Home / รักโบราณ / ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70) / บทที่ 6 เบื้องหลังของตงเหวินหมิง

Share

บทที่ 6 เบื้องหลังของตงเหวินหมิง

Author: sanvittayam
last update Huling Na-update: 2024-12-22 15:01:18

บทที่ 6 เบื้องหลังของตงเหวินหมิง

ไม่นานหญิงสาวก็เดินมาถึง ในครัวนี้เต็มไปด้วยอาหารมากมาย มีทั้งเนื้อสดและเนื้อตากแห้ง ผักผลไม้ เอาเป็นว่าครัวนี้มีครบทุกอย่างสมกับเป็นครัวของตระกูลหยางที่ยิ่งใหญ่

แต่ทว่าในขณะที่กำลังหยิบเนื้อหมูชิ้นโตเตรียมจะทำอะไรกิน กลับได้ยินเสียงใครบางคนเรียกชายหนุ่มเจ้าของบ้านขึ้นมา

“พี่เหวินหมิง พี่อยู่บ้านหรือไม่”

ซูหว่านตะโกนเรียกตงเหวินหมิงอยู่หน้าบ้าน เพราะเธอได้ยินว่าหัวหน้าคอมมูนให้เขาไปเอาปุ๋ยและของใช้ที่สำนักงานในเมือง เธอเลยตั้งใจว่าจะขอตามไปด้วย ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเขาแวะมาที่บ้าน เธอเลยรีบตามมา

ด้วยความตกใจเสียงเรียก หยางเหมยจินจึงนึกถึงบ้านตง จากนั้นแสงที่สร้อยก็ปรากฏขึ้นมาชั่วขณะ และเมื่อแสงสว่างดับลง เธอก็พบตัวเองได้กลับมายังบ้านตงอีกครั้ง พร้อมกับเนื้อหมูชิ้นโตที่หยิบติดมือมาด้วย แม้อยากจะตะโกนร้องถามว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ หญิงสาวจึงหลบซ่อนอย่างเงียบเชียบเพราะกลัวอีกฝ่ายจะบุกเข้ามา

“สงสัยจะเข้าเมืองไปแล้ว พี่เหวินหมิงนะพี่เหวินหมิง จะรอกันหน่อยก็ไม่ได้” ซูหว่านกระทืบเท้าด้วยความขัดใจที่ตามมาไม่ทันชายหนุ่ม ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทำงานของตนเองอีกครั้ง

นี่จึงทำให้หยางเหมยจินถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงก้มมองของในมือตัวเอง “เอ๊ะ! นี่เอาเนื้อหมูออกมาได้ด้วยเหรอ”

เธอร้องถามด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเมื่อออกมาจะมีเนื้อหมูติดมือมาด้วย หรือว่านี่จะเป็นมิติวิเศษที่ได้ติดตัวมาหลังจากข้ามเวลามาแล้ว

“ถ้าสามารถเอาของในมิติออกมาได้ ก็แสดงว่าข้ารอดตายแล้วใช่หรือไม่” หยางเหมยจินพูดออกมาด้วยความดีใจ ดวงตาของนางเปล่งประกายเจิดจ้า

เมื่อต้องการพิสูจน์บางอย่าง หยางเหมยจินจึงหลับตาแล้วนึกถึงตระกูลหยางอีกครั้ง ก็พบว่าเธอกลับไปที่นั่นได้จริง ๆ และเธอเดินสำรวจด้านในอีกครั้งอยู่พักใหญ่ แต่ไม่นานก็รู้สึกอึดอัดคล้ายจะหายใจไม่ออกจึงคิดถึงบ้านตงเพื่อจะออกมา ก่อนจะออกมาเธอก็หยิบของหลายสิ่งหลายอย่างติดมือมาด้วย เพื่อดูว่าสามารถนำออกมาได้จริงหรือไม่ และผลสรุปว่าเป็นอย่างที่คิดจริงๆ

“ถ้าแค่คิดถึงสถานที่ก็ไปมาได้อย่างสะดวกอย่างนั้นหรือ แต่ทำไมอยู่นานๆ ไม่ได้ล่ะ หรือที่นั่นจะไม่ใช่ที่อยู่ของเราอีกต่อไป”

หยางเหมยจินพูดกับตัวเองเบาๆ เธอรู้สึกว่าไปที่จวนของตระกูลหยางได้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างบ่งบอกว่าที่นั่นไม่ใช่ที่อยู่ของเธออีกแล้ว เธอสามารถไปได้เป็นช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น “แล้วถ้าคิดถึงสิ่งของล่ะ จะสามารถเรียกได้หรือไม่นะ”

เมื่อสงสัยหญิงสาวก็แบมือข้างที่มีสร้อยออกแล้วนึกถึงสิ่งของที่ต้องการ ผลปรากฏว่าไม่ว่าหญิงสาวจะคิดอยากได้สิ่งใดออกมา สิ่งของเหล่านั้นก็จะมากองอยู่ตรงหน้าทันที ไม่ว่าจะเป็นของชนิดใดชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ขนาดไหน ล้วนเรียกออกมาได้เหมือนกันทั้งหมด หากว่าของสิ่งนั้นมีอยู่ในจวนตระกูลหยางหรือสถานที่ที่เธอเคยไปในชาติที่แล้ว เสียดายที่เงินที่ใช้แตกต่างกันมาก จึงไม่สามารถเรียกมาใช้ได้

“ถ้าอย่างนั้นฉันเข้าครัวดีกว่า เมื่อเช้าคล้ายกับว่าอาหารและวัตถุดิบในบ้านหลังนี้น่าจะหมดแล้ว”

คิดได้ดังนั้นเธอจึงเดินเข้าครัวทันที ก่อนจะเรียกวัตถุดิบต่าง ๆ ออกมา ไม่ว่าจะเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง เครื่องปรุง และพวกเนื้อสัตว์ เธอหวังว่าเย็นนี้จะได้เลี้ยงฉลองกับทุกคนด้วยมื้ออาหารที่สุดแสนอร่อยนี้

ส่วนทางด้านตงเหวินหมิง หลังจากไปเอาของที่สำนักงานตามคำสั่งของหัวหน้าคอมมูนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงไปสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งที่แห่งนี้มีกำแพงหนาทึบล้อมรอบอีกทั้งประตูด้านหน้าก็สูงใหญ่ยิ่งนัก

เมื่อมาถึงตงเหวินหมิงจึงเคาะประตูสามครั้ง ไม่นานก็มีคนด้านในออกมาเปิด พอเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าจึงได้เอ่ยถามว่ามาหาใคร

“ที่นี่เป็นสถานที่ส่วนบุคคล ไม่ทราบคุณมาหาใคร”

ชายคนนี้คล้ายจะเป็นคนมาใหม่ทำให้ไม่รู้จักตงเหวินหมิง ถึงได้ถามออกมาแบบนี้

“แจ้งนายท่านหลู่ว่าเหวินหมิงมาขอพบ” ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่ถือสาที่ถูกถามอย่างนั้น เพราะเขาก็ไม่คุ้นหน้าคนเฝ้าประตูเช่นกัน

“ถ้าเช่นนั้นกรุณารอสักครู่ ผมจะรีบไปแจ้งนายท่านให้ทราบ” พูดจบเขาก็รีบปิดประตูแล้ววิ่งเข้าไปด้านในทันที เพื่อส่งข่าวให้นายท่านรู้ว่าใครมาขอพบ

ไม่ถึงห้านาทีชายคนเดิมก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง พร้อมกับรีบเปิดประตูกว้างและเชิญให้ตงเหวินหมิงเข้าไปด้านใน

“เชิญครับ นายท่านรออยู่” เขากล่าวออกมาอย่างนอบน้อม

“ขอบใจนะ” ตงเหวินเมิงพูดขึ้นแล้วเดินเข้าไปภายในกำแพงและตรงไปที่บ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคย

“หายหน้าหายตาไปนานเลยนะ” ชายสูงวัยคนหนึ่งเดินออกมารับเขาที่หน้าบ้านด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เขาไม่คิดไม่ฝันว่าคนอย่างตงเหวินหมิงจะมาขอพบ

“สวัสดีครับท่าน วันนี้ผมมีเรื่องจะรบกวนท่านสักหน่อย” ตงเหวินหมิงมีนิสัยไม่ใช่คนช่างพูดอยู่แล้ว เมื่อพบกับคนที่มีอำนาจสูงสุดของที่นี่ ชายหนุ่มจึงไม่คิดที่จะอ้อมค้อมอีก

