หวังซูหุยวางสายจากเพื่อน ๆ ในเวลาต่อมา เธอหันไปมองหม่าหยูเม่ยที่อุ้มหลานชายอยู่อย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา
“คุณนายหม่า เรื่องนี้ตระกูลหม่าคิดจะทำยังไงต่อไปคะ”
“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าตัวการเป็นใคร เพียงแค่รอคำสั่งจากท่านผู้นำเท่านั้นค่ะคุณป้า”
“อืม… เรื่องนี้ป้าจะรออาเหลียนตัดสินใจก่อน ตระกูลหวังต้องพึ่งพาอาเหลียนแล้ว”
“เอ่อ… คุณป้าไม่คิดจะไปเยี่ยมหลานชายบ้างเหรอคะ?”
“ฮึ เจ้านั่นมันโง่เองที่หลบกระสุนไม่พ้น ปล่อยมันนอนเป็นผักอยู่นั่นแหละ ป้ายังมีเรื่องที่บริษัทที่จะต้องดูแลแทนมันอีก เฮ้อ ลำบากคนแก่จริง ๆ ป้าฝากดูแลจื่อฮุยสักหลายวันหน่อยนะจ๊ะ” หวังซูหุยบ่นอย่างเบื่อหน่ายหลานชายโง่ ๆ ของเธอ
หม่าหยูเม่ยได้แต่ยิ้มแหยรับคำหวังซูหุย เธอไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้อาวุโสท่านนี้มากนัก หม่าหยูเม่ยได้แต่คิดว่าตระกูลใหญ่ในโลก
การบินจากเมืองหลวงไปยังชายแดนตะวันตกใช้เวลาสองชั่วโมงตามตารางการบินที่ได้รับ หวังเหลียนกับพวกลงจากเครื่องบินแล้วไม่ได้เช่ารถที่สนามบิน แต่พวกเขากลับใช้วิชาตัวเบาเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังขอบชายแดนที่มีระยะทางจากสนามบินไปประมาณ 50 กม. ซึ่งหวังเหลียนได้ศึกษาแผนที่มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอต้องเข้าชายแดนบริเวณไหนจึงจะปลอดภัยกับทุกคนมากที่สุด เธอรู้ดีว่าคนของประเทศ M คงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าข้ามผ่านภูเขาลูกใหญ่แบบนี้เข้าไปแน่คนที่หม่าว่านหลงเลือกมากับลูกสาวครั้งนี้ต่างมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ ถึงแม้ว่าพลังลมปราณจะไม่ได้สูงส่งนัก คนของเขาเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าตามความเร็วของหวังเหลียนไม่ทัน หม่าว่านหลงจึงเลือกคนที่มีวิชาตัวเบาดีที่สุดแทน อย่างน้อยจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงให้ลูกสาวของเขาหวังเหลียนที่เดินทางไม่ช้าไม่เร็วก็พอใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าพ่อจะรู้ความต้องการของเธอจริง ๆ ยังดีที่พวกเขาไม่ได้เป็นตัวถ่วงให้เธอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังปราณไม่มากนัก แต่ความเร็วของพวกเขาสามารถตามความเร็วของเธอได้อย่างไม่หนักแรงเลยแม้แต่น้อย
