรู้ตัวแล้วว่าตัวเองทำผิดในฐานการนินทาเจ้านายของตนเอง การว่ากล่าวตักเตือนหรือลดเงินที่สมควรจะจ่ายคือสิ่งที่สมควรแต่การฆ่ากันไม่ใช่สิ่งที่เชื้อพระวงศ์ควรทำ มิฉะนั้นคงไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉานเท่าไหร่นัก"
"ส่วนพวกเจ้าถ้าอยากจะนินทาข้ามากขนาดนั้น ถ้ายังไม่มีอะไรที่ดีพอก็อย่ามาปากสว่างคิดนั่นนี่ไปเอง เป็นมนุษย์แล้วยังไง เป็นแวมไพร์แล้วเจ๋งตรงไหน ข้าเป็นกัปตันชมรมคาราเต้ที่กวาดรางวัลถึงสามปีซ้อนเชียวนะ แน่จริงก็เข้ามาเลย! จะฟันไม่เลี้ยงเลยสักตัว" น้ำเสียงทรงอำนาจ ดวงตาแข็งกร้าวมองอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใด รังสีความบริสุทธเอ่อล้นออกมาจากร่างสูงโปร่งอย่างเห็นได้ชัด พลังของเทพเริ่มตื่นขึ้นเพราะเหตุการณ์นี้เสียแล้ว
"ส่วนเรื่องที่ข้าเป็นลูกครึ่งเทพหรือไม่นั้น...น่าจะพิสูจน์ได้ด้วยตาของพวกเจ้าแล้วนะ ไอ้พวกไม่มีหัวคิด" สิ่งที่คีย์คิดว่าเป็นลูกครึ่งเทพนั้นผิดมหันต์เพราะร่างกายของไวท์เริ่มมีเกล็ดออกมาผสมกับปีกสีขาว หมายความว่าเด็กคนนี้
"ข้าคือบุตรของเทพอพอลโล่ * กับซิคฟรีด ** ต่างหากล่ะ ทีนี้ก็น่าจะกระจ่างกันทั้งสายตาและคำพูดแล้วสินะ" ปิดบังตัวตนไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะถ้ายังมัวแต่มานินทากันแบบนี้ตลอดเวลาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน แล้วเป็นการหยุดยั่งไม่ให้รัชทายาทฆ่าคนรับใช้พร่ําเพรื่ออีกต่างหาก เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็คราวนี้ล่ะ
"ขออภัยด้วยขอรับ คุณชายไวท์ / ได้โปรดให้อภัยพวกเราด้วยนะคะ คุณชายไวท์"
"กระรอกน้อย หมายความว่าเจ้าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกรงั้นเหรอ" ดูเหมือนว่ายังมีอีกคนที่ยังตกใจอยู่สินะ
"ความจริงนี่ยังไม่ถึงเวลาของข้าด้วยซ้ำที่จะต้องปรากฏตัว แต่ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์กระตุ้นเด็กคนนี้สินะ ในนามของผู้ปกป้องและดูแลบุตรแห่งเทพและมังกร หากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ข้าคิดว่าพวกเจ้าได้ตายกันหมดนี้อย่างแน่นอน"
ตุ้บ!
"กระรอกน้อย! จีน! ไวท์! "
"ไปตามหมอหลวงมาเดี๋ยวนี้! "
คำอธิบาย
*=เทพแห่งพระอาทิตย์ผู้เป็นดั่งแสงสว่างของมนุษย์ชาวกรีก
**=มังกรที่สังหารมังกรแล้วเลือดมังการอาบตัวทำให้เกิดความอมตะ ไม่มีวันตาย
“เจ้าบ้านี่! อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ!” อีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้าใช้พลังเวทย์จู่โจมเข้ามาด้วยความเร็วของสัญชาติญาณแวมไพร์ เป็นความจริงที่ว่าแวมไพร์ยิ่งมีอายุขัยมากเท่าไหร่ ก็จะมีพลังมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับเผ่าพันธุ์ของมังกรกับเทพเลยแม้แต่น้อยโดยธรรมชาติของเผ่ามังกรนั้นมีพละกำลังมหาศาล รวมถึงเอกลักษณ์ในการเรียนรู้เวทย์มนตร์นั้นถือว่าเป็นเลิศ และมีพลังที่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งพระเจ้า ถือเป็นสิ่งที่ชาวสวรรค์เกรงกลัวมากกว่าเผ่าอื่นเพราะมีข้อห้ามของสวรรค์อยู่ แต่สำหรับมังกรกลับไม่มีผลเช่นนั้นพลังของเทพเกิดจากแรงศรัทธาของมนุษย์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จะทำให้เทพที่ถูกบูชามีพลังมากพอที่จะปกปักษ์คุ้มครองแผ่นดินให้มีความปลอดภัย ช่วยเหลือยามถูกปีศาจรุกรานได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสงสว่างของปีกเหล่าเทวดาหรือเทพเจ้าเองก็เป็นออร่ามากพอที่จะทำให้ได้รับความเคารพเรื่อยมา“ข้าไม่เคยคิดล้อเล่นกับเจ้า ทุกอย่างจริงจังเสมอ” มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพร้อมกันแล้
ณ วังหลวงส่วนจัดงานเลี้ยงบรรยากาศในงานออกมาแนวธีมสีอ่อนเพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์และนิสัยเจ้าของวันเกิด อาหารถูกนำมาเสริฟ์ด้วยเมนูรสชาติจืดแล้วค่อยไล่ระดับไปเผ็ด ขนมหวานและอาหารว่างที่ดูแปลกตาทั้งหมดถูกนำมาจัดวางภายในงาน แน่นอนว่าบุคคลผู้สอนการทำทั้งหมดเป็นฝีมือของไวท์นอกจากมีตำแหน่งเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลริค รวมถึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลการจัดการอาหารว่างอย่างเป็นทางการของวังหลวง และยังเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทอีกด้วย ถึงตำแหน่งในฐานะนักดาบยังไม่ได้มากมายแต่ตำแหน่งอื่นถือว่ามากพอที่จะสั่นคลอนจักรวรรดิได้มากทีเดียวองค์รัชทายาทและเจ้าชายฝาแฝดทั้งสองถูกเชิญกลับมายังเมืองหลวงอย่างถาวร มารับตำแหน่งและจัดการงานภายในวังหลวงแทนการดูแลเมืองในเขตปกครองห่างไกล เพื่อช่วยกันจัดระเบียบรวมถึงการให้ความสำคัญกับลำดับของทายาท และความมั่นคงของวงศ์ตระกูลแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์“จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ยังขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่า&
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ
มือขวาดีดนิ้วทำให้วงเวทย์จำกัดการใช้พลังของพวกเราให้อยู่เพียงภายในวงเท่านั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นได้รับผลกระทบไปด้วย เนื่องจากไม่มีใครรู้ว่าพลังของทั้งคู่มีมากน้อยแค่ไหน เขาจึงตัดสินใจใช้พลังของมังกรปิดกั้นมันไว้ทันทีก่อนจะออกตัวต่อสู้ผัวะ!แรงปะทะกันซึ่งหน้าทำให้ต่างคนต่างกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง ประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของมังกรได้เปิดใช้ทำงานเพื่อประเมินสถานการณ์แต่กลับพบว่าอีกฝ่ายไม่ได้ใช้ความรู้สึกเป็นศัตรูเพื่อมาสู้กับเขา หมายความว่านี่คือการทดสอบความสามารถสินะ ถ้างั้นมาลองกันสักตั้งแล้วกัน ขอไม่เกรงใจกันแล้วผัวะ! พลั่ก! ตุ้บ!ไวท์เร่งความเร็วทั้งพละกำลังและการต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อวัดกันไปเลยว่าสารวัตรต้องการจะตรวจสอบอะไรกันแน่ มาตรวจกันให้มันจบวันนี้ไปเลย ทุกกระบวนท่าที่เคยร่ำเรียนมาทั้งหมดใส่ไปให้หมดไม่ต้องปกปิดความสามารถเอาไว้เพราะว่าบุคคลนี้จะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งแก่องค์จักรพรรดิอย่างแน่นอนคีย์สังเกตเห็น
“เป็นอะไรกันหรือเปล่าครับ ทุกคนเหนื่อยเหรอ” ไวท์ถามพลางเอียงคอ ทำไมทำหน้าแบบนั้นกันหมด“จะเหนื่อยได้ยังไงขอรับ ในเมื่อคนออกแรงคือท่านไวท์ต่างหาก” เฟลิกซ์บอกพลางมองเหล่าแวมไพร์ผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายด้วยความเบื่อหน่าย มาทำให้เจ้านายของเขาสงสัยทำไม แค่พูดออกมามันจะยากตรงไหนกัน“ตั้งแต่ไปเป็นคนของไวท์ เดี๋ยวนี้ปากกล้าขึ้นนะ เฟลิกซ์” เสียงทุ้มต่ำพูดพลางสะกดอารมณ์ของตนเองไว้ไม่ให้พลังออกมา“ข้าเป็นคนของท่านไวท์นานแล้วพะยะค่ะ แต่เหมือนใครบางคนยังคงหลงลืมเพราะแก่แล้ว เลยคิดว่าตัวเองเป็นเจ้านายก็ได้”“หยุดทั้งคู่เลยครับ เข้าใจการต่อสู้ที่สาธิตให้ดูไหมครับ” ไวท์ยกมือห้ามทั้งสองไม่ให้สู้กันโดยเปล่าประโยชน์ ยังไงพลังเวทของแวมไพร์เลือดบริสุทธิ์ก็มีมากกว่า ถึงจะสู้กันก็รู้ผลแพ้ชนะตั้งแต่แรก“มันเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับข้า” ลอร์ดสวิตบอกพลางพยายามทำท่าทางตาม
“หึ ยังร้ายกาจเหมือนเดิม” เสียงทุ้มต่ำหัวเราะในลำคอเบา ๆ พลางส่ายหัวให้กับความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนสนิท แต่พอเข้าใจเหตุผลแล้วจะยอมเปลี่ยนแปลงงบประมาณใหม่“ข้าเป็นเพื่อนเจ้ามานาน เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญหาหรอก”คีย์เดินมาหาร่างสูงโปร่งที่ยืนดูพวกเขาสู้กันอย่างตั้งใจอยู่นอกสนาม ดวงตากลมโตมองเห็นคนอายุมากกว่ากำลังมา เลยปลดโล่ป้องกันออกเพราะการต่อสู้จบลง“มีอะไรหรือเปล่าครับ”“ไปเดินเล่นกัน”หมับ!รัชทายาทบอกพลางอุ้มอีกคนแล้วเดินออกไปทันที ตอนแรกเหมือนทุกคนจะตกใจกับพฤติกรรมของผู้เป็นนายแต่พอนานวันเข้าก็เริ่มเคยชินกับเรื่องแบบนี้ เพราะแวมไพร์อย่างคีย์หากอยากจะอุ้มคนรักตนเองก็ทำโดยไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และเขาเป็นคนเย็นชาก่อนจะมาเจอเด็กคนนี้ นิสัยเดิมก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง“จะพาไปไหนครับ”