เมื่อทั้งสี่คนกลับถึงบ้าน หวังเจียวจิ้นก็นำเงินออกมาให้นางเหมยฮวาทันที นางเหมยฮวาแทบเป็นลมเมื่อรู้ราคาขายเห็ดหลินจือ และรู้เรื่องที่ซื้อที่ดินเพิ่ม นางไม่ต่อว่าที่ทุกคนตัดสินใจโดยไม่บอกนาง
นางดีใจจนหลั่งน้ำตาออกมา ที่หน้าหนาวปีนี้ครอบครัวหวังจะผ่านช่วงเวลาโหดร้ายของฤดูกาลไปได้ นางเหมยฮวาดึงมู่หลินมากอดพร้อมกล่าวขอบคุณสวรรค์ที่มอบสิ่งดีๆ ให้แกครอบครั้งตนเอง
หน้าหนาวทุกปีบ้านหวังทั้งห้าต้องมานอนเบียดกันในห้องเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่กัน เพราะไม่มีชุดหนาๆ ใส่ ผ้าห่มก็บางจนแทบจะต้องทิ้งไปทำผ้าขี้ริ้วแล้ว
หลังมื้อเย็นครอบครัวหวังก็เข้านอนอย่างมีความสุขที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะหาอะไรให้ครอบครัวกิน ไม่ต้องห่วงน้องเล็กจะไข้ขึ้นตอนไหน
ก่อนแยกกันมู่หลินบอกให้พี่ใหญ่กับพี่รองเตรียมตัวฝึกกับนางพรุ่งนี้ยามอิ๋น(03.00-04.59น.) ท่านพ่อที่อยากจะแข็งแกร่งเพื่อดูแลครอบครัวเพราะตนเองที่เป็นถึงหัวหน้าก็อยากจะปกป้องลูกสาวและทุกคน ไม่อยากจะอ่อนแอเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วก็เข้าร่วมการฝึกด้วย
วันแรกของการฝึก มู่หลินให้ทุกคนวิ่งจากบ้านขึ้นเขาเป็นระยะทาง 2 ลี้ ไปกลับห้ารอบ เพราะร่างกายของบุรุษบ้านหวังนั้นเพิ่งได้กินดีแค่ไม่กี่วันนางเลยต้องค่อยๆ ปรับร่างกายให้ทุกคน โดยมู่หลินก็ร่วมวิ่งด้วย
แม้จะขึ้นเขาลงเขากันอยู่ทุกวัน ใช้แรงงานในนาเป็นประจำแต่พอให้ออกกำลังจริงๆ แต่ละคนก็ถึงกับหอบเกือบจะหน้ามืดเลยทีเดียว มู่หลินก็รู้ถึงร่างกายนี้ของนางช่างอ่อนแอยิ่งนัก
เมื่อวิ่งครบแล้วและได้นั่งพักกันมู่หลินให้ทุกคนนั่งท่าม้าฝึกการทรงตัวอีก ครึ่งชั่วยาม มู่หลินให้ฝึกเพียงเท่านี้ไปก่อนเพื่อให้ร่างกายปรับตัวนางจึงกำหนดให้ฝึกตามนี้เจ็ดวัน
หลังจากแยกย้ายไปอาบน้ำ มู่หลินจึงเข้าไปในมิติเพื่อหายาพวกวิตามินบำรุงร่างกายให้มารดา เพราะตั้งแต่ที่คลอดพี่รองและนางมานั้น นางจางซิงไม่ได้ให้มารดานางอยู่ไฟ
โดยใช้ให้ทำงานทันทีหลังคลอดได้เพียงห้าวัน ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แม้จะได้รับยาบำรุงจากเงินที่ท่านพ่อแอบเก็บไว้ไปซื้อแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าใดนัก