“รู้ใช่ไหมว่าการมาเยือนที่นี่และเอ่ยขอร้องอย่างนี้ บางครั้งเงินก็ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยนที่ดีที่ฉันอยากได้ นายเข้าใจสิ่งที่ฉันพูด ใช่หรือไม่เหวินหมิง ว่าแต่นายมาเยือนถึงสถานที่แห่งนี้ นายต้องการอะไรเหรอ”

นายท่านหลู่กล่าวขึ้นมาอย่างยิ้มแย้ม เขาพยายามสร้างทุกอย่างเพื่อตอบแทนใครบางคน แต่ทว่าทายาทของคนคนนั้นกลับไม่สนใจ คิดเพียงอยากจะเป็นชาวบ้านธรรมดา ทั้ง ๆ ที่มีความสามารถมากจนไม่อาจหาใครมาเทียบได้ หากในครั้งนั้นทุกคนไม่ถูกใส่ร้าย ชีวิตคงไม่ต้องเป็นแบบนี้

“เข้าใจครับ ครั้งนี้ผมต้องการเอกสารยืนยันตัวตนของใครคนหนึ่ง ผมจะแจ้งชื่อไว้ก่อนส่วนภาพถ่ายผมจะนำมาให้วันหน้า เรื่องนี้ผมต้องแลกเปลี่ยนด้วยอะไรครับ” ตงเหวินเมิงตอบกลับไปเหมือนเขารับได้ทุกข้อแลกเปลี่ยน ก่อนจะบอกความต้องการของตนเองออกไป

แม้จะหยิบกล่องใส่เงินเก็บของบ้านตงมาด้วย แต่เวลานี้คงไม่ต้องใช้แล้ว ในเมื่อนายท่านหลู่กล่าวออกมาชัดเจนแล้วว่าต้องการสิ่งอื่นเป็นการแลกเปลี่ยน

นายท่านหลู่กระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างพึงพอใจกับคำตอบ เขาเชื่อว่าพยัคฆ์ต่อให้ซ่อนตัวอย่างไร ก็ย่อมเป็นพยัคฆ์อยู่ดี อย่างเช่นชายหนุ่มตรงหน้านี้อย่างไรล่ะ ที่พยายามหลบซ่อนตัวเพียงเพราะต้องการปกป้องหลานฝาแฝดที่เป็นทายาทที่เหลือของพี่สาวตนเอง แต่เมื่อจะลงมือทำอะไรก็ไม่เคยพลาดเลยสักครั้ง

“คนที่นายต้องการให้ทำเอกสารเป็นใครเหรอ สำคัญต่อนายหรือไม่” นายท่านหลู่ยังไม่ตอบข้อแลกเปลี่ยนของตนเอง แต่กลับถามถึงคนที่ชายหนุ่มต้องการให้มีตัวตน ซึ่งคงจะสำคัญกับชายหนุ่มไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคนคนนี้คงไม่มาขอความช่วยเหลือแบบนี้

“เรื่องนั้นผมคิดว่านายท่านไม่ควรมาใส่ใจหรอกครับ บอกข้อแลกเปลี่ยนของท่านมาเถอะ” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับทวงถามคำตอบที่เขาถามออกไป

ตงเหวินหมิงรู้ดีว่าเรื่องการทำเอกสารยังมีที่อื่นให้ติดต่อ แต่เพราะเขาไม่เชื่อในความสามารถของคนอื่น เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นมาเรื่องมันจะลุกลามใหญ่โตได้ แต่กับทางนายท่านหลู่คนนี้ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ เขาเลยยอมที่จะถามถึงข้อแลกเปลี่ยนในครั้งนี้

“ฉันต้องการเอกสารในห้องลับของนายพลจ๋าย นายทำได้หรือไม่ นอกจากนายจะได้เอกสารยืนยันตัวตนที่นายต้องการแล้ว ฉันยังมีค่าเหนื่อยให้นายอีกส่วนหนึ่ง นายจะได้เก็บเป็นค่าเล่าเรียนให้หลาน…ให้ลูกทั้งสองของนายอย่างไรล่ะ”

เมื่อเจอสายตาชาเย็นชาของตงเหวินหมิง นายท่านหลู่จึงเปลี่ยนคำเรียกของสองแฝดใหม่ เนื่องจากทุกคนรู้เพียงเด็กทั้งสองเป็นลูกของตงเหวินหมิง ไม่ใช่หลานอย่างที่เขารู้

นายท่านหลู่ส่งซองเอกสารบางอย่างให้ตงเหวินหมิง เมื่อชายหนุ่มรับมาจึงเปิดเอกสารด้านในดู เอกสารในซองนี้บอกถึงสิ่งที่นายท่านหลู่ต้องการ เขาเห็นแล้วก็ปิดซองไว้เช่นเดิม

“อีกสามวันผมจะนำสิ่งที่นายท่านต้องการมาให้ ส่วนนี่คือชื่อของคนที่จะให้ทำหนังสือยืนยันตัวตนครับ” ชายหนุ่มรับข้อเสนอและส่งกระดาษที่มีชื่อหยางเหมยจินที่เขาเตรียมมาให้นายท่านหลู่ พร้อมเอกสารซองนั้นที่เขาไม่ต้องนำไปด้วย ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกมา ใบหน้าของเขายังคงราบเรียบและแฝงไปด้วยความเย็นชาเหมือนเดิม

หลังจากที่ตงเหวินหมิงกลับไปแล้ว คนสนิทของนายท่านหลู่ที่ยืนฟังเงียบๆ ก็อดที่จะเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลไม่ได้

“นายท่านทำแบบนี้ทำไมครับ คนของเรามีออกตั้งมากมาย ไม่ควรดึงนายน้อย เอ่อ...คุณตงเหวินหมิงเข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้เลยนะครับ หากนายท่านใหญ่ทราบว่านายท่านพยายามทำให้คุณเหวินหมิงกลับมาเดินเส้นทางนี้ นายท่านใหญ่คงลุกขึ้นออกมาจากหลุมเพื่อจัดการนายท่านแน่ครับ”

“ฮ่า ๆ ๆ นายก็ช่างเปรียบเปรยนะอาเค่อ พี่ใหญ่ควรจะดีใจที่ฉันพยายามสร้างเส้นทางนี้เพื่อหลานชายของเราสิ เวลานี้อาหมิงยังคงจมอยู่กับอดีต เขาคิดว่าเพราะวันนั้นตัวเองไม่อยู่และกลับบ้านช้า คนพวกนั้นถึงได้กวาดล้างตระกูลตงแห่งเมืองปักกิ่งจนไม่เหลือ แต่ใครจะคิดกันล่ะว่าตระกูลตงยังเหลือพยัคฆ์ไว้หนึ่งคน พร้อมกับหลานอีกสองคน เวลานี้คนพวกนั้นยังมีอำนาจอยู่ และพวกเรายังทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือการรอเวลาเท่านั้น”

นายท่านหลู่มีแววตาที่อ่อนโยนเมื่อเอ่ยถึงหลานชายอย่างตงเหวินเมิง แต่กลับแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงคนที่ทำลายตระกูลตงจนไม่เหลือ แม้แต่ตัวเขาเองที่เป็นตระกูลตงสายรองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด เขาต้องสูญเสียลูกและภรรยาไปกับเหตุการณ์ในครั้งนั้น จนต้องหลบหนีและแฝงกายเป็นนายท่านหลู่จนถึงทุกวันนี้

“คุณเหวินหมิงยังคงโทษตัวเองและอยากชดใช้โดยการเลี้ยงดูสองแฝดนั่นอย่างดี อย่างน้อยสองแฝดก็ยังมีเลือดของตระกูลตงอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วนายท่านจะทำอย่างไรต่อจากนี้ครับ” จางเค่อเอ่ยถามเจ้านายของตนเองออกไปอย่างจนปัญญา

“นายลองส่งคนไปสืบเรื่องราวของหญิงสาวคนนี้ดูสักหน่อยสิว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน ทำไมอาหมิงถึงออกหน้าทำเอกสารนี้ให้ ฉันไม่อยากให้อาหมิงต้องหลงผิดหากมีใครส่งเธอมา เพราะรู้ถึงตัวตนของอาหมิง”

นายท่านหลู่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง เขาเริ่มเป็นกังวล เมื่อคิดว่าหญิงสาวที่ชื่อหยางเหมยจินอาจจะมาสร้างความเดือดร้อนให้กับหลานชาย และเขาจะพยายามคิดหาทางผลักดันให้ตงเหวินหมินกลับมายืนในที่ของตน ไม่ใช่ไปทนลำบากลำบนเป็นชาวบ้านธรรมดาอยู่แบบนั้น

“ครับนายท่าน” จางเค่อรับคำอย่างแข็งบขัน แต่ภายในใจนั้นกลับกังวลไม่น้อยกับการที่ต้องไปสืบเรื่องราวของบ้านตง

‘นายท่านสั่งอะไรไม่คิดเลย หากนายน้อยเหวินเมิงรู้เรื่องเข้า มีหวัง…'

เมื่อคิดถึงตรงนี้จางเค่อก็ทำหน้าสยองและสะบัดศีรษะไล่ความกังวลออกไป ก่อนจะเดินออกมาสั่งการลูกน้องของตนเองอีกที 

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวง

    ตอนพิเศษ 4 คุณพ่อจอมหวงวันเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่สองพี่น้องฝาแฝดอย่างตงจี้หยวนและตงฟางลี่ก็เติบโตขึ้นและแม้ว่าทั้งสองคนจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ทั้งสองคนก็ยังคงใช้แซ่ตงเหมือนเดิม ส่วนแซ่เดิมของพ่อแม่นั้นจะเอาไว้ให้ลูก ๆ ในอนาคตเป็นผู้สืบทอด ตอนนี้ทั้งสองคนใกล้จะเรียนจบระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนพี่นั้นเริ่มเข้ามาช่วยดูแลงานในบริษัทของพ่อ และสมบัติที่พ่อแม่ที่แท้จริงทิ้งไว้ให้ เลยไม่ค่อยมีเวลาตัวติดกับน้องสาวเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้ก็เหมือนกัน ชายหนุ่มจะต้องเข้าไปดูงานที่บริษัท แต่น้องสาวขอไปดูหนังกับเพื่อน“พี่ใหญ่ วันนี้ฉันขอไปดูหนังได้ไหม” ตงฟางลี่เอ่ยขอพี่ชายอย่างออดอ้อน“พี่น่ะให้ไปได้ ว่าแต่เราโทรขออนุญาตพ่อหรือยัง แล้วจะดูหนังรอบไหนกัน นี่ก็เย็นมากแล้วนะ”ชายหนุ่มตอบกลับน้องสาวอย่างไม่คิดอะไร สำหรับตัวเขานั้นไม่เท่าไร แต่พ่อนี่สิคงไม่ยอมอนุญาตง่ายๆ แน่ เพราะพ่อเป็นคุณพ่อจอมหวงลูกสาวเสียเหลือเกิน ดูอย่างน้องสาวคนเล็กที่อายุแค่ไม่เท่าไรสิ พ่อยังแทบจะไม่ให้ผู้ชายอุ้มแล้ว ความหวงของพ่อที่มีต่อน้องสาวเกินขอบเขตจริง ๆ และนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงอาอี้ข่ายที่เป็นเหมือนกันราวกับถอดแบบกันมาเลยทีเ

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดก

    ตอนพิเศษ 3 คุณพ่อลูกดกหลังจากจบเรื่องตระกูลเกา ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตกันตามปกติ ซึ่งเกาเทียนอี้และเกาซื่อหลินก็ไม่คิดจะกลับไปเหยียบตระกูลเกาอีกเลย และได้ข่าวว่าเกาเสี่ยวจิงถูกคนตระกูลหุ้ยบอกเลิกการหมั้นหมายและไม่คิดจะสานต่อความสัมพันธ์ส่วนสองแม่ลูกแม้จะอยู่ตระกูลเกาต่อ แต่สถานะของทั้งสองก็อยู่ยิ่งกว่าสาวใช้ สาเหตุที่ท่านนายพลไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ก็เพราะไม่ต้องการอับอายคนในสังคม และที่สำคัญเขาได้เอาผู้หญิงที่เลี้ยงไว้นอกบ้านเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์และยกเป็นนายหญิงคนใหม่ เลยทำให้เฟ่ยเจียแค้นใจอย่างมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องยอมรับชะตากรรมที่ตนเองได้ก่อไว้พอเกิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตงเหวินหมิงคิดจะจัดงานเลี้ยงเปิดตัวเองและภรรยารวมถึงทุกคนให้สังคมได้รับรู้ แต่กลับถูกภรรยาห้ามไว้ เพราะเธอกำลังท้องเลยไม่อยากจัดงานเลี้ยงขึ้นมา โดยได้บอกกับสามีว่าค่อยจัดงานเปิดตัวตอนเธอคลอดลูกแล้วก็ยังไม่สายแต่เมื่อถึงเวลา หยางเหมยจินก็บ่ายเบี่ยงอีก เพราะเธออยากอยู่อย่างสงบกับลูกไม่อยากวุ่นวายกับใคร เพราะการเปิดตัวนั้นคงทำให้มีแต่คนเข้าหาเธอในฐานะนายหญิงตงจนเวลานี้เธอตั้งท้องครั้งที่สามแล้ว เพราะสองท้องที่ผ่

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่

    ตอนพิเศษ 2 ทวงคืนสินเดิมของแม่หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น สองแม่ลูกจากตระกูลเกาแทบจะนอนไม่หลับ เพราะกลัวว่าตงเหวินหมิงจะบุกมาพบกับท่านนายพลถึงตระกูลเกา แต่เมื่อเวลาผ่านมาเป็นสัปดาห์ก็ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ทำให้ทั้งสองคนกลับมาเชิดหน้าเหมือนเดิม“คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า เหมือนว่าสัปดาห์ก่อนคุณจะพูดอะไรเหรอ” นายพลเกาเอ่ยถามภรรยาหลังจากสะสางงานตนเองเสร็จแล้ว ตอนนั้นเขากำลังวุ่นกับงานอยู่ เลยไม่ได้ฟังอะไรเธอมากมายนัก“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ เรื่องไม่สำคัญแล้วล่ะ คุณทำงานของคุณเถอะ จริงสิ ฉันลืมบอกคุณไปว่าต้นเดือนหน้าทางตระกูลหุ้ยจะเข้ามาพูดคุยเรื่องหมั้นหมายระหว่างลูกชายบ้านนั้นกับเสี่ยวจิงของเรานะคะ” เฟ่ยเจียตอบกลับไปอย่างอ่อนหวานและเปลี่ยนเรื่องไปพูดในเรื่องที่เธอมีความยินดีอย่างมากจะว่าไปเรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับเฟ่ยเจียไม่ใช่เรื่องของตระกูลตงจะเข้ามาที่นี่หรือไม่ แต่เป็นเรื่องการแต่งงานและหมั้นหมายของลูกสาวมากกว่าพอท่านนายพลเกาได้ยินเรื่องการแต่งงานของลูกสาวคนเล็ก ก็อดคิดถึงลูกสาวคนโตที่หายไปจากบ้านหลายปีแล้ว รวมถึงลูกชายที่ไปเป็นทหาร ซึ่งไม่รู้เวลานี้ทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างเพราะขา

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัว

    ตอนพิเศษ 1 หาเรื่องใส่ตัวหลังจากที่ย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่ง เกาซื่อหลินก็ยังคงช่วยงานของหยางเหมยจินเหมือนเดิมพร้อมกับดูแลพี่สาวบุญธรรมไปด้วย วันนี้ทั้งสองออกมาซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าเพียงลำพัง เพราะสองแฝดไปเรียนหนังสือ ตงเหวินหมิงกับตู้อี้ข่ายก็ไปทำงาน“นี่เสี่ยวหลิน ไม่ต้องคอยระมัดระวังขนาดนั้นก็ได้ พี่แค่ท้องนะไม่ใช่คนป่วยสักหน่อย” หยางเหมยจินพูดพึมพำออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ เพราะตั้งแต่เธอตั้งท้อง ทุกคนก็แทบจะไม่ให้เธอทำอะไรเลย เธอแทบจะเป็นง่อยอยู่แล้ว“พี่เหมยจินก็พูดไป ถ้าเกิดพี่เดินไม่ระวังแล้วสะดุดล้มขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ ต่อให้มีคนของพี่เขยติดตามมาด้วย ใช่ว่าจะมีคนกล้าแตะต้องตัวพี่นะ หน้าที่นี้เป็นของฉัน อย่างไรฉันก็ต้องคอยดูไว้ก่อน” เกาซื่อหลินโต้แย้งกลับทันที เพราะเธอต้องระวังความปลอดภัยให้กับพี่สาวคนนี้ เลยทำให้ต้องดูเหมือนทำเกินจริงไปหน่อย แต่ป้องกันไว้ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ“เอาเถอะ แล้วแต่เธอก็แล้วกัน นั่นร้านขายขนมฝรั่งเปิดใหม่หรือเปล่า เราลองเข้าไปดูกันเถอะ” หยางเหมยจินคร้านจะเถียงกับอีกฝ่าย เมื่อเห็นร้านขนมเปิดใหม่จึงชวนอีกฝ่ายไปดู เนื่องจากขนมพวกนี้เธอกินแล้วติด

