มื้อเช้านี้ทุกคนมานั่งกินกันอย่างพร้อมเพรียง เด็กน้อยทั้งสองคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย รวมถึงหยางเหมยจินด้วย เธอไม่คิดว่าพ่อม่ายอย่างตงเหวินหมิงจะทำอาหารได้อร่อยอย่างนี้
“เป็นอย่างไรบ้างคะน้าเหมย พ่อของลี่ลี่ทำอาหารอร่อยหรือไม่คะ” ตงฟางลี่หันมายิ้มกับสมาชิกใหม่ของครอบครัวด้วยความภาคภูมิใจ เด็กสาวรู้ดีว่าอาหารที่พ่อของเธอนั้นทำอร่อยแค่ไหน จึงได้หันมาถามเพื่ออวดความสามารถของพ่อตนเอง
“อร่อยมาก อร่อยกว่าพ่อครัวบ้านน้าเสียอีก”
หยางเหมยจินตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เรื่องนี้เธอพูดไม่ผิดนัก ความสามารถในการทำอาหารของตงเหวินหมิงนั้นเข้าขั้นพ่อครัวใหญ่ได้เลย ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมีความสามารถด้านนี้
“อย่ามัวแต่พูดกันอยู่เลย จะไม่ทันขึ้นเกวียนไปโรงเรียนนะ” ตงเหวินหมิงคุ้นชินกับอาการของลูกสาวตัวแสบเสียแล้ว จึงได้เร่งให้ทุกคนรีบกินมื้อเช้า ไม่เช่นนั้นคงต้องไปขึ้นเกวียนไม่ทันแล้วจะไปโรงเรียนสายเป็นแน่
“ค่ะพ่อ / ครับพ่อ” สองแฝดรับคำแข็งขันก่อนจะรีบกินอาหารเช้าทันที
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยางเหมยจินจึงเดินไปหยิบห่อข้าวมาให้เด็กน้อยทั้งสองคน “นี่คือห่อข้าวอาหารกลางวันของทั้งสองคน อย่าลืมเสียล่ะ” เธอบอกอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ” สองแฝดยื่นมือไปหยิบกล่องอาหารของตัวเองและไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่จะหยิบกระเป๋านักเรียนของตนเองขึ้นมาสะพายและรีบออกจากบ้านมาขึ้นเกวียนทันที
“เดี๋ยวผมเก็บเอง คุณไปนอนต่อเถอะ เมื่อเช้าก็ตื่นแต่เช้ามาก” ตงเหวินหมิงเอ่ยบอกหญิงสาวโดยไม่มองหน้า เพราะเขาเร่งรีบจัดการถ้วยชามให้เสร็จเพื่อจะรีบไปทำงานที่คอมมูน
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคงไม่นอนแล้ว ว่าแต่คุณเถอะไปทำงานกี่โมงคะ” หยางเหมยจินไม่คิดที่จะนอนต่อแล้ว เธอตั้งใจว่าจะช่วยทำความสะอาดบ้านเสียหน่อย อย่างไรก็มาพึ่งพาอาศัยบ้านตงแล้ว ช่วยทำอะไรได้เธอก็อยากจะทำเพื่อตอบแทนพวกเขา
“เดี๋ยวก็ไปแล้ว คุณมีอะไรหรือเปล่า แม้ว่าจะออกไปทางหน้าบ้านไม่ได้ แต่หลังบ้านติดกับทางขึ้นเขา จะออกมาเดินเล่นก็ได้นะจะได้ไม่อุดอู้ อีกอย่างบ้านนี้ไม่ค่อยมีใครมาหรอก ไม่ต้องกังวลไป”
ชายหนุ่มบอกอย่างเข้าใจเธอเป็นอย่างดี ต่อให้จะสั่งไว้ว่าห้ามออกนอกบ้านหรืออย่าเดินเพ่นพ่านให้ใครเห็น แต่เพราะบ้านหลังนี้อยู่ติดกับทางขึ้นเขา หากเดินเล่นหลังบ้านเขาคิดว่าคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ทางหน้าบ้านเขาไม่ค่อยสะดวกใจ เนื่องจากยังมีชาวบ้านผ่านไปผ่านมา หากชาวบ้านพบเธอเข้าคงหาทางแก้ไขเรื่องนี้ได้ยาก
“อืม ท่าน...เอ่อ...คุณไปทำงานเถอะฉันอยู่ได้ และจะคอยระวังไม่ให้ผู้ใดพบเห็น ฉันจะอยู่แต่ในบ้านเพื่อทำความสะอาดไปก่อน”
หยางเหมยจินพยักหน้ารับก่อนจะตอบกลับ พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลตนเองให้ดี จะไม่ให้ผู้ใดพบเห็นจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะคลี่คลายและมีเอกสารยืนยันตัวตน
“ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยววันหยุดผมกับลูกก็จะช่วยกันทำเอง” ชายหนุ่มบอกออกไปเมื่อรู้ว่าเธอจะทำอะไร ปกติแล้วเขากับลูกทั้งสองก็จะช่วยกันทำในวันหยุดอยู่แล้ว