มู่หลินจึงพอมีเวลาสำรวจลำธารสักที นางลองใช้มือรองน้ำขึ้นมาดื่มปรากฏว่าของดี รางกายที่ปวดเมื่อยจากการออกกำลังมานั้นหายไปทันที มู่หลินนึกถึงนิยายที่นางเคยอ่านผ่านตา ทั้งพวกผู้ช่วยพยาบาลเล่ากันอยากสนุกเรื่องความวิเศษของน้ำ
นางเลยลงไปอาบน้ำในลำธาร มู่หลินรู้สึกตัวเบาสบายนางหลับตาอย่างผ่อนคลายแต่ที่มู่หลินไม่ได้สังเกตเลยว่าสิ่งที่ออกมาจากตัวเธอนั้นทั้งดำทั้งมีกลิ่นเหม็น พอนางลืมตาขึ้นสิ่งสกปรกในน้ำก็แทบจะหายไปหมดแล้ว เมื่อนางมองแขนขาก็พบว่ามันขาวใสจนเหมือนฉีดวิตามินเข้าผิวของโลกก่อนเลย
มู่หลินวิเคราะห์มีความเป็นไปได้ที่มารดาของนางนั้นจะต้องโดนพิษมาแน่นอน ถึงใบหน้าจะงดงามแต่ก็หมองคล้ำจนกลบความงามไปจนสิ้น บุตรทั้งสามนั้นหน้าตาดีทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ที่มารดาของนางจะเป็นสตรีหน้าตาบ้านๆ
มู่หลินรีบออกจากมิติเพื่อไปพบบิดามารดา แต่ผู้ใหญ่บ้านกับชาวบ้านเริ่มทยอยมากันแล้วนางจึงเก็บเรื่องนี้ไว้คุยกับครอบครัวในตอนกลางคืนแทน
ทางฝั่งบ้านใหญ่ หลังจากเงียบหายไปเพราะกลัวบ้านเจียวจิ้นจะมาขอข้าวกิน พอรู้เรื่องที่เจียว จิ้นซื้อที่กับกำลังจะปลูกบ้านใหม่ก็เต้นเป็นเจ้าเข้าเกิดอาการไม่ยินยอม
ท่านปู่หวังเหล่ยนั้นดีใจกับความโชคดีของบุตรชายจึงมาช่วยตั้งแต่เช้าที่รู้ข่าวแล้ว นางจางชุนนั้นยิ่งเจ็บแค้นเข้าไปใหญ่เพราะต้องเป็นนางที่ได้ตบแต่งกับเจียวจิ้นมิใช่นางเหมยฮวา จึงได้ยุนางจางซิงให้ไปทวงเงินที่ขายสมุนไพรมาเป็รของพวกตน
เจียวจิ้นต้องแสดงความกตัญญูต่อบ้านใหญ่ ยิ่งหวังจงรู้เรื่องด้วยนั้นก็ยิ่งเกิดความโลภอยากได้เงินทั้งหมดของเจียวจิ้นไปต่อเงินในบ่อนพนัน
ผู้ใหญ่บ้านเหมาเมื่อวัดที่เสร็จแล้วก็ให้เจียวจิ้นลงนามเพราะเขาต้องเอาหนังสือไปลงชื่อเปลี่ยนเจ้าของที่ว่าการอำเภอ เจียวจิ้นก็จ่ายเงินให้พร้อมให้ค่าน้ำชาอีกห้าตำลึงเงิน เพราะที่ว่าการอำเภอนั้นต้องใช้เกวียนเดินทางไปถึงหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว ถ้าเดินเท้าก็สองชั่วยามได้
มู่หลินก็แจกจ่ายหน้าที่ให้ชาวบ้านที่มาผู้ชายที่มีกำลังให้ถากหญ้า ขุดต้นไม้ ขุดรากไม้ ผู้หญิงที่แข็งแรงก็ให้ช่วยเก็บหญ้าทิ้ง ต้นไม้รากไม้ท่านพ่อให้แยกไว้ใช้ทำฟืน
ท่านแม่ได้เชิญสตรีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่างป้าสะใภ้ใหญ่หาน ภรรยานายพรานหลี่นางจื่อรั่ว สะใภ้ใหญ่ของผู้ใหญ่บ้านเหมานางหนิงเหอ ให้มาทำอาหารกลางวันให้คนงานโดยให้ค่าแรงยี่สอบอีแปะ
