บทที่ 4
สตรีจิตใจหยาบช้า
เสแสร้ง
“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ”
สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง
“หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ”
เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า
“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ”
“ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า”
ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป
“ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ”
เอ่ยถามออกไปแล้วก็แทบกลั้นหายใจ รอคอยคำตอบของอีกฝ่าย คนจะเป็นสามีภรรยากันในอนาคตมีอะไรก็ควรพูดคุยปรับความเข้าใจกันเสียตั้งแต่เนิ่นๆ นางไม่อยากให้เขาและนางหมางเมินห่างเหินราวกับเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนี้
“อย่าให้ข้าต้องพูดเลย เจ้าทำอะไรไว้ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจมิใช่หรือ”
โหวหนุ่มกัดฟันกรอดจนกรามเป็นสันนูน เหลือบมองไปยังโจวจื่อลู่และหวงยุ่นฉานผู้เป็นน้องสาวที่มีสภาพยับเยินจากการถูกทำร้ายตบตี พวกนางทั้งสองขอร้องเขาเอาไว้ไม่ให้เอาเรื่องหลี่เสี่ยซี เพราะไม่อยากให้บิดาของทั้งสองฝ่ายต้องลำบากใจ อีกทั้งยังบอกว่าเป็นความผิดของพวกนางเองที่ไปชวนคุยเซ้าซี้ทั้งที่เสี่ยซีกำลังหงุดหงิดอยู่
‘ข้าผิดเองเจ้าค่ะ ท่านพี่อย่าได้ตำหนิซีเอ๋อร์เลยนะเจ้าคะ ถึงอย่างไรในอนาคตเราก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน นางกำลังจะมาเป็นพี่สะใภ้ข้า ข้าไม่อยากให้เรื่องนี้กลายเป็นชนวนให้กินแหนงแคลงใจกันไปเปล่าๆ’
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องสาวของเขาถูกรังแก แรกทีเดียวน้องสาวเก็บงำบาดแผลเอาไว้ แต่หลายครั้งเข้าเมื่อถูกเขาเค้นถามนางจึงยอมเปิดปากว่าถูกหลี่เสี่ยซีรังแก ทั้งที่นางแค่มาเยี่ยมเยียนหาจื่อลู่ผู้เป็นสหายเท่านั้น
อีกทั้งเมื่อเขาจับตาสังเกต ยิ่งเห็นชัดว่าสาวใช้ในจวนล้วนหวาดกลัวเสี่ยซีจนตัวสั่นงันงก ไม่คาดคิดเลยว่าสตรีหน้าซื่อตาใสผู้นี้จะมีจิตใจร้ายกาจตบตีแม้กระทั่งญาติผู้พี่และบ่าวไพร่ในเรือน
ท้ายที่สุดเขาได้เห็นกับตาตนเอง ว่าคู่หมั้นสาวตรงหน้าตบตีญาติผู้พี่ด้วยท่าทางร้ายกาจดั่งปีศาจก็ไม่ปาน ภาพที่เสี่ยซีจิกทึ้งผมจื่อลู่แล้วง้างมือตบเต็มแรง ยังคงฉายชัดราวกับไม่อาจสลัดให้หลุดหาย
‘สตรีผู้มีใบหน้างดงาม แต่ภายในใจกลับโสมม’
นางมีจิตใจหยาบกระด้าง ใช้จ่ายเงินทองสุรุ่ยสุร่ายจนฐานะการเงินของตระกูลฝืดเคือง อีกทั้งยังวางอำนาจบาตรใหญ่ในจวน กดขี่แม้กระทั่งผู้เป็นป้าที่รักและหวังดีกับนางมาโดยตลอด
โหวหนุ่มมักได้ยินฮูหยินหลี่ไปปรับทุกข์กับมารดาของเขาเสมอๆ ว่าลูกเลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นหลานสาว เป็นสตรีหยาบคายร้ายกาจ ถูกบิดาตามใจจนหลงระเริงไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นฮูหยินหลี่ก็ไม่อาจปล่อยมือจากหลานสาว และพยายามที่จะฝึกสอนให้นางเป็นสตรีที่ดี
แน่นอนว่าความหวังดีเหล่านั้นไม่เคยสัมฤทธิผล ฮูหยินหลี่จึงมักน้ำตานองหน้าเสมอๆ
ดูเอาเถอะ!
กระทั่งเวลานี้นางยังทำหน้าตาใสซื่อ ประกายตาที่ไร้เดียงสาทำให้หลายครั้งหลายคราเขาเกือบจะใจอ่อน แต่เมื่อคิดถึงสิ่งเลวร้ายที่นางทำลงไป เขาก็ได้แต่ถอนหายใจและเบือนหน้าหนีอย่างสุดจะทานทน
หลี่เสี่ยซีเป็นสตรีเจ้าเล่ห์เจ้ามารยาอย่างที่ไม่มีสตรีใดเทียบได้ หากไม่ใช่เพราะบิดาขอร้องให้แต่งงานเพื่อรักษาคำมั่นสัญญา เขาคงถอนหมั้นไปเสียนานแล้ว
ยิ่งคิดยิ่งนึกเสียใจที่เคยหลงรักสตรีผู้นี้!
“ระ...รู้แก่ใจหรือเจ้าคะ”
เจ้าของใบหน้าหวานกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพยายามชวนคู่หมั้นหนุ่มพูดคุย ทว่าอีกฝ่ายกลับหมุนตัวกลับแล้วเดินจากไปเสียดื้อๆ ดวงตาคู่สวยมองตามแผ่นหลังชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเดียวดายอ้างว้าง
“ท่านโหวเกลียดข้าสินะ”
โลกช่างใจร้ายกับนางเกินไปแล้ว เพราะการหมั้นหมายคือความหวังเดียวที่จะทำให้นางหลุดพ้นจากขุมนรกแห่งนี้ หนีหายจากบิดาที่ไม่เคยไยดี หลุดพ้นจากญาติผู้พี่ที่มักกลั่นแกล้งและฆ่าสัตว์เลี้ยงของนางอย่างเลือดเย็น
กระต่ายตัวน้อยขนสีขาวปุกปุย เป็นทั้งสัตว์เลี้ยง เป็นทั้งเพื่อนคลายเหงา เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่เงียบเหงา เมื่อถูกพรากออกไปจากอก ราวกับฟางเส้นสุดท้ายขาดวิ่น นางสติหลุดจนพุ่งเข้าตบตีญาติผู้พี่ด้วยความโกรธ
เมื่อเรื่องนี้รู้ถึงหูบิดา ผู้ที่ควรได้รับโทษกลับกลายเป็นนาง นางถูกแส้ฟาดที่น่องจนเนื้อแตก นอนซมไข้ขึ้นไร้การเหลียวแล อีกทั้งยังถูกกักบริเวณและให้กินอาหารเพียงวันละมื้ออยู่หนึ่งเดือนเต็มจนร่างกายซูบผอม
‘ข้าเกิดมาทำไมนะ ในเมื่อไม่มีใครรัก ไม่มีใครต้องการข้าเลย...’
บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก
บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ
บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา
บทที่ 1เจ้าสาวแพศยายาปลุกกำหนัดสันกรามปูดโปนจากแรงขบกัดของฟันกราม ใบหน้าหล่อเหลาขึ้งเคียดเต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่ทั่วทั้งสรรพางค์กายกลับกำลังร้อนรุ่มดั่งโดนแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแห่งไฟราคะไม่ผิดแน่ในสุรามงคลมียาปลุกกำหนัด!‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าให้โอกาสนาง หลายครั้งหลายหนที่พยายามมองนางในแง่ดี แม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่านางเป็นหญิงแพศยาชั่วช้าสักเพียงใด นางจะตบตีลูกผู้พี่ รังแกน้องสาวของเขา ทำร้ายใครต่อใคร แต่เขาก็ยังหวังว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิด!’“ท่านโหวโปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”หลี่เสี่ยซีพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ โหวหยางหมิงจึงโมโหจนดวงตาแดงก่ำเช่นนี้ นางสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังผิดปกติภายในร่างกายของเขา“จนถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังแสร้งทำหน้าใสซื่ออยู่อีกงั้นหรือ ช่างมารยาสาไถยเสียจริง!”พูดกึ่งสบถแล้วหัวเราะออกมาราวกับบ้าคลั่ง ก่อนจะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายคงกำลังรอคอยจนเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความร่านกระสันแคว้ก!มือหนาคว้าสาบคอเสื้อสีขาวของเจ้าสาวก่อนจะกระชากแรงจนขาดวิ่นติดมือออกมา เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงขาวนวลเนียนว้าย!เจ้าสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พย
บทนำคืนวิวาห์ไร้รักไม่รักก็คือไม่รัก ‘สามีภรรยาแต่งงานอยู่กินกันไป เดี๋ยวก็รักกันไปเอง สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องมีบุตรเพื่อเป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจท่านโหวในเร็ววัน นั่นแหละคือหน้าที่ของภรรยาที่ดี...’ ถ้อยคำสอนสั่งของมารดาเลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ทางสายเลือดดังขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิดของเจ้าสาวแสนสวยในชุดวิวาห์สีแดงมงคล นางนั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องหอขนาดใหญ่ มองผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจึงเห็นว่าห้องหอถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงห้อยระย้าทิ้งตัวจากเพดานลงจดพื้น เหมยกุ้ยฮวาสีแดงส่งกลิ่นหอมอบอวลดารดาษโปรยปราย เทียนไขถูกจุดประดับประดาราวกับดวงดาวก็ไม่ปาน ทว่าความงดงามเหล่านั้นไม่อาจทำให้หัวใจของหลี่เสี่ยซีสงบลงได้เลย นางกำมือเข้าหากันแน่นจนเผลอจิกปลายเล็บลงบนหลังมือ ริมฝีปากสีชาดเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เจ้าบ่าวเกลียดเจ้าสาว! ใครๆ ในเมืองตงต่างก็รู้เรื่องนี้ดีว่าท่านโหวหวงหยางหมิงเกลียดชังคุณหนูหลี่เสี่ยซีราวกับกิ้งกือไส้เดือน แม้ยามเป็นคู่หมั้นคู่หมายยังแทบไม่มองหน้า ยิ่งเมื่อเข้าพิธีแต่งงานที่ถูกคลุมถุงชนปราศจากความสมัครใจยิ่งสร้างความชิงชังในใจขอ