หม่าว่านหลงที่กำลังคุยกับหม่าเฉียงเจ๋ออยู่หลังจากเค้นสอบคนร้ายกันจนได้ทราบเรื่องราวทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่อยู่ของผู้บงการที่พวกเขาสอบสวนยังไง พวกมันก็ยืนยันว่าไม่ทราบที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก่อนหน้านี้พวกเขาเกือบพลาดจนคนร้ายจะแอบกลืนยาพิษ ยังดีที่คนของหม่าเฉียงเจ๋อจำได้ว่าก่อนหน้านี้พวกมันยอมตายไม่ยอมถูกจับ จึงถอนฟันซี่ที่มียาพิษอยู่ออกเสียก่อน ทำให้คนร้ายทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องทนทุกข์ทรมานในการสอบสวนครั้งนี้เท่านั้น“พ่อ พี่ใหญ่ ได้เรื่องว่ายังไงบ้างคะ” หวังเหลียนรีบเดินไปนั่งที่โซฟา“เฮ้อ เรื่องที่อยู่ของพวกมันน่าจะยากหน่อยนะลูก เพราะคนร้ายพวกนี้มันเป็นแค่ลิ่วล้อและรับคำสั่งทางโทรศัพท์เท่านั้นน่ะสิ”“คนของเราที่อยู่ประเทศ M ก็ยังสืบหาตัวพวกมันไม่ได้เลยครับ นี่ก็หลายเดือนแล้ว ผมคิดว่าพวกมันน่าจะมีคนใหญ่คนโตให้ที่ซ่อนแน่ ไม่อย่างนั้นคนของเราน่าจะค้นพบเบาะแสพวกมันนานแล้ว”“พ่อก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน คนที่ใหญ่ที่สุดก็น่า
หวังซูหุยวางสายจากเพื่อน ๆ ในเวลาต่อมา เธอหันไปมองหม่าหยูเม่ยที่อุ้มหลานชายอยู่อย่างครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างตรงไปตรงมา“คุณนายหม่า เรื่องนี้ตระกูลหม่าคิดจะทำยังไงต่อไปคะ”“ตอนนี้เรารู้แล้วว่าตัวการเป็นใคร เพียงแค่รอคำสั่งจากท่านผู้นำเท่านั้นค่ะคุณป้า”“อืม… เรื่องนี้ป้าจะรออาเหลียนตัดสินใจก่อน ตระกูลหวังต้องพึ่งพาอาเหลียนแล้ว”“เอ่อ… คุณป้าไม่คิดจะไปเยี่ยมหลานชายบ้างเหรอคะ?”“ฮึ เจ้านั่นมันโง่เองที่หลบกระสุนไม่พ้น ปล่อยมันนอนเป็นผักอยู่นั่นแหละ ป้ายังมีเรื่องที่บริษัทที่จะต้องดูแลแทนมันอีก เฮ้อ ลำบากคนแก่จริง ๆ ป้าฝากดูแลจื่อฮุยสักหลายวันหน่อยนะจ๊ะ” หวังซูหุยบ่นอย่างเบื่อหน่ายหลานชายโง่ ๆ ของเธอหม่าหยูเม่ยได้แต่ยิ้มแหยรับคำหวังซูหุย เธอไม่ค่อยเข้าใจความคิดของผู้อาวุโสท่านนี้มากนัก หม่าหยูเม่ยได้แต่คิดว่าตระกูลใหญ่ในโลก
จ้าวเฟยที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเช่นกันกับหวังจุนเหยารีบโทรกลับตระกูลเพื่อแจ้งข่าวให้นายหญิงทราบระหว่างทางไป รพ. ที่ใกล้ที่สุดขณะนี้[ นาย..หญิง พวกเราถูกซุ่มยิงครับ นายท่านได้รับบาดเจ็บสาหัส อั่ก.. ตอนนี้เรากำลังเดินทางไป รพ. S ฝากนายหญิงดูแลเรื่องที่คฤหาสน์ด้วย...ครับ ][ ฮะ? สามีฉันถูกยิง? มันจะเป็นไปได้ยังไง? ][ อึ่ก.. นาย..หญิงครับ ผม..เอง ก็ถูกยิง..ครับ นาย..หญิง รีบมา..ที่ รพ.ก่อนนะครับ ][ อ่า… รู้แล้ว ๆ พวกนายดูแลสามีฉันให้ดี ฉันจะรีบไป ]ตู๊ด..ตู๊ด..ตู๊ด..จ้าวเฟยที่แจ้งข่าวแล้วไม่ทันได้พูดสิ่งใดต่อ ตัวเขาก็สลบไปจากพิษบาดแผล ทำให้บอดี้การ์ดที่กำลังขับรถอยู่รีบเร่งเครื่องเร็วขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าตัวเขาก็ถูกยิงเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บมากเท่ากับจ้าวเฟยและหวังจุนเหยาบอดี้การ์ดในรถคันอื่นโทรแจ้ง รพ. ให้เตรียมการผ่าตัดทันที พอพวกเขาไปถึงหน้าประตู รพ. พยา
หนึ่งเดือนต่อมาคนของตระกูลจ้าวหลงแบ่งกำลังออกเป็น 4 กลุ่ม โดยรับผิดชอบงานลอบฆ่าผู้นำของสี่ตระกูลใหญ่ของโลกภายนอกในขณะนี้ตามคำสั่งของจ้าวหลงเซียง ซึ่งหัวหน้ากลุ่มแต่ละคนนั้นยังพกพาอาวุธดัดแปลงที่ได้รับจากคนของประเทศ M มากมายหลายอย่าง ทั้งหมดนี้เป็นเทคโนโลยีที่ประเทศ M พัฒนาด้านอาวุธขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบด้วยเครื่องสแกนแบบปกติได้ การเดินทางของพวกเขาทั้งสี่กลุ่มจึงราบรื่นไปจนกระทั่งถึงเมืองหลวงหัวหน้ากลุ่มแต่ละกลุ่มนัดพบกันในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้าเพื่อเดินทางกลับหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่โรงแรมแห่งหนึ่งนอกเมืองหลวง ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปเฝ้าดูกิจวัตรประจำวันของผู้นำตระกูลทั้งสี่เพื่อลงมือในอีกสองวันถัดไปตามที่วางแผนเอาไว้หวังเหลียนที่คิดจะกลับไปเรียนในช่วงเปิดเทอมใหม่ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้ายังคงฝึกฝนวรยุทธ์อย่างขยันขันแข็ง ยามค่ำคืนเธอก็ยังคงสร้างความสุขให้กับสามีแสนดีโดยไม่รู้เลยว่าจะต้องป้องกันการตั้งท้องอย่างไร เพราะเธอรู้เพียงแค่วิธีการในภพชาติก่อ
สามเดือนต่อมาช่วงสามเดือนที่ผ่านมา พ่อ แม่และพี่ใหญ่ของหวังเหลียนแทบจะมาสิงอยู่ที่บ้านตระกูลหวังทุกวัน ถ้าไม่ติดว่าพ่อกับพี่ใหญ่ยังมีงานต้องทำอยู่ล่ะก็ เธอคิดว่าพวกเขาน่าจะมานอนเฝ้าลูกชายเธอที่นี่เลยกระมัง ส่วนแม่เธอนั้นแน่นอนว่ามานอนที่บ้านตระกูลหวังจนพ่อได้แต่บ่นว่าแม่ไม่ยอมกลับบ้านให้เธอฟัง ส่วนคุณย่าก็ยังคงสลับกันดูแลลูกชายเธอกับแม่อยู่ตลอด ทำให้หวังเหลียนแทบจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากการให้นมเจ้าอ้วนน้อยของเธอ เวลาว่างที่หวังเหลียนไม่ต้องดูแลลูก เธอหันมาฝึกฝนวรยุทธ์กับพวกบอดี้การ์ดและผู้คุ้มกันจากตระกูลหม่า ไม่อย่างนั้นเธอคงเบื่อตายเป็นแน่หวังจุนเหยาที่เฝ้ารอเวลาภรรยาร่างกายแข็งแรง พอเห็นว่าครบสามเดือนตามที่หมอให้ระวังแล้ว เขาก็คิดแผนการที่จะมีลูกอีกคนในทันทีทันใด นั่นเพราะเขาเห็นว่าคุณย่ากับครอบครัวภรรยาต่างแย่งกันเลี้ยงลูกชายคนเดียวของเขา เขาจึงอยากให้พวกท่านมีหลานเพิ่มอีกสักคนสองคน พวกเขาจะได้ไม่ต้องคอยแย่งกันอย่างทุกวันนี้ผู้อาวุโสจากสามตระกูลใหญ่ก็ยังเทียวไป