บทที่ 6
สตรีหน้าหนาไร้ยางอาย
ช่างน่าอาย
“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที
“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”
ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคอง
หวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ
“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารที่นางต้องมาสูญเสียมารดาโดยไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า
ทว่ายุ่นฉานกลับไม่คิดเช่นนั้น
การที่มารดาผู้แสนต่ำต้อยของนางตายไปน่ะดีแล้ว เพราะฮูหยินหวงได้ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ส่งเสริมให้นางเล่าเรียน หนุนหลังให้นางได้ออกงานสังคมรายล้อมไปชนชั้นสูง แตกต่างจากเด็กที่เกิดจากอนุภรรยาคนอื่นๆ ที่แทบไม่ได้รับการเหลียวแล
“ยังไม่ไสหัวไปอีก...”
เมื่อหมุนตัวกลับมาแล้วพบว่าพี่สะใภ้ยังยืนนิ่งอยู่ทางด้านหลัง นางจึงเค้นเสียงลอดไรฟันค่อนแคะ
หลี่เสี่ยซีไม่ได้สนใจน้องสามี นางมองเข้าไปในห้องนอนของท่านโหวที่บานประตูเปิดกว้าง ก่อนจะเดินผ่านหน้ายุ่นฉาน ตามฮูหยินหวงเข้าไปโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
“ไร้มารยาท เป็นที่รังเกียจขนาดนี้แล้วยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
หวงยุ่นฉานด่าไล่หลัง แต่หลี่เสี่ยซีกลับไม่สะทกสะท้าน เมื่อนางเดินเข้าไปข้างในห้องก็พบกับสายตาของสาวใช้และพ่อบ้านที่มองมาราวกับจะถามว่า ‘เข้ามาทำไม?’ แต่ในเมื่อฮูหยินหวงไม่ได้ออกปากไล่ ทุกคนจึงได้แต่ดูเชิงหมายใจว่าหากนายหญิงเล็กทำตัววุ่นวายเมื่อไหร่ก็จะนำตัวออกไปทันที
“สะ...เสี่ยวหยางเจ้าคงเจ็บมากสินะ”
หญิงสูงวัยยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหลับใหลของบุตรชายด้วยหัวใจที่ปวดแปลบ
“เป็นความผิดของข้าเอง ข้าน่าจะคัดค้านบิดาของเจ้า ไม่ควรปล่อยให้เจ้าต้องแต่งงานกับสตรีอัปมงคลนั่นเลย เจ้าต้องหนีเตลิดออกจากจวนจนถูกทำร้ายก็เพราะความผิดของแม่เอง แม่ผิดเอง”
ฮูหยินหยาเฟยร้องไห้ฟูมฟายสะอึกสะอื้น ยิ่งเมื่อเห็นว่าศีรษะของบุตรชายมีผ้าสีขาวพันเอาไว้ อีกทั้งยังมีคราบเลือดสีชาดซึมออกมานางก็ยิ่งเศร้าเสียใจ ไม่คิดเลยว่านอกจากถูกโจรโฉดแทงที่ท้องแล้ว บุตรชายยังบาดเจ็บอีกหลายจุดเช่นนี้
นางได้รับรายงานตั้งแต่เช้าตรู่หลังวันแต่งงานแล้ว ว่าลูกสะใภ้ชั่วช้าแอบวางยาปลุกกำหนัดบุตรชายของนาง ทำให้หยางหมิงทนไม่ไหวหนีออกจากจวนไปกลางดึก
นางคิดว่าบุตรของนางเป็นชาย อย่างไรเสียก็ไม่เสียหาย แม้จะหงุดหงิดกับการกระทำอันแสนสิ้นคิดของลูกสะใภ้ก็ตามที
แต่เมื่อผลมันออกมาเป็นเช่นนี้ บุตรชายของนางต้องเจ็บตัวและทุกข์ทรมานใจ นางผู้เป็นมารดาจะทนไหวได้อย่างไรกันเล่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะเสี่ยวหยาง เมื่อเจ้าหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะพูดกับบิดาของเจ้าเรื่องหย่าขาดเอง ต่อให้ต้องตัดขาดกับสกุลหลี่ ข้าก็จะทำเพื่อเจ้า”
พูดออกไปพลางอดคิดไปถึงสตรีที่แสนเพียบพร้อมอย่าง ‘โจวจื่อลู่’ ญาติผู้พี่ของหลี่เสี่ยซีไม่ได้ หากได้มาเป็นสะใภ้ จวนคงไม่ร้อนดั่งไฟเช่นนี้
บทที่ 13/2อ้อนภรรยา ใช่แล้ว...เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น นั่นเพราะว่าอีกครึ่งหนึ่งจะยังไม่มีวันปลดลงหากเขายังไม่ได้ชำระแค้นให้กับภรรยา แม้ว่าชาติก่อนเขาจะแก้แค้นพวกมันไปทั้งหมดแล้วก็ตามชาติก่อนส่วนชาติก่อน!ชาตินี้ส่วนชาตินี้!หลังจากเขาฆ่าปาดคอโจวจื่อลู่ ฟันศีรษะสาวใช้อี๋เฉินจนขาดกระเด็น เขาก็ลงมือกับตระกูลหลี่จนย่อยยับอับปาง ประมุขหลี่กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว ฮูหยินหลี่ผูกคอตายอย่างน่าอนาถส่วนน้องสาวต่างมารดาถูกขับไล่ออกจากจวนโดยไร้เงินทองติดตัวด้วยมารดาของเขายังมีเยื่อใยต่อนางอยู่ ซึ่งเขายอมปล่อยนางไปเพื่อให้มารดาสบายใจ แต่ส่งคนแอบตามยุ่นฉานไปทีหลังแล้วตัดลิ้นจอมปลิ้นปล้อนของนางออก ปล่อยให้นางใช้ชีวิตดั่งหญิงใบ้อยู่ในอารามนางชีไปชั่วชีวิตจากนั้นเขาก็ลงโทษตัวเอง เขาไม่อนุญาตให้ตัวเองมีความสุข ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ โหมงานหนักในตอนกลางวันแล้วจมอยู่กับสุราในยามค่ำคืน ร่างกายผ่ายผอมดั่งซากศพเดินได้ หนวดเครารกเฟิ้มไม่เหลือเค้าโครงความหล่อเหลาอีกต่อไป“ทะ...ท่านโหว ข้าเป็นเหน็บแล้วเจ้าค่ะ”น้ำเสียงของภรรยาปลุกให้ชายหนุ่มหลุดออกจากภวังค์แห่งความแค้น เขารีบขยับศีรษะแล้วลุกขึ้นนั
บทที่ 13/1อ้อนภรรยาสำนึกผิดโหวหวงหยางหมิงหลุดออกจากห้วงแห่งอดีตหนหลังเมื่อภรรยานำถ้วยน้ำแกงปลามาวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ควันสีขาวลอยกรุ่นขึ้นเหนือถ้วยฉายชัดว่าสาวใช้ได้นำมันไปอุ่นร้อนอีกรอบ“รีบกินเถอะเจ้าค่ะเดี๋ยวน้ำแกงจะเย็นเสียก่อน”หญิงสาวยืนอยู่ข้างเตียงอย่างรักษาระยะห่างไม่ขยับเข้าไปใกล้กว่านั้น แม้ลึกๆ ในใจจะรู้สึกดีขึ้นหลายส่วนที่สามีตะเพิดญาติผู้พี่ให้กลับไป แต่ถึงอย่างนั้นนางเองก็อาจถูกไล่ตะเพิดออกไปได้ทุกเมื่อไม่ต่างกันดูท่าแล้วการกระทบกระเทือนทางสมองครั้งนี้คงทำให้สามีของนางกลายเป็นคนคุ้มดีคุ้มร้ายไปเสียแล้ว เพราะปกติเขารักและหวงแหนน้องสาวต่างมารดามาก อีกทั้งยังเผื่อแผ่ความเมตตาไปยังจื่อลู่ผู้เป็นสหายของน้องสาวเสมอแม้แต่ดุด่าต่อว่าสักคำยังไม่เคย แต่กลับตะคอกห้วนดั่งเกลียดชังคงทำให้คุณหนูหวงยุ่นฉานเสียใจไม่น้อยเลย“น้องหญิง...”ไหล่เล็กกระตุกเพียงน้อย หลี่เสี่ยซียังคงรักษากิริยาอาการบนใบหน้าไว้ได้อย่างสงบนิ่ง แม้ว่าน้ำเสียงอ่อนโยนยามที่สามีเรียกนางว่าน้องหญิงจะทำให้นางใจอ่อนยวบลงก็ตามที“ข้ายกแขนไม่ไหว เจ้าช่วยป้อนข้าหน่อยได้หรือไม่เล่า”หยางหมิง
บทที่ 12/2ปมแค้นชาติก่อน“แรกทีเดียวก็แค่อยากจะให้แท้ง ใครเลยจะคิดว่านังนี่จะโง่นอนตกเลือดโดยไม่ตามหมอมารักษา สุดท้ายก็ตายไปแบบโง่ๆ”โจวจื่อลู่พูดอย่างคึกคะนอง ทั้งที่รู้ดีว่ามีหรือหลี่เสี่ยซีจะไม่เรียกหมอให้มารักษา แต่เพราะอี๋เฉินสาวใช้เป็นคนของนางไม่ยอมไปเรียกหมอมาให้ต่างหากเล่า เสี่ยซีจึงต้องนอนจมกองเลือดอย่างน่าสมเพชเช่นนี้‘สะใจเสียจริง!’“เบาเสียงหน่อยสิพี่จื่อลู่ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้าจะว่าอย่างไร”“ใครจะได้ยินเล่า เวลานี้ทุกคนกำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมงานดื่มชาชมดอกไม้ของท่านแม่ แทบไม่มีใครเหยียบย่างมายังเรือนหลังนี้ด้วยซ้ำไป”“ถึงอย่างนั้นก็เถอะไม่ประมาทเป็นการดีที่สุด จากนี้เราจะเอายังไงกับศพของนังนี่ดี หากแจ้งท่านพ่อกับท่านแม่ ทุกคนต้องรู้แน่ว่ามันกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งบุตรในครรภ์คือสายเลือดของท่านพี่ ทายาทเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลหวง”ยุ่นฉานมีท่าทางหวาดหวั่นไม่น้อย พยายามครุ่นคิดวิธีที่จะอำพรางศพ“เจ็บใจนักท่านโหวหลับนอนกับมัน แต่ไม่เคยหลับนอนกับข้าเลยสักครั้ง ไม่เช่นนั้นข้าคงตั้งท้องไปเสียนานแล้ว”พูดพลางเผลอยกนิ้วขึ้นมากัดเล็บอย่างไม่ชอบใจ หลายต่อหลายครั้งนางพยายามเข้า
บทที่ 12/1ปมแค้นชาติก่อนดั่งตกนรกทั้งเป็นโหวหวงหยางหมิงยกมือขึ้นกุมขมับ รู้สึกคลื่นไส้ราวกับอยากจะอาเจียนออกมา ซึ่งท่าทางเช่นนั้นทำให้คนตัวเล็กที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงกับรีบก้าวยาวๆ เข้าหา แล้วหยิบกระโถนข้างเตียงขึ้นรองอย่างรวดเร็วคนตัวโตเพียงขย้อนจนตัวโก่งแต่ไม่ได้อาเจียนสิ่งใดๆ ออกมา หลี่เสี่ยซีเห็นดังนั้นจึงรีบหมุนกายไปรินน้ำชาใส่แก้วส่งให้สามีดื่ม“ขอบใจนะซีเอ๋อร์”อาการคลื่นไส้ที่เห็นใบหน้าของโจวจื่อลู่ดีขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้างดงามของภรรยา แม้ว่าใบหน้าของภรรยาจะเรียบตึงดั่งไม่แสดงความรู้สึกโหวหวงหยางหมิงหยักยิ้มน้อยๆ ดวงตาทอดอ่อนมองหญิงคนรักที่ปากบอกว่าจะหย่าแต่พอเห็นเขาอาการไม่ดีกลับปราดเข้ามาดูแลราวกับลืมตัวชาติก่อนเขาทำเรื่องเลวทรามไว้หลายอย่าง ซึ่งมันตามหลอกหลอนจนทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้เมื่อเห็นหน้า ‘อนุภรรยา’ ในชาติก่อนใช่แล้ว...โจวจื่อลู่คืออนุภรรยาของเขา!ทว่า...ชาตินี้เขากลับเกลียดชังนางอย่างสุดแสน เพราะเขาได้รู้เช่นเห็นชาติสันดานทรามของนางมาจากชาติก่อนจนหมดสิ้น รู้ว่านางทำเรื่องเลวทรามอะไรกับหลี่เสี่ยซีบ้าง นางและมารดาของนางเป็นดั่งปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ ส่วนน้องสาวต่า
บทที่ 11/2น้ำตาของจื่อลู่ “ท่านพี่ก็รู้มิใช่หรือว่าเสี่ยเอ๋อร์เป็นสตรีร้ายกาจเช่นไร แล้วเหตุใดจึงเชื่อนังนั่นมากกว่าพวกข้า ที่ผ่านมาพวกข้าถูกนังนั่นรังแกทุบตีมาโดยตลอด ท่านพี่ลืมไปหมดสิ้นแล้วหรือเจ้าคะ” ยุ่นฉานใจเต้นตุบๆ ด้วยความโกรธจนควันร้อนแทบพ่นออกหู นางไม่คิดเลยว่าพี่ชายจะเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเช่นนี้ โดยปกติแล้วพี่ชายมักแสนดีและอ่อนโยนกับนางเสมอ อีกทั้งยังทอดไมตรีจิตให้สหายของนางอย่างไม่ถือตัว แต่นี่อะไร! ยิ่งสหายรักร้องห่มร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นนี้ ยุ่นฉานก็ยิ่งทนไม่ได้ จื่อลู่ก้มหน้าซับหยาดน้ำตา แอบเม้มริมฝีปากกัดฟันกรอด ขุ่นแค้นไปยังญาติผู้น้องที่ทำให้แผนการของนางผิดเพี้ยนไปหมด โหวหยางหมิงควรหลงใหลและมองเห็นความดีในตัวนางสิ เหตุใดจึงมองนางด้วยสายตาราวกับจะแล่เนื้อเถือหนังออกมาราดเยี่ยวม้าเช่นนี้เล่า! ‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ! หรือว่านังเสี่ยซีจะใช้อาคมมนต์ดำให้ท่านพี่หยางหมิงหลงรัก จึงได้มีอาการราวกับกลับขาวเป็นดำไปหมดเช่นนี้ ไม่ผิดแน่อาการเช่นนี้คงถูกมนตร์ดำศาสตร์มารเข้าให้แล้ว นางต้องเร่งนำเรื่องนี้ไปปรึกษามารดาให้เ
บทที่ 11/1น้ำตาของจื่อลู่เย็นชาบุรุษที่แข็งแกร่งฝึกฝนวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเยาว์วัยเช่นหวงหยางหมิง ถูกโจรโฉดแทงที่ท้องเพียงแผลเดียวไม่กี่วันร่างกายก็ฟื้นคืนกลับมาปกติดังเดิมแต่ถึงอย่างนั้นคนป่วยก็ยังไม่ยอมหายป่วย ยังคงนอนซมไม่ยอมลุกจากเตียงดั่งจะเรียกร้องความเห็นใจจากภรรยาที่ไม่แยแส“ท่านโหวกินน้ำแกงปลาหน่อยเถอะนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะได้กินยา”หัวหน้าสาวใช้นำน้ำแกงมาให้ด้วยตนเอง เพราะเป็นคำสั่งของฮูหยินหวงให้เข้มงวดเรื่องอาหารและยาของบุตรชายอย่าให้ขาดตกบกพร่อง เพื่อที่บุตรชายจะได้หายวันหายคืนกลับมาแข็งแรงดังเดิม“ข้าจะกินก็ต่อเมื่อซีเอ๋อร์มาป้อนเท่านั้น”ชายหนุ่มเบือนหน้าหนีก่อนจะยื่นคำขาดออกไปดั่งเด็กเอาแต่ใจ หัวหน้าสาวใช้เห็นดังนั้นก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยไม่เคยเห็นท่านโหวเป็นเช่นนี้มาก่อน นางทำงานรับใช้ตระกูลหวงมาหลายสิบปี มีหรือจะไม่รู้นิสัยใจคอโหวหนุ่ม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากถูกแทงอีกทั้งยังตกม้า มันแตกต่างจากเดิมราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว“รอสักครู่นะเจ้าคะท่านโหว ข้าจะรีบไปตามนายหญิงน้อยมาปรนนิบัติท่านเจ้าค่ะ”ยอบกายทำความเคารพก่อนจะรีบสาวเท้าไปรายงานฮูหยินหวงก่อน แล้วจึง