เด็กๆ ที่ตามพ่อแม่มาช่วยงาน มู่หลินแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละห้าคน ได้หกกลุ่ม ให้เด็กที่โตสุดของแต่ละกลุ่มดูแลเด็กเล็กๆ ด้วย ให้เก็บหินโดยให้นำตะกร้ามาด้วยของแต่ละคน ถ้าตะกร้าเล็กให้หนึ่งอีแปะ ตะกร้าขนาดใหญ่ให้สามอีแปะ โดยให้นางเหมยฮวาเป็นคนจ่ายเงิน พอเก็บได้เต็มแล้วก็เอามาให้นางเหมยฮวาดูแล้วนำหินไปเทในพื้นที่ที่มู่หลินกำหนดไว้
เสร็จงานในหนึ่งวันทุกคนจะมารอรับเงินกันโดยมีหวังเจียวโจวจ่ายเงิน เด็กๆที่ มาช่วยบางคนได้ถึงยี่สิบอีแปะเลยทีเดียว นางเหมยฮวาเลยบอกพ่อแม่เด็กว่าให้ทำถุงใส่เหรียญแบบคลองคอมาด้วยพรุ่งนี้ จบงานวันแรกทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
คนงานก็ขยันอย่างมากเพราะบ้านหวังเจียวจิ้นมีอาหารกลางวันที่มีเนื้อให้กิน ตอนยามเซิน(15.00-16.59น.)ผู้ใหญ่บ้านเหมาก็นำหนังสือรับรองที่ดินจากที่ว่าการอำเภอมาให้ด้วย
ตอนที่บ้านหวังกินอาหารเย็นมู่หลินจึงได้สอบถามมารดาถึงความสงสัยของนาง ที่มารดาอาจจะโดนพิษก่อนที่จะความจำเสื่อม มารดานั้นจำอะไรไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มู่หลินจึงเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนอาบน้ำในลำธาร
บุรุษบ้านหวังทั้งสามนั้น มีสีหน้าเคร่งเครียดทันที มู่หลินบอกหลังกินอาหารเสร็จจะให้ทุกคนเข้าไปแช่น้ำในมิติทุกคนจึงมีสีหน้าที่ดีขึ้น
เมื่อทั้งสี่คนกลับถึงบ้าน หวังเจียวจิ้นก็นำเงินออกมาให้นางเหมยฮวาทันที นางเหมยฮวาแทบเป็นลมเมื่อรู้ราคาขายเห็ดหลินจือ และรู้เรื่องที่ซื้อที่ดินเพิ่ม นางไม่ต่อว่าที่ทุกคนตัดสินใจโดยไม่บอกนางนางดีใจจนหลั่งน้ำตาออกมา ที่หน้าหนาวปีนี้ครอบครัวหวังจะผ่านช่วงเวลาโหดร้ายของฤดูกาลไปได้ นางเหมยฮวาดึงมู่หลินมากอดพร้อมกล่าวขอบคุณสวรรค์ที่มอบสิ่งดีๆ ให้แกครอบครั้งตนเองหน้าหนาวทุกปีบ้านหวังทั้งห้าต้องมานอนเบียดกันในห้องเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่กัน เพราะไม่มีชุดหนาๆ ใส่ ผ้าห่มก็บางจนแทบจะต้องทิ้งไปทำผ้าขี้ริ้วแล้วหลังมื้อเย็นครอบครัวหวังก็เข้านอนอย่างมีความสุขที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา ไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะหาอะไรให้ครอบครัวกิน ไม่ต้องห่วงน้องเล็กจะไข้ขึ้นตอนไหนก่อนแยกกันมู่หลินบอกให้พี่ใหญ่กับพี่รองเตรียมตัวฝึกกับนางพรุ่งนี้ยามอิ๋น(03.00-04.59น.) ท่านพ่อที่อยากจะแข็งแกร่งเพื่อดูแลครอบครัวเพราะตนเองที่เป็นถึงหัวหน้าก็อยากจะปกป้องลูกสาวและทุกคน ไม่อยากจะอ่อนแอเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วก็เข้าร่วมการฝึกด้วยวันแรกของการฝึก มู่หลินให้ทุกคนวิ่งจากบ้านขึ้นเขาเป็นระยะทาง 2 ลี้ ไปกลับห้ารอบ เพราะร่างกายข
หลังจากตรวจสอบเห็ดหลินจือ ดอกใหญ่สาม ดอกกับดอกเล็กห้าดอกแล้ว หมออู๋ก็ถามกับมู่หลินว่าต้องการรับเป็นตั๋วเงินทั้งหมดเลยหรือตำลึงด้วย ที่หมออู๋ต้องเจรจากับมู่หลินนั้นเป็นเพราะบุรุษทั้งสามคนวิญญาณได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเรียบร้อยแล้ว"ข้าต้องการทำเรื่องฝากเงิน 8,500 ตำลึงทอง รับเป็นตั๋วเงินใบละ 500 ตำลึง 9 ใบ กับ100 ตำลึง 4 ใบ ที่เหลือขอเป็นตำลึงเงินกับเหรียญอีแปะเจ้าค่ะ"แม้แต่หลงจู๊ที่กำลังคำนวนเงินจากลูกคิดอยู่กันยังตกใจแทบหงายหลังกับการคิดคำนวนของมู่หลินโดยไม่ต้องใช้ลูกคิดหมออู๋หัวเราะอย่างชอบใจกับความฉลาดของมู่หลิน พร้อมทั้งยังบอกอีกว่าถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือหรือจะนำสมุนไพรมาขายอีกเมื่อไรก็ย่อมได้เสมอ เมื่อได้ป้ายฝากเงินเป็นชื่อของเจียวจิ้นแล้ว และรับตั๋วเงินตัวตำลึงเงินมาแล้วทั้งหมดก็ขอตัวกับท่านหมออู๋ตอนแรกสติของบุรุษบ้านหวังยังกลับมาไม่ครบแต่พอฟังคำพูดของมู่หลินแล้ว สติก็รีบกลับเข้าที่ทันที"พวกท่านกลัวพวกโจรไม่รู้หรือเจ้าคะ ว่าพวกท่านมีเงิน ข้าหิวแล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ" ทุกคนเลยลงความเห็นกันว่าจะไปกินบะหมี่เนื้อทุกคนกินบะหมี่เนื้ออย่างเอร็ดอร่อย บุรุษบ้านหวังทั้งสามล้วนแต่สั่งเพิ่ม
เช้าที่สดใสของมู่หลินคนเดียว เพราะคนอื่นนั้นขอบตาดำเนื่องจากแทบไม่ได้นอนเลย มู่หลินที่เหมือนยกหินออกจากอกก็ดูอารมณ์จะดีเป็นพิเศษ นางสามารถเอาของในมิติออกมาทำกินได้แล้ว ท่านแม่ให้เติมข้าวสารแค่ครึ่งถัง กับเครื่องปรุงที่เอาออกมาวางไว้ได้ก็มีแค่เกลือกับน้ำตาลอย่างละนิดหน่อย หากใครมาที่บ้านแล้วเห็นของมากมายคนจจะสงสัยเอาได้อาหารที่มู่หลินทำเช้านี้ นางไม่ได้ทำอะไรมากเพราะเป็นมื้อเช้า มู่หลินต้มข้าวต้มหมูสับ ทอดปาท่องโก๋กินคู่กัน แล้วนางยังนำนมออกมาบำรุงทุกคนในบ้านด้วยเพราะเนื่องจากขาดสารอาหารเป็นเวลานานร่างกายแต่ละคนจึงผอมเกินไป พี่ใหญ่ พี่รองและตัวมู่หลินนั้นก็ดูจะไม่โตเต็มวัยเหมือนเด็กในรุ่นเดียวกันหลังจากกินอาหารเช้าแล้วท่านพ่อพาบุตรทั้งสามเดินทางเข้าเมือง ท่านแม่นั้นไม่ไปด้วยเพราะต้องการตัดชุดให้กับทุกคนแทน เมื่อคืนก่อนออกจากมิติมู่หลินพาท่านแม่ไปเลือกผ้าที่จะใช้ตัดชุดผ้าที่มู่หลินซื้อมาเก็บไว้นั้นมีทั้งผ้าฝ้ายเนื้อหยาบไปจนถึงผ้าไหมเนื้อดี ถ้าต้องให้ท่านแม่เป็นคนเลือกเพราะชาวบ้านจะได้ไม่สงสัยเกินไป ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบที่ชาวบ้านทั่วไปใช้ใส่ทำงานนั้นหนึ่งพับประมาณ100-200อีแปะ ชาวบ้านโดยทั่
ระหว่างทางลงเขาจนถึงบ้านนั้น มีชาวบ้านทักตลอดทาง ต่อให้บุรุษบ้านหวังพยายามทำตัวปกติแค่ไหนก็มีคนสงสัยอยู่ดี โดยเฉพาะ นางไฉ่หง เพื่อนสาวของนางจากชุนสะใภ้รองบ้านหวัง "โอโยว เจียวจิ้นพวกเจ้ากับบุตรชายแบกอะไรลงมากันมากมายเพียงนี้" มู่หลินปรายตามองนางไฉ่หง ที่เป็นสาวอวบเกือบจะอ้วนแล้ว โบกแป้งหนาจนคิดว่าใช้แป้งสาลีทาหน้า ปากที่แดงจนแทบจะเรียกได้ว่าแดงจนเหมือนคนกินเลือดมา ทำไมแต่งแบบนี้ถึงกล้าออกจากบ้านกันนะ"ข้าได้ผักป่ากับปลามานิดหน่อย" บิดาแสนซื่อของข้านั้นตอบกลับอย่างว่าง่ายทันที นางไฉ่หงที่ถือวิสาสะเดินมารื้อตะกร้า ไวกว่านางไฉ่หงก็มู่หลินนี่แหละ นางดีดก้อนหินไปที่ข้อเท้านางไฉ่หง ทำให้นางไฉ่หงสะดุดล้มหน้าทิ่มดิน แถมดินยังเข้าปากเพราะมั่วแต่พูดมากไม่ทันได้หุบปากตอนล้มลง ปากที่แดงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งแดงเข้าไปอีกเพราะเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากฟันที่หักไปซี่หนึ่ง "กรี๊ดดดด พวกเจ้าพลักข้าใช่หรือไม่" ดีที่บุรุษบ้านหวังทั้งสามยืนห่างนางไฉ่หงตั้งห้าก้าว แล้วชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ก็ช่วยพูดให้ด้วย เพราะเป็นนางไฉ่หงที่ล้มลงไปเอง "นี่ ไฉ่หง เจ้าล้มเองแล้วจะโทษเจียวจิ้นกับบุตรได้อย่างไร" นางเจียงอิน
ยามอิ๋น(03.00-04.59น.) มู่หลินลุกเตรียมตัวเข้าป่าพร้อมบิดาและพี่ชาย มีเพียงท่านแม่ที่อยู่ดูแลบ้าน บุรุษบ้านหวังถามมู่หลินตลอดทางเดิน"น้องเล็กไหวไหม" พี่ใหญ่"น้องเล็กพักก่อนดีหรือไม่" พี่รอง"หลินเออร์ ขึ้นหลังพ่อไหม" บิดา"หลินเออร์...""น้องเล็ก...""..."มู่หลินครั้งนี้เข้าป่ามาหลายคนจึงทำการวางกับดักนั้นเร็วยิ่งขึ้น พอเข้ายามซื่อ(09.00-10.49น.) บิดาจึงเดินหาที่นั่งพักบริเวณลำธารเพื่อพาบุตรชายหญิงกินอาหารเช้า อาหารที่พกมาก็เป็นพวกแผ่นแป้ง มู่หลินที่กินแผ่นแป้งไม่ลงเนื่องจากทุกวันที่ผ่านมาจะมีแต่แผ่นแป้งกับน้ำข้าวเท่านั้น เธอเดินไปสำรวจลำธารเพื่อมองหาลู่ทางในการจับปลา พี่ชายทั้งสองเมื่อเห็นมู่หลินก้มหน้าทำอะไรที่ริมลำธารจึงเดินเข้าไปดูน้องสาวด้วยความเป็นห่วงกลัวน้องน้อยจะตกน้ำ(น้ำก็แค่เข่า) "น้องเล็กเจ้าทำอันใด" พี่ใหญ่ที่เห็นน้องเล็กเอาก้อนหินมาวางล้อมเป็นหลุมด้วยความสงสัยจึงเอ่ยปากถามไป"น้องกำลังทำหลุมดักปลา" "ปลาว่ายเร็วเพียงนี้ จะเข้าหลุมที่เจ้าทำได้เช่นใด""อ๊ะ นะ นั่น น้องเล็กปลาเข้ามาแล้ว"พี่รองที่กำลังจะสอบถามมู่หลินตามแบบพี่ใหญ่ก็ต้องตกใจที่มีปลาหลูยวี(ปลากะพง) ตัวใหญ่
รลินอยู่ในร่างของหวังมู่หลินได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว หมู่บ้านที่เธออยู่นั้นมีชื่อว่า หมู่บ้านชุนหง อยู่ในตำบลชุนไห่ อำเภอโยวโจว อยู่ห่างจากเมืองหลวงแคว้นฉู่ 1,000 ลี้ (1ลี้=500เมตร) ครอบครัวของเธอไม่มีใครให้เธอหยิบจับทำอะไรเลย ก่อนหน้านี้เธอได้สำรวจกำไลแล้วปรากฏว่าของที่เธอซื้อไว้ตามเธอมาครบทุกอย่างจริงๆ แล้วในกำไลนั้นยังเป็นมิติอีกด้วย โดยของทั้งหมดของเธออยู่ในโกดังขนาดใหญ่อย่างเป็นระเบียบ มีกระท่อมหลังน้อยที่ด้านในไม่น้อยเลย ด้านในของกระท่อมนั้นมีห้องทั้งหมด 4 ห้องนอน 1 ห้องโถง 1 ห้องตำรา และมีห้องน้ำกับห้องส้วมแยกชัดเจน เธอพอใจกับห้องน้ำและห้องส้วมมากด้านนอกของกระท่อมนั้นมีน้ำลำธารกว้างสองจั้ง(1จั้ง=3.33เมตร) มีสวนสมุนไพร สวนผัก ผลไม้ เต็มพื้นที่ไปหมด รลินถึงกับก้มขอบคุณคุณยายที่มอบกำไลนี้ให้เธอ เธอไม่มีเวลาสำรวจพื้นที่ทั้งหมดมากนักเพราะครอบครัวเธอมักจะวนเวียนพลัดเปลี่ยนกันมาคอยดูแลเธอครอบครัวของหวังมู่หลิน1.หวังเจียวจิ้น บิดา อายุ 37 ปี2.เหมยฮวา มารดา อายุ 32 ปี (ไม่มีแซ่ อายุโดยประมาณเพราะความจำเสื่อม ทราบชื่อจากหยกที่พกติดตัวมาสลักไว้ว่าเหมยฮวา)3.หวังเจียวโจว พี่ชายคนโต อายุ 15