เรื่องเพลิงไหม้ในวันนั้นไม่สามารถจับมือผู้ใดดมได้ บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องครัวต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเกิดจากอุบัติเหตุ ดูเหมือนคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋ประสงค์ดีอยากช่วยแบ่งเบา จึงขันอาสาจัดแจงของว่างอยู่ในครัว คาดไม่ถึงว่าคุณหนูทั้งสองไม่มีผู้ใดชำนาญการทำอาหารสักนาง เพียงหยิบโน่นจับนี่ทุกอย่างก็แทบวอดวาย โดยเฉพาะคุณหนูหลานซิน นางไม่สันทัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้เอาเสียเลย ทว่าอุตริอยากออกหน้าเพียงเพราะเห็นคุณหนูจื่ออี๋เข้ามาก็เพียงเท่านั้น
อุบัติเหตุจึงบังเกิดขึ้นไม่ทันตั้งตัว เมื่อคุณหนูหลานซินและคุณหนูจื่ออี๋แย่งน้ำมันกัน ทำให้ของเหลวหกเลอะพื้น บ่าวรับใช้ที่อยู่ในนั้นไม่กี่คนต่างตกใจจนหน้าถอดสี บางคนปลีกตัวออกมาเพื่อไปรายงานผู้เป็นนายยังห้องโถงใหญ่ ทว่าบางคนออกหาอุปกรณ์เพื่อทำความสะอาด ผู้ใดจะทันคาดคิด เมื่อหวนมายังห้องครัว เปลวเพลิงกลับลุกลามไปทั่วทั้งห้องจนเกินเยียวยาเสียแล้ว ซ้ำร้ายคุณหนูทั้งสองยังติดอยู่ด้านในอีกด้วย
คำให้การของบ่าวรับใช้ทั้งจวนล้วนเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้โม่จ้าวหยวนไม่อาจปรักปรำผู้อื่นส่งเดช ทุกอย่างกระจ่างชัด คำตัดสินถูกปัดให้กลายเป็นอุบัติเหตุอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าโม่จ้าวหยวนไม่อาจแสร้งหลับหูหลับตา เขาไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าคุณหนูหลานซินเป็นเพียงผู้ประสบเหตุร่วมด้วยเท่านั้น
"คุณหนูท่านเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ" ถิงถิงเอ่ยหน้าตื่นเมื่อพบว่าหลี่หลานซินนอนไม่กระดิกตัวเลยสักนิด
จู่ ๆ ขาเรียวพลันวาดโค้งกลางอากาศ หลี่หลานซินลุกพรวดขึ้นนั่ง พลางสะบัดศีรษะไปมา นางกวาดสายตามองโดยรอบแล้วจึงพ่นลมหายใจอ่อน ใบหน้างามห่อเหี่ยวสิ้นหวัง
"ไม่ได้ฝันสินะ"
ถิงถิงเบิกตากว้าง "คุณหนู ทำอะไรเจ้าคะ ไฉนเป็นสาวเป็นนางจึงกางแขนกางขาเช่นนั้นเล่า แล้วนี่ท่านหายดีแล้วหรือ"
หลี่หลานซินยู่หน้า ร่างบอบบางทิ้งกายลงบนฟูกนอนราวหมดอาลัยตายอยาก นัยน์ตาจ้องมองเพดานเลื่อนลอย กล่าวเสียงเนิบนาบ "ถิงถิง ข้าไม่เป็นไร แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณหนูจื่ออี๋เป็นอย่างไรบ้าง"
"ตอนนี้คุณหนูจื่ออี๋ไม่เป็นไรแล้วเจ้าค่ะ เห็นว่าคุณชายโม่ถึงกับไปขอโทษนางด้วยตนเองถึงจวน ทว่าจวนเรากลับ..." กล่าวถึงตรงนี้ก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ปากหนักประดุจถูกก้อนหินถ่วงดุล
"เอาล่ะ เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ข้ารู้น่า" หลี่หลานซินพลิกกายมองบ่าวของตน นางยิ้มแฉ่งราวไม่รู้สึกรู้สาใด "ไม่เห็นเป็นไรเลย เขาสองคนคู่กันอยู่แล้ว ข้าว่ามีชีวิตให้สนุกไปวัน ๆ ดีกว่าเป็นไหน ๆ"
"หา..." ถิงถิงงงงัน
โดยปกติหากหลี่หลานซินทราบว่าคุณชายโม่ให้ความสำคัญกับคุณหนูจูจื่ออี๋มากกว่า ป่านฉะนี้นางต้องอาละวาดเสียจนบ้านแตก แม้แต่เสาสักต้น คงเรียกว่าพังครืนไม่เหลือหลอ ทว่าหลังจากเรื่องไฟไหม้เมื่อวันก่อน กลับทำให้หลี่หลานซินนิสัยพลิกกลับจากหลังมือเป็นหน้ามืออย่างน่าเหลือเชื่อ
"เจ้าทำหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร"
"เอ่อ...ปะเปล่าเจ้าค่ะ แล้วคุณหนูไม่ชอบคุณชายโม่แล้วหรือเจ้าคะ" ถิงถิงกะพริบดวงตาถี่ นิ้วมือหมุนวนขึ้นลงด้วยความประหม่า หากอยู่ ๆ กล่าววาจาไม่รื่นหูหลี่หลานซินขึ้นมา นางคงถูกตวาดเสียจนหัวหดแน่ หรือไม่ก็อาจได้แผลแตกยับบนหน้าผากสักสองสามรอย จากการขว้างปาข้าวของเพื่อระบายอารมณ์
หลี่หลานซินงุนงง นางครุ่นคิดชั่วครู่แล้วจึงเข้าใจ "อ้อ...ข้าว่านะคุณชายโม่ไม่เห็นมีอะไรดี นอกจากหน้าตา อย่างอื่นก็แย่ทีเดียว กว่าจะเป็นคนดีคงต้องให้ฮูหยินเขาดัดนิสัย"
ถิงถิงช้อนดวงตาขึ้น สีหน้าประดับไปด้วยคำถาม "ทำไมหรือเจ้าคะ อีกอย่างคุณชายโม่ยังไม่แต่งงาน จะมีฮูหยินได้อย่างไรหรือ"
หลี่หลานซินซู้ดปาก พลางยกมือขึ้นราวทำท่าขบคิด นางกวักมือเรียกถิงถิงหย็อย ๆ ถิงถิงจึงสาวเท้าไปเบื้องหน้าเนิบนาบ แขนขาสั่นเทาด้วยอาการประหวั่น
"ไอหยา ถิงถิง ชักช้าลีลา"
ท่วงท่ายืดยาดไม่ได้ดั่งใจนัก หลี่หลานซินจึงเอื้อมคว้าข้อมือของอีกฝ่าย ออกแรงลากสตรีตัวเล็กทันควัน ถิงถิงนั่งแหมะลงบนเตียงเดียวกันกับผู้เป็นนายเดี๋ยวนั้น นางถึงกับตกใจดีดกายผึงประดุจตุ๊กตาจักรกล
"คะ...คุณหนู ขออภัยเจ้าค่ะ"
"ขออภัยอะไรเล่า เจ้ามานั่งตรงนี้ ข้าจะเล่าอะไรให้ฟัง" หลี่หลานซินตบมือลงบนฟูกข้างตนเปาะแปะ
"แต่..." ถิงถิงทำท่าทีอึกอัก
หลี่หลานซินเห็นอาการลังเลชวนอึดอัดก็พลอยเสียอารมณ์ ไม้อ่อนไม่ได้ผลเช่นนั้นต้องเจอไม้แข็ง หลี่หลานซินตัดสินใจถลึงดวงตาเพื่อข่มขู่สาวรับใช้ของตนเสียเลย ผู้ใดใช้ให้เกรงกลัวนางกันเล่า
ปั๊ดโธ่เอ๊ย หลี่หลานซินเจ้านี่ช่างเป็นสตรีน่ากลัวโดยแท้เชียว
"หยวนเอ๋อร์ วันนี้เจ้าทั้งสองไม่ต้องไปช่วยงานหรอกนะ" ฮูหยินโม่กล่าวขณะกำลังคีบอาหารส่งให้บุตรชายและหลี่หลานซินโม่จ้าวหยวนงุนงง "ทำไมเล่าขอรับ"หลี่หลานซินก็อยากรู้เช่นกัน ตะเกียบซึ่งกำลังส่งเข้าปากจึงหยุดชะงักลง เจ้าของใบหน้าสะสวยตามวัยแย้มยิ้ม กวาดสายตามองทั้งสอง "พวกเจ้าแต่งงานกันมากี่เดือนแล้ว"โม่จ้าวหยวน "ท่านแม่ นี่ท่านจำไม่ได้เชียวหรือขอรับ น่าจะหกเดือนแล้วกระมัง""นั่นปะไร ตั้งหกเดือน เรื่องที่แม่และพ่อของเจ้าขอเอาไว้ เมื่อใดกันเล่า"โม่จ้าวหยวนและหลี่หลานซินเหลียวมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างขมวดคิ้วด้วยความงุนงง "เรื่องใดหรือขอรับ""นี่น่ะ เจ้าทั้งสองมัวแต่ยุ่งกับงานที่บ้าน แทบไม่ได้พักผ่อน ร่างกายเลยไม่แข็งแรง เช่นนั้นก็หยุดหลาย ๆ วัน แม่ซื้อบ้านและที่ดินใกล้ธารน้ำตกเอาไว้ เจ้าพาน้องไปเที่ยวด้วยกันเถิด"โม่จ้าวหยวนคลี่ยิ้ม หลี่หลานซินก็เช่นกัน "โธ่ ท่านแม่ ข้าก็คิดว่าเรื่องใด ไปเที่ยวหรอกหรือ แต่ตอนนี้ที่ร้านยุ่งนัก""ยุ่งแล้วอย่างไร ตั้งแต่มีเมียก็กลายเป็นคนขยันขันแข็งเลยหรือ" เสียงทุ้มโพล่งตัดบท&
หลี่หลานซินสังเกตเห็นสีหน้าสตรีฝั่งตรงข้ามเศร้าหมองลง จึงทราบได้ทันทีว่าเปาลี่หม่านรู้สึกเช่นไร"ลี่หม่าน""...""ลี่หมาน""จะ...เจ้าคะ" เปาลี่หม่านสะดุ้งโหยง"เด็กในท้องของเจ้า วางแผนอนาคตเขาไว้เช่นไรหรือ" หลี่หลานซินเอ่ยถามเปาลี่หม่านส่ายศีรษะ "ข้าเองก็ยังไม่รู้เช่นเดียวกันเจ้าค่ะ""เช่นนั้นเอาอย่างนี้หรือไม่ ข้ายินดีรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม และส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ" หลี่หลานซินเอ่ยจบจึงเหลียวมองโม่จ้าวหยวน "ดีหรือไม่เจ้าคะท่านพี่"โม่จ้าวหยวนมิได้คัดค้าน เขายิ้มตอบ "ดีจ๊ะ"ฮูหยินบอกซ้ายสามีเช่นเขาก็ต้องไปทางซ้าย จะหักหลบเลี้ยวผิดทางได้เช่นไร มีหวังแม่แมวน้อยได้อาละวาดบ้านแตกเป็นแน่แล้วทว่าเปาลี่หม่านกลับลุกพรวดขึ้น นางยอบกายลงคุกเข่าทันควัน อาการบาดเจ็บที่มีมลายหายไปสิ้น "ฮูหยินน้อย คุณชายโม่ ข้ารู้สึกละอายยิ่งนักที่คิดทำลายความรักของท่านทั้งสอง ข้าจะมีหน้าให้บุตรของตนสร้างความลำบากแก่พวกท่านอีกได้อย่างไร"หลี่หลานซินดีดกายยืนขึ้น นางรีบสาวเท้าตรงไปยังสตรีที่โขกศีรษะบนพื้นด้วยความเร่งร้อน พลางโอบประค
ยามเช้าวันรุ่งขึ้นเปาลี่หม่านไปพบโม่จ้าวหยวนที่จวนสกุลโม่จริงดังที่รับปากเจียฮ่าวซึ่งรอนางอยู่ก่อนแล้วจึงพานางตรงไปยังจวนสกุลหลี่ตามที่นายของตนฝากฝังเอาไว้ณ จวนสกุลหลี่"คุณชายโม่ ฮูหยินน้อยโม่ เถ้าแก่หลี่"เปาลี่หม่านค้อมศรีษะลงเพื่อเป็นการทักทายหลี่หลานซินเอ่ย "เจ้านั่งลงเถิด กำลังท้องกำลังไส้ เดินเหินต้องระวังหน่อยเล่า"เปาลี่หม่านได้ยินวาจาเป็นห่วงเป็นใยจากปากของหลี่หลานซิน ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีพลันย้อนขึ้นเสียจนจุกอก ริมฝีปากพลอยหนักอึ้งราวถูกถ่วงดุล "ขะ...ขอบคุณท่าน ฮูหยินน้อยโม่"ท่อนขาเรียวก้าวย่างกะโผลกกะเผลกไปยังเก้าอี้หลี่หลานซินนิ่วหน้า "ลี่หม่าน ขาเจ้า..."เปาลี่หม่านชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวหน้ามองหลี่หลานซิน ใบหน้างดงามระบายรอยยิ้มอ่อน "ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ"เท้าอันบาดเจ็บค่อย ๆ ออกเดินต่อหลี่หลานซินรู้สึกเวทนานางนัก จึงพยักหน้าให้ถิงถิงช่วยพยุงอีกฝ่ายจนถึงที่หมาย ทุกคนล้วนจับจ้องเปาลี่หม่านเป็นตาเดียวทำให้นางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"คุณชายโม่ ฮูหยินน
เวลาล่วงเลยจนถึงยามโฉ่ว [1] มีเพียงความเงียบสงบท่ามกลางราตรีกาลอันหนาวเหน็บคอยปลอบประโลม หลี่หลานซินรู้สึกอ่อนเพลียจนม่อยหลับไปเมื่อใดก็สุดจะรู้ผ่านไปราวครึ่งชั่วยามหลี่หลานซินพลันสะดุ้งตื่น นางดีดกายลุกขึ้นทันควันนัยน์ตาคู่งามลอบมองผ่านช่องบานประตู กวาดสายตาเหลือบซ้ายแลขวาทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่าหลี่หลานซินยิ้มเยาะ "เหอะ! นี่หรือที่บอกจะไม่ยอมจากไป คำพูดของบุรุษเชื่อถือไม่ได้เลยสินะ"หลี่หลานซินตัดสินใจเปิดประตูเพื่อมองดูว่าอีกฝ่ายกลับไปแล้วจริงหรือไม่ ขาเรียวสาวเท้าออกมาด้านนอก สอดส่ายสายตามองผ่านความมืดมิด แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวังระคนน้อยใจ พลันรู้สึกว่าตนเองช่างงี่เง่านัก บนโลกใบนี้จะมีผู้ใดโง่งมไปกว่านางอีกกันเล่า วาจาบุรุษดั่งผายลม ยังกล้าเชื่อถือคนลิ้นสองแฉกหลี่หลานซินหมุนกายเตรียมย้อนกลับไปด้านใน จังหวะนั้นเองนางจึงพบอีกฝ่ายยืนตัวสูงโปร่งอยู่ขนาบข้าง ในมือถือดอกไม้ช่อหนึ่ง เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคลี่ยิ้มพราย"ยังไม่นอนอีกหรือ""ทะ...ท่
