เพียงแต่อารมณ์เหล่านี้แค่แวบเข้ามาในก้นบึ้งหัวใจเท่านั้น มิได้คงอยู่ เรื่องพวกนี้ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา เขาไม่จำเป็นต้องรู้สึกไม่เป็นธรรมเพื่อผู้หญิงคนนั้นกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่กลางอากาศ ตามกลิ่นหอมสดชื่นของสระบงกช ในที่สุดดวงจันทร์ก็เคลื่อนตัวออกจากเมฆชั้นหนาเสี้ยวหนึ่ง ครั้นแสงจันทร์จาง ๆ สาดส่องลงมา ฉายดวงหน้างดงามมีเสน่ห์ของเซ่อเจิ้งอ๋อง กลับทำให้คนรู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุฮูหยินผู้เฒ่าหลงรู้สึกครั่นคร้ามเหมือนกัน ในที่สุดนางก็รู้ว่าตัวเองประเมินชายหนุ่มผู้นี้ต่ำเกินไป แต่... ในตอนที่นางกำลังรบราฆ่าฟันอยู่ในสนามรบ เขายังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ จะถูกเขาขย่มขวัญไม่ได้ ความกล้าของเขาก็มีเพียงฆ่าสาวใช้คนหนึ่งเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็ยืดหลังตรง ขณะกำลังจะพูดก็ได้ยินเสียงเย็นชาหนึ่งดังขึ้น และเสียงนี้เองที่ทำให้นางตกใจจริง ๆ“เกิดอะไรน่ะ? แต่ละคนมาล้อมกันอยู่ที่ทำอันใด?”เห็นเพียงศีรษะคนผุดขึ้นมาจากสระบงกช จากนั้นก็ค่อย ๆ ว่ายมา สองมือเกาะหินริมฝั่งพาดตัว แววตาเย็นชาระคนรอยยิ้มจาง ๆ นัยน์ตาดำขลับพกพาความบันเทิงเล็กน้อย เส้นผมชื้นแฉะสยายปกอยู่บนบ่า ราวกับภูตที่หลงเข้ามา
มู่หรงฉิงเทียนมองอาภรณ์เปียกมะล่อกมะแล่กของนางและใบหน้าสวยเล็กจิ้มลิ้มหนาวจนซีดไปบ้าง หัวใจแข็งกร้าวที่ผ่านมาเกิดความสงสารขึ้นมาเล็กน้อย จึงเอ่ย “ไทเฮาเสด็จกลับไปเปลี่ยนฉลองพระองค์ก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ หลังจากเปลี่ยนฉลองพระองค์แล้ว กระหม่อมยังมีบางเรื่องที่อยากถามพระองค์”“ก็ได้!”สายลมเย็นพัดมาวูบหนึ่ง จ่านเหยียนจามสองหนติดกัน นางสั่นระริก “เช่นนั้นข้าจะกลับไปเปลี่ยนชุดก่อน”นางหันกลับมามองฮูหยินผู้เฒ่าทีหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ายืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่ปราศจากอารมณ์ ชายตามองจ่านเหยียนอย่างเย็นชาเหมือนอย่างเคย ส่วนฮุ่ยอวิ่นยืนอยู่ข้างตัวนางนิ่ง ดวงตาจับจดอยู่บนตัวจ่านเหยียน ราวกับยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่จ่านเหยียนหัวเราะเบา ๆ ทีหนึ่งก่อนจะจากไป คนสนิทของนางก็ตามไปด้วยจิ้นหรูถามทั้งตาแดง “คุณหนูใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บจริงหรือเพคะ? ทรงตกลงมาจากที่สูงอย่างนั้น ทรงไม่เป็นไรจริง ๆ หรือเพคะ?”จ่านเหยียนถอนหายใจทีหนึ่ง “จิ้นหรู พอแล้ว เจ้าใช้ความรู้สึกกับข้ามากไปแล้ว แบบนี้จะทำให้ขาดสติได้นะ”จิ้นหรูอึ้ง แววตาชะงักงันเล็กน้อยจ่านเหยียนเอ่ย “ถึงอดีตฮ่องเต้จะฝากฝังเจ้าไว้กับข้า แต่เจ้
“ข้าไม่ได้อยู่ในน้ำสักหน่อย แค่หลบอยู่ในพงหญ้าแถวนั้น พอได้เห็นช่วงถึงพริกถึงขิงของละครจึงลงน้ำ” ที่เซ่อเจิ้งอ๋องลงมือในตอนท้ายนั้นน่าจะข่มขวัญยายแก่นั่นได้คนที่มั่นใจเกินเหตุคนหนึ่งจะโอหังใช้อำนาจบาตรใหญ่ เอาแต่ใจวางก้าม นี่คือโรค ต้องมีคนรักษา!“แต่... เหตุใดต้องดำน้ำแล้วค่อยปรากฏขึ้นสู่ผิวน้ำด้วย? ทรงปรากฏตัวออกมาตรง ๆ เลยมิได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?” อาเถี่ยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีจ่านเหยียนยิ้มสวย “เจ้าไม่รู้สึกว่าโผล่ออกมาจากใต้น้ำเพิ่มความลึกลับได้หรือ? อีกอย่าง หญิงงามขึ้นสระ เป็นภาพน่าชมแค่ไหน!”คนเป็นฝูงยุ่งกันทั้งคืน ก็ต้องให้สวัสดิการหน่อยใช่หรือไม่?ทุกคนเหงื่อตกกันเป็นแถว ยังจะหญิงงามขึ้นสระอีกแน่ะ? ช่างหลงตัวเองโดยแท้!ครั้นกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว จ่านเหยียนก็ไปเยี่ยมกัวอวี้กัวอวี้บาดเจ็บถลอกนิดหน่อยจริง ๆ นางนอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นจ่านเหยียนกลับมาอย่างปลอดภัยก็ยันตัวจะลุกขึ้นทำความเคารพ แต่จ่านเหยียนกดตัวนางลง “พอแล้ว นอนเถอะ”“คุณหนูใหญ่ทรงหยั่งรู้ดังคาดเพคะ!” กัวอวี้ยิ้มพูด“ก็เพราะเจ้าให้ความร่วมมือดี!” ใบหน้าหมดจดของจ่านเหยียนฉายรอยยิ้มมีเสน่ห์ เส้นผมยาวยังชื้นอยู
ขณะจ่านเหยียนมาถึงห้องโถงด้านข้าง เซ่อเจิ้งอ๋องกำลังเล่นแหวนอังคุฐในมืออย่างผ่อนคลาย สีหน้าหยิ่งผยองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาก็เอนหลังแล้วมองมา แววตาแห่งปฏิภาณล้ำลึกกวาดมองมาเรียบ ๆ และหยุดอยู่บนใบหน้าของจ่านเหยียนเมื่อนั้นจึงลุกขึ้นยืน “ไทเฮาเชิญประทับพ่ะย่ะค่ะ” ตามด้วยไม่รอให้จ่านเหยียนนั่งลง เขาก็นั่งเก้าอี้อีกครั้ง คืนท่าทางเมื่อก่อนหน้านี้จ่านเหยียนไม่แปลกใจกับความหยิ่งผยองของเขาสักนิด อีกทั้งยังเคยชินกับความยโสเย็นชาของเขานานแล้ว ทว่าเขาในคืนนี้ต่างออกไปเล็กน้อย ในความทระนงมีความคลุมเครือแฝงซ่อนอยู่เสี้ยวหนึ่งจ่านเหยียนรู้ มิอาจดูแคลนเด็กชายตรงหน้าได้ นางค่อย ๆ นั่งลงและรับกับสายตาของเขา ก่อนจะเอ่ย “ท่านอ๋องรอนานแล้ว”“พอได้!” เซ่อเจิ้งอ๋องตอบชืด ๆฮุ่ยอวิ่นก็เข้ามาจากนอกห้องเหมือนกัน เดินหน้ามาทำความเคารพ “ฮุ่ยอวิ่นถวายพระพรไทเฮา”“คุณชายฮุ่ยอวิ่นมิต้องมากพิธี” ฮุ่ยอวิ่นมองแล้วยิ้มจาง ๆ “ข้าอยากหาโอกาสขอบคุณคุณชายฮุ่ยอวิ่นมาตลอด”“อ้อ?” ฮุ่ยอวิ่นมองนางอย่างไม่เข้าใจจ่านเหยียนเอ่ย “นักดนตรีพวกนั้นที่คุณชายฮุ่ยอวิ่นให้ข้า ปรนนิบัติได้เหมาะสมและรู้ใจนัก”ฮุ่ยอวิ่นตก
“แต่ก็ต้องขอบคุณท่านอ๋องที่ดูแลมาตลอด” จ่านเหยียนกล่าวจากใจจริง“มิต้องเกรงพระทัย” เซ่อเจิ้งอ๋องลุกขึ้นยืนช้า ๆ “ดึกมากแล้ว ไม่รบกวนไทเฮาทรงพักผ่อน กระหม่อมทูลลา!”เขายกนัยน์ตาดำขลับขึ้น มองจ่านเหยียนเงียบ ๆ จ่านเหยียนก็มองเขาตอบเหมือนกัน ท่ามกลางแสงเทียนสลัว เห็นเพียงสองสายตาประสานกันจนเกิดเป็นประกายไฟที่คนอื่นดูไม่ออก“ส่งท่านอ๋อง!” จ่านเหยียนหันไปสั่งกับจิ้นหรู“ท่านอ๋อง เชิญ!” จิ้นหรูอมยิ้มแล้วเดินไปข้างหน้าเซ่อเจิ้งอ๋องมองจิ้นหรูทีหนึ่ง “คืนนี้ทำให้เจ้าตกใจแล้ว?”“นิดหน่อยเพคะ!” จิ้นหรูยิ้ม“แต่ไหนมาเจ้าก็ขี้กลัว” เซ่อเจิ้งอ๋องส่ายหน้า “เพียงแต่ต่อไปติดตามนายเช่นนี้ ต้องหัดใจกล้ามากหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นจะตกใจตายได้ง่าย”จิ้นหรูขำพรืด “เพคะ!”ฮุ่ยอวิ่นไม่ค่อยอยากกลับ ก่อนจากไปยังหันไปมองจ่านเหยียนอีกทีหนึ่งแบบไม่ยอมแพ้ ครั้นเห็นจ่านเหยียนนิ่งเฉยจึงได้แต่ถอนหายใจและออกไประหว่างทางกลับ ฮุ่ยอวิ่นยังครุ่นคิดอยู่“คิดอะไรอยู่น่ะ?” เซ่อเจิ้งอ๋องเดินทอดน่องพลางถาม เขาถอดแหวนอังคุฐหยกแล้วเล่นอยู่ในมือฮุ่ยอวิ่นตอบ “คิดเรื่องในคืนนี้นะสิ เทียน ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าหลงจ่านเหยียนผ
วันต่อมาหลงฉางเทียนก็นำทหารกลับมา เขาหาจนทั่วภูเขาเฮยเฟิงแล้ว แต่จูซิวมิได้กลับไป หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ จูซิวไม่ได้จับคนไปจริง ๆหลังจากกลับถึงจวน ฮูหยินผู้เฒ่าก็เรียกเขาไปอย่างร้อนใจทันทีหลังจากฟังเรื่องทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว หลงฉางเทียนก็วิตกกังวลอย่างหนัก“ท่านแม่ ข้าสงสัยมาตลอดว่านางจะมีมือดีคอยช่วยเหลืออยู่ข้างตัว ท่านคิดว่าเป็นผู้ใด?” หลงฉางเทียนถาม“นอกจากเซ่อเจิ้งอ๋องก็ไม่มีใครอื่น” ฮูหยินผู้เฒ่าเปล่งเสียงเนิบ ๆหลงฉางเทียนแววตาร้อนรนเล็กน้อย “ทำเรื่องที่ไทฮองไทเฮามอบหมายไม่สำเร็จ กลัวแต่วันหน้าอยู่ต่อหน้าไทฮองไทเฮา ข้าจะไม่มีที่ยืนแล้ว”ฮูหยินผู้เฒ่าแววตาเคร่งขรึม มองเขาดุ ๆ “นี่ก็ยอมแพ้แล้วหรือ? จะให้นางตาย มีสารพัดวิธี อยู่ที่ว่าเจ้าจะเลือกวิธีไหน”“ท่านแม่ยังมีแผนเด็ด ๆ อีกหรือขอรับ?” หลงฉางเทียนหน้าระรื่น“เคยได้ยินเรื่องภูเขาหลัวถัวมีปีศาจจิ้งจอกออกอาละวาดหรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่าถาม“ภูตผีปีศาจหลอกคน โลกนี้มีปีศาจที่ไหน? ท่านแม่อย่าได้เชื่อข่าวลือนะขอรับ” หลงฉางเทียนเอ่ยฮูหยินผู้เฒ่ามองตาขวางทีหนึ่ง “โลกนี้มีปีศาจหรือไม่ มันเกี่ยวอันใดกับเจ้า? ที่สำคัญที่สุ
ครั้นถึงตอนเย็น เสียงดนตรีเศร้าโศกดังขึ้น จวนตระกูลหลงหามโลงศพออกมาหลายโลง แล้วตรงดิ่งไปยังนอกเมือง คนที่กำลังจะเข้าเมืองเห็นเข้าพอดี ต่างเล่าว่าได้ยินเสียงร้องไห้ฮือ ๆ จากในโลงศพ มิหนำซ้ำยังมีน้ำเลือดไหลอยู่เต็มพื้น แม้แต่ทหารหน้าประตูเมืองเห็นแล้วยังพากันหลีกหนีพริบตาเดียวเมืองหลวงที่ศิวิไลซ์ก็กลายเป็นเมืองร้าง บรรยากาศอึมครึม เมื่อถึงยามราตรี บรรดาภัตตาคารโรงน้ำชาต่างปิดประตูไม่ทำการ แม้แต่หอนางโลมที่มีเสียงดนตรีทุกค่ำคืนตลอดเส้นทางก็ยังเงียบกริบช่วงกลางคืนลมพายุรุนแรงหนักกว่าเดิม เมฆดำไม่สลายตัวไปสักที แต่ก็ไม่มีฝนตกลงมาด้วย อากาศสอดแทรกบรรยากาศแปลกประหลาดถึงที่สุดอยู่ อากาศที่ผิดปกติเช่นนี้ แม้แต่ราชครูก็ยังมิอาจเข้าใจวันต่อมา ทางตะวันตกของเมืองก็มีข่าว ครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวตายด้วยน้ำมือของปีศาจจิ้งจอกยกครัว ลักษณะการตายอุจาดตามาก แม้แต่หัวใจก็ยังถูกควัก เลือดไหลนอง ครอบครัวสี่คนของหญิงม่ายแม่เซว ทั้งมารดาสามี ลูกชาย ลูกสาว และแม้แต่หญิงม่ายแซ่เซวก็ยังมิอาจรอดพ้นเคราะห์กรรมนี้ไปได้ทางการต้องทำคดี จึงรีบส่งหัวหน้ามือปราบและมือปราบไปชันสูตรศพ ครั้นเคลื่อนย้ายศพมาถึงที่เก็บศ
อาเสอถาม “แล้วมันใช่ปีศาจจิ้งจอกออกอาละวาดหรือไม่เจ้าคะ?”“เจ้าไม่ได้กลิ่นยั่วยวนฉุน ๆ ในอากาศหรือ? ครั้งนี้สกุลหลงไม่ได้โกหก มีปีศาจจิ้งจอกเข้าจวนจริง ๆ” จ่านเหยียนเอ่ย“เช่นนั้นท่านยังไม่กำจัดปีศาจอีก?” อาเสอรีบพูด“เจ้าก็ปีศาจเหมือนกัน ถ้าจะกำจัดก็กำจัดเจ้าก่อนเลย ข้าบอกตั้งกี่ครั้งกี่หนแล้ว ปีศาจแบ่งออกเป็นปีศาจดีและปีศาจไม่ดี” จ่านเหยียนท่าทางหนักใจ“แต่ปีศาจจิ้งจอกตนนี้ฆ่าคนแล้วนะเจ้าคะ ครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวตายด้วยน้ำมือนางมิใช่หรือ? ข้าไม่เคยฆ่าคนสักหน่อย” กล่าวอย่างมีคุณธรรมเต็มเปี่ยมจ่านเหยียนยื่นมือเขกหัวของนางทีหนึ่ง “เจ้านี่นะ คนอื่นพูดอะไรก็เชื่อหมดหรือ? เจ้าไม่ตรวจสอบดูบ้างหรือไง? ปีศาจจิ้งจอกฆ่าคนจะควักหัวใจ? หรือเจ้าเห็นว่านางกินคน?”อาเสอคิดครู่หนึ่ง “ก็จริงแฮะ อย่างมากปีศาจจิ้งจอกก็แค่ดูดพลังชีวิต หัวใจไม่มีประโยชน์จริง ๆ แต่ถ้าครอบครัวของหญิงม่ายแซ่เซวไม่ได้ถูกปีศาจจิ้งจอกฆ่า เช่นนั้นใครกันที่เป็นคนลงมือ? โหดเหี้ยมขนาดนี้เชียวหรือเจ้าคะ?”“สรรพสัตว์บนโลกใบนี้ เผ่าพันธุ์ใดโหดเหี้ยมที่สุด?” จ่านเหยียนถามนางอาเสอตอบ “เผ่าพันธุ์ที่โหดเหี้ยมที่สุดคือเสือกระมังเ
ไม่นานเรื่องที่จ่านเหยียนพังตำหนักชิงหนิงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ววังหลวงจงเสี้ยนไทฮองไทเฮากริ้วหนัก แต่นางไม่ได้ทำอะไร การที่หลงจ่านเหยียนกล้าพังตำหนักชิงหนิง เป็นการพิสูจน์แล้วว่าวันนี้มิอาจเทียบวันวานนึกถึงตอนที่นางเข้าวังใหม่ ๆ แล้วมาคารวะ ใจเสาะขี้กลัวปานนั้น แม้แต่คุกเข่าก็ยังถลาลงไปกับพื้น ชวนให้คนตลกขบขันใครจะคิด วันนี้นางกลับกล้าพังตำหนักชิงหนิง?ดูท่านางคงบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว มิเช่นนั้น ด้วยเบื้องหลังของฐานะนาง นางจะไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาดหากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นที่พังตำหนักชิงหนิงในวันนี้ก็คงเป็นแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องเหมือนกันเขาจะทำอะไร?ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ถงจื่อหยาเกิดเรื่อง โจมตีสกุลถงต่อ?“หย่าจู้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ไทฮองไทเฮาถามหมัวมัวด้านข้างหย่าจู้คิดแล้วจึงเอ่ย “หลงจ่านเหยียนผู้นี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้างจริง ๆ ก่อนหน้านี้แทรกแซงเรื่องของหยวนผินยังพอพูดได้ว่าอยากได้หน้า แต่การพังตำหนักชิงหนิงนี้ เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่สตรีผู้หนึ่งจะทำได้ โดยเฉพาะนางที่เป็นสตรีเช่นนี้เพคะ”“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องคือผู้บงการหรือ?”“ยาก
นางทิ้งมือทั้งสองลง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาอาเสอตกใจ ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของนางฉับพลัน จากนั้นก็เงยหน้ามองจ่านเหยียนอย่างตกตะลึงจ่านเหยียนเอ่ยเสียงหนัก “ปกป้องหัวใจของนางก่อน”ถงไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตามีความกระหยิ่มยิ้มย่องและสาแก่ใจ “นางตายแน่”อาเสออุ้มจิ้นหรูเข้าไปในตำหนัก แต่ช้าไป นางมิอาจช่วยไว้ได้จ่านเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับอาหู “รอพวกเราออกไปแล้วก็พังตำหนักชิงหนิงเสีย”อาหูฉายรอยยิ้มหนาวเหน็บ “เพคะ!”“หลงจ่านเหยียน เจ้าน่าจะรู้นะ ภัยเกิดจากปาก ต่อให้วันนี้เจ้าพังตำหนักชิงหนิงของข้าไม่ได้ ข้าก็บันทึกแค้นนี้เอาไว้แล้ว” ถงไทเฮาเอ่ยข่มขู่จ่านเหยียนยิ้มระรื่น “วางใจ ไม่ว่าเรื่องใดที่ลงมือได้ ข้าจะไม่เปลืองน้ำลายเด็ดขาด”ผ่านไปพักหนึ่ง อาเสออุ้มจิ้นหรูออกมาแล้วพยักหน้ากับจ่านเหยียน “กลับไปเถอะ!”จ่านเหยียนเดินตามอาเสอออกไป จากนั้นก็หันมาสั่งกับอาหู “พังตำหนักชิงหนิงแล้วไปพาอาถงกับอาเถี่ยออกมาจากห้องมืดเถอะ”“รับบัญชา!” อาหูขานรับอย่างเริงร่าสวรรค์รู้ นางเห็นจิ้นหรูมีเลือดเต็มตัวแล้วอยากฆ่านางอัปลักษณ์ผู้นี้แค่ไหน หากติดตามนายที่เอาแต่พูดเรื่องคุณธรรมจริยธ
จ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือด้วยท่าทางผ่อนคลาย นั่นคือตำแหน่งที่ถงไทเฮานั่งยามมีนางสนมมาเข้าเฝ้านางเอ่ยกับอาเสอและอาหู “ค้นตำหนักชิงหนิงให้ทั่ว ข้าต้องพบจิ้นหรู”“ช้าก่อน!” ถงไทเฮามองจ่านเหยียนแบบคล้ายยิ้มแต่มิได้ยิ้ม “น้องหญิงตั้งใจจะมาอาละวาดที่นี่หรือ? คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”จ่านเหยียนโบกมือ “เรื่องอาละวาดต้องอาละวาดแน่แล้ว สำหรับผลที่จะตามมา ยังไม่มีเวลาคิดจริง ๆ และไม่คิดจะคิดด้วย”อาเสอและอาหูได้ยินคำนี้ของจ่านเหยียนก็ยิ้มร้ายกับถงไทเฮา จากนั้นก็จะเข้าไปค้นทันทีทันใดนั้นก็มีองครักษ์สิบกว่าคนออกมาขวางอาหูกับอาเสอปีศาจสองตนนี้เอาไว้มีหรือเหล่าองครักษ์จะเห็นพวกนางอยู่ในสายตา ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักชิงหนิง เขาตวาดกับอาเสอและอาหู “พวกเจ้ากล้าเหิมเกริมในตำหนักชิงหนิงหรือ?! อย่าหาว่าข้าลงมือไม่ยั้งไมตรีก็แล้วกัน!”กระบี่ยาวชี้มาทางอาเสอด้วยความเร็วยิ่ง ปลายกระบี่มาพร้อมกับคมกระบี่ อาเสอเคยเห็นอาซานแสดงฝีมือมาก่อน แม้เขาจะมีฝีมือด้อยกว่าอาซาน แต่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นนำแล้วกระบี่ของเขาเร็วนั้นไม่ผิด กลับไม่ส่งผลกระทบซึ่งเป็นการไม่เกรงใจอาเสอใ
ส่วนกัวอวี้นึกว่าจ่านเหยียนซื้อตัวองครักษ์ในวัง ดังนั้นองครักษ์จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเดินออกไปของพวกนาง“เข้าไปเถอะ!” อาเสอไม่อยากพูดมาก เดินฉับเข้าไปอย่างเร่งรีบจี๋เสียงกับหรูอี้เพิ่งเรียกกับพู่หยกไปสองสามที เห็นพู่หยกไม่มีปฏิกิริยายังนึกว่าไม่ได้ผล ใครจะรู้พอหันกลับไปก็เห็นจ่านเหยียนกับพวกอาเสอยืนอยู่หน้าห้องแล้ว“คุณหนูใหญ่! ทรงเสด็จกลับมาก็ดีแล้วเพคะ!” จี๋เสียงกับหรูอี้ปรี่ไปหา พูดน้ำเสียงสะอื้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” กัวอวี้รีบถามจี๋เสียงสะอึกสะอื้น “เป็นเช่นนี้ วันนี้ตอนกลางวันมีคนมาจากตำหนักถงไทเฮาเชิญจิ้นหรูกูกูไป แต่ไม่กลับมาสักที อาถงจึงให้พวกบ่าวสองคนไปถาม แต่พอไปถึงนอกตำหนักชิงหนิง หรูหัวกูกูก็ไม่ให้เข้า ซ้ำยังไล่พวกบ่าวออกมา เพียงแต่... เพียงแต่บ่าวได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากในตำหนัก ถึงไม่ยืนยันว่าใช่เสียงร้องของจิ้นหรูกูกูจริงหรือไม่ แต่ฟังแล้วเหมือนมาก ตอนหลังอาถงกับอาเถี่ยก็ไปหา แต่ก็ไม่กลับมา...”จี๋เสียงเหม่อลอย แม้พูดไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ยังอธิบายเรื่องราวชัดเจน“คุณหนูใหญ่ ถงไทเฮาให้จิ้นหรูไป จะเกิดอะไรหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามจ่านเหยียนนึกถึงเรื่องข
ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั
ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต
จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย
ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร
หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