“ให้ฉันทำเถอะค่ะ อยู่เฉย ๆ ฉันไม่สบายใจเลย” หญิงสาวบอกออกไปจากใจจริง
“อย่างนั้นก็ทำในสิ่งที่คุณสบายใจเถอะนะ” เมื่อขัดไม่ได้เขาจึงบอกเธอไปอย่างนั้น
จากนั้นทั้งสองต่างก็ช่วยกันเก็บถ้วยชาม เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตงเหวินหมิงจึงเดินออกจากบ้านเพื่อไปทำงานที่ทุ่งนาทันที
หลังจากชายหนุ่มไปแล้ว หยางเหมยจินจึงเตรียมอุปกรณ์มาทำความสะอาดบ้าน แม้ที่ผ่านมาคุณหนูในจวนใหญ่และพระชายาเช่นเธอจะไม่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน แต่หญิงสาวเชื่อว่าทุกคนย่อมต้องมีคำว่าเริ่มและครั้งแรกทั้งนั้น
หยางเหมยจินเริ่มทำความสะอาดบ้านแต่ละห้องด้วยความเหน็ดเหนื่อย แม้บ้านหลังนี้จะมีเพียงสองห้องนอน หนึ่งห้องโถง และหนึ่งห้องครัว แต่สำหรับหญิงสาวที่ไม่เคยหยิบจับงานพวกนี้มาก่อน นี่จึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่เพราะความมุมานะและหวังตอบแทนครอบครัวผู้มีพระคุณที่ให้ที่พักและอาหาร หญิงสาวจึงทำงานด้วยความไม่ย่อท้อ กว่าบ้านทั้งหลังจะสะอาดเรียบร้อยก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน
กลับมาทางด้านตงเหวินหมิง เมื่อออกมาจากบ้านไม่นาน ชายหนุ่มก็เดินมาถึงทุ่งนา ทว่าหัวหน้าฝ่ายกลับเรียกเขาไว้เสียก่อน
“เหวินหมิง ก่อนลงงานนายช่วยไปเอาปุ๋ยและอุปกรณ์การเกษตรที่ขอเบิกไว้ในสำนักงานในอำเภอให้หน่อยได้หรือไม่” หัวหน้าฝ่ายบอกจุดประสงค์ที่เรียกเขาไว้ทันที
“ได้ครับหัวหน้า ว่าแต่ผมต้องไปกับใครหรือเปล่า”
ตงเหวินหมิงไม่คิดจะอิดออดในเมื่องานนี้เขาก็ได้แต้มการทำงานไม่ต่างกันกับทำงานในทุ่งนา เพียงแต่อยากรู้ว่าต้องเข้าเมืองไปกับใคร ถ้าได้ไปคนเดียวก็คงจะดีไม่น้อยเพราะเมื่อเข้าเมืองแล้วเขาคงต้องแวะไปที่แห่งหนึ่ง เพื่อให้ช่วยเหลือเรื่องเอกสารของหยางเหมยจิน เนื่องจากหากมีเอกสารติดตัวหญิงสาวจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้ ไม่ต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ ส่วนเธอจะยังอยู่ที่บ้านตงหรือไม่นั้น ล้วนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอ
“ครั้งนี้ผู้ช่วยไม่ว่าง นายไปคนเดียวได้หรือไม่ เอาเกวียนของคอมมูนไปเถอะของที่ขนมาน่าจะเยอะ หรือนายจะชวนใครไปสักคนไปช่วยยกของก็ได้” หัวหน้าฝ่ายบอกออกไปตามตรง วันนี้ผู้ช่วยเขาไม่ว่างเพราะติดงานอื่น เลยไม่สามารถไปเบิกจ่ายของที่ต้องนำมาใช้ในคอมมูนได้
“ถ้าอย่างนั้นผมไปคนเดียวดีกว่าครับหัวหน้า แค่ไปขนของที่สำนักงานในเมืองเท่านั้นเอง”
ตงเหวินหมิงบอกออกไปเพราะคิดว่าดีเสียอีกที่ไปคนเดียว หากมีคนอื่นไปด้วยคงไม่สะดวกที่จะทำแวะไปการบางอย่าง
“ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปจัดการเถอะจะได้รีบกลับ ส่วนแต้มคะแนนวันนี้ฉันก็คงให้เต็มเท่าเดิม เพราะฉันถือนายก็ทำงานตามปกติอยู่แล้ว”
หัวหน้าคอมมูนรู้ดีว่าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้เป็นคนอย่างไร เลยไม่คิดที่จะคะยั้นคะยอให้พาคนอื่นไปด้วย
จากนั้นตงเหวินหมิงจึงเดินไปลงรายชื่อการทำงานในวันนี้ แล้วจึงเดินไปที่ด้านหลัง เพื่อเตรียมเกวียนเข้ากับวัวในการจะเดินทางเข้าเมือง
ก่อนจะเข้าเมือง ชายหนุ่มแวะเข้าไปที่บ้านก่อนเพื่อไปหยิบกล่องเงิน เพราะรู้ดีว่าการที่จะทำเอกสารส่วนตัวนั้นจะต้องใช้เงินไม่น้อย แม้ว่าบ้านตงจะไม่ค่อยมีเงินมากมายนัก แต่ในเมื่อช่วยแล้วก็ช่วยให้ถึงที่สุดก็แล้วกัน
เมื่อชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านก็เห็นว่าหญิงสาวกำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดบ้านเลยไม่คิดจะไปพูดคุยอะไร ทันทีที่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ตงเหวินหมิงจึงรีบบังคับเกวียนออกมาจากหมู่บ้านทันที และรีบมุ่งหน้าเข้าเมืองไปจัดการกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายมา
“เอ๋…นี่มันสร้อยไข่มุกที่ท่านย่าเป็นคนให้ไว้นี่นา แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่ข้อมือของเราได้ล่ะ”
ในขณะที่นั่งพักผ่อนอยู่ หยางเหมยจินรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ข้อมือของตนเองจึงได้ยกแขนขึ้นมามอง ทำให้เห็นว่าที่ข้อมือของเธอนั้นปรากฏสร้อยไข่มุกเส้นหนึ่งที่มีรูปร่างที่เป็นผีเสื้อ ซึ่งสร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งที่ท่านย่ามอบให้นางในตอนเยาว์วัย ไม่คิดว่ามันจะข้ามเวลามาอยู่กับเธอด้วยในเวลานี้ด้วย
ทันทีที่เห็นสิ่งนี้ใบหน้างดงามของหญิงสาวสายตากลับมีแววเศร้าหมองลงทันตา เนื่องจากเวลานี้เธอกำลังคิดถึงครอบครัวตระกูลหยาง ไม่รู้ว่าฝั่งนั้นจะเป็นอย่างไรบ้างหากรู้ว่าเธอไม่ได้มีชีวิตอยู่ที่นั่นแล้ว
แต่แล้วในขณะที่กำลังเหม่อลอยคิดถึงบ้านอยู่นั้น สร้อยไข่มุกเส้นนี้กลับเปล่งแสงขึ้นมา เธอตกใจจึงหลับตาลง สักพักจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นแล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อเธอกำลังยืนอยู่ในจวนของตระกูลหยางที่จะเคยอาศัยอยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านย่า พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านอยู่ที่ไหนกันเจ้าคะ ข้ากลับมาแล้ว”
ใบหน้าหวานฉายแววความดีใจอย่างมาก เมื่อคิดว่าตนเองได้กลับมาหาครอบครัวอีกครั้งแล้ว ทำให้หญิงสาวเอ่ยเรียกทุกคนและวิ่งหาไปรอบ ๆ จวน แต่ไม่ว่าวิ่งไปเท่าไรกลับไม่เจอผู้คนเลยแม้แต่คนเดียว
“ทุกคนไปอยู่ที่ใดกันนะ” เมื่อเดินหาจนเหนื่อย หยางเหมยจินจึงได้นั่งพักแล้วมองไปรอบ ๆ เพื่อหวังว่าจะเจอใครสักคน อย่างน้อยเป็นข้ารับใช้ในจวนก็ยังดี
แต่ทว่านั่งพักอยู่นาน สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
“มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ” นางเดินไปเดินมาแล้วครุ่นคิดไปด้วย คิดเท่าไรก็หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ หยางเหมยจินจึงเดินกลับมายังเรือนของตนเอง
“หิวจัง” ว่าแล้วก็รีบเดินมุ่งหน้าไปยังครัวกลาง หวังว่าจะมีอาหารให้ตนเองได้กินประทังความหิว
ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ
ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่
ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา
ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด
บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่
บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช