Share

บทที่ 14

Aвтор: ลิ่วเยว่
หลงฮูหยิน เย่เต๋อโหรว ฟังหลงจ่านซินร้องไห้ฟ้อง ก็โกรธจนหน้าตาบิดเบี้ยว นางสะบัดแขนเสื้อ กวาดถ้วยกระเบื้องเคลือบสีเขียวขอบทองลายดอกไม้บนโต๊ะลงกับพื้น แล้วตะคอกว่า “หลงจ่านเหยียน เจ้าช่างบังอาจนัก!”

หลงจ่านซินยื่นมือลูบแก้มที่แดงและบวมช้ำ ร้องไห้พลางกล่าวขึ้น “ท่านแม่ ท่านต้องช่วยลูกล้างแค้นให้ได้นะเจ้าคะ!”

นางกระทืบเท้า แล้วกัดฟันกรอด เอ่ยขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม “ข้าจะตัดมือตัดเท้าของนางแล้วป้อนให้สุนัขกิน!”

เย่เต๋อโหรวมองใบหน้าของบุตรสาวที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ รู้สึกทั้งเจ็บปวดและโกรธแค้นอย่างบอกไม่ถูก นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น แล้วเอ่ยต่อหญิงรับใช้ที่ชื่อไฉ่หลี “เจ้าพาคุณหนูรองออกไปก่อน!”

“ท่านแม่ ข้าไม่ไป ท่านรีบเรียกคนไปจับตัวนางสารเลวคนนั้นมาเดี๋ยวนี้! ความแค้นนี้ข้าต้องชำระให้ได้! หลงจ่านซินเอ่ยด้วยความโมโห

สีหน้าของเย่เต๋อโหรวเคร่งขรึม ตะคอกเสียงดัง “เจ้าออกไปก่อน ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไร อย่ามาส่งเสียงโวยวายที่นี่ ทำงานใหญ่ของข้าเสียหายหมด!”

หลงจ่านซินเห็นมารดาโกรธ ก็เงียบปากทันที ได้แต่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ข้าง ๆ ด้วยความคับแค้นใจ

เย่เต๋อโหรวเห็นท่าทางน้อยใจของนาง สีหน้าก็อ่อนลง เอ่ยต่อไฉ่หลี “เจ้าออกไปฉีกเสื้อผ้าของคุณหนูรองให้ขาดวิ่น แล้วพานางไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่ารักและเอ็นดูนาง เห็นนางเป็นแบบนี้ ต้องซักถามแน่ ๆ !”

ไฉ่หลีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นหัวเราะอย่างเย็นชา “ฮูหยินวางแผนได้ดีจริง ๆ เจ้าค่ะ”

ฮูหยินผู้เฒ่าหลงรักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มาโดยตลอด หนึ่งคือนางมีรูปโฉมงดงาม สองคือนางกำลังจะแต่งเข้าจวนฉีอ๋องในฐานะพระชายารอง หากให้ใครรู้ว่า แก้วตาดวงใจของนางถูกคนรังแกจนเป็นแบบนี้ ด้วยนิสัยใจคอของนาง เกรงว่าหลงจ่านเหยียนคงได้เจอดีแน่

เป็นไปดังคาด ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่าหลงโกรธมาก ปลอบโยนหลงจ่านซินอยู่นาน แล้วเอ่ยกับไฉ่หลี “เจ้ากลับไปบอกเต๋อโหรวว่าจะจัดการอย่างไรก็จัดการไป แค่ไว้ชีวิตนางไว้ก็พอ!”

ไฉ่หลีนําคำพูดกลับไปบอกเย่เต๋อโหรว เย่เต๋อโหรวยิ้มอย่างน่าขนลุก “แค่นางพูดเช่นนี้ก็พอแล้ว!” เพียงแต่ ยังต้องให้หลงฉางเทียนอนุญาตด้วย มิเช่นนั้น หากวันข้างหน้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาจะต้องมาต่อว่านางอย่างแน่นอน

ในคืนนั้น หลงฉางเทียนกลับเข้าจวนในสภาพกึ่งเมามาย

เขาก้าวเข้าห้อง ก็เห็นบุตรสาวหลงจ่านซินกำลังร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้าเย่เต๋อโหรว เมื่อถามไถ่จนรู้เรื่องราวทั้งหมด ก็โกรธจนเลือดขึ้นหน้า หมายจะไปเอาเรื่องหลงจ่านเหยียนในทันที

เย่เต๋อโหรวรีบดึงเขาไว้ แล้วเอ่ยด้วยความเศร้าโศก “ท่านแม่ทัพไม่ได้นะเจ้าคะ ตอนนี้คนจากวังหลวงอยู่ในห้องนาง ถ้ามีคนปากโป้งกลับวังไปพูดอะไรไม่ดี พวกเราถูกคนหัวเราะเยาะก็พอทน แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือจะถูกกล่าวหาว่าไม่เคารพฮองเฮา นี่เป็นความผิดใหญ่ถึงขั้นประหารชีวิตเลยนะเจ้าคะ!”

นางเช็ดน้ำตาด้วยความเศร้าโศก แล้วเอ่ยขึ้นต่อ “โชคดีที่จ่านซินก็ฝึกวิชาต่อสู้มาบ้าง โดนตบสักหน่อยก็ไม่เป็นไร เห็นแก่ที่นางกำลังจะเข้าวังแล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านไปเถอะเจ้าค่ะ!”

หลงฉางเทียนดื่มเหล้าเข้าไป ไหนเลยจะฟังคำทัดทาน? ตะคอกว่า “มีคนจากวังหลวงแล้วอย่างไร? กัวกูกูนั่นดูก็รู้ว่าเป็นคนฉลาด นางจะดูไม่ออกเชียวหรือว่าการเอาใจคนใกล้ตายกับการเอาใจข้า อย่างไหนจะมีประโยชน์กว่ากัน?”

ไฉ่หลีเอ่ยขึ้นข้าง ๆ “ฮูหยิน ท่านอย่าห้ามท่านแม่ทัพเลยเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่สองวันมานี้เปลี่ยนไปมาก สมควรได้รับการสั่งสอนจริง ๆ มิเช่นนั้น หากเข้าวังไปแล้วก่อเรื่องขึ้นมา จวนแม่ทัพก็ต้องถูกลงโทษอยู่ดี ฮูหยินผู้เฒ่าก็บอกแล้วมิใช่หรือเจ้าคะว่าแค่ไว้ชีวิตนางพอ ควรทำอย่างไรก็ทำไปเถิด!”

“หุบปาก!” เย่เต๋อโหรวตวาดไฉ่หลีเสียงดัง

หลงฉางเทียนได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็สั่งมาแล้ว ยิ่งไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น “เจ้านี่นะ โอ๋ลูกมากเกินไป เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดกับเจ้าที่โถงด้านหน้าวันนี้หรือ? ลูกเนรคุณที่หยางจิ่วเม่ยนางบ่าวชั้นต่ำคลอดออกมา เลี้ยงดูนางมาอย่างยากลำบากสิบหกปี นางตอบแทนบุญคุณของพวกเราแบบนี้หรือ?”

หลงฉางเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก ราวกับว่าบุตรสาวคนนี้เป็นลูกของหยางจิ่วเม่ยเพียงคนเดียว ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 372

    ดวงวิญญาณแตกสลายคืออภิมหาสังหารในโลกาเพราะมันหมายถึงทุกสิ่งคืนสู่ความว่างเปล่าและที่นางทำได้เพียงหนึ่งเดียวก็คือตามหาเขาให้เจอโดยด่วน จากนั้นก็ปราบเขา ช่วยดวงวิญญาณที่เขากลืนกินออกมายามนี้พลังเจ็ดวันของนางสูญไปแล้วกว่าครึ่ง หากตามหาเขาไม่พบในสามวันนี้ นั่นจะต้องดึงเวลาไปหลังสี่สิบวันแล้วมีคทามังกรอยู่ นางกลับไม่กลัวว่าเขาจะโจมตีกลับ ต่อให้เขาโจมตีกลับมาก็ทำร้ายนางมิได้ คทามังกรคือประมุขแห่งมังกร มังกรทุกตนในสี่สมุทรต้องฟังคำสั่งของคทามังกรทั้งสิ้นแน่นอน นอกจากเทพมังกรที่ช่วยผานกู่เบิกฟ้าดินท่านนั้นเพียงแต่นางชอบควบคุมทุกอย่างอยู่ในมือ นางรู้สึกว่าเช่นนี้จึงจะอุ่นใจที่สุด ก็อย่าง... อย่างมู่หรงฉิงเทียนในเวลานี้“ท่านเซียนยังมีเรื่องอื่นในใจหรือ?” พระอาจารย์เป่ากวงถามจ่านเหยียนเงยหน้ามองเขา ตามด้วยปฏิเสธ “ไม่มี”พระอาจารย์เป่ากวงคลี่ยิ้ม “ไม่มีจะดีที่สุด”จ่านเหยียนเห็นดวงตาที่ราวกับมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่งก็รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ “ข้าจะกลับแล้ว”พระอาจารย์เป่ากวงค้อมตัวเล็กน้อย “ส่งท่านเซียน”จ่านเหยียนเดินเร็วมาก พริบตาเดียวชายเสื้อก็หายวับไปนางเพิ่งเดินบนระเบียงทาง

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 371

    จ่านเหยียนยืนอยู่ในลานตำหนักดูทุกคนเก็บกวาดครู่หนึ่ง กัวอวี้จึงเดินมาเอ่ย “ดึกแล้ว คุณหนูใหญ่รีบบรรทมเถอะเพคะ”จ่านเหยียนบิดขี้เกียจพลางแหงนหน้ามองม่านรัตติกาล จันทราทอแสงสุกใสผลุบ ๆ โผล่ ๆ หลังชั้นเมฆ จ่านเหยียนถามกัวอวี้ “พระอาจารย์เป่ากวงอยู่ที่ไหน?”“ยามนี้เกรงแต่จะจำวัดแล้วเพคะ” กัวอวี้ตอบ“มิเป็นไร ข้าจะไปพบเขาหน่อย” จ่านเหยียนเก็บเรื่องเอาไว้ในใจ อยากหาคนระบายสักหน่อยกัวอวี้เอ่ย “เช่นนั้นก็ได้ บ่าวจะไปกับคุณหนูใหญ่ พระอาจารย์กับท่านนักพรตอยู่ที่เรือนรับรองเพคะ” (เรือนสำหรับรับรองราชทูตหรือแขกพิเศษ อยู่ห่างจากวังหลวงมาก จำเป็นต้องเดินเท้าระยะเวลาหนึ่ง)“ไม่ละ เจ้าพักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ ข้าอยากเดินคนเดียว เมื่อครู่กินแน่นเกินไป เดินสักหน่อยจะได้ย่อยอาหารด้วย” จ่านเหยียนกล่าวจบก็เดินออกไปข้างนอกกัวอวี้มองเงาหลังของจ่านเหยียน จากหว่างคิ้วของนาง เห็นได้ว่านางมีเรื่องในใจ เพียงแต่ด้วยสถานะของนางไม่สะดวกจะถามพระอาจารย์เป่ากวงยังไม่จำวัด เขาราวกับรู้ล่วงหน้าว่าจ่านเหยียนจะมา ดังนั้นจ่านเหยียนเพิ่งเข้าประตูเรือนรับรอง เขาก็ผลักประตูออกมา“หลวงจีน เจ้ารู้ว่าข้าจะมาหรือ” จ่านเหย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 370

    กล่าวจบ นางก็มองมู่หรงฉิงเทียนแวบหนึ่ง “อาซาน เจ้าว่าใช่หรือไม่?”มู่หรงฉิงเทียนมองนางหน้าเรียบ ๆ ไม่ตอบมู่หรงเจี้ยนอึ้ง นางพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างไร? แม้เสด็จอาจะรู้ดี แต่รู้กับพูดให้ชัดเจนมันไม่เหมือนกันนะเขามองมู่หรงฉิงเทียนอย่างละอายใจทีหนึ่ง เห็นเขาไม่เปลี่ยนสีหน้าจึงเบาใจเล็กน้อย ฉีกยิ้มกล่าวกับจ่านเหยียน “เสด็จแม่ตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงฉิงเทียนลุกขึ้นยืน “ไทเฮากับฝ่าบาทค่อย ๆ เสวย กระหม่อมรู้สึกเพลีย ๆ อยากกลับไปพักก่อนพ่ะย่ะค่ะ”มู่หรงเจี้ยนลุกขึ้นยืนทันที เพียงแต่คิดว่าเวลานี้มู่หรงฉิงเทียนปลอมตัวเป็นอาซานอยู่ จึงนั่งลงอย่างเก้กัง เอ่ย “อื่ม เจ้าไปเถอะ”มู่หรงฉิงเทียนมองตาขวางจ่านเหยียนทีหนึ่ง “ไทเฮาเสวยน้ำจันทร์ให้มาก น้ำจันทร์นี้ไม่เลว เสวยอย่างไรก็ไม่ตาย”กล่าวจบก็สาวเท้าเดินกลับเข้าระเบียงทางเดินจ่านเหยียนมองเงาหลังเขาอย่างมีความคิด เขาเดินถูก เขารู้ว่าห้องของอาซานอยู่ที่ไหน เขาเคยมาหรือ?มู่หรงเจี้ยนให้คนบนโต๊ะออกไปแล้วถามจ่านเหยียนอย่างกระวนกระวายใจเล็กน้อย “วันนี้เราพูดผิดไปหรือไม่ ดูเหมือนเสด็จอาจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร”จ่านเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงผ่

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 369

    ครั้งนี้มู่หรงฉิงเทียนเงียบไปนานมาก ดื่มสุราติดต่อกันหลายจอก มู่หรงเจี้ยนหวาดกลัวอยู่ในใจ กระทั่งเริ่มเสียใจกับคำกล่าวของตัวเองเมื่อครู่ก็ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปฏิเสธคำกล่าวก่อนหน้าของตัวเอง จู่ ๆ มู่หรงฉิงเทียนก็เอ่ยปากขึ้น“อื่ม มีความคิด ทำตามนี้เถอะ”ราวเมฆดำทะมึนสลายไปจากท้องฟ้า แสงตะวันผ่องอำไพทะลุลงมาเป็นสาย ๆ มู่หรงเจี้ยนรู้สึกว่าสมองสดใสอบอุ่นขึ้นมาทันทีเขาพูดไม่ออกอยู่นาน ได้แต่มองมู่หรงฉิงเทียน มองจ่านเหยียนอยู่อย่างนี้จ่านเหยียนเห็นท่าทางของเขาแล้วจึงกุมหลังมือของเขา “เอาละ ฮ่องเต้ เสวยหน่อยเถอะ”สุราจอกหนึ่งโยนมาที่หลังมือของจ่านเหยียนตรง ๆ จ่านเหยียนหดมือกลับฉับพลัน จอกสุราจึงตกอยู่บนหลังมือของมู่หรงเจี้ยนมู่หรงเจี้ยนตกตะลึงพรึงเพริด หันขวับมองมู่หรงฉิงเทียนอาเสอและคนอื่น ๆ ก็มองมู่หรงฉิงเทียนเหมือนกันจ่านเหยียนจึงได้แต่มองมู่หรงฉิงเทียนด้วยมู่หรงฉิงเทียนเอ่ยด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “บนพระหัตถ์ของพระองค์ ‘ผู้สูงวัย’ มียุงตัวหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”เขาเน้นคำว่า ‘ผู้สูงวัย’ หนัก ๆ เน้นความจริงที่จ่านเหยียนคือเสด็จแม่ของมู่หรงเจี้ยนจ่านเหยียนยังคงรักษาสีหน้าเป็นปกติ “อื่ม

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 368

    แต่เมื่อมู่หรงเจี้ยนได้ยินกลับเหมือนเสียงจากสวรรค์ก็มิปาน เขาครองราชย์มานานอย่างนี้แล้ว ไม่เคยได้ยินเสด็จอาชมเชยเขาแม้แต่ครึ่งคำเขาตื้นตันจนแทบหลั่งน้ำตา เขาโหยหาการยอมรับของเสด็จอาเหลือเกิน ความจริง ในจิตใต้สำนึกของเขาคือปรารถนาการยอมรับจากเสด็จพ่อ แต่ดำรงตำแหน่งรัชทายาทมาหลายปี เขาไม่เคยทำเรื่องใดที่ได้รับการชมเชยจากเสด็จพ่อ และนี่คือความเสียใจของเขาภายหลังเสด็จพ่อสวรรคต เสด็จอาสำเร็จราชการแทน แม้เขาจะเป็นฮ่องเต้ แต่เขารู้ว่าตัวเองยังเป็นรัชทายาทในอดีต ส่วนเสด็จอาดำรงตำแหน่งแทนเสด็จพ่อเขาหวังว่าจะได้คำชม หวังว่าจะได้การยอมรับก็เพราะคำว่า ‘สายพระเนตรไม่เลว’ คำเดียว เขาจึงซาบซึ้งใจต่อจ่านเหยียนเขาถามมู่หรงฉิงเทียนอย่างเชื่อฟัง “เช่นนั้นหลี่อวิ๋นล่ะ? หลี่อวิ๋นเป็นอย่างไรบ้าง? เขามีความสามารถจะเป็นหัวหน้าได้หรือไม่?”มู่หรงฉิงเทียนคิดครู่หนึ่ง “เขาไม่มีปัญหา แต่... สองคนนี้ร่วมมือกัน ยังอ่อนแอไปหน่อย”“เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?” มู่หรงเจี้ยนรีบถามมู่หรงฉิงเทียนมองเขาและถามกลับ “ฝ่าบาททรงคิดว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”มู่หรงเจี้ยนเห็นสายตาของเขามีความเย็นชาเล็กน้อย จึงลนลาน สูญเสียคว

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 367

    “ดื่มสิ รับรองว่าดี พวกเรามาคารวะฝ่าบาทกันสักจอก นี่ฝ่าบาททรงเสด็จมาดื่มเหล้ากับเรานะ เป็นพระกรุณาธิคุณอย่างสูง พวกเราต้องคารวะฝ่าบาทหนึ่งจอก ใช่หรือไม่?” อาถงเอ่ยพลางลากมู่หรงฉิงเทียน “มา พี่อาซานเรามาดื่มให้ฝ่าบาทด้วยกันจอกหนึ่ง!”มู่หรงฉิงเทียนผลักเขาออกไปแล้วเอ่ยอย่างเคือง ๆ “เจ้าเมาแล้ว”อาถงหัวเราะฮ่า ๆ ๆ กลับโต๊ะหยิบสุราไหนหนึ่งมา กอดคอมู่หรงฉิงเทียนหัวเราะฮี่ ๆ “ดูท่าทางเจ้าสิ? ยังวางมาดเป็นคนใหญ่คนโตกับข้าอีก”กล่าวจบก็กรอกสุราเข้าปากมู่หรงฉิงเทียนทั้งขวดมู่หรงฉิงเทียนไม่ทันระวังถูกเขากรอกจริง ๆ แต่สุรากลับเข้าทางจมูก เขาสำลักจนไอติดต่อกันจ่านเหยียนอึ้ง มู่หรงเจี้ยนก็อึ้งด้วยกัวอวี้ตกใจจนรีบดึงตัวเขาออก “เฮ้อ เจ้าดื่มมากไปแล้ว ไป ๆ ๆ ข้าจะพาเจ้ากลับไป” นางเอ่ยพลางส่งสายตากับอาหูอาหูแรงเยอะ ลากแขนของเขาเข้าด้านในมือเดียวอาถงยังไม่ยอมอีก จะไปกรอกสุราให้อาซานดื่มให้ได้กัวอวี้กระซิบข้างหูเขา “เจ้าเลิกบ้าได้แล้ว เจ้าคิดว่านั่นใช่อาซานจริงหรือ? เขาคือเซ่อเจิ้งอ๋องที่ปลอมตัวมาต่างหาก!”อาถงที่รู้ความจริงตกใจขวัญหนีดีฝ่อ วิ่งจู๊ดเข้าข้างในปานลูกศรดังฟิ้วและชนกับกระดานปร

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status