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการ

    บทส่งท้าย ครอบครัวที่ต้องการสามปีต่อมา... หลังจากวันนั้นวันที่ตงเหวินหมิงกลับมา นั่นจึงทำให้หยางเหมยจินคลายความกังวลและรู้สึกดีใจที่เขาปลอดภัย โดยที่ตงเหวินหมิงเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังเธออย่างละเอียด แล้วยังบอกอีกว่าเวลานี้เขาล้างมลทินให้ตระกูลตงเรียบร้อยแล้ว รวมถึงตระกูลของพี่เขยด้วย ก่อนจะบอกความจริงกับเด็กน้อยทั้งสอง ซึ่งแม้ทั้งสองคนจะรับรู้ว่าตนเองนั้นไม่ใช่ลูกแต่เป็นหลาน แต่ทั้งสองก็ยังคงเรียกตงเหวินหมิงว่าพ่อ และเรียกหยางเหมยจินว่าแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องบ้าน ทั้งหมดได้ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านที่รู้ความจริงว่าตงเหวินหมิงคือนายท่านหยางก็พากันตกใจ บางคนก็เสียดาย ที่ก่อนหน้านี้พวกตนน่าจะทำดีกับบ้านตงไว้ ส่วนซูหว่านแทบจะเสียสติ ที่ชายที่เธอหมายปองนั้นคือคนที่มีอิทธิพลของเมืองนี้ แถมยังร่ำรวยมากอีกด้วยแต่เพราะทางบ้านซูของเธอไม่อยากมีปัญหากับบ้านตงและรู้ว่าซูหว่านคงไม่จบเรื่องบ้านตง บ้านซูจึงตัดสินใจหาสามีที่อยู่ต่างเมืองให้เธอทันทีทำให้สามปีที่ผ่านมาไม่มีใครคอยมาวุ่นวายกับสองสามีภรรยามากนัก ทุกวันนี้ตงเหวินหมิงจึงรู้สึกสบายใจอย่างมาก“ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างที่

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาชาวบ้าน (ยุค70)   บทที่ 52 จบสิ้นปัญหา

    บทที่ 52 จบสิ้นปัญหาหลายวันต่อมา...ในหมู่บ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาทำงานในคอมมูนไม่น้อยเลย แถมหัวหน้าคอมมูนยังให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างที่พักให้ นี่จึงทำให้ใครหลายคนพากันแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าคอมมูนบอกเองว่าทางการยังไม่ได้ส่งคนเข้ามา แต่ทำไมวันนี้กลายเป็นว่ามีคนมากมายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านล่ะ“พวกเราคิดว่ามันแปลกหรือไม่ ที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยเลย” ชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้น“จะขี้สงสัยไปทำไมกัน คนมาทำงานจะคิดมากไปทำไม หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หัวหน้าหมู่บ้านคงบอกแล้วล่ะ” อีกคนตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจการพูดคุยของกลุ่มชาวบ้านแม้ว่าแปลกใจและสงสัยแต่ก็เลือกที่จะไม่ถาม เพราะรู้ดีว่าทุกคนมีหน้าที่การงานของตนเองซึ่งเรื่องนี้มีแค่หัวหน้าคอมมูนเท่านั้น ที่รู้ว่าเป็นคนของใครที่ถูกส่งเข้ามา เขาไม่คิดว่าคนเคยปลอมเป็นชาวบ้านมางานแต่งของตงเหวินหมิงกับหยางเหมยจินจะเป็นถึงนายท่านหลู่ นายท่านผู้ลึกลับแต่ทรงอิทธิพล และเขาก็ไม่คิดว่าท่านจะส่งคนมาบอกเรื่องที่จะให้ คนมาทำงานในคอมมูน โดยปลอมเป็นชาวบ้านที่มาทำงานในคอมมูนที่หมู่บ้านแห่งนี้เพื่อที่จะปกป้องใครบางคน ซึ่งต่อให้ช

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status