"หมอหลวง เมื่อไหร่กระรอกน้อยจะฟื้น นี่มันสามวันแล้วนะ" รัชทายาทเร่งด้วยความร้อนใจ ตั้งแต่คนที่ปกป้องไวท์ปรากฏตัวคราวนั้น ก็ทำให้เหล่าคนรับใช้แพร่ข่าวลือใหม่ออกไปว่าเป็นลูกครึ่งเทพกับมังกร จะต้องนำพาความโชคดีมาให้กับจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่ความโชคดีนั้นทำไมถึงไม่ส่งผลกับเจ้าตัวเลยล่ะ ทำไมถึงนอนนิ่งอยู่แบบนี้ จะให้ข้าช้ำใจตายหรืออย่างไรกัน ฟื้นขึ้นมาเถอะ เจ็บจนจะทนไม่ไหวแล้ว
"ออกไปให้หมด" การบังคับเสียงไม่ให้สั่นมันยากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
"พะยะค่ะ รัชทายาท / เพคะ รัชทายาท"
น้ำตาของร่างสูงเอ่อล้นไปรอบดวงตาจนไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บทางร่างกายจะหายตั้งแต่วันแรกที่ได้รับการรักษาแล้วก็ตาม แต่กลับไม่ฟื้นขึ้นมาเสียที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าแวมไพร์ที่เย็นชาอย่างเขาจะต้องมานั่งร้องไห้ให้กับมนุษย์เพียงคนเดียวด้วย ช่างน่าขันเสียจริง
"พี่คีย์ ร้องไห้ทำไมเหรอครับ ใครทำอะไรให้เสียใจเหรอ" มือขาวเกลี่ยน้ำตาที่อยู่หางตาทั้งสองข้างด้วยความเป็นห่วง ทำไมสีหน้าอิดโรยแบบนี้ ไม่ได้นอนมากี่วันแล้วเนี่ย
"กระรอกน้อยฟื้นแล้ว! เจ้าฟื้นแล้ว! ข้าเป็นห่วงจนแทบบ้า! " ร่างสูงโปร่งถูกรวบตัวเข้าไปกอดด้วยความดีใจ แรงกอดที่มากเกินไปจนทำให้รู้สึกอึดอัด อีกฝ่ายพยายามดิ้นออกมาจนแขนแกร่งผ่อนแรงลงนิดหน่อยเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้นแต่ก็ไม่ได้ยอมปล่อย
"ปล่อยผมก่อนครับ แน่นเกินไปแล้ว" มือขาวพยายามทุบหลังรัชทายาทที่ร่างกายเหมือนทองคำล้ำค่าสำหรับใครต่อใครในจักรวรรดิ เมื่อรู้แบบนั้นก็รีบผ่อนแรงลงทันทีแต่ไม่ได้ยอมปล่อยอย่างที่เสียงหวานบอก
"ข้าขอกอดไว้แบบนี้นะ เพราะคิดว่าไม่น่าจะไหวแล้ว"
ตุ้บ!
ร่างสูงนอนลงพร้อมกับกอดไวท์เอาไว้ข้างกายแล้วหลับไปทันที แบบนี้เรียกว่าผีอำหรือแวมไพร์อำดีล่ะเนี่ย หลับไปทั้งที่ยังกอดเขาอยู่แบบนี้ได้ยังไง พอจะแกะออกมันก็แน่นจนต้องยอมแพ้และหลับตามกันไปในที่สุด
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"รัชทายาทพะยะค่ะ หม่อมฉัน..." เมล์กะมาเรียกเจ้านายของตนเองให้ไปรับประทานอาหารเย็นแต่พอเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าก็เงียบลงพร้อมกับเดินออกจากห้องไปแล้วสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามารบกวนทั้งสองขณะหลับอีก
"รัชทายาทล่ะ เจ้าตามให้มากินข้าวไม่ใช่เหรอ" จักรพรรดิถามหลังไม่เห็นหน้าลูกชายของตนเอง ตั้งแต่ว่าที่ลูกสะใภ้สลบไปวันนั้นก็อยู่เฝ้าไม่ห่าง ไม่ยอมกินข้าวเลยสักมื้อจนร่างกายเริ่มซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด หากหนูไวท์ไม่รีบฟื้นขึ้นมาล่ะก็...เจ้าลูกชายตัวดีต้องตรอมใจตายเป็นแน่
"รัชทายาทหลับไปแล้วพะยะค่ะ นอนกอดคุณชายไวท์ไม่ห่างกายเลย" เมล์ตอบไปตามความจริง ทำให้สีหน้าของจักรพรรดิและจักรพรรดินีเป็นห่วงมากกว่าเดิม การรอคอยใครสักคนมัน ทรมาณมากกว่าที่คิดเอาไว้ เนื่องจากในจักรวรรดิการมีความรักของเผ่าพันธ์เดียวกันทำให้ไม่ค่อยสนใจเรื่องเวลาเท่าไหร่นัก ซึ่งคีย์เองก็ได้ซึมซับสิ่งนี้มาเช่นกันแต่เมื่อรู้ว่าไวท์อาจจะตายเพราะอายุขัยสั้นกว่าแวมไพร์มากนัก สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองลงทันทีจนใครเห็นก็ต้องสงสารกันทั้งนั้น
"มีเทน เจ้าไปสืบเรื่องผู้ให้กำเนิดหนูจีนมาสิ ข้าว่ามันมีบางอย่างแปลกไป" จักรพรรดิสั่งเสียงเครียด
"พะยะค่ะ ท่านจักรพรรดิ"
"ทำไมเหรอที่รัก มีอะไรกันหรือเปล่า" จักรพรรดินีถามด้วยความสงสัย
"ข้าคิดว่ามีบางอย่างแปลกไป เกี่ยวกับความทรงจำของเด็กคนนั้น"
จากกลางวันเป็นกลางคืนระยะเวลาผ่านไปหลายต่อวัน เหล่าคนรับใช้เริ่มเป็นห่วงอีกครั้งเพราะจากการที่คุณชายไวท์ร่างกายแข็งแรงแต่ยังไม่ฟื้นสักที แต่ตอนนี้กลายเป็นรัชทายาทเหมือนจะไม่ฟื้นด้วยอีกคน ราชวงศ์เริ่มสั่นคลอนอีกครั้งจนกระทั่งหมอหลวงมาตรวจร่างกายปรากฏว่ารัชทายาทร่างกายอ่อนเพลียเลยทำให้หลับยาว ส่วนคุณชายไวท์รอฟื้นเพราะร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีปัญหาอะไร
"ข้าถามว่าเมื่อไหร่ลูกของข้าจะฟื้น! ไม่ได้ถามว่าร่างกายเป็นยังไง" เสียงตวาดของจักรพรรดิดั่งลั่นห้องนอนของรัชทายาท
"หม่อมฉันพยายามสุดความสามารถแล้วพะยะค่ะ ตอนนี้ทำได้แค่รอให้ฟื้นสติ" หมอหลวงบอกอีกครั้งพร้อมคุกเข่าขอพระราชทานอภัยโทษเพราะสุดความสามารถแล้วจริงๆ
"รัชทายาทฟื้นแล้วขอรับ! " เมล์บอกเสียงดังลั่นห้องนอนของรัชทายาท ทำให้ทุกคนรีบเข้ามาดูด้วยความโกลาหลจนต้องมีการห้ามปรามไม่ให้รบกวนคนที่เพิ่งฟื้นมากขนาดนั้น
"หมอหลวง! เจ้ารีบตรวจอาการของลูกข้ากับลูกสะใภ้ข้าเดี๋ยวนี้! " จักรพรรดินีเร่ง หมอหลวงรีบวิ่งมาตรวจร่างกายของทั้งคู่ด้วยความหวาดกลัวว่าหัวจะหลุดออกจากบ่า ถึงแวมไพร์จะมีอายุขัยที่ยาวนานแต่ก็ตายได้หากต้องสู้กับราชวงศ์ที่มีเลือดเข้มข้มกว่าขุนนางหรือสามัญชนด้วยกัน
"รัชทายาทกับคุณชายไวท์ร่างกายแข็งแรงดีพะยะค่ะ หากได้รับประทานอาหารหน่อยน่าจะช่วยบำรุงร่ายกายได้"
สายตาคมมองซ้ายมองขวาด้วยความงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำให้ทุกคนถึงมารวมตัวกันในห้องของเขาแบบนี้ และดูเป็นเรื่องใหญ่มากเสียด้วยหมอหลวงถึงได้มีท่าทีหวาดกลัวท่านพ่อและท่านแม่แบบนั้น
"ลูกแม่เจ้าเป็นยังไงบ้าง แม่เป็นห่วงลูกมากเลยนะ หนูไวท์ แม่ใจจะขาดแล้วหนูเป็นยังไงบ้าง" จักรพรรดินีถามเสียงสะอึกสะอื้นเพราะกลัวจะเสียแก้วตาดวงใจทั้งสองไป แวมไพร์ที่ดีกับมนุษย์ที่ดีไม่สมควรต้องมานอนไม่ฟื้นแบบนี้ นางไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าจะต้องสูญเสียทั้งสองไปจะเสียใจมากแค่ไหน
"ท่านพี่จะทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงกันไปถึงไหน รู้ไหมว่าหลับกันมากี่วันแล้ว" ถึงคำพูดของคลาสจะร้ายกาจแต่ก็ยังแฝงความห่วงใยเอาไว้ เพราะพี่ชายของเขาไม่น่าจะอ่อนแอจนมาตรอมใจแบบนี้ มนุษย์คนนี้มีอะไรดีนักหนาถึงต้องยอมสละชีวิตอันเป็นนิรันดร์ให้ด้วย
"อีกสามวันหากทั้งคู่ยังไม่ฟื้น พวกขุนนางจะพากันมาเลือกรัชทายาทคนใหม่อยู่แล้วนะ ยังจะมัวนอนอะไรกันอีก" คำพูดของครอสถากถางยิ่งกว่าของคลาสแต่น้ำตาและเสียงสะอื้นนั้นทำให้รู้ว่าเป็นห่วงมากแค่ไหน
"ข้าคิดว่าทุกคนกำลังเข้าใจผิดนะ เพราะว่าข้าแค่หลับไปเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำมาหลายวันเลยทำให้ตัวเองอยู่ในสภาวะคงสภาพไม่ฟื้นเพื่อรักษาร่างกาย ส่วนกระรอกน้อยก็กลัวว่าจะตกใจเลยใช้มนต์ให้หลับไปพร้อมกันแล้วมาฟื้นวันนี้ที่ร่างกายแข็งแรงแล้ว"
"รัชทายาทหมายความว่ายังไงพะยะค่ะ" เมล์กำลังสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
"ข้าหมายความว่าทำไมทุกคนถึงไม่รู้ว่านี่คืออาการดีฟของแวมไพร์ที่มักใช้เวลาร่างกายอ่อนแอในการพักผ่อน แล้วท่านเป็นหมอหลวงอย่างไรทำไมถึงไม่รู้ ตอนนี้งงไปหมดแล้ว" คีย์ถึงกับงงว่าทุกคนในที่นี้เป็นแวมไพร์ทำไมถึงไม่คิดถึง อาการดีฟของเขาบ้าง แล้วมาพากันตกใจแบบนี้คืออะไร เรียนมาคืนครูกันไปหมดแล้วเหรอ
"สรุปว่าเจ้าดีฟอยู่แล้วใช้มนต์สะกดทำให้หนูไวท์หลับไปพร้อมกันแล้วมนต์สะกดจะคลายก็ต่อเมื่อเจ้าฟื้นใช่ไหม" ดูเหมือนคนที่ปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้เร็วที่สุดคือจักรพรรดิ เพราะเขาเป็นคนแรกที่สรุปและซักถามทันที
"ใช่พะยะค่ะ ท่านพ่อ" และทุกคนก็เริ่มมีสีหน้าคาดโทษหมอหลวงทันที ไหนบอกว่าตรวจทุกโรคแล้วทำไมถึงไม่คิดถึงอาการดีฟของแวมไพร์กันล่ะ เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่ในจักรวรรดิอยู่แล้ว ราชวงศ์จะมาสั่นคลอนเพราะรัชทายาทดีฟไปสามวัน มันออกจะบ้าเกินไปแล้ว
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก