บทที่ 6
สตรีหน้าหนาไร้ยางอาย
ช่างน่าอาย
“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”
ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที
“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”
ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคอง
หวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ
“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”
“เจ้าค่ะท่านแม่”
ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารที่นางต้องมาสูญเสียมารดาโดยไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า
ทว่ายุ่นฉานกลับไม่คิดเช่นนั้น
การที่มารดาผู้แสนต่ำต้อยของนางตายไปน่ะดีแล้ว เพราะฮูหยินหวงได้ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้มรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ส่งเสริมให้นางเล่าเรียน หนุนหลังให้นางได้ออกงานสังคมรายล้อมไปชนชั้นสูง แตกต่างจากเด็กที่เกิดจากอนุภรรยาคนอื่นๆ ที่แทบไม่ได้รับการเหลียวแล
“ยังไม่ไสหัวไปอีก...”
เมื่อหมุนตัวกลับมาแล้วพบว่าพี่สะใภ้ยังยืนนิ่งอยู่ทางด้านหลัง นางจึงเค้นเสียงลอดไรฟันค่อนแคะ
หลี่เสี่ยซีไม่ได้สนใจน้องสามี นางมองเข้าไปในห้องนอนของท่านโหวที่บานประตูเปิดกว้าง ก่อนจะเดินผ่านหน้ายุ่นฉาน ตามฮูหยินหวงเข้าไปโดยไม่รอให้ใครอนุญาต
“ไร้มารยาท เป็นที่รังเกียจขนาดนี้แล้วยังจะเสนอหน้าอยู่อีก ช่างไร้ยางอายเสียจริง”
หวงยุ่นฉานด่าไล่หลัง แต่หลี่เสี่ยซีกลับไม่สะทกสะท้าน เมื่อนางเดินเข้าไปข้างในห้องก็พบกับสายตาของสาวใช้และพ่อบ้านที่มองมาราวกับจะถามว่า ‘เข้ามาทำไม?’ แต่ในเมื่อฮูหยินหวงไม่ได้ออกปากไล่ ทุกคนจึงได้แต่ดูเชิงหมายใจว่าหากนายหญิงเล็กทำตัววุ่นวายเมื่อไหร่ก็จะนำตัวออกไปทันที
“สะ...เสี่ยวหยางเจ้าคงเจ็บมากสินะ”
หญิงสูงวัยยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหลับใหลของบุตรชายด้วยหัวใจที่ปวดแปลบ
“เป็นความผิดของข้าเอง ข้าน่าจะคัดค้านบิดาของเจ้า ไม่ควรปล่อยให้เจ้าต้องแต่งงานกับสตรีอัปมงคลนั่นเลย เจ้าต้องหนีเตลิดออกจากจวนจนถูกทำร้ายก็เพราะความผิดของแม่เอง แม่ผิดเอง”
ฮูหยินหยาเฟยร้องไห้ฟูมฟายสะอึกสะอื้น ยิ่งเมื่อเห็นว่าศีรษะของบุตรชายมีผ้าสีขาวพันเอาไว้ อีกทั้งยังมีคราบเลือดสีชาดซึมออกมานางก็ยิ่งเศร้าเสียใจ ไม่คิดเลยว่านอกจากถูกโจรโฉดแทงที่ท้องแล้ว บุตรชายยังบาดเจ็บอีกหลายจุดเช่นนี้
นางได้รับรายงานตั้งแต่เช้าตรู่หลังวันแต่งงานแล้ว ว่าลูกสะใภ้ชั่วช้าแอบวางยาปลุกกำหนัดบุตรชายของนาง ทำให้หยางหมิงทนไม่ไหวหนีออกจากจวนไปกลางดึก
นางคิดว่าบุตรของนางเป็นชาย อย่างไรเสียก็ไม่เสียหาย แม้จะหงุดหงิดกับการกระทำอันแสนสิ้นคิดของลูกสะใภ้ก็ตามที
แต่เมื่อผลมันออกมาเป็นเช่นนี้ บุตรชายของนางต้องเจ็บตัวและทุกข์ทรมานใจ นางผู้เป็นมารดาจะทนไหวได้อย่างไรกันเล่า
“ไม่ต้องห่วงหรอกนะเสี่ยวหยาง เมื่อเจ้าหายดีเมื่อไหร่ ข้าจะพูดกับบิดาของเจ้าเรื่องหย่าขาดเอง ต่อให้ต้องตัดขาดกับสกุลหลี่ ข้าก็จะทำเพื่อเจ้า”
พูดออกไปพลางอดคิดไปถึงสตรีที่แสนเพียบพร้อมอย่าง ‘โจวจื่อลู่’ ญาติผู้พี่ของหลี่เสี่ยซีไม่ได้ หากได้มาเป็นสะใภ้ จวนคงไม่ร้อนดั่งไฟเช่นนี้
ปลายเท้าหยุดชะงักด้วยความงุนงง ‘ข้าคงหูฝาดไปเอง แม้จะฟังดูคล้ายเสียงท่านพี่ แต่เขาไม่เคยเรียกข้าด้วยสรรพนามคุ้นเคยเช่นนี้มาก่อน’ สลัดความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะก้าวขาข้างหนึ่งพ้นออกจากธรณีประตูทว่า… “ซีเอ๋อร์อย่าไป...” น้ำเสียงอ่อนแรงชัดขึ้นทำให้เจ้าของร่างบอบบางหมุนกายกลับไปด้วยความงุนงง “ทะ...ท่านโหว” เสี่ยซีเอ่ยเรียกเขาด้วยความไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นว่าเขาพยายามยกมือยื่นออกมาราวกับต้องการไขว่คว้านางเอาไว้ก็ยิ่งรู้สึกสับสน แน่นอนว่าภายในห้องนั้นไม่ได้มีเพียงหลี่เสี่ยซีที่งุนงงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ฮูหยินหวงหยาเฟย หวงยุ่นฉาน โจวจื่อลู่ และพ่อบ้านที่เพิ่งก้าวเข้ามาต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน “มา...หา...ข้า ได้โปรด” น้ำเสียงอ้อนวอนทำให้เสี่ยซีเผลอไผลก้าวเท้ากลับเข้าไปหาคนเจ็บราวกับต้องมนตร์สะกด ‘เขาต้องการอะไรกันแน่ รั้งข้าไว้ ทำราวกับมีใจห่วงหา จากนั้นก็จะผลักไส หัวเราะเยาะเย้ยข้าที่แสนโง่งมทีหลังงั้นหรือ’ ในหัวสมองของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลี่เต็มไปด้วยคำถามและความคลางแคลงใจ นางขยับกายไปยืนข้า
บทที่ 7อ้อมกอดที่แสนสับสนอย่าจากไปไหน“อาการของพี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้างเล่าฉานเอ๋อร์” แววตาอ่อนโยนทอดอ่อนมองบุตรสาวบุญธรรมด้วยความรัก ก่อนจะหันไปมองบุตรชายที่ไม่ยอมฟื้นคืนสติเสียที ทั้งที่อาการภายนอกโดยรวมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วแท้ๆซึ่งอาการหลับใหลไม่ได้สติเช่นนี้ นางได้เรียกให้หมอชราผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าหมอเก่งกาจทั้งหลายมาตรวจดูอาการอีกรอบ แต่กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ จึงสันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสภาวะทางจิตใจ ซึ่งต้องรอคอยจนกว่าเจ้าตัวจะลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยตนเอง “วันนี้สีหน้าของท่านพี่ดีขึ้นมากเลยเจ้าค่ะ” ยุ่นฉานเอ่ยพลางปราดเข้าไปประคองฮูหยินหวงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่างเอาอกเอาใจ ส่วนโจวจื่อลู่นั้นรีบวางผ้าเช็ดตัวในมือแล้วลุกขึ้นทำความเคารพว่าที่มารดาสามีอย่างอ่อนน้อม “คารวะท่านป้าเจ้าค่ะ” “เกรงใจเจ้าแล้วจื่อเอ๋อร์ ป้าอยากให้เสี่ยวหยางรู้เสียจริงว่าเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเขามากถึงเพียงนี้” “ข้าไม่ได้หวังสิ่งใดจากท่านพี่หรอกเจ้าค่ะท่านป้า แค่ได้ดูแลท่านพี่ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” จื่อลู่เอ่ยอย่างถ่อมตน ห่อไหล่เข้าหากั
สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้องนอนของโหวหนุ่มโดยไม่ยอมปริปากอันใดออกมาแม้ครึ่งคำ ดวงตาของนางจ้องมองไปยังสามีด้วยความห่วงใย กระนั้นกลับไม่เข้าไปวุ่นวายหรืออ้างสิทธิ์การเป็นภรรยาเพื่อจะดูแลเขา นั่นเพราะนางรู้ดีว่าสามีเกลียดนางมากเพียงใด หากเขาฟื้นคืนสติแล้วเห็นนางอยู่ข้างๆ กาย อาการของเขาอาจทรุดลงเพราะความชิงชังก็เป็นได้ และที่สำคัญกว่านั้นมารดาสามีและน้องสามีคงกีดกันไม่ให้นางเข้าใกล้
บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารท
ทางด้านหลี่เสี่ยซีนั้นมีใบหน้าเรียบเฉย แม้จะได้ยินถ้อยคำแสลงหูจากปากของมารดาสามี แต่นางก็ยังคงหยัดยืนหลังตรงราวกับรูปปั้นที่ไร้ความรู้สึก‘ช่างหน้าหนาเสียจริง จะถูกสามีหย่าอยู่แล้วยังจะมายืนเสนอหน้าอยู่อีก’‘ทนหน่อยเถอะ อีกไม่นานนางก็คงถูกไล่ออกจากจวนแล้ว’ สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ด้านหลังจงใจกระซิบกระซาบให้ผู้ที่มีตำแหน่งนายหญิงน้อยได้ยินอย่างไม่กลัวเกรง สามวันแล้วที่โหวหวงหยางหมิงยังคงไม่ฟื้นคืนสติ ใบหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดเริ่มมีสีสันฉายชัดว่าการรักษาจากหมอมากความสามารถได้ผลไม่น้อย แต่แล้วทำไมโหวหนุ่มยังไม่ฟื้นเล่า... ภายในสามวันนี้เองที่ ‘โจวจื่อลู่’ เดินทางมาเยี่ยมเยียนปรนนิบัติคนป่วยอย่างขยันขันแข็ง โดยมีหวงยุ่นฉานคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ไม่ห่างจื่อลู่นำโสมสกัดราคาแพงมามอบให้แก่ฮูหยินหวงเพื่อบำรุงไม่ให้ล้มเจ็บจากการเป็นห่วงบุตรชาย อีกทั้งยังอาสาคอยเช็ดตัวพยาบาลโหวหนุ่มอย่างใกล้ชิดดั่งว่าตนเองเป็นสะใภ้ของตระกูลหวงก็ไม่ปาน ทว่า... ในสามวันนี้หลี่เสี่ยซีเองก็มาที่เรือนนอนของโหวหนุ่มเช่นกัน แต่เป็นการมายืนเงียบๆ อยู่ภายในห้อง
บทที่ 6สตรีหน้าหนาไร้ยางอายช่างน่าอาย“ท่านหมอ! ลูกชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง”ทันทีที่หมอชราเปิดประตูก้าวออกมาฮูหยินหวงซึ่งยืนรอด้วยท่าทางกระสับกระส่ายอยู่ก่อนแล้วก็พุ่งตรงไปหาเพื่อถามไถ่อาการบาดเจ็บของบุตรชายทันที“ฮูหยินหวงโปรดวางใจ เวลานี้ท่านโหวปลอดภัยแล้วขอรับ โชคดีที่ดาบแทงไม่ถูกอวัยวะสำคัญ อีกทั้งทหารยังทำการห้ามเลือดอย่างถูกวิธีท่านโหวจึงไม่เสียเลือดมาก ข้าได้ทำการเย็บปิดบาดแผลและจัดยาเอาไว้ให้ดื่มเช้าเย็น ด้วยร่างกายของท่านโหวแข็งแรงเป็นทุนเดิม นอนพักฟื้นไม่นานก็น่าจะหายเป็นปกติขอรับ”ฮูหยินหวงถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เซถอยหลังน้อยๆ จนบุตรสาวต้องปราดเข้ามาประคองหวงหยาเฟยมีบุตรยาก นางมีบุตรชายเพียงคนเดียว ซึ่งนางทั้งรักและหวงแหนยิ่งกว่าชีวิตของตนเอง เมื่อบุตรชายต้องมาบาดเจ็บถึงขั้นเลือดตกยางออก หัวใจของนางก็ราวกับถูกมีดกรีดลึกจนเป็นแผลเหวอะหวะ“ขอบใจมากนะท่านหมอ ฉานเอ๋อร์ไปส่งท่านหมอด้วย”“เจ้าค่ะท่านแม่”ยุ่นฉานรับคำอย่างว่าง่าย นางคอยเอาอกเอาใจฮูหยินหวงประหนึ่งมารดาแท้ๆ นั่นก็เพราะว่ามารดาของนางซึ่งเป็นอนุภรรยาลำดับท้ายๆ ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่คลอดนางออกมา ใครๆ ต่างก็สงสารที
บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก
บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ
บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา