Share

บทที่ 46  

Author: ลิ่วเยว่
ตอนที่หลงจ่านเหยียนได้ยินครั้งแรก กลับมิได้สนใจพระอาจารย์เป่ากวงท่านนี้เลย ยังคิดว่าเป็นแค่ภิกษุหรือไม่ก็พระอาจารย์ท่านหนึ่งจากอารามทั่วไป

อีกอย่างคำว่าภิกษุ ในยุคปัจจุบันก็มิได้มีความหมายเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้น นางจึงมิได้คิดจะให้ความสำคัญอะไร

ไม่นานนักพระอาจารย์เป่ากวงก็ถูกเชิญเข้ามา

การเคลื่อนไหวของเขาเนิบนาบเฉื่อยช้าอย่างถึงที่สุด ทว่าดูไม่คล้ายการเสื่อมถอยของคนชรา กลับคล้ายว่าเขาเดินเหินเช่นนี้มาตั้งนานนมแล้ว

เขาสวมผ้าจีวรสีแดงปักดิ้นทองคำ จีวรส่องสะท้อนลำแสงสีทองนับหมื่นนับพันเส้นออกมาภายใต้แสงเปลวเทียน ทว่ามิได้ทำให้รู้สึกแสบตา มองแล้ว กลับรู้สึกว่าอบอุ่นถึงที่สุด

ดวงหน้าของเขามองไม่ออกว่ามีอายุเท่าใด ไม่มีหนวดเคราไม่มีเส้นผม ทว่าขนคิ้วกลับดกดำอย่างถึงที่สุด ใบหน้าประดับด้วยรอยเหี่ยวย่นจำนวนมาก เพราะถือศีลกินมังสวิรัติ สีหน้าจึงดูขาวผ่องอย่างเห็นได้ชัด

อายุของคนธรรมดา เมื่อถึงวัยเจ็ดสิบแปดสิบแล้ว ขนคิ้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว แม้ว่าจะไม่ขาวทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีเส้นสีขาวแซมบ้าง ทว่าขนคิ้วของเขากลับเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์

จะบอกว่าเขายังวัยรุ่นอยู่ ก็ดูจะไม่ใช่เสียที
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 47  

    ถึงแม้ว่าเขารู้ตั้งแต่ตอนเจอหลงจ่านเหยียนครั้งแรกแล้วว่านางมิใช่คนธรรมดาทั่วไป กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่พระอาจารย์เป่ากวงก็ยังเทิดทูนและให้ความเคารพนางมากถึงเพียงนี้ บัดนี้แม้ใบหน้าเขาจะไม่แสดงสีหน้าใดออกมาให้เห็น ทว่าก้นบึ้งของหัวใจกลับกำลังปั่นป่วนรุนแรง เขาต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีถึงจะสามารถข่มโลหิตที่กำลังเดือดพล่านไว้ในใจได้ ความจริงแล้ว จนถึงบัดนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยวางได้ก็คือแผ่นดิน บ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ วันนี้เวลานี้ที่สกุลถงเรืองอำนาจยิ่งใหญ่ล้นเหลือ ก็เป็นเพราะผลจากการกระทำของเขาเอง หากว่าท้ายที่สุดแล้วแผ่นดินจะต้องตกไปอยู่ในมือของสกุลถง หรือจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในแคว้นต้าโจวเพราะการเข่นฆ่าแย่งชิงราชบัลลังก์หลวงขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีหน้าไปพบฮ่องเต้ไท่จูในปรโลกแล้ว วันคืนที่เหลืออยู่ของเขามีไม่มากแล้ว ไร้ซึ่งกำลังต้านกระแสคลื่นคลั่ง หากว่าในยามนี้มีใครสักคนสามารถช่วยแผ่นดินต้าโจวให้พ้นภัยร้ายได้จริง ต่อให้เขาจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดกาล เขาก็ไม่ลังเล ดังนั้น แม้บทสนทนาระหว่างพระอาจารย์เป่ากวงกับหลงจ่านเหยียนจะมิได้เปิดเผยสิ่งใดออกมาชัดเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 48  

    และสุดท้าย จิ้นหรูก็เล่าว่าฝ่าบาทได้ตรัสกลางท้องพระโรงความว่าก่อนหน้านี้พระองค์ทรงพระประชวรหนักสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด ได้มีราชโองการสั่งฝังฮองเฮาทั้งเป็นเพื่อจะเสด็จสวรรคตไปพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอย่างถึงที่สุด ฉะนั้น พระองค์จึงมีดำรัสให้ยกเลิกราชโองการฉบับนั้นเสีย จิ้นหรูอยากให้หลงจ่านเหยียนสบายใจ แม้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จสวรรคต ทว่าเขาก็มิได้ต้องการให้มีการฝังทั้งเป็นอีกแล้ว หลงจ่านเหยียนเพียงผุดยิ้ม และมิได้เอ่ยวาจาใดอีกเช่นเคย จิ้นหรูคอยสังเกตสีหน้าของนางอย่างละเอียดอยู่ตลอด หวังจะจับพิรุธบางอย่างผ่านการแสดงออกทางสีหน้า ทว่าสุดท้ายนางก็ต้องผิดหวัง เพราะหลงจ่านเหยียนดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร กับสิ่งที่นางกำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย จ่านเหยียนสวมชุดราชพิธีของฮองเฮา พูดตามตรง ด้วยรูปร่างทรวดทรงของนางตอนนี้ดูไม่เหมาะกับอาภรณ์ที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามนี้เลย แต่กลับชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนเด็กน้อยที่แอบเอาเสื้อผ้าอาภรณ์ของผู้ใหญ่มาสวมเล่นมากกว่า โภชนาการห่วยแตกฆ่าคนตายได้จริง ๆ! ยุคนี้ ยังไม่มีรองเท้าส้นสูงด้วยซ้ำไป และต่อให้นางจะพยายามใช้ปัจจัยภ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 49  

    “เชื่อก็ดี ไม่เชื่อก็ช่างปะไร ถึงอย่างไรหม่อมฉันก็ไม่เคยโกหกท่าน” จ่านเหยียนเอ่ย ฮ่องเต้เงียบไปนานครู่ใหญ่ จากนั้นค่อยเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรมองหลงจ่านเหยียน “เราไม่ปลดรัชทายาท ในบรรดาพระโอรสของเรา มีเพียงเขาที่พอมีความสามารถอยู่บ้าน เราจะยอมให้ผู้ไร้ความสามารถขึ้นครองราชย์ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เราเชื่อว่าเขามีความสามารถมากพอจะรักษาสมดุลสถานการณ์ และอีกอย่าง มีเจ้าอยู่ด้วยมิใช่หรือ?” หลงจ่านเหยียนไม่พูดอะไรอีก นางเข้าใจความหมายของฮ่องเต้ เขาต้องการให้รัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ เพราะว่ารัชทายาทพระองค์นี้พอมีเล่ห์เหลี่ยมฝีมืออยู่บ้างและมีความทะเยอทะยานอันป่าเถื่อน วันข้างหน้าอาจมีกำลังต้านกระแสคลื่นคลั่ง ส่วนพระโอรสพระองค์อื่น หากวันหนึ่งได้ขึ้นครองราชย์ คงมีแต่จะมอบบัลลังก์ฮ่องเต้ให้คนอื่นถึงมือ จนถึงตอนนี้เขายังมุ่งมาดปรารถนาอยู่ตลอดที่จะให้ตำแหน่งฮ่องเต้ตกทอดต่อไปยังลูกหลานของตัวเขาเอง มิใช่ตกเป็นของผู้อื่น ต่อให้เป็นน้องชายแท้ ๆ ของตนเอง นั่นก็ยังไม่เพียงพอ หลงจ่านเหยียนมิได้บอกกับเขาว่า คนเรา มิอาจโลภมากเกินไป ความปรารถนาเดิมของเขาคือการปกป้องชีวิตขององค์รัชทา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที 50  

    มู่หรงฉิงเทียนมิได้แสดงความคิดเห็น เพียงแต่เหลือบสายตาขึ้นมองฮุ่ยอวิ่น “ตามหามาเนิ่นนานเพียงนี้แล้ว เจอตัวเทพโอสถแล้วหรือยัง?” แววตาของฮุ่ยอวิ่นพลันมืดไป “ยังมิได้ข่าวคราวเลย ศิษย์ของเขากล่าวว่าเขาออกพเนจรไปทั่วสี่สมุทร ไม่รู้ปลายทางอยู่แห่งหนใด ต้องรอให้เขาปรากฏตัวเท่านั้น ครั้นจะตามหาเขากลับเป็นเรื่องยุ่งยากยิ่งนัก” มู่หรงฉิงเทียนเปล่งเสียงอืมรับคำ ปกปิดความผิดหวังในแววตาเอาไว้ ฮุ่ยอวิ่นกล่าวปลอบโยน “วางใจเถิด ส่งคนออกไปมากเพียงนั้นแล้ว จะต้องหาเจอแน่ เพียงแต่ปัญหาคือเรื่องเวลาก็เท่านั้น อีกอย่าง เสี่ยวจงมิได้บอกหรือว่าโอสถของหมอเฉินก็พอจะได้ผลกับดวงเนตรของไท่เฟย? ไท่เฟยกล่าวว่าพอจะมองเห็นเงาแสงได้บ้างแล้ว” “ท่านเสด็จแม่ก็แค่กำลังปลอบโยนข้าก็เท่านั้น” มู่หรงฉิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ ก่อนจะหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง เขากระตุกมุมปากผุดยิ้มอย่างอึมครึม “หนี้แค้นนี้ ข้าจะต้องทวงคืนจากจงเสี้ยนไทเฮากลับมาให้ได้” “การแย่งชิงความโปรดปรานในวังหลัง คือสมรภูมิที่ปราศจากเขม่าดินปืนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพียงแต่อุบายของจงเสี้ยนไทเฮาชั่วร้ายอำมหิตเกินไปนัก ได้ยินยังอกสั่นขวัญหาย” ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยอย่างเย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 51  

    ตำแหน่งที่หลงจ่านเหยียนยืนอยู่ สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้พอดี ยิ่งไปกว่านั้นยังมองเห็นประกายความโศกเศร้าที่สว่างวูบออกมาจากนัยน์ตาของเขาชัดเจน ในราชวงศ์อาจจะมีการเข่นฆ่าแย่งชิงอำนาจกันไม่ขาด แต่ถึงอย่างไร ตีกระดูกหักไปก็ยังมีเส้นเอ็นเชื่อมโยง ผู้ที่จากไปแล้ว ก็เพียงพอจะทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตมีเสี้ยวขณะที่เจ็บปวดโศกเศร้าได้เสมอ เนิ่นนานครู่ใหญ่ มู่หรงฉิงเทียนค่อยเงยศีรษะขึ้นช้า ๆ ก่อนจะเคลื่อนสายตาไปทางนาง สายตาของเขาเย็นชาและห่างเหิน ทว่ามารยาทที่พึงมีก็มิได้ขาดตกบกพร่อง เขาสืบเท้ามาด้านหน้าก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงเบา “พี่สะใภ้ ขอแสดงความเสียใจด้วย!” หลงจ่านเหยียนมิได้รู้สึกเจ็บปวดโศกเศร้าอะไร ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย นางเห็นมาก็มากแล้ว ที่เรียกว่าเกิดแก่เจ็บตาย นอกจากความแก่ชราและการเจ็บไข้ได้ป่วย อันที่จริงการเกิดและความตายนับเป็นความเมตตากรุณาจากสวรรค์ ไม่มีความจำเป็นจะต้องโศกเศร้าเสียใจเลยจริง ๆ นางผงกศีรษะเล็กน้อย “ท่านอ๋องมีน้ำใจดี” เขามิได้เอ่ยวาจาใด เพียงแต่เหลือบสายตาจ้องมองนางอีกครั้ง ก็หมุนตัวและเดินจากไป แม้แต่คำกล่าวลาก็ยังไม่มี หลงจ่านเหยียนรู้สึกว่าเขาคงจะดูแค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 52  

    หลงจ่านเหยียนเดินตามหรูหัวเข้าไปในตำหนักตามลำพัง ตำหนักชิงหนิงงดงามและหรูหรากว่าตำหนักหรูหลันของนางไปไกลมาก ใช้หยกขาวแทนอิฐ เครื่องใช้ภายในตำหนัก ล้วนทำจากไม้จันทน์ชั้นดี เสากลมสองต้นกลางท้องพระโรงสลักรูปหงส์ทะยานในเกลียวเมฆสายหมอก เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงความสง่างามน่าเกรงขามของฮองไทเฮามารดาแห่งแผ่นดิน หรูหัวนำทางนางเข้าไปยังตำหนักข้าง ภายในตำหนักข้าง ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยฉากบังตาหินอ่อนสี่บานเฟี้ยม ประดับด้วยผ้าม่านสองชั้นห้อยลงมา ผ้าม่านผืนบางสีเหลืองถูกลมม้วนขึ้น เผยให้เห็นมุมเล็ก ๆ สามารถมองเห็นถงไทเฮากำลังเอกเขนกเอนกายอยู่บนตั่งกุ้ยเฟยได้อย่างเลือนราง “ไทเฮาเพคะ หลงไทเฮาเสด็จมาถึงแล้วเพคะ!” หรูหัวเดินขึ้นไปด้านหน้าก่อนจะค้อมกายลงกล่าวรายงาน “อือ!” เสียงยานคางแว่วดังมาจากหลังผ้าม่านบาง มุมหนึ่งของผ้าม่านที่ยกขึ้น มีชายกระโปรงสีทองลู่ลงมาข้างตั่ง ชวนให้รู้สึกว่าสูงส่ง…ทรงอำนาจอย่างไร้ใดเปรียบ ความจริงด้วยกฎระเบียบของพระราชวัง ถงไทเฮาจะต้องคารวะจ่านเหยียน แม้จะไม่คารวะ ทว่าสองคนก็ควรยืนเสมอกันนั่งเสมอกัน นางมิควรเอาแต่เอนกายอยู่ด้านในนั้น แม้แต่ผ้าม่านยังไม่ม้วนขึ้นเสียด้วยซ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 53  

    ถงไทเฮาพลันหยัดกายขึ้นยืน และคว้าแขนของนางเอาไว้ สีหน้ามืดครึ้มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “น้องหญิงไยจึงรีบร้อนนัก? นั่งดื่มชากับข้าก่อนเถิด” แรงบีบมือของนางมีมหาศาล จนปลายเล็บจิกเข้าไปในแขนของจ่านเหยียน จ่านเหยียนพลันขมวดคิ้วขึ้น “ท่านยังมีธุระใดอีก พูดออกมาให้หมดเถิด” ถงไทเฮาหัวเราะเย็น ๆ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไยเจ้าจึงรีบร้อนนัก? นั่งคุยเล่นกับข้าก่อนมิได้หรือ?” จ่านเหยียนสะบัดมือของนางออก ก่อนจะนั่งลงอีกครั้ง “ได้ ท่านอยากคุยเรื่องอะไร?” ถงไทเฮาก็ค่อย ๆ นั่งลงเช่นกัน “น้องหญิงเข้าวังมาถึงวันนี้ คงจะปรับตัวได้แล้วกระมัง?” “ได้แล้ว!” จ่านเหยียนตอบกลับอย่างรวบรัด ถงไทเฮาชี้ปลายนิ้วไปยังน้ำชาในถ้วยซึ่งตั้งอยู่หน้านาง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบา ๆ “น้ำชานี้ได้ยินว่าเป็นเครื่องบรรณาการมาจากตระกูลชั้นสูง รสชาติเย็นสดชื่น ไฉนน้องหญิงจึงไม่ลองลิ้มรสดูสักครั้ง?” จ่านเหยียนยกน้ำชาขึ้นมา พลางปัดเศษชาออกด้วยความเคยชิน เห็นน้ำชาใสกระจ่าง กลิ่นหอมตลบอบอวล ชาคงจะเป็นชาชั้นดีแน่ หากว่ามิได้เติมสิ่งอื่นใดลงไปด้วย ทว่า นางมีชีวิตมาตั้งกี่ร้อยปีแล้ว ยังมียาสลบแบบใดที่ไม่เค

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 54  

    หน้าประตูตำหนักพลันมีแสงเงาวูบไหว นางกำนัลร่างกำยำสูงใหญ่หลายคนพลันแหวกม่านประตูเข้ามา ยืนตัวตรงอยู่ข้างกายถงไทเฮา ถงไทเฮาหยัดกายขึ้นพลางยิ้มเริงร่า บนดวงพักตร์ที่ปัดผงชาดหนาเตอะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ นางชี้นิ้วออกไป ปลายเล็บยาวงุ้มไปยังจ่านเหยียน ก่อนจะตรัสกับนางกำนัลว่า “จงไปเตรียมผ้าขาวและสุรายาพิษ ให้หมู่โฮ่วฮองไทเฮา” จ่านเหยียนก้าวเท้าเล็กน้อย ถงไทเฮาคิดว่านางจะวิ่งหนี ก็ตะคอกใส่นางกำนัลด้วยเสียงเหี้ยม “จับตัวนางไว้” นางกำนัลเหล่านั้นรีบรุดไปด้านหน้าอย่างเร็วรี่ คว้าแขนของจ่านเหยียนไว้ และบิดไปด้านหลังอย่างรุนแรง จ่านเหยียนหงุดหงิด กำลังจะบันดาลโทสะแล้ว กลับมีเสียงแจ้งรายงานของขันทีแว่วดังมาจากด้านนอกเสียก่อน “เซ่อเจิ้งอ๋องมาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ!” ถงไทเฮาผงะไป ตรัสอย่างร้อนใจว่า “ขวางเซ่อเจิ้งอ๋องไว้” ทันทีที่สิ้นเสียง เซ่อเจิ้งอ๋องก็นำคนเข้ามาถึงด้านในแล้ว เขาสวมอาภรณ์ตัวยาวสีดำปักลายมังกรห้าตัว พร้อมด้วยองครักษ์จำนวนหนึ่งเดินตามมาด้านหลัง จ่านเหยียนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นจิ้นหรูกูกูเดินตามหลังกลุ่มองครักษ์ และเข้ามาในตำหนักด้วย จิ้นหรูสืบเท้าสวบ ๆ เดินไปข้างกายจ่านเ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 280

    ไม่นานเรื่องที่จ่านเหยียนพังตำหนักชิงหนิงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ววังหลวงจงเสี้ยนไทฮองไทเฮากริ้วหนัก แต่นางไม่ได้ทำอะไร การที่หลงจ่านเหยียนกล้าพังตำหนักชิงหนิง เป็นการพิสูจน์แล้วว่าวันนี้มิอาจเทียบวันวานนึกถึงตอนที่นางเข้าวังใหม่ ๆ แล้วมาคารวะ ใจเสาะขี้กลัวปานนั้น แม้แต่คุกเข่าก็ยังถลาลงไปกับพื้น ชวนให้คนตลกขบขันใครจะคิด วันนี้นางกลับกล้าพังตำหนักชิงหนิง?ดูท่านางคงบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว มิเช่นนั้น ด้วยเบื้องหลังของฐานะนาง นางจะไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาดหากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นที่พังตำหนักชิงหนิงในวันนี้ก็คงเป็นแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องเหมือนกันเขาจะทำอะไร?ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ถงจื่อหยาเกิดเรื่อง โจมตีสกุลถงต่อ?“หย่าจู้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ไทฮองไทเฮาถามหมัวมัวด้านข้างหย่าจู้คิดแล้วจึงเอ่ย “หลงจ่านเหยียนผู้นี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้างจริง ๆ ก่อนหน้านี้แทรกแซงเรื่องของหยวนผินยังพอพูดได้ว่าอยากได้หน้า แต่การพังตำหนักชิงหนิงนี้ เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่สตรีผู้หนึ่งจะทำได้ โดยเฉพาะนางที่เป็นสตรีเช่นนี้เพคะ”“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องคือผู้บงการหรือ?”“ยาก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 279

    นางทิ้งมือทั้งสองลง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาอาเสอตกใจ ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของนางฉับพลัน จากนั้นก็เงยหน้ามองจ่านเหยียนอย่างตกตะลึงจ่านเหยียนเอ่ยเสียงหนัก “ปกป้องหัวใจของนางก่อน”ถงไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตามีความกระหยิ่มยิ้มย่องและสาแก่ใจ “นางตายแน่”อาเสออุ้มจิ้นหรูเข้าไปในตำหนัก แต่ช้าไป นางมิอาจช่วยไว้ได้จ่านเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับอาหู “รอพวกเราออกไปแล้วก็พังตำหนักชิงหนิงเสีย”อาหูฉายรอยยิ้มหนาวเหน็บ “เพคะ!”“หลงจ่านเหยียน เจ้าน่าจะรู้นะ ภัยเกิดจากปาก ต่อให้วันนี้เจ้าพังตำหนักชิงหนิงของข้าไม่ได้ ข้าก็บันทึกแค้นนี้เอาไว้แล้ว” ถงไทเฮาเอ่ยข่มขู่จ่านเหยียนยิ้มระรื่น “วางใจ ไม่ว่าเรื่องใดที่ลงมือได้ ข้าจะไม่เปลืองน้ำลายเด็ดขาด”ผ่านไปพักหนึ่ง อาเสออุ้มจิ้นหรูออกมาแล้วพยักหน้ากับจ่านเหยียน “กลับไปเถอะ!”จ่านเหยียนเดินตามอาเสอออกไป จากนั้นก็หันมาสั่งกับอาหู “พังตำหนักชิงหนิงแล้วไปพาอาถงกับอาเถี่ยออกมาจากห้องมืดเถอะ”“รับบัญชา!” อาหูขานรับอย่างเริงร่าสวรรค์รู้ นางเห็นจิ้นหรูมีเลือดเต็มตัวแล้วอยากฆ่านางอัปลักษณ์ผู้นี้แค่ไหน หากติดตามนายที่เอาแต่พูดเรื่องคุณธรรมจริยธ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 278

    จ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือด้วยท่าทางผ่อนคลาย นั่นคือตำแหน่งที่ถงไทเฮานั่งยามมีนางสนมมาเข้าเฝ้านางเอ่ยกับอาเสอและอาหู “ค้นตำหนักชิงหนิงให้ทั่ว ข้าต้องพบจิ้นหรู”“ช้าก่อน!” ถงไทเฮามองจ่านเหยียนแบบคล้ายยิ้มแต่มิได้ยิ้ม “น้องหญิงตั้งใจจะมาอาละวาดที่นี่หรือ? คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”จ่านเหยียนโบกมือ “เรื่องอาละวาดต้องอาละวาดแน่แล้ว สำหรับผลที่จะตามมา ยังไม่มีเวลาคิดจริง ๆ และไม่คิดจะคิดด้วย”อาเสอและอาหูได้ยินคำนี้ของจ่านเหยียนก็ยิ้มร้ายกับถงไทเฮา จากนั้นก็จะเข้าไปค้นทันทีทันใดนั้นก็มีองครักษ์สิบกว่าคนออกมาขวางอาหูกับอาเสอปีศาจสองตนนี้เอาไว้มีหรือเหล่าองครักษ์จะเห็นพวกนางอยู่ในสายตา ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักชิงหนิง เขาตวาดกับอาเสอและอาหู “พวกเจ้ากล้าเหิมเกริมในตำหนักชิงหนิงหรือ?! อย่าหาว่าข้าลงมือไม่ยั้งไมตรีก็แล้วกัน!”กระบี่ยาวชี้มาทางอาเสอด้วยความเร็วยิ่ง ปลายกระบี่มาพร้อมกับคมกระบี่ อาเสอเคยเห็นอาซานแสดงฝีมือมาก่อน แม้เขาจะมีฝีมือด้อยกว่าอาซาน แต่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นนำแล้วกระบี่ของเขาเร็วนั้นไม่ผิด กลับไม่ส่งผลกระทบซึ่งเป็นการไม่เกรงใจอาเสอใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 277

    ส่วนกัวอวี้นึกว่าจ่านเหยียนซื้อตัวองครักษ์ในวัง ดังนั้นองครักษ์จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเดินออกไปของพวกนาง“เข้าไปเถอะ!” อาเสอไม่อยากพูดมาก เดินฉับเข้าไปอย่างเร่งรีบจี๋เสียงกับหรูอี้เพิ่งเรียกกับพู่หยกไปสองสามที เห็นพู่หยกไม่มีปฏิกิริยายังนึกว่าไม่ได้ผล ใครจะรู้พอหันกลับไปก็เห็นจ่านเหยียนกับพวกอาเสอยืนอยู่หน้าห้องแล้ว“คุณหนูใหญ่! ทรงเสด็จกลับมาก็ดีแล้วเพคะ!” จี๋เสียงกับหรูอี้ปรี่ไปหา พูดน้ำเสียงสะอื้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” กัวอวี้รีบถามจี๋เสียงสะอึกสะอื้น “เป็นเช่นนี้ วันนี้ตอนกลางวันมีคนมาจากตำหนักถงไทเฮาเชิญจิ้นหรูกูกูไป แต่ไม่กลับมาสักที อาถงจึงให้พวกบ่าวสองคนไปถาม แต่พอไปถึงนอกตำหนักชิงหนิง หรูหัวกูกูก็ไม่ให้เข้า ซ้ำยังไล่พวกบ่าวออกมา เพียงแต่... เพียงแต่บ่าวได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากในตำหนัก ถึงไม่ยืนยันว่าใช่เสียงร้องของจิ้นหรูกูกูจริงหรือไม่ แต่ฟังแล้วเหมือนมาก ตอนหลังอาถงกับอาเถี่ยก็ไปหา แต่ก็ไม่กลับมา...”จี๋เสียงเหม่อลอย แม้พูดไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ยังอธิบายเรื่องราวชัดเจน“คุณหนูใหญ่ ถงไทเฮาให้จิ้นหรูไป จะเกิดอะไรหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามจ่านเหยียนนึกถึงเรื่องข

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status