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "ท่านแม่ นี่ท่านใจเย็นได้อีกหรือขอรับ ลูกสะใภ้สุดหวงของท่านหายไป ท่านไม่ร้อนใจ แต่ข้าร้อนใจนะขอรับ"ฮูหยินโม่ระบายรอยยิ้มบาง "เจ้านี่นา เหมือนพ่อไม่มีผิด นางขออนุญาตกลับไปเยี่ยมบ้านเท่านั้นเอง""กลับไปเยี่ยมบ้าน ไปโดยไม่มีข้าได้อย่างไร""แล้วเจ้าก่อเรื่องใดไว้ เป็นลูกผู้ชายเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้เอาเอง เอาล่ะ แม่ว่าเจ้าปล่อยให้นางสงบใจก่อนเถิด เจ้าเองคงเหนื่อยมาทั้งวัน ดูเอาเถิดไปมีเรื่องกับใครมาเล่า ไฉนเนื้อตัวมอมแมมเพียงนี้" ผู้เป็นมารดาจับใบหน้าบุตรชาย กวาดมองเรือนกายกำยำซึ่งสูงกว่าตนมากโขด้วยสีหน้าเป็นห่วง"ท่านแม่ ข้าไม่เป็นไรขอรับ ข้าจะไปตามหลานซิน""ดึกแล้ว นางคงนอนไปแล้วกระมัง อย่าใจร้อน วันพรุ่งไปก็ยังไม่สาย""แต่สำหรับข้าแค่ไม่กี่ชั่วยามก็สายแล้วขอรับ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้" โม่จ้าวหยวนเบนหน้ามองเจียฮ่าว "เจียฮ่าว คืนนี้เจ้าไม่ต้องตามข้าไป พรุ่งนี้สตรีนางนั้นจะมาพบข้า หากมาแล้วให้เจ้าพานางไปที่จวนสกุลหลี่""ขอรับ"กล่าวจบโม่จ้าวหยวนจึงผละกาย กระโดดขึ้นหลังม้าอย่างร้อนรนพลางควบออกไปราวพายุหอบหนึ่ง ผู้เป็นมารด
โม่จ้าวหยวนโยนถุงเงินให้นาง พลันหมุนกายกระโดดขึ้นหลังอาชาด้วยความชำนาญ"บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหน""อยู่ไม่ไกลนักเจ้าค่ะ""ดี! เช่นนั้นคงกลับเองได้กระมัง"นางพยักหน้าหงึกหงัก "ขะ...ข้าไม่รบกวนคุณชายแล้วเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก วันพรุ่งข้าจะรีบไปที่จวนตระกูลโม่เพื่ออธิบายต่อฮูหยินของท่าน""แน่นอนว่าหากเจ้าไม่ไป ข้าจะตามมาลากคอของเจ้า ไม่ว่าเจ้าหนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าก็จะพลิกแผ่นดินหาเจ้าให้เจอ หรือหากเจ้ากล้าชิงหนีลงปรโลกข้าก็จะลงไปกระชากวิญญาณของเจ้ากลับมาอธิบายกับนางให้ได้"เปาลี่หม่านพยักหน้าระรัว นางหวาดหวั่นจนต้องหลบดวงตาของเขา ยิ่งเกรงกลัวเท่าใด วาจาที่เปล่งออกมาก็ยิ่งติดขัดมากขึ้นเท่านั้น"ขะ...ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ วันพรุ่งท่านจะเห็นข้าอย่างแน่นอน""หึ!"โม่จ้าวหยวนแค่นยิ้มชายหนุ่มควบม้าจากไปเดี๋ยวนั้น เปาลี่หม่านค่อย ๆ ประคองกายตนลุกขึ้น เท้าของนางได้รับบาดเจ็บ ร่างบางพยายามหอบสังขารกะโผลกกะเผลกเดินไปอีกด้านด้วยใบหน้าเปื้อนคราบฝุ่นปนรอยน้ำตาโชคดียิ่งที่จวนของนางอยู่ไม่ไกลมาก