โครลูบไล้เส้นผมสีทองอ่อนที่พันกันยุ่งเหยิงของเอเลียส นิ้วมือหยาบกร้านแตะลงบนเส้นผลละเอียดเบาๆ ก่อนจะดมอย่างหลงไหล มันเป็นเพียงความอยากรู้อยากลอง สัมผัสถึงสิ่งที่แตกต่างจากสิ่งที่เขาเคยคุ้นชิน
เอเลียสสัมผัสลมหายใจ ที่รดมายังใบหูของเขาเบาๆ เขาลืมตาขึ้นสายตาที่พร่าเลือนในตอนแรกตอนนี้กลับเด่นชัด ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ของชายตรงหน้ากำลังจ้องมองเขาอยู่
“โคร…” เสียงเรียกชื่อแผ่วเบาเต็มไปด้วยความสงสัย
ชายเจ้าของชื่อรู้ตัวว่าตัวเองเผลอทำอะไรที่ไม่ควรกับคนที่นอนอยู่ เขารีบผละตัวเองออกมาก่อนจะหันหลัง และกำลังเดินตรงไปออกไปทางประตูกระท่อม
"เดียว..โคร!" เอเลียสคว้ามือของคนที่กำลังเดินจากไปไว้
โครหันมาสบตากับเขา สายตาที่เคยเย็นชา บัดนี้กลับอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่พูดอะไร เพียงแค่เดินเข้ามาใกล้ๆ ก้มลงแล้วใช้มือลูบมาที่แก้มของคนที่นั่งอยู่บนเตียง
โครชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที
“เจ้าแน่ใจ?” คำถามสั้นๆ นั้นเหมือนเป็นบททดสอบสุดท้าย
เอเลียสไม่ได้ตอบเป็นคำพูด แต่เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ ดวงตาของพวกเขาอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่คืบ ลมหายใจร้อนผ่าวที่มีกลิ่นจางๆ ของเครื่องดื่มมึนเมาเจือปนอยู่ปะทะกัน เขาประกบริมฝีปากกับอีกฝ่าย สัมผัสที่เกิดขึ้นนั้นแผ่วเบา อ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความรู้สึก เขาไม่แน่ใจว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้ บางทีอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ หรืออาจเป็นความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่สามารถอธิบายออกมาได้
แม้กายว่าเขาจะเป็นบุรุติแต่จิตใจนั้นต่างออกไป
'เขาจะรังเกียจฉัน..และผลักไสฉันไหมนะ หากเขารู้' เอเลียสคิดอย่างขมขื่น แม้ภายในใจจะร้อนรุ่ม ความกังวลที่ก่อตัวขึ้นกลับถูกอีกฝ่ายกลืนให้หายไป
โครตอบรับจูบของเขาอย่างช้าๆ ปลายนิ้วไล้ผ่านแก้มของเอเลียส ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนลงมาที่ต้นคอ ลมหายใจของพวกเขาผสมปนเปกันไปหมด
คืนแห่งการเฉลิมฉลองจบลงแล้ว แต่ค่ำคืนของพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น..
ชายเจ้าของกระท่อมผละจูบออก และไซร้ตามซอกคอหอม พร้อมขึ้นคร่อม กดให้คนที่อยู่ข้างล่างนอนราบไปกับเตียง ก่อนจะใช้มือลูบไล้ไปตามอก แล้วถอดผ้าที่ปกคลุมอีกฝ่ายออกอย่างรวดเร็ว
"โครคือข้า.."
เอเลียสพูดพล่างคว้ามือของโคร ราวกับกำลังห้ามปราบอีกฝ่ายไม่ให้ลูบไล้ไปที่ส่วนล่างของเขา
แต่อีกฝ่ายดูไม่สนใจการห้ามปรามนี้ กลับใช้มืออีกข้างลงไปสาวชักพร้อมบีบเบาๆ อย่างหยอกล้อที่ส่วนล่าง จนมันเริ่มปริ่มน้ำที่ส่วนหัวออกมาเล็กน้อย ทำให้เจ้าตัวเกิดความเขินอายจนเอามือปิดบังใบหน้าไว้
ถึงกระนั้นโครก็ทำต่ออย่างไม่ยั้งมือ จนท่อนล่างของอีกฝ่ายสั่นระริก พร้อมกระตุกอย่างหน้าเอ็นดู เขายิ้มออกมาอย่างพอใจ
"แฮก แฮก" เอเลียสหอบหายใจอย่างดัง จากการถูกเล้าโลมอย่างที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน ไม่ยักรู้ว่าคนยุคหินแบบเขา จะทำอะไรแบบนี้เป็น
ไม่ทันให้เอเลียสได้คิดอะไรต่อ โครก็ชักอาวุธที่แข็งชูชันของตัวเองออกมาพร้อมรบทันที ก่อนที่เขาจะยกขาข้างนึงพาดขึ้นบ่า แล้วกดแทรกมันลงไปทีละนิด
"ฮึก..เดียว-" แต่ด้วยความฝืดของส่วนทางลับ เสียงเจ้าของคนใต้ร่างร้องขึ้นมาอย่างประท้วงดัง ก่อนจะผลักอีกฝ่ายให้ถอยออกไปก่อนจะใช้มือที่มีน้ำลายถู และแหวกส่วนทางลับของเขา จนเกิดเสียงเฉอะแฉะออกมา
โครมองเอเลียสด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น ขาที่ถูกเขาแหวกออกมาเห็นทุกการกระทำของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ก่อนที่เอเลียสจะผละนิ้วมือออกจากส่วนทางลับ
"ทำต่อเถอะ.." เอเลียสพูดพล่างหลบสายตาที่จ้องมองมาของอีกฝ่าย
สิ้นเสียงของเอเลียส โครลองสอดแทรกนิ้วมือของเขาเข้าไปในส่วนทางลับพร้อมกดจูบไปที่หน้าพากของอีกฝ่าย และขยับนิ้วเข้าออกอย่างช้าๆ เขามองดูนิ้วของเขาที่ถูกส่วนทางลับกลืนกิน และตอดรับเป็นจังหวะ
นิ้วของเขาสวนเข้าไปจนลึก เขาใช้นิ้วกวาดรอบๆ ภายในช่องทางลับนั้น จนเจอจุดใคร่ เขาบดขยี้มันซ้ำๆ จนคนใต้ร่างกระตุก และหลุดครางออกมาราวกับสุขสมแทบขาดใจ พร้อมทั้งหยาดหยดขุ่นไหลทะลักออกมาจนเลอะส่วนทางลับ
"ฮึก-อ๊า!"
"อา.." โครเผลอยิ้มออกมาอย่างสุขใจที่คนใต้ร่างเขาเสร็จสมออกมา จนเขาแทบทนไม่ไหวที่จะกดอีกฝ่ายลง และเริ่มบรรเลงเพลงรักขึ้น
ไม่ทันให้คนใต้ร่างพักหายใจหายคอ ชายหนุ่มก็ควักอาวุธที่แข็งเกร็งสวนกระแทกเข้าไปอย่างไม่รีรอใดๆ ทำเอาอีกฝ่ายน้ำตาเล็ด และครางออกมา ด้วยความจุกที่มีสิ่งสวนแทรกเข้ามาทางลับของเขาอย่างแรง เขาเกร็งสะท้านไปทั่วร่างกาย
"อื้อ!..ข้าเจ็บ"
"อืม-ซี๊ด..ขอโทษ" ส่วนทางลับที่แน่นเกร็ง จนเจ้าของอาวุธลับปวดหนึบที่ช่วงล่าง เขาก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากคนข้างใต้ที่ทำหน้าไม่สู้ดี พร้อมลูบหัวปลอบอย่างอ่อนโยน แล้วใช้มือคลึงไปที่ส่วนแท่งรัก พร้อมสาวชักอย่างเป็นจังหวะ
จนส่วนทางลับของคนใต้ร่างคลายตัวเขาค่อยๆ กดส่วนที่เหลือเข้าไปทีละนิดจนสุดลำ พร้อมกดจูบที่หน้าพากของอีกฝ่ายก่อนจะค่อยๆ ขยับเข้าออกอย่างเชื่องช้า พร้อมกับความซาบซ่านที่แพ่แทรกเข้ามา
"อ่า.." เขาเริ่มเร่งจังหวะขึ้น และเสียงครางที่ดังขึ้นมาอย่างไม่อายของคนใต้ร่าง พร้อมกระตุกร่างอย่างสุขสม พร้อมหยาดหยดขุ่นที่พุ่งออกมาเลอะหน้าท้องของตนเอง
"อา-ข้าเหนื่อย..โคร"
แม้คนใต้ร่างจะกล่าวมาแบบนั้น โครจับอีกฝ่ายพลิกตัวหันหลังมาทางเขาก่อนจะจับบั้นท้ายยกขึ้นมาพร้อมดันส่วนล่างเข้าไปใหม่จนลึกสุด ภายในตอดรัดเขาแน่นจนแทบขยับไม่ได้
"เอเลียส..เจ้า-ซี๊ด"
ไม่รอช้าเขาขยับท่อนล่างค่อยๆ กระแทกเข้ากับปั้นท้ายที่เด้งสู้ พร้อมเร่งจังหวะขึ้น จนเกิดเสียงเนื้อที่กระแทบกันดังสะนั่นกระท่อม ท่อนล่างที่ทะหลำเข้าไปลึกทำเอาคนใต้ร่างครางออกมาไม่เป็นภาษา เขาใช้มือกดที่หัวแท่งรักของอีกฝ่ายไม่ให้เสร็จก่อน และยังไม่วายพร้อมเร่งจังหวะขึ้นอีก จนเขากระตุกเสร็จสม แล้วผละออกมาจนหยาดรักเลอะหลังของอีกฝ่าย
"โคร.." เอเลียสเรียกอีกฝ่ายพร้อมหลับไหลลงอย่างหมดแรง
โครหอบเหนื่อยพร้อมนอนลง และกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมอกพร้อมภายในใจเกิดความรู้สึกบางอย่าง..
ตึก ตึก ตึก.. เสียงฝีเท้าเบาๆ กระทบพื้นหินอ่อนของพิพิธภัณฑ์ เสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของผู้มาเยือนเบาบางแทบจะกลืนไปกับความเงียบสงัดในโถงจัดแสดงตอนบ่ายแก่ๆ แสงมีส้มลอดผ่านกระจกบางใส ที่ขึ้นไอเย็นเล็กน้อย ชายหนุ่มในโค้ทสีน้ำตาลยาวเลยเข่า ผมสีเหลืองอ่อนเล่นเงากับแสงไฟ เขายืนนิ่งอยู่หน้าตู้โชว์กระจกใส ตาในตาสีม่วงหมองแนบมองชิ้นงานภายในอย่างเงียบงัน — สร้อยคอจากกระดูกสัตว์โบราณ ที่ดูคุ้นตาเสียจนหัวใจเขาบีบรัด มันไม่ใช่แค่สิ่งของโบราณธรรมดา มันคือชิ้นส่วนของความทรงจำ ความรู้สึกที่เหมือนมัดแน่นไว้กับอดีต... เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านข้าง พร้อมชายผิวแทนเข้ม กับผ้าพันคอสีเทาอ่อนเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง "คุณมองดูมันเหมือนเป็นของสำคัญเลยนะ.." เอเลียสไม่ได้ตอบ เขาแค่หันศีรษะไปช้าๆ เห็นร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างกัน ผมดำยุ่งเล็กน้อยอย่างคนไม่ชอบหวี ดวงตาสีเข้มสะท้อนแสงไฟในพิพิธภัณฑ์อย่างแผ่วเบา เขากำลังจ้องมองไปยังสร้อยเส้นนั้น ราวกับมีบ้างสิ่งบ้างอย่างในใจ "..ก็คงงั้น" เอ
เสียงปรบมือดังก้องทั่วทั้งหอประชุมขนาดมหึมาที่ประดับด้วยแสงสีและฉากหลังล้ำอนาคต ทุกสายตาจับจ้องไปยังเวทีที่มีแสงสปอตไลต์สาดส่องลงมากลางจุดรับรางวัล พิธีกรหญิงในชุดสูทสะท้อนแสงสีเงินยืนอยู่ตรงกลางเวที ก่อนจะเอ่ยเสียงชัดเจนผ่านไมโครโฟน และมืออีกข้างที่ถือถ้วยรางวัลเป็นกระจกใสที่วาววับเหมือนเพรชถูกออกแบบมาอย่างประณีต "รางวัล The Multiversal Breakthrough Prize—รางวัลแห่งการปฏิวัติความเข้าใจเรื่องจักรวาลคู่ขนาน ผู้คิดค้นและวิจัย ผดร.เอเลียส โรห์น และทีมของเขา!" เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าเดิม ผู้คนบางส่วนลุกขึ้นยืนแสดงความยินดี บางคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น บรรยากาศอบอวลไปด้วยความชื่นชมและศรัทธา จากมุมหนึ่งของเวที ชายหนุ่มรูปร่างสูงในชุดสูทสีดำสนิท ก้าวออกมาจากแถวเก้าอี้ของคณะนักวิจัย ผมยาวสีทองอ่อนถูกรวบไว้หลวม ๆ ดวงตาสีม่วงเจือหมอกอ่อน ๆ ที่มองไกลดูเหมือนแสงสะท้อนของดวงดาว เขายิ้มจางๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดเวทีด้วยท่าทีสงบนิ่ง "ขอบคุณสำหรับรางวัลที่มีเกีตรตินี้.." เสียงของเขาดังผ่านไมโครโฟน น้ำเสียงนุ่
ครืนน.. ท้องฟ้าอึมครึ้มตั้งแต่รุ่งสาง เมฆครึ้มหม่นคล้ายจะพยายามกลืนกลบแสงอาทิตย์ไว้ เอเลียสยืนอยู่หน้ากระท่อม ดวงตาไล่มองหมู่บ้านที่กำลังเคลื่อนไหว ผู้คนต่างโบกมือลา บ้างยิ้ม บ้างร้องไห้ ชายหนุ่มสวมเสื้อกาวเก่าที่มีรอยฉีดขาด พร้อมรอยยิ้นและโบกมือเป็นการอำลา ก่อนจะหันไปมอง ชายสองคนที่กำลังรอเขาอยู่ พวกเขา โคร และผู้อาวุโส เริ่มต้นการเดินทางมุ่งไปยังจุดที่ครั้งหนึ่งเอเลียสเคยตกลงมาสู่โลกนี้ ที่ที่เขาจะใช้เพื่อกลับไปยังโลกเดิมของตน ฝนเริ่มโปรยเม็ดลงมาไม่ช้า จากเม็ดเล็กกลายเป็นสายฝนหนัก ลมแรงกระหน่ำราวกับพายุไล่หลัง ทุกย่างก้าวบนพื้นดินชุ่มแฉะกลายเป็นความหนืดรั้งเท้า แต่ไม่มีใครหยุด ไม่มีใครเอ่ยปาก ในที่สุด ทั้งสามก็มาถึงกลางเนินโล่ง ที่ซึ่งเคยเป็นป่ารกชัฏ บัดนี้ถูกเคลียร์ออกจนกลายเป็นพื้นที่เปิดโล่งกลางธรรมชาติ เครื่องเปิดมิติขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางเนิน ล้อมรอบด้วยเสาร์โลหะสามต้นโค้งเข้าหาศูนย์กลาง ราวกับกรงโลหะที่ตั้งใจล้อมใครสักคนไว้จากโลกทั้งใบ สายล่อฟ้าถูกติดตั้งเชื่อมเข้ากับเสาร์ทั้งสา
เปลวไฟเต้นเร่าอยู่กลางลานหมู่บ้าน เสียงฟืนแตกดังเปรี๊ยะๆ สลับกับเสียงหัวเราะและจังหวะกลองที่ดังเป็นจังหวะเนิบช้า ผู้คนหมู่บ้านนั่งล้อมรอบกองไฟ บางคนลุกขึ้นเต้น บางคนสวมหน้ากากไม้ บางคนผลัดกันร้องเพลงพื้นบ้านเก่าแก่ บรรยากาศเต็มไปด้วยแสง สี เสียง และรอยยิ้มแห่งการเฉลิมฉลอง แต่ในหัวใจของบางคน... กลับเงียบงัน เอเลียสนั่งอยู่ข้างโครบนท่อนไม้ยาวที่ถูกจัดวางไว้รอบกองไฟ เขานิ่งมองเปลวไฟสลับกับรอยยิ้มของชาวบ้าน ความอุ่นไอจากกองไฟไม่สามารถละลายความเย็นเยียบในอกเขาได้เลย เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังไกลออกไปอีกมุมหนึ่ง "เจ้ารู้จักได้ยัง" เอเลียสเอ่ยขึ้นเบา ๆ โดยไม่มองอีกฝ่าย รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา โครเลิกคิ้ว "เจ้าหมายถึง?" เอเลียสหันมามองโคร แววตาเปี่ยมด้วยความหมายที่แฝงไว้เบื้องลึก "คำว่า 'อรุณสวัสดิ์' ไง" โครหลุดหัวเราะพรืดออกมา สีหน้าเปลี่ยนเป็นความเก้อเขินปนทะเล้น "อ๋อ... คำนั้นน่ะเหรอ" เขาหันหน้าไปอีกทาง พลางทำเสียง
เสียงร้องเจื้อยแจ้วของนกยามเช้า ดังคลอเคล้ากับแสงสีทองบางเบาที่รินรดผ่านหน้าต่างไม้เก่า เสียงเท้าของผู้คนบางตาเริ่มดังแว่วอยู่ไกล ๆ ชวนให้อากาศในยามรุ่งสางดูมีชีวิตชีวาอย่างน่าประหลาด เอเลียสขยับตัวเล็กน้อย สัมผัสแรกที่ตื่นขึ้นมาคือความเย็นว่างเปล่าบนแผ่นหลัง ไม่มีอ้อมแขน ไม่มีแรงกอด ไม่มีเสียงหายใจอุ่น ๆ ที่เคยอยู่ตรงนั้นเมื่อคืนก่อน เขาลืมตาขึ้นทันที สายตามองไปยังข้างเตียงอย่างรวดเร็ว—แต่ตรงนั้นว่างเปล่า "…โคร?" เสียงของเขาเบากว่าลมหายใจ แต่ไม่มีคำตอบ ไม่มีเงาร่าง ไม่มีแม้แต่เสียงเดินอยู่ในกระท่อม ความรู้สึกใจที่หล่นวูบหนึ่งแล่นวาบไปทั้งอก เอเลียสลุกขึ้น เดินไปเปิดประตูกระท่อมอย่างร้อนใจ เบื้องนอกกลับเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับความเงียบในใจเขาโดยสิ้นเชิง—ผู้คนในหมู่บ้านพากันทำงานอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่เช้าตรู่ เด็กหนุ่มคนหนึ่งแบกเหล็กกลมกลึงผ่านหน้าเขาไป มีผู้หญิงวัยกลางคนกำลังขัดเศษโลหะ อีกกลุ่มกำลังขุดดิน ปรับฐานโครงไม้ บางคนยกฟืน บางคนถือแผ่นแร่ แม้แต่เสียงหัวเราะเบา ๆ ยังลอยมาตามลม
ยามเช้าอันเงียบสงบในหมู่บ้านยังคงอบอวลไปด้วยหมอกจาง ๆ เมื่อเอเลียสเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางคดเคี้ยวสู่ถ้ำ เขาก้าวย่างด้วยความเร่งรีบแต่ระมัดระวัง ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครได้ยิน เพียงเสียงฝีเท้าเบา ๆ ที่สะท้อนกับผนังหินเย็นเฉียบภายในถ้ำ ผู้อาวุโสประจำอยู่หลังกรงไม้เช่นเคย แววตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความคาดหวังเบื้องหน้าเครื่องตรวจจับการซ้อนทับของมิติ ซึ่งประกอบด้วยขดลวดทองแดงพันรอบโครงไม้ แขนกลทำจากเศษเหล็กกลั่นรูปทรงหยาบ และศูนย์กลางของเครื่องคือแท่นหินทรงกลมที่ฝังด้วย หินสีดำอมเทา สะท้อนประกายระยิบระยับแปลกตา"เจ้าเอามาหรือไม่?" ผู้อาวุโสเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเขาเอเลียสหยิบถุงหนังสัตว์ขนาดเล็กออกมา ก่อนจะเทสิ่งของในนั้นลงบนแผ่นหินที่อยู่ใกล้เครื่อง หินเม็ดเล็กขนาดนิ้วหัวแม่มือหล่นลงมาเรียงกัน มีลักษณะคล้ายถ่าน แต่ผิวสะท้อนแสงวาวๆ อย่างแปลกประหลาด"นี่คือแร่แมกนีไทต์ที่ท่านขอ" ผู้อาวุโสพยักหน้าเบาๆ ดวงตาลุกวาว "ยอดเยี่ยม สมกับเป็นเจ้า เอเลียส""แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะจ่ายพลังงานได้พอให้เครื่องทำงานหรือไม่…" เอเลียสพูดเบาๆ พลางจัด