Share

บทที่ 9

เมื่อรับรู้ว่าตอนนี้พวกเขาได้กลับมายังหมู่บ้านแล้วเด็กชายจึงเริ่มดิ้นรนออกจากอ้อมแขนแกร่งของคนที่โอบอุ้ม

ยงเผยจำต้องปล่อยให้เขาลงยืนอยู่บนพื้นด้วยเกรงว่าเด็กคนนี้จะตกลงมาแล้วบาดเจ็บ

ในจังหวะเดียวกันนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าแม่ของเด็กชายได้เดินมาทางเขาสีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและจะกล้าลงมือกับเด็กตัวน้อยได้ลงคอ

เสียงเผียะ! ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปยังต้นเสียงเป็นตาเดียว “แม่เคยบอกเจ้าว่าอย่างไรเหตุใดถึงไม่ฟัง” น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเจือด้วยเสียงสะอื้นของผู้ยังมีไม้เรียวเล็กอยู่ในมืออันสั่นเทาข้างนั้นพูดกับเด็กชายเสียงดัง

“ฮือ ๆ ท่านแม่ข้าขอโทษเป็นข้าผิดเองท่านอย่าร้องไห้อีกเลย ต่อไปนี้ข้าให้สัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก” เด็กน้อยผู้ถูกตีน้ำตาไหลอาบแก้มมอมทั้งสองข้างโอบเอวของมารดาแน่นกล่าวสำนึกผิดทั้งน้ำตา

หญิงสาวคนนั้นรีบทิ้งไม้ในมือของตนลงก่อนย่อตัวลงนั่งโอบกอดเด็กชายตัวเล็กแน่นไม่แพ้กัน

สองไหล่ของนางไหวสะท้านขึ้นลงเสียงร้องไห้ของสองแม่ลูกช่างบาดใจของผู้ที่ได้ยินยิ่งนัก

ยงเผยผู้ยืนอยู่ข้างคนทั้งสอง ทำให้เขานั่งลงคุกเข่าโอบกอดคนทั้งคู่แน่นราวกับต้องการปกป้อง

“จูเอ๋อร์เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าเอง เจ้าอย่าได้ดุด่าว่ากล่าวหรือตีลูกเลยนะ หากเจ้าอยากจะลงโทษก็จงตีข้าเถิด” ถ้อยคำของชายหนุ่มทำให้เด็กชายเริ่มรู้สึกดีกับเขาขึ้นมาบ้างเล็กน้อย

“ท่านพูดบ้าอะไร เอามือออกไปจากพวกเราเดี๋ยวนี้” หญิงสาวแผดเสียงของตนพร้อมกับส่งสายตาขุ่นเคืองมายังชายผู้ที่ได้ชื่อว่าสามี

ยงเผยจึงได้แต่จำใจคลายมือของตนออกอย่างเสียดาย ชาวบ้านกลุ่มใหญ่ต่างก็มีสายตาแห่งคำถามเกิดขึ้น ทว่าก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยวาจา

เรื่องครอบครัวควรจะปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจกันเอาเอง นี่คือสิ่งที่ทุกคนต่างคิดเหมือน ๆ กัน

อานไท่เมื่อเห็นว่าเรื่องราวยุ่ง ๆ ในการตามหาคนจบลงแล้ว และอีกอย่างในตอนนี้ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วด้วยเป็นการดีหากจะให้ชาวบ้านแยกย้ายกันกลับบ้านของตน

“วันนี้ข้าขอบใจพวกเจ้าทุกคนมาก ฟ้าก็เริ่มมืดแล้วพวกเราแยกย้ายกันกลับบ้านใครบ้านมันเถอะ” หลังสิ้นประโยคของหัวหน้าหมู่บ้าน สามคนพ่อแม่ลูกจึงได้รู้สึกตัวว่าพวกเขายังไม่ได้ขอบคุณชาวบ้านเหล่านี้เลย

ดังนั้นคนทั้งสามจึงได้ลุกขึ้นยืน พวกเขาต่างพากันค้อมตัวไปทางชาวบ้านกลุ่มใหญ่พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยความซาบซึ้งใจอย่างที่สุด

“ข้าขอขอบพระคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาของตนออก ไปช่วยตามบุตรของเรา” สองสามีภรรยากล่าวพร้อมกันโดยมีเด็กชายตัวน้อยทำตามบิดามารดาด้วย

“ไม่เป็นไร พวกเราอยู่หมู่บ้านเดียวกันการช่วยเหลือเช่นนี้เป็นเรื่องสมควรยิ่ง” หนึ่งในชาวบ้านกล่าวออกมา

หลังจากคนกลุ่มใหญ่เดินจากไป หมิงจูก็เดินมาหาครอบครัวหยูนางได้มาหยุดยืนต่อหน้าอันอัน

“เด็กน้อยข้าขอขอบใจเจ้าที่ได้ช่วยฮ่าวเอ๋อร์ไว้ อาหญิงไม่รู้ว่าจะตอบแทนเจ้าอย่างไรได้โปรดรับการคารวะจากข้าด้วย” หมิงจูกำลังจะก้มหัวให้นาง ทว่าอันอันรีบกล่าวห้ามออกมาทันควัน

“ท่านอาจารย์หญิงอย่าได้ทำเช่นนี้เจ้าค่ะ ท่านกำลังจะทำให้ข้าอายุสั้น ศิษย์ไม่กล้ารับการคารวะจากท่านหรอก” คำพูดของนางทำให้หญิงสาวมุมปากกระตุก

คิดอยากโต้แย้งก็จนใจเพราะนางได้กล่าวออกไปแล้วว่าชายคนนั้นเป็นสามี

หลังจากสิ้นคำกล่าวขอบคุณก็ถึงเวลาจะต้องแยกย้ายคนบ้านหยูทั้งสามชีวิตรวมถึงยงเผยกับสองแม่ลูกก็ตามอานไท่กลับมายังเรือนของเขา ยงเผยได้ให้เด็กชายนั่งบนหลังม้า

ส่วนเขานั้นเป็นคนจูงเพื่อจะได้เดินเคียงข้างกับเมียรักที่หนีหายตนมานานหลายปี

ยงฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นดวงตาเป็นประกายยามอยู่บนหลังม้าทำให้เขาเริ่มพออกพอใจกับชายหนุ่มที่อ้างว่าเป็นพ่อของตนมากยิ่งขึ้น

ด้านอันอันในตอนนี้ดวงตาของเด็กน้อยปรือเต็มทน เพราะนางใช้พละกำลังไปจนเกินกำลังของเด็กน้อย ดังนั้นเด็กหญิงจึงได้นั่งคอพับคออ่อนสัปหงกบนหลังม้า

หยูเจียงสงสารบุตรีจึงได้โอบกอดร่างเล็กของนางเข้ามาแนบอกเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหญิงพลัดตกลงไปยังพื้นด้านล่าง

เมื่อถึงเรือนของหัวหน้าหมู่บ้าน อานไท่จึงได้บอกลูกสะใภ้จัดที่หลับนอนให้เด็กหญิงตัวน้อยได้พักผ่อนก่อน อันอันนอนหลับฝันดีโดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

“ท่านแม่น้องสาวช่างน่ารักยิ่ง” เสียงเล็ก ๆ ของเด็กชายวัยเดียวกับยงฮ่าวพูดเสียงเบากับแม่ของตนเมื่อเห็นแก้มซาลาเปาแดงเรื่อของอันอันในขณะหลับตา

“เจิงเอ๋อร์เจ้าเบาเสียงลงหน่อยเถอะ น้องกำลังหลับดูท่าจะฝันดีดูปากเล็ก ๆ ของนางสิแย้มยิ้มเสียด้วย” ผู้เป็นแม่กล่าวเตือนบุตรชายและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมความน่ารักของเด็กหญิง

“พี่สะใภ้เป็นข้าทำให้พวกท่านลำบากแล้ว” น้ำเสียงอันอ่อนโยนของหยวนฟานเอ่ยออกมาอย่างกระดากอาย

“ในเมื่อเจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้กระนั้นก็อย่าได้เกรงใจ ข้าเต็มใจที่จะยกห้องนอนให้กับพวกเจ้า ดังนั้นจงอยู่ให้สบายเถอะ” น้ำเสียงของคนพูดเต็มไปด้วยความยินดีเช่นเดียวกับใบหน้า

ทำให้คนในครอบครัวหยูพากันซาบซึ้งในความมีน้ำใจอันหาได้ยากในภาวะที่แต่ละครอบครัวต่างตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากเช่นหมู่บ้านแห่งนี้

หยูเจียงเมื่อเห็นว่าลูกและแม่รวมถึงภรรยามีที่ให้หลับนอนตัวเขาจึงได้หันมาสนทนากับอานไท่เพื่อปรึกษาในเรื่องของที่ดินสำหรับการปลูกเรือนของตนต่อ

“ท่านอาไม่ทราบว่ามีที่ดินตรงไหนที่กว้างมากพอให้ปลูกเรือนอยู่ในบริเวณเดียวกันได้ห้าหลังหรือไม่ เนื่องจากคนในครอบครัวของข้ามีเยอะ” ถ้อยคำของชายหนุ่มทำให้อานไท่มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะโพล่งออกมา

“มีที่ดินบริเวณเชิงเขา ทั่วทั้งบริเวณนั้นไม่มีบ้านเรือนของใครปลูกอาศัย อีกทั้งยังกว้างมากราคาก็ถูกกว่าที่อื่นแต่ติดตรงที่ว่ามันใกล้ชายป่ามากเกินไป ข้าเกรงว่าอาจจะมีสัตว์ร้ายลงมาจากเขาเพื่อมาทำร้ายพวกเจ้านะสิ” อานไท่ตอบตามจริง

ยงเผยได้ยินคำกล่าวของชายวัยกลางคนเขาจึงได้หันหน้าไปมองภรรยากับลูกชาย “เรือนของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน” คำถามอันตรงไปตรงมานี้ทำให้หมิงจูมองเขาสายตามีคำถามเช่นกัน

ทว่าหญิงสาวยังไม่ทันตอบน้ำเสียงเล็กของบุตรชายก็ดังขึ้นเสียก่อน “ห่างจากเรือนท่านตาจงไปไม่ไกลขอรับเป็นเรือนหลังสุดท้าย” คำตอบของเขาทำให้ยงเผยยกริมฝีปากขึ้นอย่างพอใจ

“ท่านอาไท่ไม่ทราบว่ามีที่ดินใกล้กับพวกเขาหรือไม่” ชายหนุ่มถามหัวหน้าหมู่บ้านออกไปทันทีซึ่งหยูเจียงเองก็รู้สึกสนใจเช่นกัน

“ใกล้พวกเขาก็ที่ดินลากยาวไปจนถึงเชิงเขานั่นแหละ พรุ่งนี้ข้าจะพาพวกเจ้าไปดู วันนี้ก็กินข้าวกินปลานอนพักเอาแรงก่อน” อานไท่ตอบในจังหวะเดียวกันนั้นกับข้าวที่ภรรยาและลูกสะใภ้ช่วยกันทำก็เสร็จพอดีเขาจึงได้กล่าวชวน

หยูเจียงเองก็เห็นดีด้วยจึงได้กล่าวออกมา “เรื่องอาหารท่านอาอย่าได้ห่วงคนของข้าก็คงเตรียมสำรับไว้รอแล้ว อย่างไรข้าก็ขอเชิญพวกท่านกินด้วยกันเถอะขอรับ”

ดังนั้นอาหารมื้อเย็นของบ้านหัวหน้าหมู่บ้านจึงได้กินเนื้อและอาหารที่ปรุงโดยฝีมือของแม่ครัวประจำอดีตจวนขุนนางหนุ่มผู้สอบได้อันดับหนึ่งของมณฑล

“ฝีมือของท่านพี่ป๋ายช่างยอดเยี่ยมมากเลยเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยได้กินอาหารรสชาติอร่อยเช่นนี้มาก่อนเลย หากท่านได้ทำขายรับรองว่าจะต้องมีคนติดใจในรสมืออย่างแน่นอน” ลี่ซื่อภรรยาของอานไท่กล่าวยกยอคนอาวุโสกว่าจากใจ

“น้องสาวกล่าวเกินจริงแล้ว ว่าแต่ที่เมืองแห่งนี้สามารถทำอาหารขายได้อย่างนั้นเหรอ” หญิงสูงวัยกว่ากำลังคิดหาหนทางช่วยนายของตน หากฝีมือของตนสามารถทำเงินได้เหตุใดจึงไม่คิดลองเล่า

“ได้อย่างแน่นอนที่เมืองของเรานั้นมีตลาดท่าเรืออยู่ด้วยหากท่านสนใจข้าจะพาพี่สาวไปดูเจ้าค่ะ แต่การขายอาหารนั้นค่อนข้างเป็นงานหนักนะเจ้าคะ อีกทั้งยังต้องใช้เงินทุนพอสมควร” หญิงรุ่นน้องพูดตรงไปตรงมา

“อาสะใภ้ป๋ายหากท่านอยากทำเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ข้ายินดีสนับสนุน ท่านอย่าได้กังวลเรื่องเงินทุนเลยข้ายินดีช่วย” หยูเจียงยกยิ้มกล่าวกับหญิงสูงวัยจากใจจริง

นับตั้งแต่ที่ลาออกจากตำแหน่งขุนนางเขาก็คิดเสมอว่าคนเหล่านี้คือญาติมิตรของตนหาใช่บ่าวรับใช้ไม่

“นายท่าน บ่าวไม่คิดจะปันใจจากพวกท่านนะเจ้าคะ เหตุใดถึงจะไล่บ่าวกันล่ะ” หญิงสูงวัยกว่ากล่าวออกมาทั้งน้ำตา

ทำให้คนในครอบครัวอานยกเว้นแต่เด็กชายวัยหกขวบรู้สึกตกใจในคำเรียกขานแทนตัวของหญิงคนนี้ที่มีต่อหยูเจียงจนตะเกียบในมือของพวกเขาหล่นจากมือ

“อาสะใภ้ท่านหยุดร้องก่อนเถอะ ท่านกำลังทำให้พวกเขาตกใจกันใหญ่แล้ว” หยูเจียงรีบกล่าวห้าม

ทว่าเสียงร้องไห้ของหญิงสูงวัยก็ยังคงดังอยู่อย่างนั้น ทำให้บ่าวรับใช้หญิงอีกสองพากันหลั่งน้ำตาออกมาด้วย

บ่าวชายเองก็ดวงตาแดงก่ำเพราะกลัวจะถูกผู้เป็นนายทอดทิ้ง เสียงร้องไห้ทำให้หนิงอันผู้กำลังหลับจำต้องลืมตาตื่นอย่างงัวเงีย เด็กหญิงเดินโงนซ้ายเงนขวาดวงตายังคงปรืออยู่

“ใครเป็นอันใดหรือเจ้าคะ ร้องไห้ทำไม” เสียงพูดอู้อี้ในขณะอ้าปากหาวถามอย่างไม่เข้าใจ

ยังไม่ทันที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายจะตอบสนอง เด็กชายคน หนึ่งก็เดินเข้าไปจับมือเล็กของเด็กหญิงพูดขึ้นอย่างเอาใจใส่ “น้องสาวพี่จะพาเจ้าไปล้างหน้าจากนั้นค่อยมากินข้าวดีไหม”

ยงฮ่าวรู้สึกอิจฉาเด็กคนนั้นยิ่ง เนื่องจากเขาก็อยากจะดูแลน้องน้อยคนนั้นเช่นกัน

ไวเท่าความคิดเด็กชายจึงได้ลุกขึ้นยืนพร้อมกับหาผ้าเช็ดหน้าในอกเสื้อและเมื่อพบแล้วเขาจึงคลี่ดูก็พบว่ามันยังสะอาด เด็กชายจึงได้เดินตามเด็กทั้งสองไปติด ๆ

คนในครอบครัวอานกำลังจะกล่าวห้ามลูก/หลานของตนด้วยเกรงว่าคนเหล่านี้ที่พวกเขายังไม่รู้ว่าเป็นใครนั้นจะเกิดความไม่พอใจ แต่เมื่อลอบมองพวกเขาแล้วไม่เห็นว่ามีปฏิกิริยาใดจึงได้ปล่อยเลยตามเลย

อานเจิงผู้รู้ความได้ผสมน้ำอุ่นลงในอ่างเพื่อเตรียมให้น้องสาวผู้น่ารัก หลังจากเอามือทดสอบดูแล้วเขาจึงบอกให้น้องสาวล้างหน้า

หนิงอันเองก็ทำตามอย่างว่าง่ายสุดแสนจะเชื่อฟัง พลางคิดว่าการเป็นเด็กและมีพี่ชายดูแลช่างเป็นเรื่องที่ดียิ่ง

หลังจากนางล้างหน้าเสร็จเรียบร้อยก็มีผ้าเช็ดหน้าสีขาวยื่นมาตรงหน้าจากเด็กชายผู้ที่ตนช่วยเหลือเอาไว้ (เด็กคนนี้นับว่ายังมีความกตัญญู) นางคิด

ด้านนอกคล้อยหลังจากเด็กชายหญิงเดินออกมา น้ำเสียงของฮูหยินผู้เฒ่าครอบครัวหยูจึงได้เอ่ยเชิงตำหนิกับพวกที่กำลังร้องไห้อยู่

“พวกเจ้าเงียบเสียงลงก่อนเถอะ ทำให้คนตกใจอีกทั้งยังทำให้หลานข้าตกใจตื่นมันใช้ได้ที่ไหนกัน หากเจียงเอ๋อร์ต้องการไล่พวกเจ้าไปจริงเหตุใดจึงต้องถามหาที่ดินแปลงใหญ่ด้วยเล่า”

คำกล่าวนี้เหมือนจะได้ผล ดังนั้นบ่าวรับใช้จึงได้หยุดหลั่งน้ำตา “ข้าจะอธิบายว่านับตั้งแต่วันที่เราออกจากจวน ข้าก็คิดกับพวกท่านเป็นญาติหาได้เป็นบ่าวไม่ ดังนั้นหากพวกท่านอยากจะตั้งตัวข้าก็พร้อมยินดีจะสนับสนุน” หยูเจียงอธิบายออกมายืดยาว

บ่าวชายหญิงก็น้ำตาคลอหน่วยออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้พวกเขากลับเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ

“พวกบ่าวหาได้อยากแยกตัวเจ้าค่ะ ที่คิดเรื่องขายของก็เพียงเพื่อหวังจะแบ่งเบาภาระของพวกท่านเท่านั้น” นางป๋ายบอกเล่าความรู้สึกตน

ความผูกพันระหว่างนายบ่าวทำให้ครอบครัวอานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากเนื่องจากพวกเขาไม่เคยเจอคนที่ดีกับบ่าวรับใช้ของตนเช่นนี้มาก่อน

เจ้าบ้านจึงไม่ยั้งความสงสัยของตนอีกต่อไปเขาจึงใช้คำพูดสุภาพกับหยูเจียงถามในสิ่งที่อยากรู้

“นายท่านหยูแท้จริงแล้วท่านเป็นใครกันแน่ขอรับ”

หยูเจียงบ่ายหน้ามาทางชายวัยกลางคนยกยิ้มบางพร้อมกับกล่าวออกมาอย่างสุภาพเช่นเดียวกัน “ท่านอาอย่าได้เรียกข้าว่านายท่านเลยเรียกข้าว่าเสี่ยวเจียงเถอะ

เรียนท่านอาตามตรงตัวข้านั้นเคยเป็นเสนาบดีสำนักตรวจราชการมาก่อน แต่เนื่องจากตอนนี้ได้ลาออกจากราชสำนักแล้ว

ดังนั้นจึงเป็นเพียงคนธรรมดาที่ต้องการมาตั้งถิ่นฐานใหม่เพียงเท่านั้น” คำพูดของหยูเจียงทำให้เกิดสายฟ้าฟาดกลางศีรษะของคนครอบครัวอานทั้งหมด

“ทะ.. ท่านเป็นขุนนางอย่างนั้นเหรอ โปรดอภัยให้พวกเราด้วยหากทำสิ่งใดที่ตีตนเสมอไปอย่างไม่รู้ตัว” อานไท่กับครอบครัวกำลังจะก้มหัวลงทว่าได้ถูกเสียงของหยูเจียงเอ่ยห้ามไว้

“ท่านอาข้าลาออกแล้วขอรับ นับตั้งแต่ต่อไปนี้ข้าเป็นเพียงบัณฑิตตกงานเพียงเท่านั้น อีกทั้งครอบครัวของข้าตั้งมั่นจะอยู่ที่นี่ ดังนั้นพวกท่านได้โปรดเห็นข้าเป็นลูกเป็นหลานเถิด”

คนครอบครัวอานหันมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะพยักหน้าว่าควรทำตามอย่างที่ชายหนุ่มบอก ทว่าถึงยังไงชายหนุ่มก็ยังเป็นถึงบัณฑิตดังนั้นควรจะให้เกียรติเอาไว้สักหน่อยย่อมเป็นการดี “ได้ข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 56

    เช่นเดียวกับฉงซานในตอนนี้ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนผึ้งตัวน้อยผู้มีฤทธิ์มากนะหรือ ตอนนี้พวกมันต่างอยู่ในสภาวะเซื่องซึมท่ามกลางความเงียบจู่ ๆ เสียงของกุยเฮยก็ดังขึ้นในหัวของอันอัน ‘ยินดีด้วยเด็กน้อยต่อไปนี้เจ้าได้มีผึ้งฝูงใหญ่เป็นสหายเพิ่ม’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันหันหลังกลับไปมอ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 55

    “พี่สาม พี่สี่ พี่มู่ตานพวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่” หลังคุยกับกุยเฮยเรียบร้อยอันอันจึงได้หันหลังกลับไปถามพี่ทั้งสามที่กำลังดูหลุมดักปลาอย่างสนใจ “ไปไหนอย่างนั้นหรือ” ยงฮ่าวเอ่ยถามสีหน้าแสดงความสงสัย“ฉงซานจะพาเราไปหาของดีเจ้าค่ะ” อันอันตอบจากนั้นจึงเห็นผู้เป็นพี่ทั้งสามพยักหน้าตกลงครั้นแล้วการเดินทา

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 54

    มู่ตานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เป็นนายรวมถึงเด็กทั้งสองใจดีกับตนไม่คิดว่านางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ หลังจากการฝึกของครึ่งวันจบลง เด็กหญิงก็ชวนบรรดา พี่ ๆ เดินขึ้นเขาเพื่อไปดูโรงงานผลิตเกลือที่ตอนนี้มีชาวบ้านบางส่วนได้ขึ้นมาทำงานบ้างแล้ว “สวัสดีท่านอาทั้งหลาย” เด็กทั้งสี่กล

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 53

    ยามเหม่าของวันต่อมา อันอันผู้กำลังนอนหลับสบายก็ถูกให้ปลุกด้วยเสียงของคู่หูเต่าตัวน้อยตามเดิม ‘เด็กน้อยตื่น หากไม่ตื่นข้าจะกัดหูของเจ้านะ’ เสียงเล็กคล้ายเด็กของกุยเฮยข่มขู่ ‘อย่านะ! ข้าตื่นแล้ว กุยเฮยนับวันเจ้ายิ่งโหดร้ายกับข้ายิ่ง’ อันอันสะดุ้งตื่นรีบยกมือปิดหูกล่าวตัดพ้อ ‘ข้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 52

    “หากเป็นแบบนี้ทั้งเจ้าและท่านเจ้าเมืองคนใหม่คงจะลำบากไม่น้อยทีเดียว” แม่ผู้ชราของชายหนุ่มกล่าวออกมาสีหน้าแสดงความกังวล “ท่านแม่อย่าได้ห่วง แม้ว่างานจะหนักเพียงใด หากว่าผู้คนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันย่อมผ่านไปได้ เท่าที่ข้ากับท่านเจ้าเมืองได้พูดคุยกับชาวเมืองในวันนี้ทุกคนก็พร้อมยินดีให้ความ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 51

    ตกเย็นภายในวันเดียวกัน เมื่ออันอันได้กลับมาถึงเรือนของอานไท่เด็กหญิงก็รีบก้าวขาสั้น ๆ ของตนไปยังหลังบ้านทันที หนิงอันมองซ้ายแลขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างแต่แล้ว“เด็กน้อยเจ้ามองหาอะไร” กุยเฮยเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “หากุ้งนะสิ ข้ามัวแต่ยุ่ง ๆ เลยลืมของอร่อยไปเลย” อันอันพึมพำโดยไม่ได้สื่อสารทางความคิดออกไป

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status